คุณต่างหากที่คิดแบบมักง่าย แค่เพื่อป้องกันการที่ตัวเองจะถูกล่อลวงจึงสนับสนุนวิธีการป้องกันแบบง่าย ๆ อย่างการแอบสืบข้อมูลบัตรประชาชนโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม โดยที่ไม่คิดถึงผลกระทบของการเลือกปฏิบัติจากการมีคำนำหน้าไม่ตรงเพศสภาพ

การที่คุณเกิดความสงสัยต่อเพศของคนรัก แล้วแอบไปสืบข้อมูลส่วนตัวแทนที่ตะถามตรง ๆ หรือพาไปตรวจสอบด้วยวิธีอื่นเพื่อยืนยัน ไม่คิดว่าเป็นวิธีการที่ขี้ขลาดเพราะไม่อยากเสี่ยงให้คนรักไม่พอใจที่รู้ว่าคุณสงสัยหรอ? และยืนยันว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด แม้จะต้องปล่อยให้เพศทางเลือกถูกเลือกปฏิบัติจากกรณีคำนำหน้าชื่อไม่ตรงกับเพศสภาพ?  

อย่าคิดมักง่ายแบบนี้ครับ คิดถึงสังคมหลักความเป็นจริง คนเราไม่ได้เจอ วันนี้ พรุ่งนี้แต่งงาน
บางคน ครบกัน 4-5 ปี กว่าจะได้แต่ง คิดมักง่ายไปครับ ที่ว่า แต่งไปมารู้แล้วฟ้อง แต่ไม่คิดถึง ว่า 4-5 ปี ที่เค้า เสียเวลาไป หรืออาจมีโอกาสได้เจอคนที่ตรงคนที่ใช่ นั้นเรียกคืน ไม่ได้

อันนี้เอาประสบการจริง ผมเคยชอบผู้หญิงอยู่ 1 คน แต่ มีหลายคนบอกว่าเหมือนสาวสอง หรือไม่ใช่หญิงแท้ ทำให้ตอนจีบผม ลังเลพอสมควร คุณเชื่อเปล่า ผมต้องไปหาทาง ค้นดูบัตรประชาชน ที่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะยืนยันได้ว่า เค้าคือผู้หญิง จริง แล้วนี้ถ้าเรา ไม่มีบัตรหรืออะไรง่ายๆ พวกนี้ไว้เป็นเครื่องช่วยยืนยันแล้ว ว่า ใครผู้หญิงแท้หรือเทียม ต้องได้จากการพาไปตรวจเท่านั้น ไม่อยากคิดถึงความวุ่นวายในอนาคตเลย


แล้วนี้อีกประสบการณ์ พวกแอ๊บหาคู่ครับ บ่องตรงๆ เสียเวลาชิบหาย จะมีสาวสอง มาแอ๊บเป็นหญิง เยอะมาก บางคนกว่าจะรู้ว่าเป็นสาวสอง แทนที่จะประกาสตัวเลยคือสาวสอง นะ เผื่อใครรับได้ ก้ จีบไป ขอชมคนที่ ประกาศตัวเองว่าคือสาวสอง ทำให้ คนหาคู่หลายคน รู้แต่แรก ไม่ต้องเสียเวลา คุยอยู่ ซึ่งมีเยอะมาก
ผมเชื่อว่า หลายคนเคยเจอแบบผม
 

เหตุผลในการแยกชาย-หญิงหลักๆ มันเป็นเรื่องความแตกต่างทางร่างกายอ่ะฮะ ระบุเพื่อแยกไปว่าใครมีสภาพร่างกายแบบชายหรือแบบหญิง คำนำหน้าก็มีเพื่อการนี้
ผมตัดไอ้อันอื่นไปนะ พวก ดร. รตอ. มรว. ผศ. อะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องอื่นแล้วไม่เกี่ยวกับเพศ เพราะประเด็นที่คนมีปัญหากันมันคือ นาย นางสาว (ซึ่งอันนี้ผมไม่เห็นด้วยเช่นกันว่าทำไมผู้หญิงแต่งงานแล้วต้องกลายเป็น นาง)

ทำไมถึงไม่อยากให้เปลี่ยน
เพราะมันคือการแสดงเพศโดยกำเนิดของแต่ละคนอ่ะครับ มันคือการบอกว่าคุณเกิดมามีร่างกายแบบไหน ซึ่งผมมองว่านี่เป็นฮาร์ดเเวร์/เป็นรูปธรรม ในขณะที่เพศสภาพมันเป็นเรื่องของจิตใจมันคือซอฟท์แวร์/นามธรรม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเหตุผลในการใช้คำนำหน้าที่ระบุเพศกำเนิด ที่เอาไว้แยกคนที่มีร่างกายแบบชายกับหญิงออกจากกัน ซึ่งมีผลกับส่วนร่วมบางประการ บางอย่างก็เพื่อปกป้องสิทธิที่เกิดขึ้นจากข้อจำกัดของแต่ละเพศ
คือต่อให้คุณมีซอฟท์แวร์หญิงแต่ถ้าฮาร์ดแวร์แบบชายยังไงคุณก็มีมัดกล้ามแบบชาย มีข้อได้เปรียบเรื่องพละกำลังกว่า
ถ้าคุณมีฮาร์ดแวร์หญิงไม่ว่าซอฟท์แวร์คุณจะเป็นชาย ยังไงคุณก็มีมดลูก มีประจำเดือน

ส่วนที่คนพูดถึงกันมากๆก็คือกลัวผู้ชายแต่งงานไปแล้วเจอสาวสองที่แปลงมา อันนี้เหตุผลง่ายที่สุดที่ไม่ต้องไปไกลถึงเรื่องมีลูกไม่ได้หรืออะไรเลย มันง่ายๆ แค่ความสัมพันธ์ที่ดีมันไม่ควรอยู่บนพื้นฐานของการหลอกลวงอ่ะครับ แค่นี้เลย

และอันนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า เพศที่สามจะเสียอะไรเหรอครับถ้าไม่ได้เปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนส. ถ้าสมมติพรบ.สมรสเท่าเทียมผ่านแล้วอ่ะ  

ขออภัยที่ เล่าผิดไปหน่อย ไม่ได้แอบสืบครับ ขออภัยที่เล่าผิดแบบลวกๆ จริงผมขออนุญาต เค้าดูครับ
มันมีเหตุการณื ที่ผมกับเค้าไปลงทะเบียน ร่วมกิจกรรมด้วยกัน มีจังหวะนึงต้องใช้บัตรประชาชน ผมทำแอ๊บเนียน ว่าไหนขอดูหน่อยยยยย แลกกันดู อะไรแบบนี้ ผมได้รับการให้ดูจากเค้าอยากถูกต้องครับ แต่ยอมรับว่า เจตนาที่ขอดู เพียงเพราะแค่อยากเห็นคำนำหน้าชื่อ

เอาเป็นว่า ผมไม่ได้ไปแอบบค้นโดยที่เค้าไม่รู้ แต่เป็นการขอซึ่งๆน้า เท่านี้ จบมั๊ยครับ

แต่ความมักง่ายคุณจบยังครับ ที่หลายคนต้องเสียเวลา หลายปี แล้วพึ่งมารู้แล้วตามคืนไม่ได้
สังคมนี้มันจะมีซักกี่คู่วะครับ คบกัน 1 เดือนพาไปตรวจเลือดตรวจร่างกาย

ขนาดยังไม่มีการเปลี่ยนคำหน้า ยังมีหลอกกันเยอะ ยกตัวอย่างได้จากแอพ มีจะขนาดไหน
และสุดท้าย ความ ตอบแบบมักง่ายของคุณ บางคนศึกษากันตั้งนานกว่าจะได้เป็นแฟน ช่วยตอบตรงนี้ ทีเวลาที่เสียไป ที่เราควรจะมีโอกส ไปเจอคนที่ตรงสเปคจริงๆ เรียกคืนยังไง รู้ตอนแต่ง ยังเรียกค่าเสียหายได้ หรู้ก่อนแต่ง เรียกอะไรไม่ได้ตามกฏหมาย ไม่ได้อะไรซักอย่าง เสียเวลา ชิบ  

การที่คุณเอาคำนำหน้าชื่อที่บ่งบอกเพศกำเนิด ไปรวมกับ ดร ยศทหาร ตำรวจ หรือเจ้าทั้งหลาย
เม่งคือคนละเรื่องเลยนะครับ ก็แค่ถ้าจะเปลี่ยนคำนำหน้าได้ ต้องมีเพศกำเนิดมาระบุแทนแค่นี้เข้าใจยากตรงไหน

การยกกรณีอื่นๆมายกเป็นข้อโต้แย้งมันทำให้คุยกันไม่จบครับ ตรรกะมันพังไปหมด
ถ้าเกิด A จะมีปัญหา X คนอื่นเขาเลยไม่อยากให้มี A เกิดขึ้น
แต่ท่านมาบอกว่า B C D ก็ทำให้มีปัญหา X เหมือนกันดังนั้นมี A ก็ได้ไม่เป็นไร

เห็นไหมว่าท่านกำลังเพิ่มสาเหตุของปัญหา และโยนความผิดไปให้เหยื่อที่โง่เอง
ซึ่งเม่งเป็นตรรกะที่พังชิบหายของไอ้พวกผู้มีอำนาจของประเทศเราเลยนะครับ

 

คุณต่างหากที่คิดแบบมักง่าย แค่เพื่อป้องกันการที่ตัวเองจะถูกล่อลวงจึงสนับสนุนวิธีการป้องกันแบบง่าย ๆ อย่างการแอบสืบข้อมูลบัตรประชาชนโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม โดยที่ไม่คิดถึงผลกระทบของการเลือกปฏิบัติจากการมีคำนำหน้าไม่ตรงเพศสภาพ

การที่คุณเกิดความสงสัยต่อเพศของคนรัก แล้วแอบไปสืบข้อมูลส่วนตัวแทนที่ตะถามตรง ๆ หรือพาไปตรวจสอบด้วยวิธีอื่นเพื่อยืนยัน ไม่คิดว่าเป็นวิธีการที่ขี้ขลาดเพราะไม่อยากเสี่ยงให้คนรักไม่พอใจที่รู้ว่าคุณสงสัยหรอ? และยืนยันว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด แม้จะต้องปล่อยให้เพศทางเลือกถูกเลือกปฏิบัติจากกรณีคำนำหน้าชื่อไม่ตรงกับเพศสภาพ?  

แล้วว่าที่ร้อยตรีที่มีรูปหน้าบัตรเป็นผู้หญิง จะรู้ได้ไงว่าไม่ใช่หญิงข้ามเพศ เคยเห็นคำนำหน้าแบบ รตอ. นาย ตะเพิด ไหมครับ?

ผมก็ให้ข้อมูลอยู่ว่าคำนำหน้ามันไม่ได้ใช้เพื่อระบุเพศโดยตรว มันใช้เพื่อระบุสถานภาพหรือยศ ถ้าคิดว่าข้อมูลผิดก็ลองไปหาเพิ่มเติมดูครัย

ถามว่าเพศทางเลือกจะเสียอะไร?
ฝากเพื่อสมาชิกแปะลิ้งค์ด้านล่างหน่อยนะครับ


ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าไม่อยากให้เปลี่ยนเพราะแค่กลัวผลกระทบต่อตัวเอง แต่นี้ดูเหมือนจะไม่ได้เคยลองไปฟังหรือทำความเข้าใจผลกระทบต่อการเลือกปฏิบัติทางเพศที่คนเหล่านี้ต้องเจอเลยด้วยซ้ำมั้ง

ทำไมถึงคิดว่าการแค่มีคำนำหน้าชื่อตามเพศกำเนิดมันจะป้องกันการล่อลวงได้ มันมี case study ที่คนรอดจากการล่อลวงเพราะคำนำหน้าในบัตรประชาชนหรอ? ลองหาข้อมูลมาหน่อย ประเทศที่มี legal change for transgender นี้มีปัญหาเรื่องการล่อลวงเรื่องเพศสภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญไหมครับ? มีกรณีที่คนข้ามเพศหลุดมาลงแข่งกีฬาได้แค่เพราะตรวจคำนำหน้าอย่างเดียวไหม?

ตลกมากเลยนะ ไอ้ปัญหาที่ยกตัวอย่างกันมานี้มันมีมาตราการในการป้องกันแค่ใส่คำนำหน้าให้ตรงกับเพศกำเนิดอย่างเดียวหรอ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว?

การเปลี่ยนคำนำหน้านามนี้มันไม่ได้ง่ายเลยนะ ทำไมไม่ลองทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้อยากเปลี่ยนกันแม้จะต้องทำเรื่องยุ่งยากทางราชการ คิดว่าเขาแค่อยากเปลี่ยนเล่น ๆ หรอ?  

ขออภัยที่ เล่าผิดไปหน่อย ไม่ได้แอบสืบครับ ขออภัยที่เล่าผิดแบบลวกๆ จริงผมขออนุญาต เค้าดูครับ
มันมีเหตุการณื ที่ผมกับเค้าไปลงทะเบียน ร่วมกิจกรรมด้วยกัน มีจังหวะนึงต้องใช้บัตรประชาชน ผมทำแอ๊บเนียน ว่าไหนขอดูหน่อยยยยย แลกกันดู อะไรแบบนี้ ผมได้รับการให้ดูจากเค้าอยากถูกต้องครับ แต่ยอมรับว่า เจตนาที่ขอดู เพียงเพราะแค่อยากเห็นคำนำหน้าชื่อ

เอาเป็นว่า ผมไม่ได้ไปแอบบค้นโดยที่เค้าไม่รู้ แต่เป็นการขอซึ่งๆน้า เท่านี้ จบมั๊ยครับ

แต่ความมักง่ายคุณจบยังครับ ที่หลายคนต้องเสียเวลา หลายปี แล้วพึ่งมารู้แล้วตามคืนไม่ได้
สังคมนี้มันจะมีซักกี่คู่วะครับ คบกัน 1 เดือนพาไปตรวจเลือดตรวจร่างกาย

ขนาดยังไม่มีการเปลี่ยนคำหน้า ยังมีหลอกกันเยอะ ยกตัวอย่างได้จากแอพ มีจะขนาดไหน
และสุดท้าย ความ ตอบแบบมักง่ายของคุณ บางคนศึกษากันตั้งนานกว่าจะได้เป็นแฟน ช่วยตอบตรงนี้ ทีเวลาที่เสียไป ที่เราควรจะมีโอกส ไปเจอคนที่ตรงสเปคจริงๆ เรียกคืนยังไง รู้ตอนแต่ง ยังเรียกค่าเสียหายได้ หรู้ก่อนแต่ง เรียกอะไรไม่ได้ตามกฏหมาย ไม่ได้อะไรซักอย่าง เสียเวลา ชิบ