[RE: ทำไมเพศที่ 3 ไม่ควรเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ?]
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
littlel3ear พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
littlel3ear พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
littlel3ear พิมพ์ว่า:
โดยส่วนตัวไม่มีปัญหานะ แต่กำลังสงสัยเรื่องการสืบค้นข้อมูลแหละ
เช่น นายAไปก่อคดีฆาตกรรม แล้วไปเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเปลี่ยนชื่อ แต่งตัวเป็นสาว มันจะสืบเจอไหม
จะมีอะไรบอกไหมว่าคนนี้เคยเป็นชาย หรือต้องสืบค้นประวัติเท่านั้น แล้วระบบราชการไทยมันลิงค์กันรึเปล่า
เช่นนายAไปเช่าห้องไปอยู่หอหญิงจะหลุดจากวงผู้ต้องสงสัยไหม
ในกรณีแบบนี้ การไม่ให้เปลี่ยนคำนำหน้านาม แต่เปลี่ยนชื่อได้ มันมีประโยชน์อะไร?
มันคือแบบนี้ครับ เวลามีผู้เห็นเหตุการณ์ มันไม่ได้เห็นชื่อเนอะ
“ผู้ต้องสงสัยเพชชาย สูงประมาณ170 ผมสั้น”
ฐานข้อมูลก็จะโฟกัสว่า เพชชาย(หายไปครึ่ง) สูง 170 ที่อยู่ในระแวกนั้น
ผมคิดว่าเป็นเรื่องของdatabase ในไทยหลายๆที่มีแค่ นาย/นาง/นางสาว ซึ่งถ้าเพิ่มมันก็มีค่าใช้จ่ายในอัลกอลึทึ่มต่างๆ
บริษัทนึง ฐานข้อมูลเช่น ลูกค้าผู้ชายชอบซื้อสินค้าประเภทนี้กี่โมง คู่กับสิ่งไหน ก็อาจจะเปลี่ยนไป เพราะตัวแปรเยอะขึ้น
แบบฟอร์มต่างๆก็เปลี่ยนไป ฐานข้อมูลเดิมก็ต้องมีคนแก้ไข ไม่งั้นก็จะดราม่า ไม่เคารพสิทธิlgbtqia+
แล้วทำไมถึงต้องลงทุนเพื่อLEBTQIA+ขนาดนั้น
ถ้าเราจะเคารพความเท่าเทียม ทำไม lgbtqia+ที่ใช้นาย ถึงไม่เท่ากับ lgbtqia+ที่ใช้นางสาว ควรจะปลูกฝังให้เท่าเทียมตรงนี้มากกว่า
ถ้าเป็นแบบนั้น ถึงเปลี่ยนคำนำหน้าอื่น ก็ไม่ได้ช่วยอะไรรึเปล่า ยังไงการเหยียดก็เกิดอยู่ดี
เพิ่มเติมจากคำถามนี้
แล้วทำไมเพศที่ 3 จึงไม่ควรเปลี่ยนคำหน้านาม?
เป็นคำถามที่ดี มีเหตุผลอะไรที่เราจะสงวนสิทธิ์ในการขอเปลี่ยนคำหน้าของเพศที่ 3 ให้ตรงตามเพศสภาพหรือความต้องการ
มีใครเลือกคำนำหน้านามได้ด้วยหรอ
ตอนเด็กผมไม่อยากเป็น ด.ช.สมชาย อยากเป็น หนึ่งในทีมแอดเวนเจอร์สมชาย
หรือโตมาไม่อยากเป็นนาย อยากเป็น อัครอภิมหาเศรษฐีนายพลสมชาย งี้ได้ไหม
มันไม่มีใครเลือดได้ทั้งนั้นแต่แรก ไม่ว่า ผช ผญ lgbtqia+ แล้วทำไมถึงแก้เพิ่มให้กลุ่มนึงได้เพราะรู้สึกไม่อยากใช้นาย
แล้วกรณีที่ท่านยกตัวอย่างมามันเกี่ยวข้องกับคำนำหน้ายังไงครับ
ในเมื่อมันเป็นการบอกรูปปะพรรณสันฐานจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้เกี่ยวกับข้อมูลอะไรบน id card ด้วยซ้ำ ผมงง? ถ้าข้อมูลที่ได้คือเพศชาย ก็ต้องมองหาคนรูปลักษณ์เป็นชายอยู่แล้ว ไม่มีการตัดผู้ต้องสงสัยแค่เพราะคำนำหน้าเป็นนางสาว แต่รูปลักษณ์เป็นชายหรอก หรือถ้ามีคนพบเห็น เขาก็ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลักอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปขอตรวจบัตรประชาชน หรือต่อให้เห็นบัตรประชาชนก็จะยึดรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลักอยู่ดี การที่จะทำให้ข้อมูลรูปพรรณสัณฐานคลาดเคลื่อนไปได้คือต้องทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกไปเป็นอีกเพศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศัลยกรรม ไม่ใช่เรื่องของคำนำหน้าบัตร
เป็นคำถามที่ดีครับ แล้วมีเหตุผลอะไรถึงจะไม่ให้เพศที่ 3 ใช้คำนำหน้าตามต้องการ คำว่าตามต้องการนี้หมายความใครอยากใข้อะไรก็เดินไปที่อำเภอเปลี่ยนได้เลยหรอ? การขอเปลี่ยนคำนำหน้านามมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะครับ ต้องติดต่อราชการขอเปลี่ยนเอกสารประจำตัวกี่หน่วยงานให้ตรงกัน บัตรประชาชน, ใบขับขี่, ทะเบียนบ้าน, passport และการออก พรบ.เปลี่ยนคำนไหน้านามยังสามารถวางกฏเกณฑ์ได้หลายแบบ เช่น ต้องมีใบรับรองการทำศัลยกรรมเฉพาะทางการแพทย์ หรือ ใบวินิจฉัย dysphoria จากจิตแพทย์
การจะบอกว่าก็ไม่มีใครเลือกคำนำหน้าตามต้องการได้อยู่แล้ว ผมถามกลับว่าแล้วชีวิตท่านเคยมีปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติจากการมีคำว่านายนำหน้าชื่อไหมครับ? ผมเดาว่าไม่มี แต่เพศทางเลือกเขามีครับ เวลาที่ต้องแสดงข้อมูลในบัตรประชาชนแล้วคำนำหน้าชื่อมันไม่ตรงกับเพศสภาพของเขา ลองหาข้อมูลเรื่องนี้ได้ตาม internet มันเป็นประสบการณ์ร่วมของคนข้ามเพศทั้งหลายที่เจอแทบทุกคน แล้วจะบอกให้คนเหล่านี้อดทนต่อไปเพราะคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน แบบนั้นหรอครับ นี้คือแนวคิดที่ดีในระบอบเสรีนิยมที่ควรปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนหรอ?
ไอ้วิธีคิดแบบคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเช่นกัน ก้มหน้าใช้ชีวิตต่อไปเถอะ มันคือแนวคิดแบบทาสที่ยอมตกอยู่ในระบบอำนาจนิยม ผมแนะนำให้ลองไปหาข้อมูลดูและเปิดใจรับฟังคนที่เขาเรียกร้องให้ดีก่อนว่าเขาอยากเปลี่ยนเพราะอะไร แค่เพราะเขา "อยาก" แค่นั้นหรอ? แล้วไปคิดดูว่ามีเหตุผลอะไรที่ควรสนับสนุนให้รัฐจำกัดสิทธินี้จากเขา
ที่ผมยกตัวอย่าง เพราะบ้านผมทำอาพาร์ทเมนท์ครับ รวมถึงคนที่ปล่อยเช่าคอนโด เวฃารวมรวบข้อมูลผู้เช่า ผมใช้จากสำเนาบัตรปชชนะ เพราะไม่ได้เป็นคนนั่งอยู่ตรงออฟฟิตรับคนเช่าครับ ตอนโควิทก็เช่นกัน ส่งแค่สำเนาบัตรปชช
สำหรับปัญหาในการใช้ชีวิตเรื่องนำหน้าขื่อผมไม่มี เพศทางเลือกมีจริง และที่ผมจะสื่อคือถึงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็มีปัญหาอยู่ดี ต่อให้เปลี่ยนเป็นนางพอคนรู้ความจริงก็มีอยู่ดีไหมครับ มันแค่แก้ปัญหาแบบปกปิดปัญหาอะเรื่องคำนำหน้าชื่อ
เรื่องคิดแบบคนไม่มีสิทธิเลือก อันนี้ไม่ใช้และ เพราะถ้าทางเลือกที่3มีสิทธิเลือกเพศที่1และ2ก็มีสิทธิเลือกนะ ถามว่ากระทบอะไรก็ที่ผมยกตัวอย่างไป ผมและคนอื่นๆต้องเพิ่มเงินเพื่อแก้ปัญหา รวมถึงภาษีต่างๆ เพื่อปกปิดคำนำหน้าชื่อที่มองเห็นว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เอาเงินไปทำกิจกรรมรณรงค์ปลูกฝังไม่ดีกว่าหรือ ซึ่งจะทำจริงหรือไม่ทำตามสิทธิส่วนรวมก็ควรเคารพเสียงส่วนใหญ่ด้วย ไม่ใช่เสียงเฉพาะกลุ่ม
ระบอบเสรีประชาธิปไตยมันไม่ใช่แค่เรื่องมติเสียงส่วนใหญ่ครับ มันต้องปกป้องสิทธิของเสียงส่วนน้อยด้วย และผมยังไม่เห็นเหตุผลที่ดีพอมนการจะไปจำกัดสิทธิในการเปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับเพศสภาพ
ถามว่าเพศที่สามมีสิทธิ์เลือกแล้วเพศที่ 1 ที่ 2 มีไหม ถ้าแก้กฏหมายแล้วมันก็ต้องมีครับ มันจะเขียนแค่ให้เพศที่สามเปลี่ยนไม่ได้ ไม่งั้นมันก็เป็นการ discrimination ในมุมกลับ อย่างอเมริกาเพิ่งผ่านกฏหมายก็ให้เลือกไปเลยว่าอยากใช้อะไรระหว่าง M, F หรือ X บน passport โดยไม่ต้องตรงกับ birth certificate ก็ได้ หลังจากก่อนหน้านี้ให้คนข้ามเพศใช้ M หรือ F ให้ตรงกับเพศสภาพได้
ซึ่งจะร่าง พรบ. เราสามารถกำหนดให้มันมีเงื่อนไขได้ครับ เช่น ต้องมีใบรับรองแพทย์หรือจิตแพทย์ว่าเป็น dysphoria หรือมีการศัลยกรรมแปลงเพศหรือปรับระดับฮอร์โมนจนใกล้เคียงเพศอื่น ถ้าเพศที่ 1 หรือ 2 อยากจะเปลี่ยนก็ได้ครับ ถ้ามันเข้าเงื่อนไข เพราะจุดประสงค์มันคือการให้ใช้คำนำหน้าตรงกับเพศสภาพเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติ
ส่วนเรื่องแก้ปัญหาได้จริงไหม อันนี้ก็เป็นคำถามที่ดีครับ ผมก็ไม่คิดว่าการแก้กฏหมายจะแก้ปัญหาการเหยียดเพศได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับทัศนคติ แต่มันช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่งเมื่อจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลบนบัตรประชาชน ถามว่ารณรงค์เรื่องการยอมรับทางเพศดีกว่าไหม ผมถามกลับว่าแล้วทำไมจะทำพร้อมกันไม่ได้ถ้ามันจะช่วยยกระดับกฏหมายเราให้มีคุณค่าเรื่องสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น และก้าวทัดเทียมกับประชาคมโลกที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ การมีชื่อเสียงด้านการเปิดกว้างทางเพศจะส่งผลทางอ้อมต่อธุรกิจท่องเที่ยวและชื่อเสียงประเทศด้วยซ้ำ มันมีกรณีกระเทยเวียดนามต้องบินมาแปลงเพศที่ไทย แต่กระเทยไทยกลับต้องไปของ citizenship ของออสเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่อง title name
เรื่องค่าใช้จ่ายในการรณรงค์แก้ปัญหาระยะยาวมันมากกว่าการป้องกันปัญหาระยะสั้นครับ แค่มันแลกมาด้วยการแก้ปัญหาแบบนั่งยืน ผมถามว่ามาเสียดายภาษากับเรื่องการร่าง พรบ. ซึ่งใช้เงินไม่กี่หมื่นบาทหรอกในการนำเดินการค่าเบี้ยประชุมกรรมาธิการแต่ละครั้ง แต่เงินภาษีที่ใช้ไปกับแคมเปญรัฐที่เกี่ยวกับการรณรงค์เรื่องเพศมันโครงการละกี่แสนกี่ล้าน แล้วมีการประเมินประสิทธิภาพประสิทธิผลของโครงการไหม
ส่วนปัญหาที่ท่านหรือหลายคนในนี้ list ขึ้นมามันเป็นกรณีเฉพาะมาก ๆ เมื่อเทียบกับน้ำหนักของประสบการณ์ร่วมของคนข้ามเพศที่ต้องถูกเลือกปฏิบัติในการตรวจสอบข้อมูลเป็นพิเศษเมื่อรูปลักษณ์เพศสภาพไม่ตรงกับคำนำหน้าบนบัตรประชาชน ซึ่งจริง ๆ พวกท่านไม่จำเป็นต้องไปคิดเอาเองว่ามันจะเกิดนู้นนี้ครับ มันมีประเทศที่เขาอนุญาตให้เปลี่ยนได้แล้วเกือบ 80 ประเทศทั่วโลก ท่านไปหาดูข้อมูลจากประเทศเหล่านั้นได้ว่าเปลี่บนแล้วมันมีผลกระทบอะไรในเชิงลบบ้างเพื่อชั่งน้ำหนัก ไม่ใช่มาคิดเอาเองจากอคิติหมู่มาก
สำหรับปัญหาที่หลายคนในนี้ลิสมาบางอันผมก็ไม่เห็นด้วยครับ แต่อย่าลืมว่าเกือบ80ประเทศทั่วโลกใช่ว่าจะเอามาอ้างอิงกับประเทศเราได้ ด้วยทัศนคติ กฎหมาย ที่แตกต่างกัน เสื้อผ้าคนอื่นใช่ว่าเราจะสวมพอดี
ผมติดอยู่ประเด็นเดียว คือค่าใช้จ่าย มันไม่ใช่หลักหมื่นแน่ๆครับด้วยระบบราชการไทยในปัจจุบัน
ถ้าคิดว่าร่างพรบแล้วจบคือตื้นมากๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือtaskที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปริมาณมหาสาร
เปลี่ยนคำนำหน้า แก้ไขแบบฟอร์มเอกสาร ทำใหม่จากแบบเดิมที่มีอยู่ทั้งหมดที่ปริ้นมาวางไว้คือทิ้งหมด เพราะมีแค่นาย นาง นางสาว
จัดทำเอกสารใหม่ เอกสารขอเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ จัดฝึกอมรมนายทะเบียนทุกภาคส่วน
แก้ไขฐานข้อมูลในระบบ ให้เพิ่มคำนำหน้าชื่อแบบอื่นเข้ามา และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากเดิมมี3code 00 01 10 อาจจะต้องเพิ่มเป็น3หลัก กี่หน่วยงานที่ต้องแก้ระบบit
ข้อมูลประชากร
ทำบัตรประชาชนใหม่
ระบบของธนาคาร บัญชีธนาคาร คำนำหน้าบนบัตรเครดิต ระบบธนาคาร แบบฟอร์มคำร้องต่างๆทำใหม่หมด
ฐานข้อมูลของภาคเอกชน สถิติ ดาต้าต่างๆที่วิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับเพศ
บัตรผู้พิการ บัตรทอง บัตรพนักงาน บัตรโรงพยาบาล ฯลฯ ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อแก้ฟอร์มใหม่หมด จัดอบรม เพิ่มการเปลี่ยนแปลงคำนำหน้าชื่อไว้บริการประชาชน
กี่สิบล้านแล้วครับ ยิ่งถ้าต้องจ้างบุคลากรมาตรวจสอบเพิ่มเกี่ยวกับฮอร์โมนอีก
ก็ต้องลองทำpro&conครับว่าคุ้มไหม เพราะสุดท้ายมันขึ้นกับทัศนคติของเพศ1,2ล้วนๆที่ต้องแก้ไข คนที่เป็นlgbtqai+ ถ้าไม่แปลงเพศจนสมจริงแล้วหละก็ ต่อให้ไม่ได้ดูบัตรปชชดูคำนำหน้า คนก็มองเห็นเป็นเพศทางเลือกอยู่ดี มันมีประโยชน์แค่ปกปิดให้กับผู้ที่แปลงเพศจนสมบูรณ์แล้วรึเปล่า