BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Apr 2016
ตอบ: 426
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 15:24
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 25640
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 15:49
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Apr 2016
ตอบ: 426
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 16:34
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: นักแซะในตำนาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 12224
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 16:45
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
มันอยู่ที่ดุลพินิจของนายจ้าง และจริยธรรมของนายจ้างครับ ไม่พอใจก็ออก ก็คุย ไม่อยากคุยก็จบกันไป ไม่ใช่มาขโมยของ หรือโจมตรีเจ้านายเดิม ก็อีกเหมือน Top Comment เจ้าของบริษัท ไม่จำเป็นต้องแบ่งส่วนแบ่งอะไรขนาดนั้น เขามีพิจารณาตามเรทอัตรากูจะจ้าง คิดว่าไม่ไหวก็ไปช่องอื่นหรือหางานอื่น ในเรื่องทำผิดกฏหมาย เป็นเรื่องของคดีไป ส่วนจริยธรรมของผู้ประกอบการก็อีกเรื่อง ถ้ารู้สึกเขาไม่แฟร์ ไม่โอเค มีรายได้ 10 ล้าน 100 ล้าน แต่จ้างเท่าค่าเเรงขั้นต่ำ หรือมากกว่าหน่อย หรือสวัสดิการไม่คุ้ม โบนัสไม่มี Free โอทีอีก ก็ออก ตอนออกก็มีหลายวิธีที่ Soft ในการเล่าเรื่องตัวเอง คนเข้าไปทำงานใหม่ไม่ไหว เขาก็ออก บริษัทมีเจ้าของคนเดียวทำทุกอย่างไม่ไหว ถ้าเขาไม่รู้ตัวเอง เขาก็เลิกไปครับ เจ๊งไป ถ้าเขาดูแลดีแต่พนักงานไม่พอเอง ภาพความออกมาเอง อีกอย่างเขาทำงานสื่อสาธารณะด้วย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 687
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 16:51
[RE]ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


แล้วถ้าบริษัทพลิกกลับเป็นขาดทุน ต้องลดเงินเดือนพนักงาน แบบนี้ก็โอเคใช่ไหม

แต่เชื่อผมเถอะสุดท้ายพนักงานลาออกไปหางานใหม่ทิ้งเจ้าของแบกรับหนี้ไปคนเดียว

ความเสี่ยงของเจ้าของธุรกิจมันต่างกับลูกจ้าง
ถ้าคุณไม่พอใจเงินเดือนก็ไปขอเจรจา ถ้าเจรจาแล้วไม่เป็นผลก็ลาออกไป ถ้าเจ๋งจริงบริษัทใหญ่ๆดังๆพร้อมรับเข้าทำงานและให้เงินเดือนตามที่คุณต้องการอยู่แล้ว

เค้าเลยบอกกันว่าแยกหุ้นส่วนกันลูกจ้างให้ออกก่อน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 25640
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:01
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
Ninezzz พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


แล้วถ้าบริษัทพลิกกลับเป็นขาดทุน ต้องลดเงินเดือนพนักงาน แบบนี้ก็โอเคใช่ไหม

แต่เชื่อผมเถอะสุดท้ายพนักงานลาออกไปหางานใหม่ทิ้งเจ้าของแบกรับหนี้ไปคนเดียว

ความเสี่ยงของเจ้าของธุรกิจมันต่างกับลูกจ้าง
ถ้าคุณไม่พอใจเงินเดือนก็ไปขอเจรจา ถ้าเจรจาแล้วไม่เป็นผลก็ลาออกไป ถ้าเจ๋งจริงบริษัทใหญ่ๆดังๆพร้อมรับเข้าทำงานและให้เงินเดือนตามที่คุณต้องการอยู่แล้ว

เค้าเลยบอกกันว่าแยกหุ้นส่วนกันลูกจ้างให้ออกก่อน  


ก้ต้องเป็นแบบนั้นอยุ่แล้วสิ ไม่เห็นแปลกเลยแต่มันเป็นเรื่องปกติที่คนบนโลกคิดแบบนี้


สมมติง่ายๆเลยนะ สมมติมีพนักงานบัญชีอยุ่กับ บ ไมโครซอฟตั้งแต่แรก เป็นพนักงานรุ่นก่อตั้ง

แล้วอยุ่ดีๆบริษัทดังเป็นพลุแตก คือรวยขึ้น แล้วคิดว่าไอพนักงานบัญชีคนที่อยุ่มาแรกๆ จะได้เงินเท่าเดิมมั๊ยละ หรือได้แบบก้าวกระโดด มันก้ต้องแบบหลังแน่นอนอยุ่แล้ว ต้องเอาไปเทียบกับพวกบที่เป็นสตาร์ทอัพนะ

เอาในไทยก้ได้ bitkub pomelo อะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไอพวกพนักงานชุดก่อตั้งบริษัทอะ มันไม่ได้เงินเดือนเท่าเดิม ไปนานแน่ๆ แต่ไม่แน่ใจไอพวกพนักงานคิวเท ช่องมันอยุ่มานานยังกี่ปีแล้ว


ไม่งั้นพนักงานมันจะมีแรงจูงใจอยุ่ได้ยังไง แต่ไอเรื่องนี้ที่มันแย่เพราะมันขโมยของเลยดูแย่

ส่วนเรื่องอื่นนี่ค่อนข้างเห็นได้ทั่วไปเลยมั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Apr 2009
ตอบ: 12507
ที่อยู่: S.S. LAZIO THAILAND
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:02
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
มันเพี้ยนตั้งแต่ จขกท เข้าใจว่า คิวเท กับพนักงานกลุ่มนี้เริ่มจาก0มาด้วยกันละ

ผมจำได้เคยดูคิวเท สมัยเป็นนักเรียนถ่ายคลิปคนเดียว ตอนนั้นช่่องมันก็วิวเป็นแสนต่อคลิปละนะ

จะเอาเคส VRZO มาเทียบไม่ได้เลยเคสนี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 25640
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:05
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: BP in your area
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 2210
ที่อยู่: Goodison Park / ตึกเอชี่ยนเกมส์โซนบี
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:25
[RE]ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  


ไม่เสมอไป ส่วนน้อยด้วยซ้ำ

ปกติบริษัทส่วนใหญ่ ต่อให้บริษัทเปิดแล้วปังจัดๆ ตามมาตราฐานทั่วไป พวกที่ทำมาตั้งแต่ day1 (ไม่ได้ลงทุน แค่เป็นพนักงานยุคog) จะได้ขึ้นเป็น manager ในด้านที่ตัวเองเริ่มทำ เงินเดือนได้ตาม standard ของตำแหน่งนี้ในตลาดเดียวกัน อาจมี+-ตามเกรดบริษัท ข้อดีคือพวกนี้ได้ขึ้นตำแหน่งเร็วกว่าไปไต่เต้าบริษัทใหญ่ทั่วๆไป คืออายุน้อยก็เป็น manager ส่วนเรื่อง บ มอบหุ้นให้นี่คือต้องอยู่ทำงานจนได้เวลาซักระยะนึงเค้าถึงตะให้ ซึ่งหุ้นที่ให้นี่โคตรน้อย

ตัดภาพมาที่เคสคิวเท ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ
1. พวกนี้ไม่ได้อยู่มาตั้งแต่ day1 ที่คิวเทจ้างมาเพราะช่องมันติดลมบนแล้ว sponsor เข้าเยอะจัดๆความต้องการคลิปลงถี่ขึ้น เลยจ้างพวกนี้เข้ามา ต่อให้ไม่จ้างพวกนี้ ก็ยังจ้างพวกอื่นได้อยู่ดี เผลอๆประสิทธิภาพดีกว่านี้ด้วยซ้ำ
2. ฝีมือกลางๆ เท่าที่ทราบคือ ตัดต่อกับเลขา ทำงานไม่เป็นมาก่อนด้วยซ้ำ ต้องเสียเวลาสอน พวกนี้คือทุนที่คิวเทลงอีกนะ มันคือเวลาที่เสียไป ไหนจะทำงานพลาดอะไรอีก ค่าเสียหายที่ทำงานพลาดเหล่านั้นใครรับผิดชอบ ในทวิตคนแฉอย่างเยอะ จริงเท็จผมไม่แน่ใจ แต่สืบไม่ยาก
3. หุ้นส่วนก็ไม่มี ไม่ได้ซื้อหุ้นใดๆแต่แรก
4. Core business คือตัวตนของคิวเท ไม่ใช่ทีมงาน สมมติต่อให้คงชื่อ คงคอนเซปเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่คิวเทดำเนินรายการ คนตามก็ตก ต่อให้ทีมงานโคตรเทพ

เงินจะขึ้นไม่ขึ้น ตัวแปรข้างบนที่ผมวิเคราะห์ ผมว่ารายได้กับสวัสดิการที่ทีมนี้ได้รับ over ไปด้วยซ้ำ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 687
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:32
[RE]ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Ninezzz พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


แล้วถ้าบริษัทพลิกกลับเป็นขาดทุน ต้องลดเงินเดือนพนักงาน แบบนี้ก็โอเคใช่ไหม

แต่เชื่อผมเถอะสุดท้ายพนักงานลาออกไปหางานใหม่ทิ้งเจ้าของแบกรับหนี้ไปคนเดียว

ความเสี่ยงของเจ้าของธุรกิจมันต่างกับลูกจ้าง
ถ้าคุณไม่พอใจเงินเดือนก็ไปขอเจรจา ถ้าเจรจาแล้วไม่เป็นผลก็ลาออกไป ถ้าเจ๋งจริงบริษัทใหญ่ๆดังๆพร้อมรับเข้าทำงานและให้เงินเดือนตามที่คุณต้องการอยู่แล้ว

เค้าเลยบอกกันว่าแยกหุ้นส่วนกันลูกจ้างให้ออกก่อน  


ก้ต้องเป็นแบบนั้นอยุ่แล้วสิ ไม่เห็นแปลกเลยแต่มันเป็นเรื่องปกติที่คนบนโลกคิดแบบนี้


สมมติง่ายๆเลยนะ สมมติมีพนักงานบัญชีอยุ่กับ บ ไมโครซอฟตั้งแต่แรก เป็นพนักงานรุ่นก่อตั้ง

แล้วอยุ่ดีๆบริษัทดังเป็นพลุแตก คือรวยขึ้น แล้วคิดว่าไอพนักงานบัญชีคนที่อยุ่มาแรกๆ จะได้เงินเท่าเดิมมั๊ยละ หรือได้แบบก้าวกระโดด มันก้ต้องแบบหลังแน่นอนอยุ่แล้ว ต้องเอาไปเทียบกับพวกบที่เป็นสตาร์ทอัพนะ

เอาในไทยก้ได้ bitkub pomelo อะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไอพวกพนักงานชุดก่อตั้งบริษัทอะ มันไม่ได้เงินเดือนเท่าเดิม ไปนานแน่ๆ แต่ไม่แน่ใจไอพวกพนักงานคิวเท ช่องมันอยุ่มานานยังกี่ปีแล้ว


ไม่งั้นพนักงานมันจะมีแรงจูงใจอยุ่ได้ยังไง แต่ไอเรื่องนี้ที่มันแย่เพราะมันขโมยของเลยดูแย่

ส่วนเรื่องอื่นนี่ค่อนข้างเห็นได้ทั่วไปเลยมั้ง  

เรื่องขึ้นเงินเดือนอะไรเนี้ยผมว่าก็อยู่ที่โครงสร้างบริษัทอะนะ ซึ่งเป็นเรื่องของนายจ้างที่จะพิจารณาว่าจะขึ้นเท่าไรอะไรยังไง ถ้านายจ้างจัดการตรงนี้ไม่ดีคุณก็จะมีความเสี่ยงว่าจะเสียลูกจ้างฝีมือดีไป ซึ่งอาจเป็นผลให้บริษัทแย่ลงหรืออะไรก็ว่าไป

ส่วนลูกจ้างก็ตามที่บอกไปว่าถ้าไม่พอใจในเงินเดือนก็ไปเจรจาหรือลาออก

ส่วนที่คุณบอกว่าพนักงานรุ่นก่อตั้ง อันนี้ผมสมมติเฉยๆนะ ถ้าพนักงานรุ่นก่อตั้งอะไรนี่ทำงานไปวันๆ ไม่พัฒนาอะไรสักอย่าง หรือบางทีอาจทำงานแย่ลงด้วยซ้ำ(ทำโปรเจคหายเสียรายได้เป็นแสน) แบบนี้ผมยังควรเพิ่มเงินเดือนให้เยอะๆอีกมั้ยเพราะเป็นรุ่นก่อตั้ง

ส่วนเคสคิวเทผมคิดว่าแก็งนี้ไม่น่าจะใช่รุ่นแรก และคนที่ทำให้บริษัทมันดังคือตัวคิวเทเองด้วยซ้ำ คนที่เริ่มจาก0จริงๆคือมีแค่คิวเทเอง

ส่วนตัวผมมองว่านายจ้างกับลูกจ้างมันชัดเจนที่สัญญาตั้งแต่แรกแล้ว
จ้างมาทำอันนี้นะ123 จะให้เงินเดือนเท่านี้นะ ส่วนโบนัสก็พิจารณาจากผลงานของลูกจ้างว่าทำงานดีมั้ย ไม่ใช่ประเมินจากลูกจ้างอยู่มานานมั้ย ถ้าไม่พอใจก็ตามที่บอกไปข้างต้น
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
แก้ไขล่าสุดโดย Ninezzz เมื่อ Thu Mar 17, 2022 17:37, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2007
ตอบ: 2724
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:41
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
Spoil
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  
 


ผมมองต่างนะ ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โตแล้ว จะให้หุ้นพนักงาน

หลายๆ ที่การให้หุ้นพนักงานระดับบริหารเพื่อจูงใจให้อยู่ทำงานต่อ เนื่องจากเขามี value จริงๆ

ผมว่าโดยส่วนใหญ่ เวลาบริษัทโตแล้วพนักงานชุดแรกๆ ได้เงินเดือนขึ้น มันเป็นเพราะ scope งานของเขามันใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างตอนเริ่มมี พนง บัญชี 1 คน ทำทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ต่อไปโตขึ้น 1 คน ทำไม่พอ มีทีม 3 คน
คนเดิมก็ต้องโตขึ้นมา เป็นหัวหน้า-เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ handle transaction ที่มีมูลค่าสูงขึ้น volume ที่เยอะขึ้น
ก็ไม่แปลกที่เขาจะโต และได้รับโอกาสโตก่อน เพราะอยู่กับ บ มาตั้งแต่แรก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 687
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:43
[RE]ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง
BooM31ster พิมพ์ว่า:
Spoil
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  
 


ผมมองต่างนะ ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โตแล้ว จะให้หุ้นพนักงาน

หลายๆ ที่การให้หุ้นพนักงานระดับบริหารเพื่อจูงใจให้อยู่ทำงานต่อ เนื่องจากเขามี value จริงๆ

ผมว่าโดยส่วนใหญ่ เวลาบริษัทโตแล้วพนักงานชุดแรกๆ ได้เงินเดือนขึ้น มันเป็นเพราะ scope งานของเขามันใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างตอนเริ่มมี พนง บัญชี 1 คน ทำทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ต่อไปโตขึ้น 1 คน ทำไม่พอ มีทีม 3 คน
คนเดิมก็ต้องโตขึ้นมา เป็นหัวหน้า-เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ handle transaction ที่มีมูลค่าสูงขึ้น volume ที่เยอะขึ้น
ก็ไม่แปลกที่เขาจะโต และได้รับโอกาสโตก่อน เพราะอยู่กับ บ มาตั้งแต่แรก  

เห็นด้วยตามนี้เลยครับ ผมมองว่าที่เค้าให้เงินเดือนสูงกว่าเพราะมีvalueมากกว่า ไม่ใช่เป็นผู้ก่อตั้งอะไรหรอก
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 25640
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 17:47
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
BooM31ster พิมพ์ว่า:
Spoil
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  
 


ผมมองต่างนะ ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โตแล้ว จะให้หุ้นพนักงาน

หลายๆ ที่การให้หุ้นพนักงานระดับบริหารเพื่อจูงใจให้อยู่ทำงานต่อ เนื่องจากเขามี value จริงๆ

ผมว่าโดยส่วนใหญ่ เวลาบริษัทโตแล้วพนักงานชุดแรกๆ ได้เงินเดือนขึ้น มันเป็นเพราะ scope งานของเขามันใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างตอนเริ่มมี พนง บัญชี 1 คน ทำทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ต่อไปโตขึ้น 1 คน ทำไม่พอ มีทีม 3 คน
คนเดิมก็ต้องโตขึ้นมา เป็นหัวหน้า-เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ handle transaction ที่มีมูลค่าสูงขึ้น volume ที่เยอะขึ้น
ก็ไม่แปลกที่เขาจะโต และได้รับโอกาสโตก่อน เพราะอยู่กับ บ มาตั้งแต่แรก  


value ที่ให้ก้คือรุ้สไตลงานบริษัทไง


หรือบางคนเอาจริงๆ สมมติได้เงิน 1 แสน เอาจริงๆถ้าไปหาคนข้างนอกวัดฝีมือเพียวๆอะ อาจจะหาคนใหม่ที่เก่งกว่าก้ได้ในเงินเดือน1แสน


แต่ที่ให้1แสนเพราะว่ามันอยุ่กับ บ แต่แรก

มันแปลกตรงไหนทำไมคนเหมือนพยายามแย้งว่าเหตุการณนี้มันไม่มีขึ้นจริงบนโลก ทั้งๆที่มันหาได้เต็มไปหมดเลยที่พนักงานที่อยุ่กับ บ มาตั้งแต่แรกจะมีคุณค่ากับบริษัทมากกว่าทั้งๆที่เอาจริงๆฝีมือมันสุ้คนที่หาใหม่ไม่ค่อยได้อยุ่แล้ว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2007
ตอบ: 2724
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 19:31
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
BooM31ster พิมพ์ว่า:
Spoil
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  
 


ผมมองต่างนะ ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โตแล้ว จะให้หุ้นพนักงาน

หลายๆ ที่การให้หุ้นพนักงานระดับบริหารเพื่อจูงใจให้อยู่ทำงานต่อ เนื่องจากเขามี value จริงๆ

ผมว่าโดยส่วนใหญ่ เวลาบริษัทโตแล้วพนักงานชุดแรกๆ ได้เงินเดือนขึ้น มันเป็นเพราะ scope งานของเขามันใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างตอนเริ่มมี พนง บัญชี 1 คน ทำทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ต่อไปโตขึ้น 1 คน ทำไม่พอ มีทีม 3 คน
คนเดิมก็ต้องโตขึ้นมา เป็นหัวหน้า-เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ handle transaction ที่มีมูลค่าสูงขึ้น volume ที่เยอะขึ้น
ก็ไม่แปลกที่เขาจะโต และได้รับโอกาสโตก่อน เพราะอยู่กับ บ มาตั้งแต่แรก  


value ที่ให้ก้คือรุ้สไตลงานบริษัทไง


หรือบางคนเอาจริงๆ สมมติได้เงิน 1 แสน เอาจริงๆถ้าไปหาคนข้างนอกวัดฝีมือเพียวๆอะ อาจจะหาคนใหม่ที่เก่งกว่าก้ได้ในเงินเดือน1แสน


แต่ที่ให้1แสนเพราะว่ามันอยุ่กับ บ แต่แรก

มันแปลกตรงไหนทำไมคนเหมือนพยายามแย้งว่าเหตุการณนี้มันไม่มีขึ้นจริงบนโลก ทั้งๆที่มันหาได้เต็มไปหมดเลยที่พนักงานที่อยุ่กับ บ มาตั้งแต่แรกจะมีคุณค่ากับบริษัทมากกว่าทั้งๆที่เอาจริงๆฝีมือมันสุ้คนที่หาใหม่ไม่ค่อยได้อยุ่แล้ว  


ไม่มีใครบอกว่า การที่บริษัทให้เงิน พนง ชุดก่อตั้งเยอะ มันไม่มีจริงในโลก
มันอาจจะ common หรือเป็น majority case ก็ได้ ผมไม่ทราบ ไม่เคยอ่านวิจัยหรือ stat เรื่องนี้

แต่ว่าเรื่องแบบนี้ ถ้าจะวิเคราะห์คุณต้องแยกแยะ correlation กับ causation ให้ออกอ่ะ

แค่คุณบอกว่า หาคนข้างนอกวัดฝีมือเพียวๆ อาจจะหาคนที่เก่งกว่าได้
เรื่อง value ที่บอกว่ารู้สไตล์งานบริษัทก็เป็น moot point ไปแล้วครับ

สไตล์บริษัทจะได้ประโยชน์อะไร ถ้ารู้สไตล์แต่ performance กลับแย่กว่าคนนอก?

causation มันไม่ใช่แค่การอยู่นานแล้วก็ entitle ว่าจะต้องได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tah
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Feb 2007
ตอบ: 1066
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 19:31
ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง
ที่บอกว่าฟัง โหน่ย แบต๋าย แล้วเห็นด้วย

จะบอกว่าอย่าไปฟังมาก เค้ามีรายได้หลายทาง มันทำ intensive ไม่ได้กับทุกงาน ทุกบริษัท

ทำเหมือนมาแนะนำ แต่ดูเหมือนด่า คนละบริบทกัน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel