ก่อนที่คิวเทจะจ้างพวกนี้มา ช่องของคิวเทยอดซับก็หลักล้านไปแล้วนะ ซึ่งคิวเทจ้างพวกนี้มาเพื่อต้องการแขนขาเพิ่มนั่นแหละ เพราะพอช่องมันใหญ่ขึ้น มีสปอนเซอร์เข้ามามันต้องเพิ่มจำนวนคลิป ซึ่งมันทำคนเดียวไม่ไหว

ส่วนที่ว่าชีวิตต่างกันเกินไปนี่ก็ไม่ถูก เพราะแต่ละเดือนคิวเทมันดูแลทุกอย่าง ค่าอาหารทีมงานเดือนละเป็นแสนมันก็จ่ายให้ ให้กินแต่ของดีๆ ชีวิตทีมงานจะไม่ดีได้ไง

ผมว่าท่านสับสนpositionขององค์กรละครับ ถึงจะอยู่มาด้วยกันตั้งแต่day1แต่ทำงานtask ไม่ได้ช่วยหางาน+รายได้เพิ่มให้บ. ทำไมต้องให้incentiveด้วย ถ้าผลประกอบการบ.ดี สิ่งที่ควรได้คือโบนัสครับ ถ้าสเกลงานรับผิดชอบสูงจนเกินขอบเขตงานที่มอบหมายถึงพิจารณาปรับbase ถ้ารู้สึกว่ามีอะไรไม่สมน้ำสมเนื้อก็ควรคุยกันก่อน ยิ่งบ.เล็กยิ่งคุยง่ายด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไปทำอะไรลับหลัง แถมบางข้อถึงขั้นฟ้องศาลแรงงานได้เลย

เอาที่ผมไปอ่านทวิตน้องคนนึงเคยไปฝึกงานด้วยนะ เค้าก็พูดในแง่ดี เลขานี่คือทำงานเยอะพอสมควรเป็นทุกอย่างของคิวเท กระทั่งพาแมวไปอาบน้ำ จัดการเรื่องในบ้านให้หมดแต่คนนี้ไม่รู้เงินเดือนเท่าไหร่นะ เจ้าตัวอาจรู้สึกว่าเหนื่อยไม่คุ้มค่าจ้างล่ะมั้งแต่ผิดคือเอาข้อมูลบริษัทไปเปิดเผยภายนอก

ส่วนตัดต่อที่จบม.6 คิวเทสอนงานให้ ลำพังงานตัดต่อถือว่าเงินเดือสูงนะ 30000 แต่ข้อมูลที่น้องคนนี้บอกมาคือ คิดคอนเท้นต์ด้วยนี่สิ ตรงนี้ล่ะที่น่าสนใจเพราะมันคือการขายไอเดียด้วย แต่ไม่พอใจก้ควรไปคุยกันตรงๆนะ

ตากล้องที่ขโมยของอันนี้จบตั้งแต่ขโมยแล้ว มันมิจฉาชีพ

ตัดต่ออีกคน คนนี้น่าจะจบดีสุดมั้งไปเปิดช่องตัวเอง

เอามาเทียบกับvrzoไม่ได้นะ มันคนละมักกะโรนีกัน

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความเห็นครับ
จุดเริ่มต้นของโพสต์นี้คือ พอดีผมได้ฟังคุณหนุ่ย Beartai พูดแล้วแอบเห็นด้วย



เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค 

ผมเองก็ทำธุรกิจแต่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แอบเห็นด้วย และใช้เกณฑ์แบบคุณหนุ่ยในการแบ่งรายได้ให้ลูกน้องครับ เลยมาเรียบเรียงเขียนในนี้ เพื่อฟังมุมมองของทุกๆ คนครับ


ขอบคุณทุกคนอีกครั้งสำหรับความเห็นที่หลากหลายนะครับ ไม่คิดส่าจะมีชาว SS ช่วยกันแชร์ความคิดขนาดนี้ 55

จากเคสทำให้รู้ว่า ต้องชัดเจน ลูกจ้างคือลูกจ้าง ไม่ใช่ไปบอกเขาเป็นครอบครัวอะครับ

มันสนิทกันได้ แต่เวลาทำงานคือทำงาน ซึ่ง youtuber มันขาย entertainment มันก็ดีแหละที่บรรยากาศมันควรอบอุ่นๆ สนุกๆ

แต่ก็นั่นแหละครับ เป็นดาบสองคมที่ต้องระวังจริงๆ

แค่ค่ากินอย่างเดียวก็เยอะกว่าเงินเดือนบางคนแล้ว

ผมว่า incentive ก็สำคัญแหละ แต่อยากได้ incentive ก็ต้องมาคุยกันดีๆ ทุกอย่างมันจบลงตั้งแต่เริ่มขโมยละ

ต้องแยกเรื่องลูกจ้างกับหุ้นส่วนให้ออกก่อนนะครับ

กลับกันถ้าคิวเทเจ๊ง มีหนี้10ล้าน ลูกจ้างจะแชร์หนี้ส่วนนี้ด้วยมั้ยครับ

ลูกจ้าง คือ ลูกจ้าง
ลูกจ้าง จะเท่ากับเจ้าของหรือหุ้นส่วนได้ด้วยหรอวะ

หนุ่ยแบ่งให้ไม่ผิดครับ เจ้าขององกรจะบริหารพนักงานแบบไหนอันนั้นเป็นสไตล์และข้อตกลงครับ หนุ่ยอยากสร้างแรงกระตุ้นเพือ่เพิ่มประสิทธิภาพในองกร ก็เป็นอีกแบบนึงครับ
และเรทที่คิวเทแบ่งให้ผมว่ามันก็คือการแบ่งให้แบบหนึ่งนั่นล่ะครับ แต่การเรียกร้องของพนักงงานมีจำกัดครับ จะขยับจากพนักงงานไปเป็นหุ้นส่วนเฉยไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตกลงกัน
ต่างประเทศมีการแบ่งหุ้นบริษัทให้กับพนักงานดีเด่นที่อยู่โยงยาว แต่นั่นคือเงิื่อนไขที่บริษัทเป็นผู้มอบให้และเป็นข้อตกลงกันครับ และมาด้วยทรัพยากรบุคคลที่เค้ามองเห็นแล้วว่าทรงคุณค่าครับ ไม่ใช่งานที่ใครก็แทนได้แบบนี้
เราจะต่อรองใครไม่ผิดนะครับ แต่เราต้องมองสิ่งที่เรามีในมือด้วย ว่าไพ่ที่จะไปต่อรองเขาอ่ะ เรามีอะไร ผมว่าเอาจริงๆ คิวเทน่าจะหัวอ่อนพอสมควร ดูจากสถาณการณ์และการตอบสนองวันแรกที่เจอเรื่อง พนักงานพวกนี้คงมองเห็นจุดนี้แหละ น่าจะตั้งหลักได้หลังจากปรึกษาผู้ใหญ่แล้ว
หลายคนพูดเรื่องขาดทุนมาออกด้วยไหม อันดับแรกเลยคับ คือ ออกทุนตั้งแต่เริ่มแรกก่อนเลย ไม่ต้องไปถึงขั้นขาดทุน ความพลายของคิวเทที่ผมไม่ชอบคือใช้คำว่าครอบครัวอ่ะ มันเลยรู้สึกว่าตัวเองควรได้ควรมีกว่านี้ ผมใช้คำว่าทีมมากกว่า ทีมหาคนแทนได้ ครอบครัวไม่เหมือนกัน แทนไม่ได้

แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าเงินที่ให้ above avg ขนาดนี้ ก็ถือเป็นโบนัสแล้ว

Profit sharing บริษัทต่างชาติ เค้าใช้ระบบ sharing จาก exceed growth ด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ growth ปกติ
เช่น กำไรโต 15% แต่ตั้งเป้าไว้ 10% ก็จะมีแบ่งจาก 5% มาจ่ายให้ ไม่ใช่ให้ 15%

สมมติเงินไม่พอหมุน จะยอมไม่รับเงินเดือนป่าว
ดูทรงก็ใช้ความเป็นลูกน้อง คนจน ไม่มีตังมากดดันเจ้าของเหมือนเดิม ตามสไตล์

ไม่ต้องแอบแล้ว

ลูกจ้าง ไม่เท่ากับ หุ้นส่วน แค่นั้นเอง ง่ายๆไม่เห็นซับซ้อน

ส่วนผลประโยชน์อื่นๆแล้วแต่ตกลงกันตอน day one

นายจ้างจะผิด ต่อเมื่อผิดสัญญา หรือผิดกฎหมายแรงงาน

ปล. อันนี้ผมว่าไม่เกี่ยวกับเห็นต่างนะ จะเห็นต่างมันต้องเบสออนความถูกต้องก่อน

ก้ตามที่หลายๆคนตอบแหลั ถ้าคุณไม่พอใจเรื่องเงินเดือน เรื่องเวลาการทำงานก็ควรคุยกันตรงๆไม่ใช่ไปแอบตั้งกลุ่มนินทาเขาวางแผนกดดันเขา ยิ่งถ้ามีหัวหน้าแบบนี้ผมว่ามันคุยกันไม่ยากหรอก