ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อน "ลูกจ้าง" ไม่ใช่ "หุ้นส่วน"

ตอนขาดทุนลดเงินเดือนได้มั้ยล่ะ

ก็ไม่ได้

พอได้เยอะ จะมาอยากแบ่งว่างั้น ?

ตอนลงทุนลงทุนด้วยมั้ย ?

ความเสี่ยงแบกรับด้วยมั้ย ?

ซื้อกล้องใหม่ คอมใหม่ ช่วยออกมั้ย ?

ค่าออกกอง ค่ารถ ค่าน้ำมัน ช่วยออกมั้ย ?

ก็ไม่นิ

พอได้เยอะจะมาแบ่งหรอ

ลองมองมุมมอง เจ้าของกิจการดูนะครับ

30,000 x 4 = 120,000 คือ Fix cost ละนะ
ปีนึง 12 x 120,000 = 1,440,000 เน้นๆ
ไม่ใช่หุ้นส่วน ผมก็ถือว่าเยอะมากแล้ว อยากได้ อยากมี อยากๆๆๆๆ มันก็ได้ต้องคุยไม่ใชว่าทำแบบนี้ แบบนี้เรียกโกง และ โจร สมควรแล้ว อนาคตดับเพราะวิธีคิดนี่แหละ

เขารับมาเป็นลูกจ้างไม่ใช่หุ้นส่วน งายเยอะมันไม่ใช่ข้ออ้าง สนิทกันขนาดนั้นเปลี่ยนจากนินทาเป็นปรึกษากันดีๆเรื่องคนไม่เกิดหรอก ไม่ไหวก็บอกไม่ไหว บอกไปดิทีหลังไม่ต้องเลี้ยงดี เอาตังไปจ้างคนเพิ่มอะไรก็ว่าไป ลดรายจ่ายตรงไหนเพิ่อเอาเงินไปจ้างคนเพิ่ม มันคุยกันได้มีตั้งหลายทาง ถ้ายังไม่ไหวก็ออกแค่นั้น

ต้องแยก position ของตัวเองก่อน

ว่าเป็นหุ้นส่วนหรือลูกจ้าง

ถ้าเป็นหุ้นส่วนแล้วได้รับ รายได้ไม่ตรงตามหุ้นก็ว่ากันไป

แต่ถ้าเป็นลูกจ้างแล้วไม่ได้รับรายได้ ตามที่ตกลงกันไว้ ก็ต้องไปคุยกัน

แต่ถ้าได้รับรายได้ตรงตามสัญญาทุกอย่าง จะไปโวยวายทำไม

ขอต่อรองแล้วถ้าคิวเทให้เพิ่มไม่ได้ ก็ลาออกไป แค่นั้นแหละ

แล้วแต่คนนะครับ ต้องถามว่า ถ้าสมมุติบริษัทขาดทุน คนรับผิดชอบคือเจ้าของ ต้องรับภาระหนักสุด ตอนเริ่มต้นลงทุน ทีมงานมีหุ้นด้วยมั้ย คิดว่าไม่มีนะ ผมว่าให้ 3 หมื่นนี่เยอะมากๆนะครับ กับวุฒิการศึกษาตามที่เห็นในข่าว ผมจบป.โทเมืองนอกมา ยังไม่ได้เท่านี้เลย ถามว่าเท่าไหร่ถึงพอ ให้เงินเดือน เดือนละแสนเลยมั้ย แต่แอบเห็นด้วยนะเรื่องพวกโบนัส เงินปันผล นี่ถ้าเจ้าของใจดีหน่อย ก็ให้หน่อยก็ได้ แต่ไม่ให้ก็ไม่น่าเกลียด ผมมองว่าก็เยอะแล้วในระดับนึง แต่ถ้ามีโบนัสกับปันผลให้บ้าง คิดว่าทีมงานจะรักบริษัทมากขึ้นนะ เพราะจะให้ความรู้สึกเหมือนว่า เออเราก็ถือว่าเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของบริษัทนี้ บริษัทเติบโตได้ดี เราก็ดีขึ้นตามด้วย แต่ว่าต้องดูรายละเอียดงานอีกทีว่าให้ทำงานเยอะมั้ยกับ 3 หมื่น ถ้าเงินเดือน 3 หมื่น ทำงาน 7 วัน เอะอะใช้ยับๆ ดึกๆดื่นๆ ก็ต้องแหกขี้ตาทำงาน สำหรับผมก็หนักไปอยู่อะ อย่างตัวผม ถ้าต้องทำงาน 7 วัน มีโต้รุ่งบ่อยๆ ให้เงินเดือน เดือนละ ล้าน ผมก็ไม่เอา เอาเวลาที่ไหนใช้ตังอะ เวลาพักผ่อนไม่มี อันนี้ก็แล้วแต่คน อีกอย่างนึงนิสัยคนเป็นนายด้วย มีพฤติกรรมยังไง เพราะทุกคนเวลาเกิดเรื่อง เอาดีเข้าตัวก่อนหมดแหละ เราทำดีกับเขาอย่างนู้น อย่างนี้ แล้วที่เราทำไม่ดีกับเขาหละ ผมว่ามันต้องมีแหละ ตามข่าวมาผมก็ยังไม่รู้ข้อเสียของคิวเทเลยนะ แต่คิดว่ามันต้องมีมูลอะไรมาบ้างแหละ ถึงทำกันอย่างนี้ได้ลงคอ เท่าที่ตามข่าวมายังไม่ได้ดูอัพเดทเพิ่มเติม คือผมรู้แค่ว่าลูกน้องทำอะไรกับคิวเทไว้บ้าง บางเรื่อง ก็ชั่วเกิ๊นอย่างขโมยของไรงี้ แต่ก็ต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อความเป็นธรรมครับ

30000 เป็นอย่างน้อย กินได้ไม่อั้น เปย์จัด ๆ ไม่รวมโบนัส ผมว่าคิวเทก็ใจกับลูกน้องมากแล้วนะ เทียบกับช่องอื่นๆผมไม่รู้ว่าตัดต่อ ตากล้อง เลขา จะได้ขนาดนี้ไหม แต่เดาว่าไม่ถึงแน่ๆ แล้วถ้าเทียบกับอายุงานผลงานที่ทำงานต้องยอมรับว่าเขาตามเพราะคิวเทเลย ทีมงานถือว่ามาไกลมากถ้าคิวเทไม่ให้ออกกล้องก็ไม่มีใครรู้จัก สรุปก็คือเขาหวังกันมากไปแล้วไม่ได้คุยกันดีดีๆ ต่อรองเงินเดือนอะ ถ้าทีมงานอยากรวยมากก็ออกมาทำช่องเองก็ได้ไม่ใช่ใช้วิธีแบบนั้น

อย่าเอามุมมองบริษัท มาใช้กับยูทูบเบอร์
ถ้าบริษัทให้ 30000 อีก 1-3 ปี ไม่ปรับเงินเดือน คุณจะไม่รู็สึกอะไรบางหรอ

ไปดูงบปีล่าสุด (2020) มาแล้วรู้สึกว่า

พนง.ทั้ง 5 คนอยากรับภาระหนี้ระยะยาวด้วยมั้ยอะ (8.2 MB)

55555555555

ไร้สาระ ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆ

1. คนเริ่มจากไม่มีประสบการณ์ สอนงานให้ทุกอย่าง เงินเดือนก็จัดว่าสูงมาแล้ว

2. แต่เริ่มเดิมทีตกลงกันว่า มาทำงานด้วยนะ ตกลงเงินเดือนกัน ก็ต้องตามนั้น

3. จะให้แบ่งกำไรมาเพิ่มเงินเดือนให้ อันนี้ถ้าวันไหนบริษัทขาดทุนถึงขั้นล้มละลาย ลูกจ้างจะมาล้มด้วยมั้ย ก็ไม่

อย่ามองแต่มุมกำไรบริษัทมหาศาลอย่างเดียวครับ จากใจเจ้าของธุรกิจ เวลาล้มลูกจ้างก็แค่หางานใหม่ แต่เจ้าของเค้าแบกภาระอะไรมาบ้าง ค่าใช้จ่ายในองกรณ์ต่างๆ ลูกจ้างมาขอเพิ่มแบบตามกำไรแบบนี้ นอกจากไล่ออกก็ควรเรียกมาปรับ Mind set ด้วยนะ

ลู ก จ้ า ง ไ ม่ ใ ช่ หุ้ น ส่ ว น

ดูจากวุฒิหรือมหาลัยที่จบ แม่งได้เยอะไปด้วยซ้ำ

กลุ่มเพื่อนกับรุ่นน้องผมที่ทำงานด้านตัดต่องานเหมือนกัน ไม่มีใครเห็นด้วยกับเด็กกลุ่มนี้สักคนอ่ะ

สุดท้ายคุณต้องเข้าใจ ว่าคุณคือลูกจ้าง เค้าจ้างงานคุณ คุณอาจเรียกร้องได้ แต่ถ้าเค้าไม่ให้เค้าก็ไม่ผิดเลยนะ

ย้ำอีกครั้ง คุณเรียกร้องได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่สามารถทำได้ แต่อย่าล้ำเส้นจนเกินไป และถ้าสุดท้ายเค้าไม่ให้ เค้าไม่ผิดเลย

อันนี้น่าจะเข้าใจผิดนะครับ กรณี VRZO นี่เค้าสร้างมาด้วยกันจริงๆ ครับ ของกรณีคิวเท เริ่มมาคนเดียวครับต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย

เรื่องนี้ผิดที่การบริหารของคิวเทด้วย คือไปให้ลูกน้องทำงานที่เป็นคีย์หลักเยอะเกิน อย่างให้ออกคลิปเล่นด้วยกันเยอะมาก ให้คิดคอนเท้นต์ทำหลายสิ่ง จนลูกน้องดังตาม ดูได้จากคอมเม้นกับช่องที่ไปเปิดใหม่ คนตามอย่างเยอะ

ก็เลยคิดว่าช่องนี้ตัวเองเป็นหุ้นส่วนทำไมรายได้มันแตกต่างกันจังวะ เลยเป็นแบบนี้

เหมือนทำธุรกิจมีลูกน้อง แต่ให้ลูกน้องทำงานคีย์หลักหมด ติดต่อคุยกับลูกค้า ติดต่อดีลกับซัพพลายเออร์ ทำใบเสนอราคา สุดท้ายรู้เยอะเกินได้คอนเนคชั่นกับลูกค้า ก็ออกไปเปิดบริษัทแข่งกับเจ้านายตัวเอง

มองไม่ต้องไกล ถ้าคิดว่า ต้องได้เพิ่ม

พวกช่องซับ10ล้าน คงต้องแจกกระจุย

ยังไงก็ไม่ใช่นะ



แต่ถ้ามองว่า การที่หารายได้เยอะ มีสวัสดิการดี โบนัสดี เงินเดือนดี อันนี้ก็ถือว่า ดีมากแล้วกับงานประจำ
ถ้าหวังถึงหุ้น อันนี้ต้องไปรอเขายอมขายหุ้นเพิ่มทุน หรือ ยอมเจียดหุ้นให้ซึ่งมันไม่ได้เกิดง่ายๆ