BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Apr 2016
ตอบ: 426
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Mar 17, 2022 23:58
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
BooM31ster พิมพ์ว่า:
Spoil
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Tethys พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ทำไมผมเห็นด้วยกับ จขกท แล้วก้คิดแบบนี้แต่แรก

ทุกบริษัทแหละมันเริ่มต้นจาก0 หลายๆ บ ของไทยและตปท ถ้าเทียบกับเปน บ ปกติ

คนอื่นก้คือทำหน้าที่hr บัญชี จัดซื้อ อะไรก้ว่าไป

แต่ถ้าบริษัทโตขึ้นมาได้รายได้กำไรหลัก10 ล้าน ไอพวกพนักงานชุดแรกชุดก่อตั้งส่วนมากก้ต้องได้เงินเยอะขึ้นตามไปด้วยถึงแม้ตำแหน่งจะไม่ได้ปรับ

สมมติแรกๆ กำไรปีละ5 ล้านก่อนหักให้พนักงาน พนักงานเงินเดือน30k กัน5 คนเท่ากับว่า 150k ก้จะเข้ากระเป๋าเจ้าของซั3 ล้าน

แล้วถ้าอยุ่ดีๆกำไรเพิ่มเปนเท่าตัว 10 ล้าน จะไม่เพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเลยหรอ แบบนี้พนักงานจะมีแรงจูงใจทำงานได้ไงอะ


ตัดเรื่องขโมยของ ขายความลับอะไรออกไปนะ อันนั้นคือแย่จริง

แต่ถ้าพูดถึงโครงสร้างเงินเดือนเห็นหลายคนบอกล้มละลายล้มด้วยมั้ย มาฝึกแต่แรกบลาๆ เอ้าแต่ตอนนี้กำไรมันเยอะขึ้นมากๆมันก้ควรที่จะแบ่งเพิ่มขึ้นสิ อย่างที่บอกเปน บ อื่นhr บัญชี จัดซื้อมันก้คือหาได้ทั่วไปตามตลาดเหมือนกันปะ  


ปีนี้ที่ทำยอดได้สูงๆ ผลตอบแทนเขาก็ให้ในรูปแบบโบนัสอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ในคลิปที่ชี้แจงก็บอกว่าโบนัสก็มีให้ทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ ตามความเข้าใจผมนี่คือขึ้นอยู่กับผู้บริหารเลยว่าจะให้โบนัสกับพนักงานมั้ย ซึ่งที่นี่ก็ให้มันก็แฟร์อยู่แล้วไหมครับในกรณีที่องค์กรมีกำไรในแต่ละปีๆ

ประเด็นคือมันอยู่ที่สัญญามากกว่าครับ ตอนที่ตกลงกันว่าจะรับค่าแรงกันที่เท่าไหร่มากกว่า อันนั้นคือที่สิ้นสุดเลย ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็ไม่ควรรับตั้งแต่แรก หรือทำๆ ไปแล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันน้อยไปก็ไปขอคุย ขอเจรจา ถ้าโอเคกันทั้งสองฝ่าย ก็เคลียร์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ย้ายออกไปทำที่อื่น แค่นั้นเลย ไม่ควรเอาเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้างในการกระทำครั้งนี้เลยครับ

ตอนนี้ถ้ามองในมุมกำไรก็คิดว่าไม่แฟร์ต่อพนักงานใช่ไหมครับ งั้นลองมองมุมกลับว่าถ้ายอดของแต่ละปีมันหักลบกลบทุนแล้วมันติดลบมากๆ จากที่ในสัญญา เคยคุยกันไว้ว่าให้เดือนละ 30k ต้องลดมาเหลือให้เดือนละ 10k-15k นี่พนักงานก็คงจะรู้สึกไม่โอเคหรือรู้สึกไม่แฟร์อยู่ดีไหมอะ เรื่องพวกนี้ผมมองว่ามันคือความเสี่ยงที่พวกผู้บริหารต้องแบกรับไว้อะครับ หรือพนักงานยินดีจะแบกรับมันไปด้วย สมมุติอยู่ในช่วงที่การเงินมันฝืดมากๆ แล้วต้องบอกพนักงานว่าเดือนนี้น่าจะไม่มีเงินเดือนให้นะ มันก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ

ยังไม่รวมสวัสดิการครับ อันนี้ผมไม่เอามานับ ผมมองว่ามันเป็นการสร้าง loyalty ให้พนักงานเฉยๆ แต่น่าเสียดายนะครับ พนักงานไม่เคยได้รับสารที่คิวเทสื่อออกไปเลย นายจ้างแสดงออกว่าเป็นกันเอง sport ชัดขนาดนี้ น่าจะรู้นะว่ามีไรก็เข้าไปคุยตรงๆ ได้

อันนี้ผมไม่ได้พูดในมุมที่นายทุนกดเงินเดือนนะ ผมก็เห็นด้วยกับการให้ค่าแรงตามทักษะที่มีไม่ใช่ตามอายุงานหรือวุฒิ ปริญญาบัตรที่มี แต่เรื่องนี้ในมุมพนักงานมองมุมไหนก็ผิดครับที่เลือกแสดงออกไปแบบนั้น

เรื่องเงินเดือนค่าจ้าง ผมก็ยืนยันตามเดิม ตกลงกันไว้เท่าไหร่ ก็ต้องเคารพตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ บ. มีกำไรให้โบนัสเราก็ดีใจ ถ้าเขาไม่ให้แล้วเรารู้สึกไม่โอเค เราก็แค่ออกไปหาที่อื่นที่เขาให้และเราสบายใจที่จะอยู่ เรื่องการ improve contract ขอขึ้นเงินเดือนอะไรนั่นอยากได้ก็ไปคุยกันให้มันดีๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ไม่พอใจให้น้อยไปก็แยกทางกันไป ไปหาที่อื่นที่เขาให้เยอะกว่าก็คือจบ

ปล. ยินดีรับความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ  


แยกกันสองเรื่องไง ไอที่ผิดก้ผิดอยุ่แล้ว พวกขโมยหรือทำตัวงอแง



แต่ผมคุยถึงทำไมไอพวกนี้ถึงแย่ แล้วทำไมบางบริษัทคุมได้ มันอยุ่ที่ว่าจะมีระบบจัดการยังไง



ไอเรื่องโบนัสมันอยุ่แล้วแหละต้องมี แต่พนักงานส่วนมากเค้าจะรุ้สึกดีกับเงินเดือนมากกว่ามั้ง


เงินเดือน 3หมื่น +โบนัส2เดือน 420000

กับ เงินเดือน 3.5หมื่น 420000

ไม่แน่ใจว่าไอพนักงานชุดนี้เป็นพนักงานชุดแรกรึเปล่านะ แต่คิดว่าบริษัทใหญ่ๆที่โตมาแต่แรกด้วยกันจะไม่มองว่าพนักงานชุดแรกเป็นแค่พนักงานอะ แบบสกิลเท่านี้เงินเดือน3หมื่นไปหาคนอื่นก้ได้เหมอืนกัน อย่างน้อยมันก้ต้องเพิ่มให้นิดนึงตามความสมควร  


เรื่องผิดนี่แทบไม่ต้องถกเลยครับมองมุมไหนยังไงก็ผิดอยู่และ

ฟังที่คิวเทเล่าแล้ว ผมว่าในมุมมองนายจ้างที่เขาให้มันก็เกินคำว่าพนักงานไปเยอะแล้วนะครับ ทั้งสวัสดิการและโอกาสต่างๆ ทั้งที่ทักษะหรือประสบการณ์ไม่มีเลยตั้งแต่ตอนเข้ามาสมัครงาน แล้วยังให้เรต 30k นี่ผมก็ถือว่าโดน treat ดีกว่าคำว่าพนักงาน หรือพนักงานในองค์กรอื่นๆ เยอะมากๆ แล้วนะครับ (ลองไปฟังอีกรอบก็ได้ครับว่าสิ่งที่เขาให้พนักงานมีอะไรบ้าง) ขนาดให้ขับรถส่วนตัวไปนู่นไปนี่ได้ผมว่าก็เยอะมากแล้ว (หรือเป็นเรื่องปกติอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าปกติคนเขาให้ยืมรถส่วนตัวไปใช้กันรึเปล่า แต่คนรอบข้างผมแทบจะไม่มีการให้ยืมรถส่วนตัวขับกันเลย)

ผมเห็นด้วยมาตลอดครับกับการให้เงินเดือนหรือค่าจ้างตามทักษะหรือความสามารถ 100% ครับ แต่มุมมองผมต่อให้พนักงานที่อยู่กันมาด้วยตั้งแต่แรก สถานะก็คือพนักงานอยู่ดีครับ ไม่ใช่ผู้ร่วมลงทุน ถ้าจะบอกว่าเรื่องผลตอบแทนตอนบริษัทมีกำไร มันก็มีมาอยู่ในรูปแบบของโบนัสอยู่แล้วอะครับ (ซึ่งจริงๆ ถ้าบริษัทไม่ให้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไรเลย แต่อันนี้เขาก็ให้นะ) ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยขนาดนั้นคงต้องเข้าไปคุยกับนายจ้างแล้วต้องเทคขอเป็นหุ้นส่วนและเข้าไปร่วมรับความเสี่ยงด้วยอะครับ

แน่นอน ต่อให้ตอนเริ่มรับเข้ามาที่ไม่มีประสบการณ์เลย คิวเทให้โอกาสได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนมีทักษะที่สูงขึ้น พอวันไหนที่ตัวเองรู้สึกว่าทักษะสูงขึ้นมากแล้ว มองแบบนายจ้างไม่ทวงบุญคุณอะไรเลย ใช่ครับ ผมก็มองว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ขอขึ้นเงินเดือนตามความสามารถครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการไปเจรจาคุยกัน ไม่ใช่ทำแบบนี้ และถ้าตัวเองคุยแล้ว รู้สึกว่าได้น้อยไป สมควรได้มากกว่านี้ ก็แค่ไป apply ที่อื่นครับ การ deal กันมันควรจะเป็นอะไรที่ simple แบบนี้แหละครับ เจรจา ประณีประณอม ลงตัวก็ deal ไม่ลงตัวก็ไม่ deal  



มองต่างมุมกับผมแค่ พนักงานที่อยุ่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งไม่ใช่พนักงานปกติครับ ยิ่งเวลาบริษัทโตแล้วกำไรมากๆจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนตามแบบพนักงานทั่วไป อันนี้ค่อนข้างแน่นอน


ลองดู บ ใหญ๋ๆทั่วโลกก้ได้ แบ่งหุ้นให้พนักงานระดับก่อตั้งด้วยกันนิดๆหน่อยๆอันนี้ปกติเลย

หรือ บ สตารทอัพที่บอกของไทย ไม่ว่าจะ bitkub pomelo ไรงี้ หรือมีบไรอีกอื่นๆ ไม่มีการไม่ขึ้นเงินเดือนนานๆหรอกมั้ง



แต่ก้ไม่รุ้ว่าช่องนี้ไอพวกพนักงานพวกนี้เข้ามาช่วงไหน ถ้าช่วงแรกๆจริงมันไม่ใช่พนักงานปกติแน่นอนอะ  
 


ผมมองต่างนะ ไม่ใช่ทุกบริษัทที่โตแล้ว จะให้หุ้นพนักงาน

หลายๆ ที่การให้หุ้นพนักงานระดับบริหารเพื่อจูงใจให้อยู่ทำงานต่อ เนื่องจากเขามี value จริงๆ

ผมว่าโดยส่วนใหญ่ เวลาบริษัทโตแล้วพนักงานชุดแรกๆ ได้เงินเดือนขึ้น มันเป็นเพราะ scope งานของเขามันใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างตอนเริ่มมี พนง บัญชี 1 คน ทำทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง ต่อไปโตขึ้น 1 คน ทำไม่พอ มีทีม 3 คน
คนเดิมก็ต้องโตขึ้นมา เป็นหัวหน้า-เป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ความรับผิดชอบ handle transaction ที่มีมูลค่าสูงขึ้น volume ที่เยอะขึ้น
ก็ไม่แปลกที่เขาจะโต และได้รับโอกาสโตก่อน เพราะอยู่กับ บ มาตั้งแต่แรก  


value ที่ให้ก้คือรุ้สไตลงานบริษัทไง


หรือบางคนเอาจริงๆ สมมติได้เงิน 1 แสน เอาจริงๆถ้าไปหาคนข้างนอกวัดฝีมือเพียวๆอะ อาจจะหาคนใหม่ที่เก่งกว่าก้ได้ในเงินเดือน1แสน


แต่ที่ให้1แสนเพราะว่ามันอยุ่กับ บ แต่แรก

มันแปลกตรงไหนทำไมคนเหมือนพยายามแย้งว่าเหตุการณนี้มันไม่มีขึ้นจริงบนโลก ทั้งๆที่มันหาได้เต็มไปหมดเลยที่พนักงานที่อยุ่กับ บ มาตั้งแต่แรกจะมีคุณค่ากับบริษัทมากกว่าทั้งๆที่เอาจริงๆฝีมือมันสุ้คนที่หาใหม่ไม่ค่อยได้อยุ่แล้ว  


หลายๆ ท่านได้พูดไว้ตรงใจผมหมดแล้ว จริงๆ ก็ตามนั้นเลยครับ

ผมว่าท่านมองหรือเลือกยกแค่เคสตัวอย่างองค์กรที่เขาประสบความสำเร็จมาแล้วอะครับ ลองมองมุมอื่นๆ ถ้าเป็นองค์กรที่ไม่ได้โตตามเป้าที่วางไว้แต่กลับขาดทุนหนักในปีนั้นๆ คำถามง่ายๆ เลยคือ ถ้าต้องลดเงินเดือนลงกึ่งนึง หรือแย่สุดองค์กรไม่มีสำรองงบเผื่อจ่าย ก็คือไม่มีเงินจ่ายค่าแรงเลย จะโอเคไหม

ที่ท่านบอกว่าพวก founder ที่เริ่มด้วยกันมาก็ได้รับหุ้นส่วนเป็นปกติ ก็จริงแค่ส่วนหนึ่งครับ ก็ใช่ครับ ท่านมองแต่มุมองค์กรยักษ์ใหญ่ที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองและประสบความสำเร็จระดับบิ๊กๆขนาดนั้น ผมว่าเหล่า founder มันก็ล้วนเกิดจากพวกหัวกะทิรวมตัวกัน แต่ละคนคือไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ต่อให้พวกนี้ถ้าเขาจะเริ่มจากพนักงานแล้วได้เป็นหุ้นส่วนนั่นก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยู่กันมาตั้งแต่แรกหรอก แต่เพราะว่าบอร์ดเห็นว่าคนนั้นมี value และมี impact สามารถสร้างความแตกต่างให้องค์กรจริงๆ เลยอยากจะ keep เขาไว้อ่าครับ

แล้วมองมาที่มุม product ของช่องคิวเทนี่ตัวขับเคลื่อนหรือ product ที่ขายจริงๆ คือตัวคิวเทเองและ content ของเขาครับ ไม่ใช่เลขา หรือตัวคนตัดต่อ กล่าวคือใครมาทำแทนก็คือค่าเท่ากันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ หลายคนก็เลยมองหรือหาเหตุผลให้ไม่ได้ว่าทำไมต้องแบ่งอะไรให้เยอะขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ผ่านมาก็ให้เยอะเกินกว่าที่ควรจะได้รับมาแล้วด้วยซ้ำอะไรแบบนั้นครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Jul 2021
ตอบ: 3036
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Mar 18, 2022 02:51
[RE: ดราม่าคิวเท ผมแอบเห็นต่าง]
Intensive ที่ท่านพูดถึง ทางเขาก็ให้โบนัสไง ลืมไปหรือเปล่า มองอีกด้านสวัสดิการที่ได้เกินที่อื่น ลูกจ้างยอมโดนตัดทั้ยละ เช่น หาข้าวกินเอง ค่ารถไม่ให้ ทำงานตอกบัตร เกินเวลาจ่ายโอที กำไรจ่ายโบนัส แต่ ทุกวันมีการประเมินผลงาน เช่น เลขาต้องจบลูกค้า3 ราย ต่อวัน ตัดต่อต้องจบวันละคลิป ถ้ามีฟุต โอทีมาจากต้องได้มากกว่า1 คลิปต่อวัน เอาแบบนี้มั้ยละ ไม่มีเวลาเล่น ไม่มีของเบรคฟรี มีแต่เวลาเบรคกาแฟให้ เงินเดือนจ่ายตามจริงให้สมเหตผลกับทีมอื่น
ทีมตัดต่อคิวเท ถ้าดูคลิปแลกตัดกับทีมบอสกีรติ คือ สกิล เป็นรองทีมตัดต่อทีมอื่นๆมากเลยนะ เรียนจบม ปลาย ความรู้รอบตัวไม่มี จนไม่รู้ว่า elastic แปลว่าอะไร และไม่คิดจดหาความหมาย ข้ามไปเฉยๆ
การที่เราจะจ่ายอินเทนสีฟ ไม่ใช่เพราะกำไรเยอะครับ เราต้องจ่ายเพราะทีมงานทำผลงานได้เกินที่เราจ้างรูทีน ถึงเราจะขาดทุนปีนั้น แต่ถ้าทีมงานทำเกินผลงานเราต้องหาเม็ดเงินมาจ่ายครับ ส่วนถ้าปีนั้นกำไรเยอะ แต่ทีมงานทำงาน 9000 บาท การจะจ่ายก็ต้องคิดให้ดีว่าต้องจ่ายเท่าไร ไม่ใช่เอะอพกำไรจ่ายๆๆๆ แบบนี่ระบบทีมงานเสียครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel