ใช่!! ก็ไม่มีสิmธิบ่น สิทธิติติงว่าไม่อร่อย เพราะเมียจะไม่ทำให้กิน
ถ้าเมียไม่ทำให้กิน สุดท้ายคุณต้องหาทำกินเอง

รู้ดีว่านักการเมืองมันเลวมันโกง รู้ดีว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันผิดมันบิดเบี้ยวไปหมด แต่ก็ยังพร้อมที่จะอยู่กันมันแบบนี้ต่อไป

ทำไมฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยโดนเหยียดโดนด่าโดนใส่ร้ายได้สารพัด แต่กลับจะตอบโต้ชี้แจงกลับไปบ้างไม่ได้ กลายเป็นพูดอะไรก็เหยียดคนเห็นต่าง

แล้วเมื่อไหร่ความคิดแบบนี้จะหมดไปจากสังคมไทยซะที ที่ว่านักการเมืองมันโกงทุกคน แล้วก็เลยเฝ้ารอฮีโร่อัศวินขี่ม้าขาว คนดีย์ที่จะมากอบกู้ สุดท้ายก็เห็นกันอยู่ว่าคนดีย์มันเป็นยังไง

ในขณะที่หลายคนลุกขึ้นมาออกมาต่อสู้กับระบบชั่วๆเพื่อเปลี่ยนแปลง แต่อีกหลายคนก็ยังเฝ้ารอแต่คนดีย์เหมือนเดิม

ขออนุญาต จขกท
อันนี้ผมสงสัยนะครับ เห็นคำว่า PR ถูกยกขึ้นมาอยู่บ่อยครั้ง ตรงนี้ในความเข้าใจของท่านคือ ลักษณะแบบไหนเหรอครับ
1. ทุกอย่างเกี่ยวกับสถาบัน ล้วนไม่ใช่เรื่องจริง PR มา
2. บางเรื่องถูก PR มาจนเกินจริงไปมากไม่ค่อยเห็นด้วย
3. ...อื่นๆ
ตรงนี้มีความเห็นอย่างไร เพิ่มเติมให้ผมด้วยผมอยากฟังความคิดเห็นครับ ขอบคุณครับ
ปล.ท่านใดมีความเห็นอื่นๆ พูดคุยกันได้ครับ เน้นเรื่องประเด็น PR นะครับ

ลองเลือกตั้งแบบสุจริตยุติธรรมสิครับ

เหตุผลที่ต้องมี สว250 สสปัดเศษ เพราะตัวเองเป็นเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ครับ โกงทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อ

ตกลงแล้วใครคือเสียงส่วนน้อย ?

อย่าลืมนะครับ ถ้าไม่ได้มีวิธีเลือกตั้งพิสดาร ไม่ได้เป็นรัฐบาลหรอกครับ

พวกแอ๊บกลาง ถ้าบอกว่า สว.250 มีอยู่แล้ว ok เนี่ย กลางจริง กลางใจไอตูบ

การเมืองผมเคยเชื่ออะไรหลายๆ ครั้งนะ แต่ก็ผิดหมดทุกครั้ง เหมือนโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนบางทีไม่อยากจะเชื่ออะไรกับนักการเมืองแล้ว

จะให้เลือกข้างคงไม่เลือก

แต่ก็เอาใจช่วยน้องๆ ให้สามารถแก้กฏที่ไม่เป็นธรรมได้แล้วกัน

เสียงข้างน้อยกว่าคืออะไร

พปชร+ภูมิใจไทย+ประชาธิปัตย์+สส.งูเห่า+สส.ปัดเศษ = เสียงข้างมาก ?

ทุกพวกที่เอ่ยไปข้างบน มีแค่พรรค พปชร พรรคเดียวที่บอกสนุบสุนตูบเป็นนายก ที่เหลือหักหลังคนเลือกทั้งหมด

ผมก็ว่างั้น ถ้ายอมถอยข้อนี้ออกมา ผมว่านายกคงโดนบีบลาออกไปละ แต่นั่นแหละภาพจำมันฝังหัวไปแล้วเรื่องรัฐประหาร ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะจบได้ยังไงหรือเมื่อไหร่ ในเมื่อฝั่งม็อบก็ยอมไม่ได้(ซึ่งผมเข้าใจ) และอีกฝั่งดูจากนิสัยแล้วก็ไม่น่าจะยอมลดอำนาจลงมา (แต่ผมว่าไม่ได้มีแค่แกที่มีผลต่อการตัดสินใจของตัวเอง ยังมีพวกมือซ้ายมือขวา พวกบริวารที่ได้ผลประโยชน์อีกมากที่จะคัดค้าน)

นักการเมืองก็คือนักการเมือง จะเอาให้ขาวสะอาด 100% มันเป็นไปไม่ได้อยู่และ

แต่อย่าลืมว่านักการเมืองเราตรวจสอบได้นะ แต่ทหารเราตรวจสอบไม่ได้

นักการเมืองมันมีหลายฝ่ายคานอำนาจกัน แต่ตอนนี้อำนาจรวมศูนย์กลาง

ชอบอยู่กันแบบนี้จริงๆหรอ อยู่แบบไม่มีปากไม่มีเสียง อยู่ใช้ชีวิตในประเทศที่ไม่พัฒนาแบบนี้หรอ

จากมุมมองแบบ Simple ของผมเลยนะครับ
PR ในมุมมองผมคือ
มันมีทั้งส่วนที่จริง และส่วนที่แต่งเสริมเพิ่มความ emotion เข้าไป คนไทยหลายๆคนชอบ
เอาเงินส่วนตัว เงินที่ได้รับจากปชช. (ไม่ว่าจะรูปแบบไหน)
ไปดำเนินโครงการต่างๆ แล้วมาลำเลิกบุญคุณว่าเป็นเพราะเค้าทั้งหมด

วันก่อนยังเห็นคนตั้งกระทู้ว่า King ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทรงงาน
ถ้ารับปีละหลายหมื่นล้าน แล้วทรงงาน (ที่มีค่าใช้จ่ายหลายส่วนตรวจสอบไม่ได้)
ผมเลือกให้ตรวจสอบงบได้แล้วไม่ต้องทรงงานแบบตปท.ดีกว่า ปล่อยหน้าที่เป็นของรัฐบาลไป

เสริมคือ ทีนี้พอปชช.เริ่มไม่แน่ใจละว่า ไอ้เงินที่ได้ไปถูกใช้อย่างถูกต้องรึเปล่า ก็แค่ออกมาอยากตรวจสอบ อยากรู้ที่มาที่ไปของงบต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ดำเนินงานต่างๆอย่างโปร่งใส ไม่ได้ใช้เงินไปในทางที่ผิด ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ก็อยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคง

แต่ผมว่ามินเนี่ยนหลายๆท่านเค้าอาจจะรู้อยู่แล้วว่าตรวจก็เจอ เลยค้านไว้ก่อนดีกว่า ค้านแบบปราศจากเหตุผลใดๆ ซึ่งสิ่งนี้ก็เกิดมาจากการ PR มาแสนยาวนานนั่นแหละครับ

ผมก็อยากรู้เหมือนกัน คนใน SS มองว่าตอนนี้ทุกเรื่องคือ PR ผมเองไม่อยากจะเถียงทุกมู้และเลือกจะมองผ่านข้อความเพราะผมก็เชียร์ม็อบราษฎร ไม่อยากให้ใครมามองว่าผมชอบเผด็จการหรือโหนเจ้า (ทั้งที่ผมยังเคารพองค์ก่อนและบางองค์อยู่)

สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ หลังๆผมว่าเริ่มแข็งกับข้อเสนอว่าต้องได้เท่านั้นเลยไรงี้มากเกินไปจนคิดว่า อาจจะอดทุกอย่างแล้วผมก็สับสนว่า ถ้าไม่ได้หมดตอนนี้แต่ได้ส่วนใหญ่ที่ทำง่าย แล้วส่วนที่ยากเพราะยังมีคนเชิงยังไม่เข้าใจมากเช่นสถาบัน ที่บางคนยังเข้าใจว่าการปฏิรูปคือการล้มล้าง เพราะม๊อปที่หยาบจนเค้ามองว่าอ๋อตกลงล้มล้างนี่หว่าไม่ใช่ทำให้ดีขึ้นอะดิก็มี ผมอยากแบบว่าถอยข้อนี้ให้เป็นว่าให้ถกกันเรื่องนี้ได้ก่อน ยังไม่ต้องไปขนาดตามข้อเสนอเป๊ะ เพื่อให้ข้อมูลแบบดีๆกับฝั่งที่เค้าก็เห็นคำหยาบที่ฝั่งนั้นรับข้อมูลอยู่ซึ่งก็มีตามเค้าเห็นจริงๆก่อน จุดนี้ถ้ามองแบบผลที่ดีขึ้นจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องชนจนไม่ได้อะไรแบบตอนประยุทธมาก็อดหมด เอาว่าใครจะมองว่ายังไงก็ตามผมไม่ต่อต้านการประท้วง เข้าใจแต่ติบางอย่างที่ไม่โอเค ถ้ามองว่าการทำงี้คือกลายเป็นฝั่งตรงข้ามก็คิดซะว่า พวกคุณสร้างผมเป็นศัตรูเพิ่มขึ้นเองโดยที่ผมไม่ได้เป็นศัตรูของคุณ

ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ทุกๆสถานการณ์ ถ้ารับรุ้ข้อมูลทั้งหมดจริงๆ ไม่มีหรอกฮะ.."คนเป็นกลาง" (ยกเว้นพวก ignorance จริงๆ)

ทุกคนมีฝั่งในใจ(ฝั่งที่ตัวเองเห็นด้วย) เรียบร้อยแล้ว...เพียงแต่เป็นไปได้ที่ อาจจะไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด หรือติดบางข้อที่ไม่แน่ใจ

การที่เค้ายังไม่แสดงออก เค้าอาจจะกำลังตัดสินใจ หรือจริงๆอาจจะตัดสินใจแล้วแต่ติดที่สภาพแวดล้อมทำให้แสดงออกลำบาก

ดังนั้นคุณจะดึงคนกลุ่มนี้มาได้ ต้องให้ข้อมูล ให้เหตุผล และชักชวนเค้าเข้าร่วม..ไม่ใช่เอะอะก็บังคับ,ตามล่า หรือไล่เค้าไปอยู่อีกฝั่ง

ที่สำคัญอีกเรื่องคือต้องคุมพวกเดียวกันเองให้อยุ่ในกรอบ..กรอบที่ชัดเจนคือ 3 ข้อหลัก + 10 ข้อสถาบัน อย่าให้เกินเลยไปกว่านั้น

อย่าให้กลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มที่หัวรุนแรงหลุด ซึ่งมันไปเข้าทางอีกฝั่ง ไปทำให้เค้าเอาไปอ้างความชอบธรรมแล้วดึงคนไปอยุ่ฝั่งเค้ามากขึ้น

ต้องคุยให้เข้าใจตรงกันก่อนดีกว่า ว่าอันนี้ใช้หลักใดแยกแยะว่าอันไหน pr ไม่ pr

เพราะยังไงก็ยืนคนละฝั่งถนน
ฝั่งถนนนึง - บอกว่า ก็รับเงินอุดหนุนมาตลอด เอาเงินไปทำนู่นทำนี่แล้วยังต้องมาให้สำนึกบุญคุณ
อีกฝั่งถนนซึ่งเยอะด้วย - ทำก็ว่า ไม่ทำก็ว่า รับเงินอุดหนุนไปแล้วก็ทำงาน(โครงการต่างๆ) แล้วนี่ไง

สรุปก็ต้องมาคุยในประเด็นความชอบธรรมในการรับเงินอุดหนุนไปใช้อยู่ดี ซึ่งไม่จบง่ายๆ

ถ้ามันตรวจสอบได้แบบที่คุณว่าก็ดีครับผ่านมากี่ยุคก็เป็นแบบที่เห็น ปชช ก็พวกใครพวกมัน เลยกังวลใจว่าเราจะได้ประโยชน์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมั้ย ผมเลยอยากให้เน้นเรื่องปฏิรูปนักการเมือง ระบบราชการ บ้าง แต่ก็ไม่รู้นะจะทำไงได้บ้าง