อ่านแรกๆเห็นใจ อ่านท้ายๆเหมือนโดนด่า ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้พูดถึงเรา หรือว่าพูดถึง

ขอโทษนะครับ ทำไมผมต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วยครับ มันเป็นงานของคุณ ขายราคาเท่าไหร่ก็เรื่องของคุณ ลูกค้าจะบ่นก็เรื่องของลูกค้า

ทุกอาชีพมีดีเทลของมันหมด หรือคุณอยากฟังเรื่องของลูกค้าที่มานั่งกินข้าวร้านคุณมั้ยละ แต่ละคนมันแตกต่างกันออกไปเยอะ

ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าที่คุณมาเล่า ต้องการอะไร แล้วทำไมผมต้องรู้ มันคืออาชีพที่คุณเลือก คุณเองนั่นแหละที่ด้อยค่ามันเอง

ปล.บ้านผมขายอาหารตามสั่งมา20กว่าปี ทุกวันนี้ผมรู้หมด ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ค่าลูกน้อง ค่าแรง

แล้วทำไม ผมต้องอยากรู้ เรื่องดีเทลของคุณ ถ้าคุณไม่อยากรู้เรื่องดีเทล ของผม คุณคงไม่คลิกเข้ามาอ่านใช่มั้ย?

ผมไม่ได้ โพสใน พื้นที่ ไพรเวท คุณอยากมาอ่านก็อ่านได้สิทธิ์ของคุณ แต่ถ้าคุณอ่านแล้วไม่ชอบ คุณจะมาบอก "ทำไมผมต้องรู้เรือ่งพวกนี้ด้วย" (เอ้า ก็คุณเลือกอ่านเอง)

ถ้าการ พูดความจริง ในสิ่งที่ คนส่วนใหญ่ไม่รับรู้เรียกว่าเป็นการด้อยค่าอาชีพตัวเอง คุณนั่นแหละ ที่ด้อยค่าอาชีพตัวเอง นั่งฟังคนอื่นด่า อาชีพที่เลี้ยงชีวิตตัวเรา และครอบครัว ด้วยการปล่อยวางให้เขามีปากก็พูดกันไป คุณรู้ทุกอย่าง แต่รับได้เวลาคนส่วนใหญ่ด่าอาชีพของเรา

คุ้นมั้ยครับ เทียบกับสังคมตอนนี้ ที่รู้ทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ในเรื่องบางเรื่อง ชอบใช่มั้ย ที่เอาปัญหาหมกไว้ใต้พรม ให้อีกสิบปี ก็ยังเหมือนเดิม อาหารตามสั่งแมร่งเห็นแก่ได้ บลาๆ

แปลกใจแค่ คุณขายมา 20 ปี รู้ทุกอย่าง แต่คุณไม่ทำอะไรเลย ในเวลา ที่สังคม ต้องการเหตุผล ทำไมต้องขึ้นราคา โครตจะแมนจริงๆ ขึ้นราคา โดยไม่สนใจคำด่า ซินะ ใครจะด่าช่างมัน กูไม่ไหวกูขึ้น ไม่ต้องมารู้เหตุผล ของร้านกู แบบเนี้ยะหรอ ที่ทำไมตลอด

ปล. ทุกอาชีพ เวลาออกมาโพส ปัญหาในการทำงาน ถือเป็นการด้อยค่า หมดทุกอาชีพมั้ย? ถ้าตรรกะ คุณเป็นแบบนี้ หมอ โพสเรื่องโควิด มอไซวินโพสอุบัติเหตุ แกรปโพสลูกค้าด่าทอ ถ้าแมร่งทุกเรื่องเป็นที่ความจริง พูดไม่ได้เลย ถือเป็นการดูถูกอาชีพตัวเอง แมร่งต้องปั้นคำพูดสวยหรู ประดิบคำเพราะๆ อวยได้อย่างเดียว สังคมมันต้อง ใส่หน้ากาก เข้าหากัน หรือใส่ที่อุดหู ไม่ต้องสนใจคนตำหนิโดยไร้เหตุผล นี่หรอ สังคมอุดมคติ ของคุณ?

ประเด็นของคุณโพสมุมมองคนขายผมเฉยๆนะ ทุกคนรับฟังผมรับฟัง คุณเหนื่อยผมเข้าใจ แต่คุณเอาอาชีพอื่นมาพูดถึง ผมเลยบอกคุณว่า คุณอยากฟังชีวิตของพนักงานออฟฟิสที่มากินร้านคุณบ้างไหมละ ว่าชีวิตเขาเป็นแบบที่คุณพูดถึงไหม สุดท้ายคุณก็มาเล่าในมุมคุณ พนักงานออฟฟิสเขาก็แบกรับมุมของเชา คุณมาเทียบมันคือการด้อยค่าสิ่งที่คุณเลือกเอง

คำตอบคุณเองก็ยังบอกทำไมคุณต้องอยากรู้เรื่องพนักงานออฟฟิส แล้วคำถามมันก็ย้อนมาว่าทำไมพนักงานออฟฟิสต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้

มันคือหน้าที่ของคุณเองครับ ไม่ใช่หน้าที่ที่ลูกค้าต้องเข้าใจในสิ่งที่คุณแจกแจง เขามาบริโภค ไม่ได้มาทำรายงานครับ เข้าใจลูกค้าให้ถูกประเด็น เขามองแค่สิ่งที่เขาจ่าย กับความคุ้มค่า คุณแค่อธิบายว่า มันราคาขึ้นเพราะอะไร พ้อย ลูกค้าฟังแค่นพื้นฐาน เขาไม่อยากรู้หรอกคุณต้องตื่นกี่โมง ขั้นตอนการทำ บลาๆ แล้วยิ่งมาพูดเชิงพนักงานออฟฟิสว่าสบาย บางคนเขาตื่นเช้าเลิกดึกกว่าคุณอีก อีกอย่างนะครับ บางสายงานความเครียดความกดดันมันสูงเหมือนกันครับ

เกิดวันนึงผมตั้งมาบ่นว่าเหนื่อยกับงาน แล้วมาเจอพ่อค้าอาหารตามสั่งไร้สาระอีก มาบ่นว่าเหนื่อย แถมแขวะ มาพูดว่าชีวิตพนักงานออฟฟิสสบายนิ ถ้าเขาบอกว่าพ่อค้าแม่งก็แค่ผัดเฉยๆจะยากไรวะ สมองก็ไม่ต้องคิด
คิดว่าเขารู้สึกยังไงครับ

คำตอบคุณเองก็ยังบอกทำไมคุณต้องอยากรู้เรื่องพนักงานออฟฟิส แล้วคำถามมันก็ย้อนมาว่าทำไมพนักงานออฟฟิสต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ <<< ผมบอกชัดนะท้ายประโยค ว่าผมไม่ได้อยากถาม ผมอยากบอก



คุณเข้าใจ ภาษาไทยแตกฉาน ดีใช่มั้ยครับ?

ผมยังยืนยัน ว่าไม่ได้อยากรู้ เพราะ คนออฟฟิศบางคน พิมพ์ในบอร์ดวาไรตี้ ด่าคนขายอาหารตามสั่ง หลายรีพลาย หลายยูส ผมอ่าน มาหลายโพสแล้วครับ เลยไม่อยากรู้ ว่าคนออฟฟิศ เขาจะคิดอย่างไรเพิ่มอีก ย้ำว่า ผม ไม่ได้อยากถาม (หมายความว่า ไม่ต้องตอบก็ได้พวกที่ผมกล่าวถึง คำตอบน่ะ เก็บไว้ในใจพวกคุณได้เลย) แต่ผมอยากบอก ซึ่งถ้าไม่มีคนอ่านก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีคนอ่าน แสดงว่าคุณได้รับรู้ ในสิ่งที่ผมอยากบอก ไม่ต้องให้ผม แปลไทย เป็นไทย อีกใช่มั้ย?

คุณแค่ไม่ได้อ่าน กระทู้ที่ตั้งเกี่ยวกับราคา อาหารในช่วงนี้มากกว่า บังเอิญผมไม่ใช่ คนที่ทางบ้านขายอาหารตามสั่ง

แต่ผมคือคนที่ขายอาหารตามสั่ง เลี้ยงชีพ และครอบครัว ผมเห็น แต่ คำพูดแย่ๆ ที่ไม่ได้มาจาก ความเข้าใจ ในสิ่งที่เรียกว่า ความจริงเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละ คือ ปัญหา ที่ผม ลุกขึ้นมาโพส ไม่ใช่ อยู่ดีๆ หลับหูหลับตาโพส ผมไม่อยากมานั่ง พิมพ์ให้เมื่อยมือ ให้คนที่ไม่มีความคิดความอ่านฟัง การที่ผมคิดว่า ควรออกมาพูดความจริง เพราะ คิดว่า ที่นี่ ควร มีวุฒิภาวะ พอ ที่จะเข้าใจว่าปัญหาจริงๆ มาจาก ผู้บริโภค ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่วิจารณ์กันมันปาก มันมือ

"เกิดวันนึงผมตั้งมาบ่นว่าเหนื่อยกับงาน แล้วมาเจอพ่อค้าอาหารตามสั่งไร้สาระ มาบ่นเรื่องค่าอาหาร แถมแขวะ มาพูดว่าชีวิตพนักงานออฟฟิสสบายนิ
คิดว่าเขารู้สึกยังไงครับ" <<< ประโยคนี้ของคุณ นั่นแหละ คือความหมายของสองบรรทัดท้ายของผม ถ้าพวก ที่เดินมากิน แล้วบ่น ว่า ตามสั่งรายได้ดี รวยจะตาย กำไรดี ออกรถป้ายแดงกันเพียบ งั้นก็ออกมาครับ จากตรงนั้นที่คุณคิดว่ามันด้อยกว่าขายอาหาร มาขาย อาหารตามสั่ง ถ้าคุณคิดว่า มันเลวร้ายนักกับการขึ้นราคาอาหาร รายได้ดีแท้ ขายอาหาร หรือ สบายแท้ขายอาหาร คุณก้าวออกมาจาก จุดที่คุณอยู่ แล้ว มาจับตะหลิว จับกะทะได้เลย นั่นคือที่ผมจะสื่อไง ผมไมไ่ด้พิมพ์สักประโยค ไม่ว่าตรง อ้อม สื่อสารแบบลึกซึ้ง อะไรก็ไม่มี ผมไม่ได้ดูถูก คนทำงานออฟฟิศ เพราะเพื่อนผมในกรุงเทพ ทำงานออฟฟิศกันหมด ผมรู้จักระบบงาน ดี แต่ผม โพสดัก พวก ออฟฟิศ ที่มองว่า ตามสั่งสบายยยยยย รวยยยยย หน้าเลือดดดดด เห็นแก่ได้


คุณนี่นะ ควรอ่านแล้วตีความให้ดีกว่านี้ ผมว่าคุณไม่ได้เข้าใจที่ผมสื่อเลย แล้วคุณคงไม่ได้ ขายอาหาร เองแต่ที่บ้านขาย คุณบอกเหมือนเข้าใจ แต่เชื่อเถอะ ตราบใด ที่คุณไม่ได้จ่ายตลาดเอง แล้วไปยืนหน้าเตาด้วยตัวเอง คุณพูดอะไรออกมา คุณไม่เข้าใจ คนที่เขาอยู่ตรงหน้าเตาจริงๆหรอก เวลาที่คุณต้องเอาเหงื่อ แลกเงิน มันไม่ได้มาง่ายๆ ผมบอกได้แค่นี้

ดีนะผมทำกับข้าวกินเอง

คุณลองดูความเห็นส่วนใหญ่แล้วกันครับ มันติดตรงไหน ที่คุณพูด

ปล.ผมขายกับที่บ้านตั้งแต่เด็กครับ จ่ายตลาดตั้งแต่ตี3บ้าง ถ้าบางวันไม่จ่ายก็จะตื่นมาถึง6โมงเช้า มาช่วย เฉือนกุ้ง ล้างผัก เด็ดใบกระเพรา มีอีกเยอะครับ พอเสร็จก็ช่วยจัดร้านถึง7โมงค่อยไปเรียน เป็นงี้ตั้งแต่ผมประถมยันจบม.ปลาย วันหยุดปิดเทอม ผมก็ไปช่วยจ่ายตลาดครับ แถมผมปั่นจักรยานส่งข้าวแทนพ่อกับแม่อีกครับ ผัดข้าวก็เคยช่วยพ่อผัดหน้าเตาครับ แต่พ่อปรุงเพราะพ่อทำไม่ทันบางที ผมก็ยืนผัดให้ครับ ผัดเองก็พอรู้ปรุงอะไร ที่บ้านผมตื่นเช้าเพราะทำข้าวแกงขายตอนเช้าด้วยครับ เลยต้องเตรียมของแต่เช้าประจำ
ไม่ใช่ไม่เคยทำ เคยทำมาตั้งแต่เด็กครับ

ขายกระเพราะตั้งแต่จานละ20-25 บาท จนตอนนี้ก็ขายแค่35บาทครับ บ้านผมซื้อบ้านก็จริงครับ แต่ซื้อบ้านมาเพื่อขายอาหารตามสั่งเลยครับ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็ค่อนข้างสูง2หมื่นบวกต่อเดือน จนตอนนี้บ้านที่ซื้อมาผ่อนเสร็จแล้วครับ ข้าวก็ยังขายอยู่ :)

ถามว่าเคยมีเคยมีมาจ้าง ให้บ้านผมทำกับข้าวกล่องเป็น600กล่องเหมือนกันครับ แต่ขอกล่องละ15 บาท พ่อผมบอกไม่เอามันเหนื่อย แต่เราเข้าใจลูกค้าครับ แต่บอกขอโทษที่อาจจะไม่ไหวครับ
เล่าให้ฟังเฉยๆครับ ทุกวันนี้ผมเป็นพนักงานเงินเดือน เครียดเหมือนกันครับ อยากกลับมาขายข้าวกับพ่อแม่เหมือนเดิม :)

ถ้าคุณให้ผมดูความเห็นส่วนใหญ่ แล้วคุณดู แผล่บส่วนใหญ่ บ้างหรือยังครับ? หรือ แผล่บโดยไม่ออกความเห็น เป็นเสียงที่ไม่มีความหมายสำหรับคุณ หลังไมค์ผมก็มีคนค้าขาย ที่มาแสดงความเข้าใจผม ผมพูดในสิ่งที่หลายคน ไม่กล้าพูด ผมผิดเองแหละครับ ที่ออกมาพูดด้อยค่าอาชีพตัวเอง

แต่นั่นคุณกำลังด้อยค่า อาชีพ ออฟฟิศอยู่หรือเปล่า? แต่คิดว่าคงไม่หรอกมั้ง


จากที่อ่าน สถาบันการเงินปล่อยเงินให้ผ่อนบ้าน แสดงว่า ต้องมีหลักทรัพย์ หรือหน้าที่การงาน ที่ดีมั่นคงในระดับนึงแล้ว

ผมก็ไม่อยากอ้าง ถึงต้นทุนชีวิต ที่แตกต่าง แต่ถ้าคุณคิดว่า มันทำได้ ผมก็นับถือครับ ถ้าขายอาหารอย่างเดียว จนผ่อนอสังหาได้เป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ผม เคยฝันไว้ แต่ทำไม่ได้จริงๆ ค่าครองชีพในเมืองหลวง มันโหดเกิน กว่าที่ ผมขาย อาหาร ในกำไร ต่ำกว่า ต้นทุน มาก แค่เหลือเก็บ หลักพันต่อเดือน ก็หืดขึ้นคอแล้ว

ถ้ายังไง ช่วยเล่า ประสบการณ์ ให้ฟังบ้างก็ได้นะครับ อยากรู้เส้นทาง ต่อสู้ ว่า กู้ซื้อบ้าน ผ่อนสองหมื่นต่อเดือน

อาหาร 20-25 บาท ขายกับลูกจ้าง บริหารอย่างไร ให้ยืนได้ ผมไม่ได้กวนนะ อยากรู้เป็นวิทยาทาน ว่า จ่ายตลาดวันละเท่าไหร่ ยอดขายเท่าไหร่ ค่าจ้าง ค่าผ่อนที่ เท่าไหร่ หักแล้วเหลือเท่าไหร่ มีเงิน ส่งลูกเรีียนเท่าไหร่ มีเหลือซื้อรถ หรือ หย่อนอารมณ์ท่องเที่ยว ได้ตก เดือนละเท่าไหร่ ขอบคุณครับ

ไม่อยาก อีดิท โพสเดิมบ่อย ยังไงอีกเรื่อง ขอคุณ JoOz ระบุข้อความ ที่ผมดูถูก คนทำงานออฟฟิศ ให้ด้วยนะครับ เพราะ ถือว่าผมเสียหาย คุณกล่าวหาในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ผมยืนยัน ว่าไม่มีข้อความประโยคไหน ที่ผมดูถูก คนทำงานออฟฟิศ เลยแม้แต่น้อย ในกระทู้นี้

แต่ถ้าข้อความเชิญชวน ให้มาขายอาหารตามสั่ง ก็ชัดเจน ว่าผมพิมพ์ ยินดีให้คำแนะนำนะครับ ถ้าใครอยากรวยด้วยอาหารตามสั่ง ถ้างานออฟฟิศ มันสู้ขายอาหารไม่ได้จริงๆ ลาออกจากงานออฟฟิศ มาปรึกษาผมได้ ผมจะบอกตั้งแต่ เกือบเจ๊ง จนร้านยืนได้เลยครับ

จะรอดูข้อความ ที่คุณ JoOz คิดว่าผม ไปดูถูก คนออฟฟิศนะครับ มันเป็น fact ที่ควรหามาให้ได้ ก่อนที่จะกล่าวหา

ผมลืมตอบคุณประโยคนี้

"คำตอบคุณเองก็ยังบอกทำไมคุณต้องอยากรู้เรื่องพนักงานออฟฟิส แล้วคำถามมันก็ย้อนมาว่าทำไมพนักงานออฟฟิสต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้"

ที่ พนักงงานออฟฟิศต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะ เขาวิจารณ์ ก่อน โดยที่ไม่รู้ข้อมูลไงครับ การพูดอะไรในทางลบ ถึงคนอื่นโดยที่ไม่รู้ข้อมูล ผมว่ามันแย่มากนะ แต่การแย่ยิ่งกว่านั้น คือ การที่มีคนเอาข้อมูล ข้อเท็จจริง มาให้รับรู้ กลับ ยังมองไม่เห็นถึง ต้นตอของปัญหา

ผมไม่ได้อยู่ดีๆ ออกมาพิม แต่ผม ออกมาเพราะ ความเห็นชุ่ยๆ หลายความเห็น จากสมาชิกเว็ปนี้ ที่ไม่ควรปล่อยให้เขา เข้าใจผิดๆไป

ทำไมคุณถึง ไม่มองต้นตอ ของปัญหา บ้างนะคุณ JoOz หรือ ปัญหา ควรมีไว้หมก ถึงจะเหมาะกับสังคมไทย

อ่านจบได้แต่คิด "กูผิดอะไรวะ"

ผมก็คิดแบบนั้นแหละก่อนตั้งกระทู้นี้ ค้าขายฝืดเคืองแบกรับค่าต้นทุนสูงมานานละ ยังไม่ทันขึ้นราคาด้วยซ้ำ เจอสังคม ด่าทอ ล่วงหน้าไปละ "กูผิดอะไรวะ" ก็เกิดขึ้นในใจ เหมือนที่คุณรู้สึก กับกระทู้ผมนี่แหละ ขอบคุณ ที่เข้าใจความรู้สึกผม ด้วย วลี " กูผิดอะไรวะ "

Fix cost เท่าเดิม หมูขึ้นราคา ผักขึ้นราคา

ถ้าหมูจานละ5บาทจริง ราคาหมูขึ้นเท่าตัวไหมเมื่อเทียบกับปบายปีที่แล้ว ไม่ใช่ 5-10ปีก่อน

ผมไปเช็คมา จากปีที่แล้ว หมูขึ้นราคามาประมาณ50%

= ต้นทุนหมู เป็น 7 บาท ขึ้นมา 2 บาท ผัก ซื้อเป็นกิโล ถ้าเป็นต่อจาน คงขึ้นไม่มากเท่าหมูแน่ เต็มที่ 1บาท

สรุป ต้นทุนอาจจะขึ้น 2-3บาท บางร้านขึ้นราคา 10 บาท 15 บาท คืออะไร


เพิ่ม ทุกอาชีพมีความเสี่ยงในแบบของตัวเอง วันนึงหมูอาจจะเหลือ 120 บาทก็ได้ถ้าไหลมาจากอเมริกา ผักอาจจะลดครึ่งๆก็ได้ถ้าไหลมาจากจีน

ถึงตอนนั้นร้านพวกนี้คิดจะลดราคาไหมล่ะ คงมีข้ออ้างอื่นอีก

มีช่วงนึงหมูไก่ราคาตก ไม่เห็นจะมีใครพูดเลย
เป็นความเสี่ยงที่ พอได้จะเอาเงียบไว้ พอเสียออกมาโวยวาย แบบนี่ใช่หลอ

ผมว่า ลูกค้าทุกคนไม่ได้เข้าใจเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบที่ท่านบอก

การที่อยู่ๆเราไปปรับราคาขึ้น โดยไม่มีปัจจัยอะไรที่เค้ารับรู้ได้ชัดเจนเลย สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ
"อ้าว ทำไมราคาขึ้นล่ะ" "อ้าวขึ้นราคาหรอ" "แหม่ แค่นี้ก็รวยจะแย่เเล้ว"

นี่แหละครับ ทำไมต้องปรับราคาภาพรวม ในวันที่มันมีเหตุให้เห็นว่าควรปรับ ซึ่งในที่นี้คือหมูเเพง

ซึ่งร้านที่ปรับเพราะหมูเเพง สื่อสารออกมาแบบนั้นก็มี หรือร้านที่ปรับแบบโมโม่ก็มี (ร้านผมปรับก่อนหมูเเพง)

เเต่ perception ของลูกค้าส่วนใหญ่ก็มาจากหมูแพงอยู่ดี

ผมเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดว่าทุกคนควรให้เกียรติกัน มีไรก็บอกกันตรงๆ เชื่อในกลไกราคาว่ามันมีอยู่ ใครปรับขึ้นไม่ดูอะไรเลยก็ควรจะขายไม่ได้

แต่ลูกค้าโมโม่กับลูกค้าร้านตามสั่งของ จขม + ร้านเล็กๆ อื่นๆ มันไม่เหมือนกันหรอกครับ มันก็เลยใช้วิธีต่อกรได้ไม่เหมือนกัน

เอาจริงนะท่าน หน้างานผมก็ไม่บ่นใส่ลูกค้าหรอก ใครจะกล้า

แต่หลังไมค์แบบนี้ ผมก็อยากอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจให้ได้สักที ไม่ต้องไปแขวะร้านอาหารต่างๆ หน้าไมค์

มันจะขุ่นเคืองใจกันซะเปล่าๆ