ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Sep 2010
ตอบ: 4328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:08
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ชั้นจะเล่นซัพพอร์ต พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ไม่เห็นวูฟต้องทำไรแบบนั้นเลยนี่ แล้วดูผลงานเค้าตอนนี้ ใครอยากเจอวูฟบ้าง

ต้องโกงเหรอคับถึงจะเจริญไวๆ อ่อๆๆ ผมลืมไป ไม่ได้โกงสินะ แค่เลี่ยงบาลี..  


แล้วถามว่าตอนนี้ในสายตาคุณวูฟล์เป็นทีมใหญ่หรือยัง ?
เป็นหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเลยเหรอ ?
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้กี่ฤดูกาลถึงจะมาถึง ?

ผมไม่อยากทะเลาะเรื่องผิดไม่ผิด เพราะมู้นี้พูดถึง FFP ซึ่งมันไม่ได้แฟร์ตามชื่อของมันเลย

ยกตัวอย่างซิตี้ หลังจากถูกอัดฉีดเงินโดยชีคมานชูร์ ใช้เวลา 1 ปี ได้ไปเตะยูโรป้า
ใช้เวลา 2 ปี ได้ไปเตะยูฟ่า และใช้เวลา 3 ปี มาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค นี่คือผลของการอัดเงินเข้าไปในระบบ
ไม่ต้องไปมองไหนไกลครับดูลิเวอร์พูลทีมรักท่าน ก่อนหน้านี้ ยุคปู่รอย ยุคดักลิช ยุคราฟา ผมงานยังลุ่มๆดอนๆ ลูกผีลูกคน
แต่ก็ได้เงินจากสปอนเซอร์ไปปีละหลายร้อยล้านเหมือนเดิม
แมนยู ตั้งแต่เซอร์ออกไป ผลงานไม่ได้ว้าวเหมือนตอนนั้นเลย แต่ชื่อเสียงยังขายได้ แมนยูมีรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียวปีละ 200-300 ล้าน
ซึ่งกว่าแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล จะมาถึงจุดนี้ได้ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
แต่ซิตี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่ กลายเป็นเต็งแชมป์ทุกรายการที่ลง

ในส่วนของวูลฟ์แบบที่ท่านอ้างอิงมา เค้าสร้างทีมมาจะ 4-5 ปีแล้วตั้งแต่เป็นโปรตุเกตคอนเนคชั่น ตอนนี้ยังไปไกลสุดได้แค่ยูโรป้าอยู่เลย
แล้วอีกกี่ปีวูลฟ์ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นเต็งแชมป์แบบทีมบนๆได้ล่ะครับ


นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มันเกินขึ้นครับ
 


สรุปคือจะบอกว่าถ้าต้องเป็น Top ทีมแบบแมนยู ลิเวอร์พูล ก็ต้อง Edit เงินเค้าไปเท่านั้นใช่มั้ย? ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ใช่มั้ย? มันจะต่างอะไรจากสมมุติว่าผมที่เป็นคนธรรมดาแต่อยากเป็นคนรวย โดยการไปปล้นเงินมาจนรวย ผมคงรวยได้ด้วยวิธีนี้เพราะมันรวยเร็วสุด จะไปทำอะไรสุจริตก็คงไม่มีทางรวยไวกว่านี้หรอก

แต่ในเกมส์ฟุตบอลวิธีที่ทีมคุณทำยังไงมันก็ผิด ไม่ว่าจะทางไหนมองดีไม่ได้เลยจริงๆ
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 1603
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:08
แด่แฟนแมนซิครับ
ตรรกะ เจ้าของมุ้พังไปน่ะครับ ทีมใหญ่อย่างแมนยู ลิเวอ อาน่อล ไม่ใช่ว่ามาเริ่มดัง เขาสร้างฐานแฟนบอลด้วยผลงานมา กี่สิบปีแล้วย้อนหลังไปดู
ยิ่งแมนยู ลิเวอ เริ่มต้นก้ไม่ได้ดังห่าไรเลย เขาก้สร้างผลงานทีมกันมาเป็นสิบๆปี กว่าจะมีแฟนบอลทั่วโลก รายได้จะมั่นคงกว่าทีมเล็กก้ไม่แปลก มาบอกให้ใช้เงินเท่าทีมเล็ก แล้วอะไรคือ แฟร์สำหรับทีมใหญ่ๆละครับ
แต่การอัดฉีดเงินโดยใช้ช่องโหว่งแบบแมนซิ ปารีส
นี่สิ โกงเรื่องรายรับเกินจริงไปมากน่ะ
สโมสรเล็ก ถ้าอยุ่รอดในพรีเมีย สองปีนี่ก้กำไรไม่รุ้เท่าไรละจากค่าถ่ายทอดสด เงินรางวัลอีก

ปล..ถ้าเป็นลีคอื่น สโมสรเล็กอ่ะตายแบบเห้นๆเลย
ถ้าเจอโกงการเงินแบบนี้ ยกตัวอย่าง ลีกเอิง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: GAMIN
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 11730
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:09
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
มองแค่ผิวเผิน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Sep 2013
ตอบ: 12504
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:09
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
มีคนความคิดแบบนี้ในสังคม โคตรน่ากลัวเลยนะ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ARSENAL till i die
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 4283
ที่อยู่: YG stan/ITZY/Taeyeon/BIBI/Zico/Jaypark/Sik-k/NewJeans
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:11
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ชั้นจะเล่นซัพพอร์ต พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ไม่เห็นวูฟต้องทำไรแบบนั้นเลยนี่ แล้วดูผลงานเค้าตอนนี้ ใครอยากเจอวูฟบ้าง

ต้องโกงเหรอคับถึงจะเจริญไวๆ อ่อๆๆ ผมลืมไป ไม่ได้โกงสินะ แค่เลี่ยงบาลี..  


แล้วถามว่าตอนนี้ในสายตาคุณวูฟล์เป็นทีมใหญ่หรือยัง ?
เป็นหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเลยเหรอ ?
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้กี่ฤดูกาลถึงจะมาถึง ?

ผมไม่อยากทะเลาะเรื่องผิดไม่ผิด เพราะมู้นี้พูดถึง FFP ซึ่งมันไม่ได้แฟร์ตามชื่อของมันเลย

ยกตัวอย่างซิตี้ หลังจากถูกอัดฉีดเงินโดยชีคมานชูร์ ใช้เวลา 1 ปี ได้ไปเตะยูโรป้า
ใช้เวลา 2 ปี ได้ไปเตะยูฟ่า และใช้เวลา 3 ปี มาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค นี่คือผลของการอัดเงินเข้าไปในระบบ
ไม่ต้องไปมองไหนไกลครับดูลิเวอร์พูลทีมรักท่าน ก่อนหน้านี้ ยุคปู่รอย ยุคดักลิช ยุคราฟา ผมงานยังลุ่มๆดอนๆ ลูกผีลูกคน
แต่ก็ได้เงินจากสปอนเซอร์ไปปีละหลายร้อยล้านเหมือนเดิม
แมนยู ตั้งแต่เซอร์ออกไป ผลงานไม่ได้ว้าวเหมือนตอนนั้นเลย แต่ชื่อเสียงยังขายได้ แมนยูมีรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียวปีละ 200-300 ล้าน
ซึ่งกว่าแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล จะมาถึงจุดนี้ได้ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
แต่ซิตี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่ กลายเป็นเต็งแชมป์ทุกรายการที่ลง

ในส่วนของวูลฟ์แบบที่ท่านอ้างอิงมา เค้าสร้างทีมมาจะ 4-5 ปีแล้วตั้งแต่เป็นโปรตุเกตคอนเนคชั่น ตอนนี้ยังไปไกลสุดได้แค่ยูโรป้าอยู่เลย
แล้วอีกกี่ปีวูลฟ์ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นเต็งแชมป์แบบทีมบนๆได้ล่ะครับ


นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มันเกินขึ้นครับ
 


แล้วเลสเตอร์หละท่านก้าวขึ้นมาจากลีกรอง ต่อมาขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค ตอนนี้เค้าก็อยู่ที่ 3 ลุ้นพื้นที่top4 แย่งกับทีมใหญ่ๆทั้งนั้น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ถ้าคุณกรีดเลือดผมออกมา มันคงเป็นสีฟ้าแน่ๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7930
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:12
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
vit_bank พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ชั้นจะเล่นซัพพอร์ต พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ไม่เห็นวูฟต้องทำไรแบบนั้นเลยนี่ แล้วดูผลงานเค้าตอนนี้ ใครอยากเจอวูฟบ้าง

ต้องโกงเหรอคับถึงจะเจริญไวๆ อ่อๆๆ ผมลืมไป ไม่ได้โกงสินะ แค่เลี่ยงบาลี..  


แล้วถามว่าตอนนี้ในสายตาคุณวูฟล์เป็นทีมใหญ่หรือยัง ?
เป็นหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเลยเหรอ ?
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้กี่ฤดูกาลถึงจะมาถึง ?

ผมไม่อยากทะเลาะเรื่องผิดไม่ผิด เพราะมู้นี้พูดถึง FFP ซึ่งมันไม่ได้แฟร์ตามชื่อของมันเลย

ยกตัวอย่างซิตี้ หลังจากถูกอัดฉีดเงินโดยชีคมานชูร์ ใช้เวลา 1 ปี ได้ไปเตะยูโรป้า
ใช้เวลา 2 ปี ได้ไปเตะยูฟ่า และใช้เวลา 3 ปี มาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค นี่คือผลของการอัดเงินเข้าไปในระบบ
ไม่ต้องไปมองไหนไกลครับดูลิเวอร์พูลทีมรักท่าน ก่อนหน้านี้ ยุคปู่รอย ยุคดักลิช ยุคราฟา ผมงานยังลุ่มๆดอนๆ ลูกผีลูกคน
แต่ก็ได้เงินจากสปอนเซอร์ไปปีละหลายร้อยล้านเหมือนเดิม
แมนยู ตั้งแต่เซอร์ออกไป ผลงานไม่ได้ว้าวเหมือนตอนนั้นเลย แต่ชื่อเสียงยังขายได้ แมนยูมีรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียวปีละ 200-300 ล้าน
ซึ่งกว่าแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล จะมาถึงจุดนี้ได้ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
แต่ซิตี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่ กลายเป็นเต็งแชมป์ทุกรายการที่ลง

ในส่วนของวูลฟ์แบบที่ท่านอ้างอิงมา เค้าสร้างทีมมาจะ 4-5 ปีแล้วตั้งแต่เป็นโปรตุเกตคอนเนคชั่น ตอนนี้ยังไปไกลสุดได้แค่ยูโรป้าอยู่เลย
แล้วอีกกี่ปีวูลฟ์ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นเต็งแชมป์แบบทีมบนๆได้ล่ะครับ


นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มันเกินขึ้นครับ
 


สรุปคือจะบอกว่าถ้าต้องเป็น Top ทีมแบบแมนยู ลิเวอร์พูล ก็ต้อง Edit เงินเค้าไปเท่านั้นใช่มั้ย? ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ใช่มั้ย? มันจะต่างอะไรจากสมมุติว่าผมที่เป็นคนธรรมดาแต่อยากเป็นคนรวย โดยการไปปล้นเงินมาจนรวย ผมคงรวยได้ด้วยวิธีนี้เพราะมันรวยเร็วสุด จะไปทำอะไรสุจริตก็คงไม่มีทางรวยไวกว่านี้หรอก

แต่ในเกมส์ฟุตบอลวิธีที่ทีมคุณทำยังไงมันก็ผิด ไม่ว่าจะทางไหนมองดีไม่ได้เลยจริงๆ  


เหมือนบางทีที่ผมสาธยายมายืนยาวมันอาจจะยากเกินการตีความของคุณนะครับ
ผมจะสื่อคือกฎนี้มันไม่ได้"แฟร์"แบบชื่อของมันเลย ทีมใหญ่ มีเงินให้จ่ายปีละ 200-300 ล้าน
กลับกันทีมเล็กมีเงินใช้ปีละไม่ถึง 50 ล้าน มันจะแฟร์ยังไง
ทีมเล็กต้องปูรากฐานนานแค่ไหนถึงจะขึ้นมาเป็นทีมใหญ่แบบเต็มตัวได้ ถ้าไม่มีเงินอัดฉีดแบบซิตี้

นี่แหละครับที่ผมบอกว่ากฎนี้มันไม่แฟร์
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Sep 2010
ตอบ: 4328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:12
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


คือยังไงก็จะแถไปให้ได้ใช้มั้ย อ่ะผมจะเทียบแบบที่คุณว่ามาให้เห็นภาพเลยนะ ปี 2012 โรงเรียนออกกฏว่าถ้าจะใช้เงินต้องใช้เงินของตัวเองห้ามให้เสียเปย์ ต้องหาเงินที่ได้มาด้วยตัวเอง สรุปเสี่ยของคุณก็ยังแอบเปย์ตังค์ให้ สุดท้ายเค้าก็รู้กันหมดว่าเสี่ยคุณแอบเปย์ตังค์ให้ทั้งๆที่ออกกฏมาแล้ว มันก็โกงอยู่ดีมั้ย

แล้วจะมาบอกว่าถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันทำไง ก็สร้างทีมสิครับจริงๆแมนซินี่โดนเทคมาตั้งแต่ปี 2008 แล้วนะโดยท่านชีคเนี้ย ทีมปี 2012 ก่อนออกกฏแฟร์เพลยังไม่เก่งพออีกเหรอ แค่นั้นก็น่าจะพอและนะ นี่ยังโกงกะใช้เงินสร้างโคตรทีม ไม่ต่างจากถ้าผมเล่น FM แล้วไปแอดนักเตะเก่งๆมาเลย ไม่ต่างกันเลย

ทีมอย่าวูล์ฟ เลสเตอร์ก็โตด้วยตัวเองได้ ไปดูสิ ถ้าจะมาก้าวกระโดดแบบโกงๆแบบนี้เพื่อนคนไหนอยากจะเล่นกะคุณหล่ะ พอเหอะมั้งอย่าแถต่อเลย  


ผมพูดกฎ กฎนี้อย่างเดียว ว่ามันไม่แฟร์ตั้งแต่ต้น ไม่เกี่ยวกับเคสผิดกฎของซิตี้
ในเมื่อมู้นี้พูดถึงกฎ FFP ผมก็พูดความเห็นของผมในส่วนของกฎ FFP แยกให้ออก อย่าเอามารวมกันครับ
ทีมผมจะโกง จะไร้คลาสอะไร ก็ตามใจคุณ ไปเถียงกันในอีกมู้ แต่ในกระทู้นี้ผมพูดถึง"ความแฟร์"ของกฎนี้
ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัว ผมมองแค่ผิวเผินแล้วรู้สึกว่ากฎนี้มันไม่ได้แฟร์มาตั้งแต่ต้น

โอเคไหมครับ ?
 


ก็แค่อย่าใช้เงินเกินรายได้ของทีม มันก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ จะให้แฟร์ของคุณคือยังไงอ่ะ ไปบังคับพวกที่เชียร์ทีมใหญ่ๆไปเชียร์ทีมเล็กๆบ้างเงี้ยเหรอ มันบังคับกันได้เหรอ มันอยู่ที่การจัดการอ่ะ ถ้าจัดการเก่งดีทีมคุณก็โตได้ ดูอย่างดอร์ทมุนก็ได้ ก่อนคล็อปจะคุมอยู่ Top 10 ด้วยซ้ำ คล็อปตอนนั้นยังไม่ได้ดังอะไรเลยด้วย แล้วพอคุมไปกลับได้แชมป์โดยที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะเลยด้วยซ้ำ และจากวันนั้นดอร์ทมุนก็กลายเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์ทุกปี

มันไม่แฟร์ยังไงเหรอ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8868
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:13
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 

1.กฎมันมีผ่อนผันอยู่แล้วครับ ดูเคสมิลานได้ คือถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนใหม่เขาให้เวลาคุณประมาณ 2 ปี ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ
2.ตอนออกกฎนี้ใหม่ๆเขาไม่ให้บังคับใช้ปุบปับ กว่ากฎนี้จะบังคับใช้จริงก็ 5 ปีตั้งแต่ประกาศว่าจะใช้
3.กฎนี้ของยูฟ่า แปลว่าสโมสรที่ยังไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปคุณอัดเงินไปได้อีก

ดังนั้นเรื่องการลงทุน ทีมเล็กถีบตัวเองขึ้นไปสู้ทีมใหญ่ได้แน่นอน เขาไม่ได้ล็อคตายขนาดนั้น

และเห็นยกตัวอย่างมาว่าแมนฯซิเหมือนเด็กเสี่ยเลี้ยง คำถามจริงๆคงไม่ใช่ทำอย่างไรให้ขึ้นไปเทียบพวกลูกคนรวยได้ แต่เป็นถ้าเสี่ยเลิกเลี้ยงขึ้่นมาจะทำอย่างไร เจอเสี่ยดีๆก็รอดไป เจอเสี่ยขี้เบื่ออยากเลิกก็เลิกสโมสรฉิบหายแน่นอน กฎนี้ถึงได้ออกมา สมัยนั้นสโมสรฟุตบอลโดนแซวว่าเป็นของเล่นคนรวยแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆถ้าจะทวงหาความแฟร์ ทีมอื่นมีเรื่องให้บ่นแมนฯซิตี้เยอะ เอาแค่เอกชนลงทุนสู้กับรัฐบาลนี่ก็ไม่แฟร์ที่สุดแล้ว
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 415
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:14
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ตรรกกะโคตรเพี้ยนเลยครับ ทีมเล็กได้ 100 แต่ค่าเหนื่อยในทีมไม่เท่าทีใหญ่ ยังไงก็เหลือเงินซื้อนักเตะ


หันไปดุ สเปอร์ เลสเตอร์บ้าง ทำไมทำทีมขึ้นมาเป็นแชมป์ลีก เช้าชิงยูฟ่าได้ โดยไม่ต้องอัดเงินนอกระบบ แถมทุกวันนี้ก็ยังเกาะอยู่หัวแถวของลีก

มาหาว่า ผี ปืน หงส์ เป็นลูกคนรวย เริ่มต้นไม่เท่าหัน ยิ่งอ่านยิ่งตลก ทุกทีมเริ่มมาจาก 0. พร้อมกัน แต่ผลงานในสนามตังหากที่พลักให้แต่ละทีมพุ่งสูงขึ้นไปจนมีพื้นฐานที่มากพอจะต่อยอดได้ ไม่ได้มีเงินนอกมาอัดๆ เหมือนหนูตกถัง

อย่างว่าแหละ Money can't buy class ประโยคนี้โคตรจะจริง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Sep 2010
ตอบ: 4328
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:16
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ชั้นจะเล่นซัพพอร์ต พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ไม่เห็นวูฟต้องทำไรแบบนั้นเลยนี่ แล้วดูผลงานเค้าตอนนี้ ใครอยากเจอวูฟบ้าง

ต้องโกงเหรอคับถึงจะเจริญไวๆ อ่อๆๆ ผมลืมไป ไม่ได้โกงสินะ แค่เลี่ยงบาลี..  


แล้วถามว่าตอนนี้ในสายตาคุณวูฟล์เป็นทีมใหญ่หรือยัง ?
เป็นหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเลยเหรอ ?
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้กี่ฤดูกาลถึงจะมาถึง ?

ผมไม่อยากทะเลาะเรื่องผิดไม่ผิด เพราะมู้นี้พูดถึง FFP ซึ่งมันไม่ได้แฟร์ตามชื่อของมันเลย

ยกตัวอย่างซิตี้ หลังจากถูกอัดฉีดเงินโดยชีคมานชูร์ ใช้เวลา 1 ปี ได้ไปเตะยูโรป้า
ใช้เวลา 2 ปี ได้ไปเตะยูฟ่า และใช้เวลา 3 ปี มาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค นี่คือผลของการอัดเงินเข้าไปในระบบ
ไม่ต้องไปมองไหนไกลครับดูลิเวอร์พูลทีมรักท่าน ก่อนหน้านี้ ยุคปู่รอย ยุคดักลิช ยุคราฟา ผมงานยังลุ่มๆดอนๆ ลูกผีลูกคน
แต่ก็ได้เงินจากสปอนเซอร์ไปปีละหลายร้อยล้านเหมือนเดิม
แมนยู ตั้งแต่เซอร์ออกไป ผลงานไม่ได้ว้าวเหมือนตอนนั้นเลย แต่ชื่อเสียงยังขายได้ แมนยูมีรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียวปีละ 200-300 ล้าน
ซึ่งกว่าแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล จะมาถึงจุดนี้ได้ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
แต่ซิตี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่ กลายเป็นเต็งแชมป์ทุกรายการที่ลง

ในส่วนของวูลฟ์แบบที่ท่านอ้างอิงมา เค้าสร้างทีมมาจะ 4-5 ปีแล้วตั้งแต่เป็นโปรตุเกตคอนเนคชั่น ตอนนี้ยังไปไกลสุดได้แค่ยูโรป้าอยู่เลย
แล้วอีกกี่ปีวูลฟ์ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นเต็งแชมป์แบบทีมบนๆได้ล่ะครับ


นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มันเกินขึ้นครับ
 


สรุปคือจะบอกว่าถ้าต้องเป็น Top ทีมแบบแมนยู ลิเวอร์พูล ก็ต้อง Edit เงินเค้าไปเท่านั้นใช่มั้ย? ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ใช่มั้ย? มันจะต่างอะไรจากสมมุติว่าผมที่เป็นคนธรรมดาแต่อยากเป็นคนรวย โดยการไปปล้นเงินมาจนรวย ผมคงรวยได้ด้วยวิธีนี้เพราะมันรวยเร็วสุด จะไปทำอะไรสุจริตก็คงไม่มีทางรวยไวกว่านี้หรอก

แต่ในเกมส์ฟุตบอลวิธีที่ทีมคุณทำยังไงมันก็ผิด ไม่ว่าจะทางไหนมองดีไม่ได้เลยจริงๆ  


เหมือนบางทีที่ผมสาธยายมายืนยาวมันอาจจะยากเกินการตีความของคุณนะครับ
ผมจะสื่อคือกฎนี้มันไม่ได้"แฟร์"แบบชื่อของมันเลย ทีมใหญ่ มีเงินให้จ่ายปีละ 200-300 ล้าน
กลับกันทีมเล็กมีเงินใช้ปีละไม่ถึง 50 ล้าน มันจะแฟร์ยังไง
ทีมเล็กต้องปูรากฐานนานแค่ไหนถึงจะขึ้นมาเป็นทีมใหญ่แบบเต็มตัวได้ ถ้าไม่มีเงินอัดฉีดแบบซิตี้

นี่แหละครับที่ผมบอกว่ากฎนี้มันไม่แฟร์
 


ลิเวอร์พูลกับแมนยูเมื่อก่อนจะยิ่งใหญ่ก็เคยเกือบตกชั้น จนมาตอนนี้แฟนบอลอย่างเยอะ มันก็เพราะต้องค่อยๆสร้างอยู่แล้วครับ อยู่ดีๆจะมาเก่งเลยอันเนี้ยแหล่ะที่มันไม่แฟร์ กว่าทีมใหญ่ๆจะโตได้มันก็ต้องมีที่มาหมดอะ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Oct 2008
ตอบ: 15680
ที่อยู่: Southport
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:17
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
แมนยูนี่แต่ก่อนตอนเหตุการณ์มิวนิคนี่แทบจะแย่เลยมั้ง ดูตอนนี้ซิ มันยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดได้มากสุดในเกาะอังกฤษ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ถ้าคุณกรีดเลือดผมออกมา มันคงเป็นสีฟ้าแน่ๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7930
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:18
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Pemberton พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 

1.กฎมันมีผ่อนผันอยู่แล้วครับ ดูเคสมิลานได้ คือถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนใหม่เขาให้เวลาคุณประมาณ 2 ปี ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ
2.ตอนออกกฎนี้ใหม่ๆเขาไม่ให้บังคับใช้ปุบปับ กว่ากฎนี้จะบังคับใช้จริงก็ 5 ปีตั้งแต่ประกาศว่าจะใช้
3.กฎนี้ของยูฟ่า แปลว่าสโมสรที่ยังไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปคุณอัดเงินไปได้อีก

ดังนั้นเรื่องการลงทุน ทีมเล็กถีบตัวเองขึ้นไปสู้ทีมใหญ่ได้แน่นอน เขาไม่ได้ล็อคตายขนาดนั้น

และเห็นยกตัวอย่างมาว่าแมนฯซิเหมือนเด็กเสี่ยเลี้ยง คำถามจริงๆคงไม่ใช่ทำอย่างไรให้ขึ้นไปเทียบพวกลูกคนรวยได้ แต่เป็นถ้าเสี่ยเลิกเลี้ยงขึ้่นมาจะทำอย่างไร เจอเสี่ยดีๆก็รอดไป เจอเสี่ยขี้เบื่ออยากเลิกก็เลิกสโมสรฉิบหายแน่นอน กฎนี้ถึงได้ออกมา สมัยนั้นสโมสรฟุตบอลโดนแซวว่าเป็นของเล่นคนรวยแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆถ้าจะทวงหาความแฟร์ ทีมอื่นมีเรื่องให้บ่นแมนฯซิตี้เยอะ เอาแค่เอกชนลงทุนสู้กับรัฐบาลนี่ก็ไม่แฟร์ที่สุดแล้ว  


ใช่ครับ กฎของมันคือออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ทุกทีมใช้จ่ายเกินกำลังของตัวเอง
เพื่อป้องกันการล้มละลายแบบ ทีมอะไรซักอย่างในรัสเซีย(จำชื่อไม่ได้) ปอร์ตสมัท หรือ โมนาโก

แต่กลับกันลองเป็นทีมใหญ่ที่ใช้เงินได้ไม่อั้น แบบมาดริคที่ปีนี้กดไป 300 ล้าน ยังไม่ติดตัวแดงเลยด้วยซ้ำ
ผมเลยมองว่ากฎนี้เอาจริงๆมันไม่ได้แฟร์สำหรับทีมเล็กๆตามชื่อของมันเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ถ้าคุณกรีดเลือดผมออกมา มันคงเป็นสีฟ้าแน่ๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7930
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:22
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Spoil
vit_bank พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
vit_bank พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ชั้นจะเล่นซัพพอร์ต พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ไม่เห็นวูฟต้องทำไรแบบนั้นเลยนี่ แล้วดูผลงานเค้าตอนนี้ ใครอยากเจอวูฟบ้าง

ต้องโกงเหรอคับถึงจะเจริญไวๆ อ่อๆๆ ผมลืมไป ไม่ได้โกงสินะ แค่เลี่ยงบาลี..  


แล้วถามว่าตอนนี้ในสายตาคุณวูฟล์เป็นทีมใหญ่หรือยัง ?
เป็นหนึ่งในทีมที่ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวเลยเหรอ ?
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้กี่ฤดูกาลถึงจะมาถึง ?

ผมไม่อยากทะเลาะเรื่องผิดไม่ผิด เพราะมู้นี้พูดถึง FFP ซึ่งมันไม่ได้แฟร์ตามชื่อของมันเลย

ยกตัวอย่างซิตี้ หลังจากถูกอัดฉีดเงินโดยชีคมานชูร์ ใช้เวลา 1 ปี ได้ไปเตะยูโรป้า
ใช้เวลา 2 ปี ได้ไปเตะยูฟ่า และใช้เวลา 3 ปี มาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค นี่คือผลของการอัดเงินเข้าไปในระบบ
ไม่ต้องไปมองไหนไกลครับดูลิเวอร์พูลทีมรักท่าน ก่อนหน้านี้ ยุคปู่รอย ยุคดักลิช ยุคราฟา ผมงานยังลุ่มๆดอนๆ ลูกผีลูกคน
แต่ก็ได้เงินจากสปอนเซอร์ไปปีละหลายร้อยล้านเหมือนเดิม
แมนยู ตั้งแต่เซอร์ออกไป ผลงานไม่ได้ว้าวเหมือนตอนนั้นเลย แต่ชื่อเสียงยังขายได้ แมนยูมีรายรับจากสปอนเซอร์อย่างเดียวปีละ 200-300 ล้าน
ซึ่งกว่าแมนยู หรือ ลิเวอร์พูล จะมาถึงจุดนี้ได้ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
แต่ซิตี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมใหญ่ กลายเป็นเต็งแชมป์ทุกรายการที่ลง

ในส่วนของวูลฟ์แบบที่ท่านอ้างอิงมา เค้าสร้างทีมมาจะ 4-5 ปีแล้วตั้งแต่เป็นโปรตุเกตคอนเนคชั่น ตอนนี้ยังไปไกลสุดได้แค่ยูโรป้าอยู่เลย
แล้วอีกกี่ปีวูลฟ์ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นเต็งแชมป์แบบทีมบนๆได้ล่ะครับ


นี่คือความเหลื่อมล้ำที่มันเกินขึ้นครับ
 


สรุปคือจะบอกว่าถ้าต้องเป็น Top ทีมแบบแมนยู ลิเวอร์พูล ก็ต้อง Edit เงินเค้าไปเท่านั้นใช่มั้ย? ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ใช่มั้ย? มันจะต่างอะไรจากสมมุติว่าผมที่เป็นคนธรรมดาแต่อยากเป็นคนรวย โดยการไปปล้นเงินมาจนรวย ผมคงรวยได้ด้วยวิธีนี้เพราะมันรวยเร็วสุด จะไปทำอะไรสุจริตก็คงไม่มีทางรวยไวกว่านี้หรอก

แต่ในเกมส์ฟุตบอลวิธีที่ทีมคุณทำยังไงมันก็ผิด ไม่ว่าจะทางไหนมองดีไม่ได้เลยจริงๆ  


เหมือนบางทีที่ผมสาธยายมายืนยาวมันอาจจะยากเกินการตีความของคุณนะครับ
ผมจะสื่อคือกฎนี้มันไม่ได้"แฟร์"แบบชื่อของมันเลย ทีมใหญ่ มีเงินให้จ่ายปีละ 200-300 ล้าน
กลับกันทีมเล็กมีเงินใช้ปีละไม่ถึง 50 ล้าน มันจะแฟร์ยังไง
ทีมเล็กต้องปูรากฐานนานแค่ไหนถึงจะขึ้นมาเป็นทีมใหญ่แบบเต็มตัวได้ ถ้าไม่มีเงินอัดฉีดแบบซิตี้

นี่แหละครับที่ผมบอกว่ากฎนี้มันไม่แฟร์
 


ลิเวอร์พูลกับแมนยูเมื่อก่อนจะยิ่งใหญ่ก็เคยเกือบตกชั้น จนมาตอนนี้แฟนบอลอย่างเยอะ มันก็เพราะต้องค่อยๆสร้างอยู่แล้วครับ อยู่ดีๆจะมาเก่งเลยอันเนี้ยแหล่ะที่มันไม่แฟร์ กว่าทีมใหญ่ๆจะโตได้มันก็ต้องมีที่มาหมดอะ  
 


ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อคือกฎนี้มันไม่ได้เอื้อให้ทีมเล็กขนาดนั้น
ทีมใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เค้าก็มีฐานแฟนบอลและฐานลูกค้าของเค้าอยู่แล้ว
เค้าสร้างตัวมากันเป็นสิบๆ ร้อยๆปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
ดังนั้นพอกฎนี้ออกมา ถามว่าบรรดาทีมใหญ่ๆเหล่านั้นยังสามารถทุ่มเงินได้ไหม คำตอบคือสบายมาก
แต่กลับกันทีมเล็กๆ จะเจียดเงินซื้อนักเตะ 30-40 ล้าน ยังคิดหนัก ค่าเหนื่อยจะให้แตะหลักแสนยังทำไม่ได้เลย
ดีหน่อยที่ช่วงปีหลังๆ พรีเมียร์เปลี่ยนระบบการจ่ายค่าถ่ายทอดสด ทำให้ทีมเล็กๆ พอมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร

นี่แหละครับที่ผมว่ามันไม่แฟร์กับทีมเล็กๆเท่าไรนะ
แก้ไขล่าสุดโดย Captain_Kompany เมื่อ Wed Mar 25, 2020 16:23, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2018
ตอบ: 2627
ที่อยู่: โลก
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:23
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
เมื่อก่อน โรมันมาใหม่ๆช้วิธีแบบนี้ป่าวครับ จำได้ ตอนมาใหม่ๆๆ ซื้อ มาเพียบ ดาราในยุคนั้น
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 415
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:23
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 

1.กฎมันมีผ่อนผันอยู่แล้วครับ ดูเคสมิลานได้ คือถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนใหม่เขาให้เวลาคุณประมาณ 2 ปี ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ
2.ตอนออกกฎนี้ใหม่ๆเขาไม่ให้บังคับใช้ปุบปับ กว่ากฎนี้จะบังคับใช้จริงก็ 5 ปีตั้งแต่ประกาศว่าจะใช้
3.กฎนี้ของยูฟ่า แปลว่าสโมสรที่ยังไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปคุณอัดเงินไปได้อีก

ดังนั้นเรื่องการลงทุน ทีมเล็กถีบตัวเองขึ้นไปสู้ทีมใหญ่ได้แน่นอน เขาไม่ได้ล็อคตายขนาดนั้น

และเห็นยกตัวอย่างมาว่าแมนฯซิเหมือนเด็กเสี่ยเลี้ยง คำถามจริงๆคงไม่ใช่ทำอย่างไรให้ขึ้นไปเทียบพวกลูกคนรวยได้ แต่เป็นถ้าเสี่ยเลิกเลี้ยงขึ้่นมาจะทำอย่างไร เจอเสี่ยดีๆก็รอดไป เจอเสี่ยขี้เบื่ออยากเลิกก็เลิกสโมสรฉิบหายแน่นอน กฎนี้ถึงได้ออกมา สมัยนั้นสโมสรฟุตบอลโดนแซวว่าเป็นของเล่นคนรวยแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆถ้าจะทวงหาความแฟร์ ทีมอื่นมีเรื่องให้บ่นแมนฯซิตี้เยอะ เอาแค่เอกชนลงทุนสู้กับรัฐบาลนี่ก็ไม่แฟร์ที่สุดแล้ว  


ใช่ครับ กฎของมันคือออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ทุกทีมใช้จ่ายเกินกำลังของตัวเอง
เพื่อป้องกันการล้มละลายแบบ ทีมอะไรซักอย่างในรัสเซีย(จำชื่อไม่ได้) ปอร์ตสมัท หรือ โมนาโก

แต่กลับกันลองเป็นทีมใหญ่ที่ใช้เงินได้ไม่อั้น แบบมาดริคที่ปีนี้กดไป 300 ล้าน ยังไม่ติดตัวแดงเลยด้วยซ้ำ
ผมเลยมองว่ากฎนี้เอาจริงๆมันไม่ได้แฟร์สำหรับทีมเล็กๆตามชื่อของมันเลย
 



เอ้าก็ มาดริดเขาหารายรับได้ตามจริงแบบไม่ต้องอัดยายซื้อขนมยายนิครับ จะซื้อสัก 1000 ล้านก็ยังได้ ถ้าหาเงินได้ 2000 ล้าน

ไอ้ที่ไม่มีปัญญาหาเองแล้วเอาเงินนอกระบบฟุตบอลมาซื้อขายเนี่ยแหละที่เขาตราหน้ากันอยู่ว่าขี้โกง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel