ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 415
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:24
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
ไม่เห็นตอบเรื่องประเด็น เลสเตอร์ สเปอร์เลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 702
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:24
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ลองไล่ๆอ่านพอจะเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้วนะครับ เลยอยากทราบว่ากฎควรจะเป็นแบบไหนท่านถึงจะมองว่ามันแฟร์ครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: มาร่วมนอนเวนนน S-I-E-S-T-A
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Aug 2009
ตอบ: 4635
ที่อยู่: La Ciudad de Los Citizens
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:24
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง ผมฝากไว้ให้คิด พึ่งโดนถล่มมา  
พวกนี้ชอบชมว่าตัวเองมีคลาสด้วยการตอกคนอื่นให้จม อย่าเสียเวลาคุยครับ บางคนทำตัวต่ำด่าแรงๆเอาสะใจเรียกแผล่บบานกลายเป็นว่าโดนยกยอว่าเก๋า คือยิ่งด่าได้สถุลยิ่งดังอ่ะบอร์ดนี้ ตรรกะเพี้ยนไปเยอะเลย
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8873
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:26
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 

1.กฎมันมีผ่อนผันอยู่แล้วครับ ดูเคสมิลานได้ คือถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนใหม่เขาให้เวลาคุณประมาณ 2 ปี ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ
2.ตอนออกกฎนี้ใหม่ๆเขาไม่ให้บังคับใช้ปุบปับ กว่ากฎนี้จะบังคับใช้จริงก็ 5 ปีตั้งแต่ประกาศว่าจะใช้
3.กฎนี้ของยูฟ่า แปลว่าสโมสรที่ยังไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปคุณอัดเงินไปได้อีก

ดังนั้นเรื่องการลงทุน ทีมเล็กถีบตัวเองขึ้นไปสู้ทีมใหญ่ได้แน่นอน เขาไม่ได้ล็อคตายขนาดนั้น

และเห็นยกตัวอย่างมาว่าแมนฯซิเหมือนเด็กเสี่ยเลี้ยง คำถามจริงๆคงไม่ใช่ทำอย่างไรให้ขึ้นไปเทียบพวกลูกคนรวยได้ แต่เป็นถ้าเสี่ยเลิกเลี้ยงขึ้่นมาจะทำอย่างไร เจอเสี่ยดีๆก็รอดไป เจอเสี่ยขี้เบื่ออยากเลิกก็เลิกสโมสรฉิบหายแน่นอน กฎนี้ถึงได้ออกมา สมัยนั้นสโมสรฟุตบอลโดนแซวว่าเป็นของเล่นคนรวยแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆถ้าจะทวงหาความแฟร์ ทีมอื่นมีเรื่องให้บ่นแมนฯซิตี้เยอะ เอาแค่เอกชนลงทุนสู้กับรัฐบาลนี่ก็ไม่แฟร์ที่สุดแล้ว  


ใช่ครับ กฎของมันคือออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ทุกทีมใช้จ่ายเกินกำลังของตัวเอง
เพื่อป้องกันการล้มละลายแบบ ทีมอะไรซักอย่างในรัสเซีย(จำชื่อไม่ได้) ปอร์ตสมัท หรือ โมนาโก

แต่กลับกันลองเป็นทีมใหญ่ที่ใช้เงินได้ไม่อั้น แบบมาดริคที่ปีนี้กดไป 300 ล้าน ยังไม่ติดตัวแดงเลยด้วยซ้ำ
ผมเลยมองว่ากฎนี้เอาจริงๆมันไม่ได้แฟร์สำหรับทีมเล็กๆตามชื่อของมันเลย
 

อย่างที่บอก ถ้าทีมเล็กต้องการลงทุนกฎมันเปิดช่องให้อยู่แล้วครับไม่ได้ปิดตายขนาดนั้น ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ ยิ่งเคสแมนฯซินี่มีเวลา 5 ปีเลยนะ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 59130
ที่อยู่: แร่รอน...ไปทั่ว...ไม่มีที่อยู่
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:26
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Apiban2526 พิมพ์ว่า:
เมื่อก่อน โรมันมาใหม่ๆช้วิธีแบบนี้ป่าวครับ จำได้ ตอนมาใหม่ๆๆ ซื้อ มาเพียบ ดาราในยุคนั้น  
เหมือนกันครับ แต่ตอนนั้นยังไม่มีกฏไม่นั้นก็โดนเหมือนกัน
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 11576
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:28
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
อยากใช้เงินเยอะ ๆ ก็ต้องทำเหมือนมิลานปีนี้อ่ะ

ใช้เงินแหกกฏ fpp แล้วไม่ต้องไปเล่นบอลยุโรป 1 ปี
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ถ้าคุณกรีดเลือดผมออกมา มันคงเป็นสีฟ้าแน่ๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7937
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:28
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
ติ๊กครับ พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ตรรกกะโคตรเพี้ยนเลยครับ ทีมเล็กได้ 100 แต่ค่าเหนื่อยในทีมไม่เท่าทีใหญ่ ยังไงก็เหลือเงินซื้อนักเตะ


หันไปดุ สเปอร์ เลสเตอร์บ้าง ทำไมทำทีมขึ้นมาเป็นแชมป์ลีก เช้าชิงยูฟ่าได้ โดยไม่ต้องอัดเงินนอกระบบ แถมทุกวันนี้ก็ยังเกาะอยู่หัวแถวของลีก

มาหาว่า ผี ปืน หงส์ เป็นลูกคนรวย เริ่มต้นไม่เท่าหัน ยิ่งอ่านยิ่งตลก ทุกทีมเริ่มมาจาก 0. พร้อมกัน แต่ผลงานในสนามตังหากที่พลักให้แต่ละทีมพุ่งสูงขึ้นไปจนมีพื้นฐานที่มากพอจะต่อยอดได้ ไม่ได้มีเงินนอกมาอัดๆ เหมือนหนูตกถัง

อย่างว่าแหละ Money can't buy class ประโยคนี้โคตรจะจริง  


แล้วถามว่ากี่สิบปีถึงจะมีปรากฎการทีมเล็กๆแบบเลสเตอร์ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ลีคแบบนั้นครับ ไม่งั้นเค้าไม่เรียกเทพนิยายหรอก
ปีต่อมา พอได้ไปเตะบอลยุโรปก็ลุ่มๆดอนๆ อยู่กลางตารางกว่าจะกลับขึ้นมาได้ก็พึ่งปีนี้เอง
แถมดูมาตรฐานทีมใหญ่แต่ละทีมในปีนี้ สเปอร์งี้ แมนยูงี้ เชลซีงี้ อาเซนอลงี้

การเป็ฯทีมใหญ่ไม่ได้วัดกันที่แชมป์ป่ะครับ ไม่งั้นอาเซนอลคงไม่ใช่ทีมใหญ่เพราะไม่ได้แชมป์มา สิบกว่าปี
จะเป็นทีมใหญ่ได้มันต้องยืนระยะให้ได้ครับ ไม่ใช่ปีนี้ปัง ปีหน้าหนีตกชั้น ปีต่อมาอยู่กลางๆตาราง
ดูแมนยู ฟอร์มห่วยแค่ไหน แต่พอจัดเรทลุ้นแชมป์ ก็ยังได้ติดอันดับต้นๆตลอด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 415
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:32
ถูกแบนแล้ว
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
ติ๊กครับ พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ตรรกกะโคตรเพี้ยนเลยครับ ทีมเล็กได้ 100 แต่ค่าเหนื่อยในทีมไม่เท่าทีใหญ่ ยังไงก็เหลือเงินซื้อนักเตะ


หันไปดุ สเปอร์ เลสเตอร์บ้าง ทำไมทำทีมขึ้นมาเป็นแชมป์ลีก เช้าชิงยูฟ่าได้ โดยไม่ต้องอัดเงินนอกระบบ แถมทุกวันนี้ก็ยังเกาะอยู่หัวแถวของลีก

มาหาว่า ผี ปืน หงส์ เป็นลูกคนรวย เริ่มต้นไม่เท่าหัน ยิ่งอ่านยิ่งตลก ทุกทีมเริ่มมาจาก 0. พร้อมกัน แต่ผลงานในสนามตังหากที่พลักให้แต่ละทีมพุ่งสูงขึ้นไปจนมีพื้นฐานที่มากพอจะต่อยอดได้ ไม่ได้มีเงินนอกมาอัดๆ เหมือนหนูตกถัง

อย่างว่าแหละ Money can't buy class ประโยคนี้โคตรจะจริง  


แล้วถามว่ากี่สิบปีถึงจะมีปรากฎการทีมเล็กๆแบบเลสเตอร์ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ลีคแบบนั้นครับ ไม่งั้นเค้าไม่เรียกเทพนิยายหรอก
ปีต่อมา พอได้ไปเตะบอลยุโรปก็ลุ่มๆดอนๆ อยู่กลางตารางกว่าจะกลับขึ้นมาได้ก็พึ่งปีนี้เอง
แถมดูมาตรฐานทีมใหญ่แต่ละทีมในปีนี้ สเปอร์งี้ แมนยูงี้ เชลซีงี้ อาเซนอลงี้

การเป็ฯทีมใหญ่ไม่ได้วัดกันที่แชมป์ป่ะครับ ไม่งั้นอาเซนอลคงไม่ใช่ทีมใหญ่เพราะไม่ได้แชมป์มา สิบกว่าปี
จะเป็นทีมใหญ่ได้มันต้องยืนระยะให้ได้ครับ ไม่ใช่ปีนี้ปัง ปีหน้าหนีตกชั้น ปีต่อมาอยู่กลางๆตาราง
ดูแมนยู ฟอร์มห่วยแค่ไหน แต่พอจัดเรทลุ้นแชมป์ ก็ยังได้ติดอันดับต้นๆตลอด
 


แล้วเสปอร์กับเลสเตอร์ยังอยู่หัวแถมไหม ทุกอย่างมันก็ต้องค่อยๆสร้าง ไม่ใช่มาถึงฟาดเงินๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: ★・:・。Honey。・:・★
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2019
ตอบ: 9034
ที่อยู่: จายเหมี่ยง ❤
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:32
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
ทีมอย่าง วูลฟ์ หรือสเปอร์ส เอง ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากเป็นทีมหนีตกชั้น ก้าวขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางได้ เท่านี้ก็ถือว่าก้าวหน้าสุดยอดละนะครับ

แถมก้าวขึ้นมาด้วยกำลังตัวเอง ใช้จ่ายไม่เกินตัว

จะพัฒนาทีมมันก็ต้องใช้เวลาอยู่แล้ว เติบโตขึ้นมาทีละขั้น ไม่ใช่ว่า มองว่าจะต้องระเบิดระเบ้อขึ้นมาได้แชมป์พรีเมียร์ ได้เลย

อย่างสเปอร์สก็ปั้นนักเตะ ขายเบลให้มาดริดแพงๆ ซื้อตัวมาลองผิดลองถูกเยอะแยะ จนกว่าจะได้ดาวรุ่งอย่าง เคน กลับมาเป็นแกนหลักในการยึด top 4 ได้

หรืออย่างวูลฟ์ ที่อยู่ดีๆเลื่อนชั้นขึ้นมา ทำผลงานได้ติดค่อนตารางบน แถมดูมีวี่แววดี พร้อมจะมีแย่งพื้นที่อันดับ 4 ได้อีก

อย่างพวกเสื้อวูลฟ์ ตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์มา ขายดีมากๆ แทบจะไม่เหลือเวลา sale เลย เพราะแฟนบอลเพิ่มขึ้นไงครับ

ยิ่งผลงานดี ฐานแฟนบอลมันก็ยิ่งเติบโต สโมสรก็เติบโตขึ้นมาด้วยลำแข้งตัวเอง แบบค่อยเป็นค่อยไป

ทุกสโมสรมีเวลาขึ้น เวลาลงของมันอยู่แล้ว ลิเวอร์ก็เกือบล้มละลายมาแล้วในช่วง 2010

แมนยูก็ผลงานแย่ลง ถ้าไม่ได้ไปเตะถ้วยยุโรปบ่อยๆ ยังไงสโมสรก็รายได้น้อยลงครับ ไม่มีโอกาสเสริมตัวมากเท่าที่เคย

คุณจะมาตัดพ้อบอกว่า ชาตินี้ก็ไม่มีทางตาม ลิเวอร์ แมนยู ทันหรอก ถ้าไม่ใช้วิธีแบบแมนซิ มันก็แล้วแต่คุณอ่ะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย อะไรนะ? เมื่อ Wed Mar 25, 2020 16:34, ทั้งหมด 2 ครั้ง
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ลูกเขย มูริญโญ่
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Oct 2013
ตอบ: 5121
ที่อยู่: บ้านมูริญโญ่
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:32
แด่แฟนแมนซิครับ
เหมือนแฟนบอลคนนึงจะเข้าใจว่าเจ้าของทีมฟุตบอลเขารวยเหมือนท่านชีคกันทุกคน 555555

ไม่มีกฏนี่เจ๊งกันชิบหายวายวอดแน่นอน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

via GIPHY


ยินดีเป็นเพื่อนและแลกเปลี่ยนทัศนะกับทุกคนทุกทีมนะครับ แอดมาได้เลยครับ
ส่วนตัวเป็นติ่งพ่อมู เชียร์แมนยู และ ชอบบิลเบา
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 4516
ที่อยู่: Lannisport, WTR 10707
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:32
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 

1.กฎมันมีผ่อนผันอยู่แล้วครับ ดูเคสมิลานได้ คือถ้าคุณเป็นผู้ลงทุนใหม่เขาให้เวลาคุณประมาณ 2 ปี ไม่ใช่บัญชีแดงปุ๊บแบนปั๊บ
2.ตอนออกกฎนี้ใหม่ๆเขาไม่ให้บังคับใช้ปุบปับ กว่ากฎนี้จะบังคับใช้จริงก็ 5 ปีตั้งแต่ประกาศว่าจะใช้
3.กฎนี้ของยูฟ่า แปลว่าสโมสรที่ยังไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรปคุณอัดเงินไปได้อีก

ดังนั้นเรื่องการลงทุน ทีมเล็กถีบตัวเองขึ้นไปสู้ทีมใหญ่ได้แน่นอน เขาไม่ได้ล็อคตายขนาดนั้น

และเห็นยกตัวอย่างมาว่าแมนฯซิเหมือนเด็กเสี่ยเลี้ยง คำถามจริงๆคงไม่ใช่ทำอย่างไรให้ขึ้นไปเทียบพวกลูกคนรวยได้ แต่เป็นถ้าเสี่ยเลิกเลี้ยงขึ้่นมาจะทำอย่างไร เจอเสี่ยดีๆก็รอดไป เจอเสี่ยขี้เบื่ออยากเลิกก็เลิกสโมสรฉิบหายแน่นอน กฎนี้ถึงได้ออกมา สมัยนั้นสโมสรฟุตบอลโดนแซวว่าเป็นของเล่นคนรวยแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆถ้าจะทวงหาความแฟร์ ทีมอื่นมีเรื่องให้บ่นแมนฯซิตี้เยอะ เอาแค่เอกชนลงทุนสู้กับรัฐบาลนี่ก็ไม่แฟร์ที่สุดแล้ว  


ใช่ครับ กฎของมันคือออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ทุกทีมใช้จ่ายเกินกำลังของตัวเอง
เพื่อป้องกันการล้มละลายแบบ ทีมอะไรซักอย่างในรัสเซีย(จำชื่อไม่ได้) ปอร์ตสมัท หรือ โมนาโก

แต่กลับกันลองเป็นทีมใหญ่ที่ใช้เงินได้ไม่อั้น แบบมาดริคที่ปีนี้กดไป 300 ล้าน ยังไม่ติดตัวแดงเลยด้วยซ้ำ
ผมเลยมองว่ากฎนี้เอาจริงๆมันไม่ได้แฟร์สำหรับทีมเล็กๆตามชื่อของมันเลย
 

โลกเราคือระบบทุนนิยมอะครับ มันไม่แฟร์อยู่แล้วสำหรับทีมเล็ก

แต่กีฬามันก็มีกฎของมัน ในเมื่อตอนทุกสโมสรเค้าก็ทำตามข้อตกลงกันหมด

พอตอนผิดจะบอกกฎมันไม่แฟร์ แบบนั้นก็ควรจะปฏิเสธการเข้าร่วมแต่แรก เจ้าของทีมควรย้ายไปลงทุนทีมเอเชียหรือโซนไหนที่ไม่มี FFP ไม่ใช่จะแหกกฎอยู่คนเดียวแล้วบอกกฎไม่แฟร์

ที่บอกหงส์ได้เปรียบ ขอบอกเลยว่าปี 2000 เป็นต้นไปทีมเจอปัญหาการเงินเล่นงานมาตลอดจนจะล้มละลายอยู่แล้ว โชคดีได้ fsg กับแบงค์ยังช่วยไว้เลยไม่โดนปรับตกชั้น

หลังจากที่ fsg เทคโอเวอร์เค้าก็ไม่ได้อัดฉีดทันทีเพราะกฎ FFP มันค้ำคอต้องชำระหนี้สินให้เรียบร้อยก่อน
แฟนหงส์ก็ต้องทนดู คอนเชสกี้ เชลวี่ อยู่กี่ปี ต้องขายนักเตะก่อนซื้อใหม่ตลอด
ทนให้ทีมอื่นล้อเท่าไหร่กว่าจะมาถึงตอนนี้

ผมไม่ได้บอกว่า FFP มันแฟร์หรือดีหรอก แต่ทีมอื่นที่เค้าทำตามกฎถือว่าโดนเอาเปรียบ ในเมื่อทีมใช้ทางลัด
ก็ต้องรับความเสี่ยงที่ตามมาด้วยเท่านั้นเอง
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7392
ที่อยู่: Guiseppe Meazza
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:33
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
ลองมาดูทีมผมก่อนมั๊ย ตั้งแต่กลุ่มทุนจีนเข้ามาแล้วเป็นยังงัยบ้าง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
OTW
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: ถ้าคุณกรีดเลือดผมออกมา มันคงเป็นสีฟ้าแน่ๆ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7937
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:37
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
SoFluffy พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ลองไล่ๆอ่านพอจะเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้วนะครับ เลยอยากทราบว่ากฎควรจะเป็นแบบไหนท่านถึงจะมองว่ามันแฟร์ครับ  


นั่นสิครับท่าน ผมก็ยังมองไม่ออกว่าต้องทำไงกฎนี้ถึงจะ"แฟร์" ถ้าจะจำกัดงบปีละไม่เกินเท่าไรๆ แบบที่ จขม. เสนอมามันก็ยาก ทีมใหญ่ก็ไม่ยอมอีก
ครั้นจะตั้งงบให้ช็อปได้สูงๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนไม่มีกฎอีก
พอห้ามเอาเงินจากเจ้าของทีมอัดฉีดโดยตรง ก็เจออัดฉีดผ่านสปอนเซอร์แบบ ซิตี้ กะ ปารีสอีก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน



ออฟไลน์
ผู้จัดการทีมชั่วคราว
Status: ʕ•ᴥ•ʔノLFC.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Dec 2017
ตอบ: 52600
ที่อยู่: ปีหน้าเรามาแน่ !!!!!!!!!!!! เข้าร่วม: 14 Feb 1993
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:38
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
เข้าใจทั้งความถูกต้องและการเพิ่มกฎเข้ามาและเข้าใจทั้งแฟนแมนซิแหละ

กฏที่เพิ่มเข้ามาเพื่อกันการเติบโตของทีมที่ฐานไม่แข็ง แต่ใช้เงินเวอร์วังทำให้ทีมล้มละลายได้ง่ายมาก

ใช่ว่าเจ้าของทีมทุกคนจะบ้าบอล โครตรักฟุตบอลเหมือนเสี่ยหมี เขาเลยต้องลดความเสี่ยงตรงนี้ไป

ในมุมของแฟนแมนซิคือ ในเมื่อเจ้าของกุบ้าบอล อยากสร้างทีมอัดเงินไม่อั้นอะ

จะให้รอเติบโตค่อยๆไป ก็คง 10 ปีได้มั้งกว่าจะมีเงินพอที่จะช็อป แต่นั้นมันเป็นความคิดของคนที่มองมุมเดียวซะมากกว่า


3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 702
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 25, 2020 16:41
[RE: แด่แฟนแมนซิครับ]
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
SoFluffy พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน

ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ

แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ

แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย

เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้

แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
 


ลองไล่ๆอ่านพอจะเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้วนะครับ เลยอยากทราบว่ากฎควรจะเป็นแบบไหนท่านถึงจะมองว่ามันแฟร์ครับ  


นั่นสิครับท่าน ผมก็ยังมองไม่ออกว่าต้องทำไงกฎนี้ถึงจะ"แฟร์" ถ้าจะจำกัดงบปีละไม่เกินเท่าไรๆ แบบที่ จขม. เสนอมามันก็ยาก ทีมใหญ่ก็ไม่ยอมอีก
ครั้นจะตั้งงบให้ช็อปได้สูงๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนไม่มีกฎอีก
พอห้ามเอาเงินจากเจ้าของทีมอัดฉีดโดยตรง ก็เจออัดฉีดผ่านสปอนเซอร์แบบ ซิตี้ กะ ปารีสอีก
 


งั้นถึงกฎนี้มันไม่แฟร์สำหรับท่าน แต่มันก็ดูดีกว่าการไม่กำหนดเลยมั้ยครับ ไม่งั้นก็กลายเป็นทุกทีมแย่งกันอัดฉีด ตลาดก็น่าจะเฟ้อไปกว่านี้ ทีมเล็กที่ไม่มีเจ้าของรวยๆก็หมดโอกาสจะซื้อตัวนักเตะแข่งกันทีมอื่นเข้าไปอีก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel