Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
FI2eecIOM_BLuE พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
FI2eecIOM_BLuE พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
จะถามหาความแฟร์จากกฎนี้มันไม่มีอยู่แล้วครับ ประเด็นหลักคือให้รายจ่ายต้องพอดีกับรายรับ
แล้วถามว่าทีมเล็กๆรายรับปีละกี่ล้าน เทียบกับทีมใหญ่ อย่างปีล่าสุดซิตี้รับรวมๆทั้งหมด 400 ล้าน++
หักค่าเหนื่อยนักเตะ 200ล้าน ค่าบริหารดูแลสโมสร ค่าจ้างพนักงานตีไปแพงๆเลยปีละ 100 ล้าน ยังเหลือให้ช็อปอีก 100 ล้าน
ลองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว แมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี เป็นโคตรทีมในสมัยนั้น รายรับเฉลี่ย 2-3 ร้อยล้านต่อปี
ตอนนั้นเงินยังไม่เฟ้อเท่านี้ มีงบให้ซื้อนักเตะหลัก 30-40 ล้านได้หลายๆตัวสบายๆ
แต่กลับกันถ้าเป็นทีมเล็ก ปีๆนึงได้เงินรวมแค่ 100 กว่าล้าน จ่ายค่าคนงาน ค่าบำรุงสโมสร ค่าเหนื่อยนักเตะก็หมดแล้ว
จะเอาเงินที่ไหนไปช็อปนักเตะเพิ่ม ในสมัยนั้นถึงมีเคสทีมเล็กๆต้องยอมขายตัวเก่งเพื่อเอาเงินไปช็อปตัวใหม่ๆเข้าทีมไงครับ
แล้วถามว่ากฎนี้มันแฟร์ตรงไหน ถ้าอยากไต่เต้าจากทีมเล็กๆ ขึ้นไปเป็นโคตรทีมโอกาศแทบจะเป็น 0 เลย
เทียบง่ายๆเหมือน แมนยู ลิเวอร์ เชลซี เป็นลูกคนรวยในห้องเรียนอ่ะ มีตังเยอะอยู่แล้ว สามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินมรดกของที่บ้าน
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก แต่โชคดีได้เสี่ยเลี้ยง เสี่ยก็เปย์ให้ทุกอย่าง จนมีเงินขึ้นมาเทียบกับพวกลูกคนรวยได้
แล้วถามว่าคนอื่นถ้าอยากขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับคนพวกนี้ต้องทำไง นั่นแหละถึงจะตอบเรื่องความแฟร์ได้
แค่จุดเริ่มต้นมันก็เหลื่อมล้ำกันแล้วครับ
โลกนี้มันจะมีคำว่าความพยายามไว้ทำไมล่ะครับ
จะเอามาเทียบว่าทีมแมนยู เชลซี ลิเวอร์พูล เป็นลูกคนรวย มันก็เทียบงั้นไม่ได้
ถ้าตะเทียบต้องบอกว่า แมนยู เชลซี ลิเวอร์พูลเป็นคนรวยเอง เพราะมันก็คือเงินที่ทีมหามาเองไม่ใช่เงินของพ่อแม่ ในทางกลับกัน ถ้าเทียบเคสแบบนี้ ผมกลับมองว่าแมนซิตี้เหมือนคนที่ใช้เงินจากทางบ้านเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยมากกว่าทีมอื่นด้วยซ้ำ
ที่ผมเทียบว่าทีมพวกนี้บ้านรวยเพราะ รุ่นก่อนๆเค้าทำมาดีครับ
แมนยูลิเวอร์พูลสะสมบารมีมาตั้งแต่แต่อดีตคว้าแชมป์ลีค แชมป์ยุโรปมาหลายสิบสมัย
เหมือพ่อแมตั้งใจทำงานหนักเพื่อหาเงิน ก็พอมีมรดกมาถึงรุ่นลูก ถึงตอนนี้จะผลงานไม่ดีก็ยังมีเงินมรดกใช้จ่ายอยู่
กลับกันซิตี้เหมือนเด็กบ้านแตก เพราะพ่อแม่ไม่ได้มีอะไรไว้ให้เลย หาตังแค่พอกิน อดบ้างกินบ้าง อยากได้อะไรก็ไม่มีตังซื้อ
พออยากจะไปเข้าแก๊งกับพวกลูกคนรวยก็เลยต้องเอาร่างกายเข้าแลก หาเสี่ยเลี้ยง เงินที่ได้มามันก็ดูไม่สะอาดไงครับ
ครับ ถ้าเทียบแบบนั้น. วรรคสุดท้ายของคุณมันก็น่าจะตอบเคสนร้ได้แล้วนะครับ
ว่าที่มาของเงินมันดูไม่สะอาด
ร่ายมายืดยาว เป็นว่าเข้าใจคนละเรื่องกัน ในเคสนี้ มู้นี้ ผมกล่าวถึงแค่กฎนี้ ที่มันโคตรไม่แฟร์สำหรับทีมเล็กๆ
ไม่ให้ใช้จ่ายเกินตัว แล้วกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมกลางๆตารางได้ต้องใช้เวลากี่ปี
แล้วกว่าจะอัพขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวต้องรออีกกี่ปี
โอเคแหละทุกทีมไม่ได้มีเงินมหาศาลเพื่อทุ่มซื้อแบบบ้าคลั่ง แต่ถ้ามีคนอยากทำบ้าง
ยกตัวอย่างสโมสรเอฟเวอร์ตันอย่างงี้อ่ะครัย พอจะอัดฉีดเงินก็กลายเป็นผิดกฎอีก ใช้ได้แค่เงินที่สโมสรหาได้
มีเงินแต่ทำอะไรไม่ได้งี้
ถ้าจะพูดเคสนั่น. มันก็ไม่แฟร์กับทีมใหญ่เหมือนกันไม่ใช่หรอครับ
ถ้ายกตัวอย่างเรื่องลูกคนรวยเหมือนที่คุณยกมา. ผมก็เปรียบเทียบมั่งนะครับ. มันก็เหมือนคนที่ทำธุรกิจร่ำรวยมีรายได้เดือนละ10ล้าน100ล้าน. อยากส่งลูกเรียนดีๆ อยากมีรถซูเปอร์คาร์ขับ. แต่ทำไม่ได้เพราะต้องใช้เดือนละ15000เหมือนคนที่ทำรายได้ขั้นต่ำของประเทศ. แบบนี้มันแฟร์ไหมล่ะครับ
อีกอย่างที่ผมสงสัย. ทำไมจู่ๆก็มาห่วงเรื่องทีมเล็กอื่นๆ. ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้. ตอนแมนซิทุ่มเงินดึงนักเตะดีๆมา. ก็ไม่เห็นมีใครสนใจทีมเล็กเลยนี่ครับ