MK ระเบิดตัวเองครับ ผมสั่งกินช่วงโควิดบ่อยๆ เป็ดจานเล็กตอนนั้นน่าจะ 170 มาตอนนี้ขึ้นราคาเป็น 200+ ของอื่นๆก็ขึ้นราคามาประมาณ 20% ทุกตัว ถ้า MK คงราคาเดิมไว้ได้คนจะไม่หายเยอะขนาดนี้ ราคา MK ตอนนี้มันมาถึงจุดที่กำเงินไปกินบุฟเฟต์ชาบูพรีเมี่ยมยังคุ้มกว่าแล้ว

บ้านผมกินเอมเค น้อยลง จะกินก็ต่อเมื่ออยากกินเป็ด แต่ก็ไม่ไปกินตี๋น้อยหรืออะไรนะ แค่พ่อผมบ่นว่า ราคามันไม่เหมาะสม MK พอมีพวกนั้นมาเปิดตลาดเยอะๆทำให้เห็นว่า MK มันแพงสวนทางกับคุณภาพ

เทียบเป็นจำนวนเงินมันก็ไม่ต่างสิครับ สมมุติข้าวผัดข้างทางจานนึง 60 แต่ในเหลาขาย 200 ต่างกันแค่ 140 เอง แต่มันจริงๆมันต่างกันเกิน 3 เท่าเลยนะ

ฟิลเดียวกับคนเทียบตลาดไก่ทอด KFC กับไก่ทอดข้างทาง ราคาต่างกันไม่กี่สิบ บอกตลาดเดียวกัน

เอาอะไรคิด

ผมก็คนนึงที่มองว่า mk กับ ตี๋น้อยคนละตลาด แต่จากข่าวที่ mk ยอดขายตกหนัก กับ ตี๋น้อยกำไรขึ้นเยอะนี่แหละที่ทำให้คนเข้าใจว่ามันตลาดเดียวกัน

ยกตัวอย่าง

เวลาผมพาคนสูงอายุ ครอบครัว เวลาไปทานอาหารมื้อพิเศษ ผมไม่มองตี๋น้อยในทางเลือกนะ อาจจะเป็นแบรนด์อื่นในราคา 500+

แต่ขณะเดียวกันถ้าต้องพาน้องๆ ไปทานอาหาร ผมก็ไม่มอง
mk เป็นตัวเลือกเหมือนกัน อาจจะเป็นตี๋น้อยหรือกลุ่มชาบูราคา 300+-


จริงๆถ้าการเติบโตของตี๋น้อย คนที่กุมขมับคือพวกแบรนด์อย่าง hot pot มากกว่าที่น่าจะกระทบเยอะ

ส่วนการถดถอยของ mk ต้องดูพวกการเติบโตของ momo หรือ ชาบูระดับหัวละ 499 มากกว่า

นี่มัน soccersuck.com หรือ sukisuck com 55555555
ผมไม่มีปัญหานะ ใครจะคิดแบบไหน แต่ชอบว่ะ
สองเจ้านี้ถูกเอ่ยขึ้นเมื่อไหร่ ต้องมีคนเถียงกัน

คนที่มองว่าตลาดเดียวกันมันมองภาพใหญ่ว่านี้คือตลาดสุกี้

เหมือนตลาดรถอะ ถ้ามองทั้งภาพมันก็คือตลาดรถ แค่นั้น ถ้ามองแบบนั้น แลมโบ โตโยต้า ก็ตลาดเดียวกัน

แต่ธุรกิจมันมองว่าฉันต้องการเงินจากกระเป๋าคนระดับไหน MK มันมองว่ามันต้องการเงินจากกระเป๋าคนระดับ 500 - 2000 โดยประมาณ ที่สมัยก่อนมันไม่กระทบเพราะตัวเลือกมันน้อย

แต่ปัจจุบันตัวเลือกในระดับ 499 - 1999 มันมีขนาดไหนในตลาดมันต้องมองแบบนั้นเพราะมันคือกลุ่มที่ MK จะดูดเงินจากกระเป๋าคนพวกนั้น

เห็น mk ไม่นึกถึงสุกี้ นึกเป็นอีกอย่าง

ใช่เลยครับ MK ควรไปเล่นกับพวกนี้ มากกว่า จะไปสู้กับพวก บุฟเฟ่ต์ราคาถูก

ผมก็เป็นแบบท่าน ถ้าอยากกินสุกี้ช่วงหลังเข้าแต่ NEO

ความรู้สึกว่าบางอย่างของดีกว่าตี๋น้อย บางอย่างก็ใกล้เคียงกัน
หลายอย่างใกล้เคียง MK และหลายๆอย่าง MK ไม่มี ส่วนที่MKไม่ใกล้เคียงคือความเหมาะสมกับราคา

ที่สำคัญคือ ไปกิน 3 คน อิ่มคุ้มอร่อย 700-800 เพราะเมียกับลูกบางทีกินได้ไม่เยอะ ไม่เหมาะกับบุปเฟ่
แค่นี้ก็อิ่มแล้ว และของดูดีกว่า(บางรายการ) โดยรวมกลายเป็นถูกกว่า

เลยไม่รู้จะไปเข้า MK หรือ ตี๋น้อยทำไม

มันคนละตลาดอยู่แล้ว แต่มีกลุ่มลูกค้าบางส่วนซ้อนทับกัน

แบบที่หน้าแรกๆสรุป คนตังค์น้อยที่เคยพอกินได้ก็ไปลัคกี้ ตี๋น้อย ชาบูท้องถิ่น

คนตังค์เยอะก็ไปตัวที่พรีเมี่ยมกว่า

ซึ่งมันตรงกันที่ “รู้สึก”คุ้มค่ากว่า

อย่างผมลดการเข้า MK ไปเกิน 80% หลายปีละ ถ้าจะกินต้มๆก็ไปเอี่ยวไถ่หรือเรือนเพชร

เด็กๆผมกินเอ็มเค หลังๆไม่ได้กินหรือกินน้อยมากแต่ไม่เคยกินตี๋น้อยเลยแล้วส่วนตัวก็ไม่ได้มีความคิดอยากไปกินเลย จะไปกิน โมโม่หรือร้านชาบูอื่นๆมากกว่า

กลับกันบางคนอาจกินเอ็มเคมาก่อน แต่พอไม่กินเอ็มเคก็ไปกินตี๋น้อยแทน ไม่คิดกินชาบูที่พรีเมียมขึ้นมา

เอ็มเคจะไปตลาดไหนก็ไปได้ทั้งนั้นแหละเพียงแต่ว่าต้องทำมันให้ชัดเจน value propostion สำคัญมากก่อนจะคิดว่าจะไปตลาดไหน ถ้าเอาการตลาดมาก่อนมันก็จะ mismatch และ มี low engagement จากลูกค้า

ตลาดเดียวกันนี่แหละ

บวกกับปัญหาของตัว M เองทำให้กากลงๆ

วัตถุดิบนี่ต่างด้วยหรอ เวลากินน้ำจิ้มล้นกันหมด น่าจะวัดความอร่อยซอส

ละดูจากคอมเม้นไม่มีคนกินตี๋น้อยเลย ซึ่งคาดว่าตลาดเสียงเงียบน่าจะแรงและชนกันตรงนี้มากกว่า งั้นจะเอากำไรจากไหนมาเยอะขนาดนั้น

หลักๆ คือทำให้คุ้มค่า

อร่อย ให้เยอะ แพง
ไม่อร่อย ให้เยอะ ถูก

สองแบบนี้คนยังพอเข้า

เอ็มเค อร่อย แต่ให้น้อยแถมแพง คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ที่จนลงมันก็ไปใช้บริการน้อยลง + หาทางเลือกอื่น