ส่วนตัว ผมก็ว่ามันคนละตลาดนะครับ เพราะผมเอง"อาจจะ"ยังกิน MK บ้างถ้าที่บ้านอยากกิน (แม่ ป้า) แต่ถ้าให้เลือกเอง ผมก็ไปโมโม่ ไฮ่ตี้เหลา หรือ Akiyoshi แทน แต่ชีวิตนี้ผมไม่เคยกินพวกลัคกี้หรือตี๋น้อยหรืออะไรแบบนั้นเลย (แม่ผมเองก็เช่นกัน) คือมันมี overlap อยู่แล้ว แต่มันคนละตลาด (same product, different price point & positioning)

คือ MK positioning เองมันทำให้อยู่ยากด้วย คนที่มีกำลังจ่าย เค้าก็หนีไปจ่ายอะไรที่ได้คุณภาพดีกว่า ส่วนคนที่ไม่มีกำลังจ่าย เค้าก็หนีไปกินอะไรที่มันถูกกว่า แต่ในแง่การตลาด มันไม่ได้เป็น direct competitor กันอยู่แล้ว อย่าง counter brands เค้าก็ไม่ได้มองว่าแบรนด์ครีมกวนเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่อาจจะแค่มาแย่ง market share ไปก็เท่านั้น หรืออย่าง Dr.P*** เนี่ย พวกแบรนด์ต่างๆเค้าก็มองว่าไม่ได้แข่งโดยตรงเหมือนกัน (แต่แข่งมั้ยก็ใช่ แต่จะให้ไปทำ positioning ให้เท่ากันหรือไปแข่งด้านแคมเปญต่างๆมั้ยก็ไม่ ก็แต่เหล่มองเป็นระยะๆแค่นั้น)

ส่วนตัว
1. ผมเองถ้าเป็นทีมของของ "แบรนด์ MK" ผมเลือกปรับให้กลับมาเป็น family restaurant เหมือนที่เคยเป็น ไม่ต้องไปทำตลาด ทำราคา ทำไอเทมอะไรแปลกๆหรอก ก็เป็นตัวเองไปให้มากที่สุดนั่นแหล่ะ

2. แต่ถ้าเป็นทีมของ "MK Group" (ต้องแยกกันนะ) ผมว่าก็ปล่อย MK ให้เป็นเดินเกมตามข้อ 1 ด้านบน แล้วไปสร้างแบรนด์ใหม่ๆดีกว่า อย่าง Hikiniku To Come ที่ CTW ที่เอาเข้ามาเนี่ย ทุกวันนี้ไปถึง 10.30 เผลอๆคิวก็เต็มทั้งวันแล้ว ก็ไปจับตลาดคนที่พร้อมจ่ายใน segment อื่นๆ หรือ product อื่นๆไปเลยดีกว่า

3. กลับมาพัฒนาคุณภาพของอาหารให้อยู่ในจุดเดิมที่เคยอยู่ แค่นั้นเอง

อ่าว ก็คุณบอกต่างกันที่ราคา มันคนละตลาดยังไง ตอนนี้เข้าใจแล้วหนิครับ

ไม่รู้ไม่ใช่นักวิเคราะห์ ไม่มีตี๋น้อย ลัคกี้ ผมก็ไม่เข้า mk อยู่ดี
ถ้าแพงแล้วอร่อยผมกินนะ แต่สำหรับผม mk แพง แถมไม่อร่อยอีก (เฉพาะลิ้นผมนะ)

ผมมองคนละตลาดกัน จะโดนด่าโดนแซะไหมละ อสกข

ตี๋น้อยตลาดแมส เน้นความคุ้มค่า บริการไม่ต้องดีเท่าmk ลดต้นทุนพนักงาน ความสะอาด ความสะดวกไม่เท่าmk เปิด stand alone นอกห้าง ค่าเช่าที่ต่ำ เปิด24ชม ให้คุ้มค่าเช่า ต้นทุนอะไรกดลงได้เอาหมด วัยรุ่น กลุ่มเพื่อน วัยทำงาน รวมแก๊งหาของแดก กำตังคน300 ใครอยากแดกไรแดก จบ

mk เจอคนแก่ ครอบครัว เด็กเล็กซะเยอะ ฝรั่งก็มี กลุ่มเพื่อนกลุ่มวัยทำงานไม่ค่อยมี พวกสั่งกุ้งสั่งเป็ด อีกคนไม่อยากแดก ต้องไปหารด้วยไหม ลำบากไปหมดสำหรับคนกลุ่มแมส

ถ้าตลาดแมส มันหอมหวานนัก ก้เปิดแบรนด์ใหม่ลงไปแข่งด้วยเลย ตี๋น้อย ลัคกี้ เปิด mk.carpark

ผู้บริโภคทางเลือกเยอะขึ้นอะไรคุ้มค่าคนกินเองแหละ ผมกินโมโม่มากกว่าอกิโยชิ youandi mazaru เพราะคุ้มกว่า ถูกกว่าเหมือนกัน ปลาดิบซูชิผมอยากกิน แต่สุดท้ายก็เลือกโมโม่เพราะคุ้มกว่าจบ

คือ MK ช่วงหลังคงแพงด้วยตัวเองมั้งครับ
แล้วตลาดชาบูราคาประมาณ MK มันก็มีตัวเลือกเยอะพอสมควรที่เป็นบุฟเฟต์ ทั้งพวกโมโม่ และอื่นๆ

แต่ใดๆคือผมไม่กินตี๋น้อยอยู่แล้ว ให้กินสุกี้ผมก็กิน MK
ผมไม่ได้อยากกินเอาจุก ผมกินเอาอิ่มๆแล้วอร่อยพอแล้ว

MK ต่างกับตี๋น้อย หลักพันหลักหมื่นเลยเหรอครับ ถ้าเทียบ พอช บีเอม

ยกแค่หลักพันหลักหมื่นนะ เพราะจริงๆ ถ้าเทียบบรรยัตตรายาง อาจจะแพงกว่านี้

ซึ่งผมก็กำลังจะบอกว่า ราคามันไม่ได้ต่างถึงขั้น ว่าคนละกลุ่มตลาดเลยด้วยซ้ำ

และก็สื่อไปแล้วว่ารถจีนตีตลาดรถยุ่นที่ราคา ใกล้เคียงกัน ซึ่งก็โดนแย่งยอดไปอย่างที่เห็นๆ

ไม่เคยมองว่าตี๋น้อยอยู่เกรดเดียวกับ MK ไปลองครั้งนึงแล้วก็ตามราคานั่นแหละ ไม่ได้ปลื่ม

แต่ตอนนี้กิน MK น้อยลงเว้นอยากกินเป็ด ไปกิน momo แทน เพราะชอบไอติมโอ่ง

คือถ้ากินเอาอิ่มเต็มที่ ผมไปนั่งกิน Copper ดีกว่า แล้ว เพราะผมกับแฟนกินกันปกติ3000 อยู่แล้ว

ผมชอบกิน mk มากกว่า ถ้าอยากกินบุฟผมจะไป เวสเกตเพื่อกิน บุฟ mk

ผมไม่ชอบเพราะมันดูไม่สะอาด และสภาพแวดล้อมภายในร้าน รวมถึงน้ำซุปก็อร่อยกว่า

สิ่งที่ mk พลาดคือราคาที่มันโอ้เว่อมากสำหรับชุดปกติ ทำราคาให้อยู่ระดับ ยาบีก้อนก็จบแล้ว

ตั้งราคาสูงได้แต่ให้ปริมาณให้มันกินแล้วอิ่มในราคานั้น คนก็จบแล้ว การไปกินบุฟที่ราคา 200 มันแทบจะไม่ได้สัมผัสความอร่อย

ไปเพื่อกินให้อิ่มอย่างเดียวเลย

ไอ้ที่อ้างตลาดเดียวกันมันเป็นภาพรวมใหญ่ ถ้าอ้างตลาดรถ เค้ากีมีจะ แยก ev ไฮบริด นํ้ามัน แยก segment ไง อย่างรถเก๋งกับรถกะบะ ในหมู่รถเก๋งก้มี segment แยกให้เห็นคนละตลาด อย่างซิตี๊กับซีวิคไง คนที่บอกคนละตลาด เค้าเจาะรายละเอียดลงมา ไม่ใช่มองแค่กลุ่มตลาดอาหารสุกี๊ขายคนทั่วไป แยกเรทราคา แยกรูปแบบ แยกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทำการตลาดให้เจาะจงลงไป ซึงมันต่างกัน ดูง่ายๆน่ะ MK ขึ้นห้าง ตี๋น้อยนอกห้าง พูดถึง MK นึกถึงอะไร? เป็ดย่าง สุกี๊บนห้าง พูดถึงตี๋น้อยนึกถึงอะไร? บุฟเฟ่ราคาถูก ถึงบอกว่าคนละตลาดกัน อยากรู้ลึกๆน่ะ ไปเรียนบริหารการตลาด เค้าไม่ได้พูดแค่ภาพรวมใหญ่

สรุปง่ายๆ ไอ้มองตลาดเดียวกัน มองแค่ภาพใหญ่ภาพรวม กลุ่มอาหารสุกี๊ขายคนทั่วไป ส่วนคนมองคนละตลาด พวกเจาะรายละเอียดลง MK จะมาแข่งไรกับตี๋น้อย ถ้าเจาะรายละเอียดสุกี๊ขึ้นห้างกับสุกี๊บุฟเฟ่ราคาถูกนอกห้าง มันโมเดลธุรกิจเดียวกันเหรอ? สถานที่ก้ต่างกัน ต้นทุนต่างกัน ราคาต่างกัน รูปแบบการขายต่างกัน ไปเรียนวิชาการตลาดน่ะ จะเห็นภาพความลึกของธุรกิจ ไม่ใช่มันตลาดเดียวกัน คือ ตลาดสุกี๊ขายคนทั่วไป จะอ้างเหมือนตลาดรถไง แต่ถ้าเจาะรายละเอียดเค้าก้คนละตลาดกันน่ะ ง่ายๆแยก segment มันก้คนละตลาดล่ะ

เออ ลองนึกแล้วผมก็ว่าแปลกๆ

ผมก็มองว่าเอ็มเคกับพวกร้านที่ว่า มันคนละตลาดกัน

แต่ผมว่าคู่แข่งเอ็มเค ตลาดเดียวกันกับร้านที่ว่ามาแฮะ

คือไม่เชิงตลาดเดียวกัน แต่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเหลื่อมกันมากกว่าเมื่อเทียบกับเอ็มเค

ส่วนตัวที่เลิกกินเอ็มเคเพราะราคากับคุณภาพมันไม่ไปด้วยกันแค่นั้นเลยครับ ช่วงหลังจ่ายต่อหัวราวๆ 800 -1500 บาทต่อคนต่อครั้ง (กรณีไปกับแฟน ญ สองคน) แล้วถ้าไปกับครอบครัวจ่ายทีก็หลักหลายพัน ผมไปหาที่มันให้คุณภาพที่สมราคาจากที่อื่นได้ดีกว่าครับ

ส่วนตัว แบบไม่มีความรู้การตลาดนะ


ผมว่า mk มันคนละกลุ่มลูกค้ากับ ตี๋น้อย นะ .. แต่ ขายสินค้าเดียวกัน

ซึ่ง มีผลไม่น้อย กับ การที่ส่วนนึงย้ายไปกินตี๋น้อยแทนmk แต่ผมว่าไม่มาก



กลุ่มลูกค้าที่เสียไป ผมว่า แบรนด์ ชาบู/สุกี้/อาหารอื่นๆ ที่เกิดมาใหม่ เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วย
(ซึ่งรวมๆแล้วก็เกิดมานานหลายแบรนด์แล้ว และเกิดใหม่เรื่อยๆอีกเยอะแยะ)

ถ้าจะกำเงินหลักพันต่อมื้อ เขาอาจลังเลว่าจะไปเจ้าอื่นที่ดูคุ้มค่ากว่า ประมาณนี้



// ส่วนผม ตอนนี้ก็กิน mk ทั้งแบบบุฟ และแบบธรรมดา แต่นานๆที
(เซ็งตรง ทำบุฟฯจริงจัง กลายเป็นราคาแพงขึ้น ก่อนปรับราคา มันจ่ายจบหัวละ440)

อารมณ์เหมือนรถยุโรป โดนจีนซื้อแล้ว ปรับเปลี่ยนลดสเปกแต่ขายราคาใกล้เคียงเดิม แล้วคนก็คิดว่านี่ไงมันคือช่วงตลาดเดียวกัน แต่ในความจริงพื้นเพเดิมที่ลูกค้าประจำสัมผัสมา มันคือรถยุโรปคุณภาพดี หาที่จะติติงยาก ในราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งกลายเป็นว่า แบรนด์รถยุโรปเจ้าอื่นไม่ได้ทำแบบนี้ ยังคงความเป็นคุณภาพของตัวเองอยู่ แล้วแค่ปรับราคากับคุณภาพให้สอดคล้องกัน กลายเป็นว่าตอนนี้รถยุโรปพวกนี้เต็มถนนเลย

MK กับ ตี๋น้อยก็คล้ายๆกันครับ มันคนละตลาดแหละ แต่ MK ทำตัวเองให้โดนอีกตลาดตบ แล้วดันหลงคิดว่าเพราะอีกตลาดมาตบเลยคิดจะไปแข่ง แต่หารู้ไม่ ก็เพราะตัวเองไม่ยอมทำตัวไปแข่งกับคู่แข่งตลาดเดียวกัน คู่แข่งที่เขาทำดีกว่า คงคุณภาพได้ดีกว่า ก็แย่งลูกค้าไปหมดไง

ส่วนเรื่อง Nokia BB อันนั้นไม่ได้ดูถูกคู่แข่งว่าคนละตลาดนะครับ อันนั้นคือคิดว่าโปรดักตัวเองยังดีพอที่จะขายหรือยังมองตัวเองเป็นเจ้าตลาด แล้วคิดว่าคู่แข่งเอาเทคโนใหม่มาแล้วก็งั้นๆ กลายเป็นโดน apple iphone ตบเละเทะ มันคนละบริบทกับเรื่องสุกี้ชาบูนี้ครับ

แก้เกมตอบยาก

แต่ความเห็นผมคือ "เป็ดย่าง" ที่เป็นจุดขายนี่แหละ ที่ทำให้ mk ไม่ไปไหน

เพราะจริง ๆ mk buffet ก็กระจายตัวมาสักพักละนะ ราคาหัวละไม่เกิน 500 ได้หมี่หยก ติ่มซำ อาหารปกติ ซึ่งผมว่าโอเคเลย

แต่พอชวนใครไปกินก็จะแบบ...

"ราคานี้รวมเป็ดไหมนะ, อ้าว ยังไม่รวมเหรอ, ไม่ไปดีกว่า ไป mk ต้องสั่งเป็ดสิ, เอ แต่พอคิดค่าเป็ดแล้วแพงนะ ไปร้านอื่นเถอะ"

เนี่ย เดิมทีเราก็จดจำไปโดยปริยายอยู่ละว่า mk แพง แล้วพี่เป็ดที่เป็นจุดขายดันทำให้ mk ดูแพงขึ้นไปอีก คนก็ไม่เข้า...

เหมือนเจ้าของก็รู้ตัวแหละ เลยทำโปรโมชั่นชูจุดขายเป็นหมูกับทะเลแทนในช่วงนี้

ไม่ถึง 2 ปี ก่อน ไปกินบุฟเฟ่ต์ mk ตัวที่ไม่ใช่ gold ที่ฟอร์จูน ก็รู้สึกว่าคุ้มดีนะ แพงกว่าพวกตี๋น้อย ลัคกี้ ประมาณร้อยเดียวเอง เออ คิดอยู่ถ้าปรับทำแบบนี้ได้ทุกสาขา น่าจะเข้าท่าพอสู้เขาได้ แต่ ณ ปัจจุบัน สาขานั้นปิดไปแล้ว น่าจะแบกทุนไม่ไหว