ไม่แปลกที่ใน SS จะมองหยกในมุมมองที่ต่างกันครับ

ในโรงเรียนของน้องเอง ไม่ว่าเพื่อนร่วมโรงเรียน หรือผู้ปกครอง ยังมีมุมมองที่แตกต่างกันเช่นกัน

หลายๆคน มองน้องมีสิทธฺ์แสดงออกได้หากไม่ผิดกฏหมาย

หลายๆคนมองว่า น้องมีสิทธิ์แสดงออกได้ แต่ไม่ควรสุดโต่งจนเกินไป

หลายๆคนมองว่า น้องสร้างความวุ่นวายให้โรงเรียน

สำหรับผม มองว่า น้องควรเลือกวิธีการแสดงออก หรือมีข้อเสนอ และรอเวลา ซึ่งในเวลานี้ มีโอกาสได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นค่อนข้างมาก จากการชนะเลือกตั้งของก้าวไกลและฝ่ายประชาธิปไตยครับ

สมมุติมองตรงนี้ การย้อมผมและการไม่แต่งชุดนักเรียนเป็นการผิดกฏโรงเรียนก็จริง

แล้วผิดกฏหมายหรือไม่

ปัญหาคือสิ่งที่น้องทำน้องตั้งเป้าจุดประสงค์ของตัวเองคืออะไรนั่นแหละครับ ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสังคม หรือว่าได้แสงมาเยอะเลยอยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือสังคมของน้องผลักดันน้องมาอยู่จุดนี้เป็นปากเป็นเสียงให้เพื่อนๆ

ถ้าเป็นผมที่อายุ 15 ผมยอมรับว่าผมคงอยากได้แค่การยอมรับจากคนอื่น การเป็นจุดสนใจ หล่อ เท่ห์ เป็นการ drive ทางเพศ เพราะฮอร์โมนมันหอมหวาน

ส่วนน้องผมไม่แน่ใจ

ถ้าน้องโตมา เจอกฏระเบียบในที่ทำงาน น้องจะต่อต้านด้วยไหม ผมสงสัยถ้ามันไม่ผิดกฏหมาย

นั่นสิครับ ตอนเราอายุ15ปี เราคงไม่ได้คิดเยอะแยะอะไรมากมายขนาดนั้น แค่รู้ว่าตัวเองมีแสงส่องมา เราก็รู้สึกว่าเราเปลี่ยนอะไร คนก็อาจจะเปลี่ยนตามเรา แต่ทำไมผมรู้สึกว่าน้องไม่ได้มั่งเน้นไปที่การเรียนเลย แต่เหมือนเน้นไปที่การสร้างเสรีภาพให้ตัวเองแค่นั้นเลยนะ ที่แสดงออกอยู่ปัจจุบัน

ถ้ามันต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมของเด็กเยาวชนจริงๆผลการเรียนคือสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกอย่างเลยนะว่าคนอื่นจะทำตามคุณไหม ถ้าผลการเรียนดีแล้วมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการแสดงออกวันนี้ไม่แน่นะในอนาคตอาจจะเป็นนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวที่ดีได้แน่ๆ แต่ถ้าไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผลการเรียนผมก็เสียดายสิ่งที่แสดงออกในวันนี้นะมันอาจจะไม่ได้ต่อยอดไปถึงอนาคตก็ได้สำหรับตัวน้อง

หลายคนบอกน้องเยอะไป ใช้อารมณ์ส่วนตัวเยอะไป มีกฎก็ต้องปฏิบัติ

ผมขอตอบในฐานะนักกฎหมายนะครับว่า กฎที่มีปัญหาเราสามารถแสดงออกต่อต้านเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ป.อ. มาตรา 112 ที่เรียกร้องกันอยู่ก็เริ่มมาจากการแสดงออกต่อต้านของผู้ชุมนุมตอนปี 63

นอกจากนี้ กฎของโรงเรียนหลายอย่างในไทยมันไม่สอดคล้องกับหลักความได้สัดส่วนซึ่งเป็นหลักการระดับรัฐธรรมนูญที่ประเทศพัฒนาแล้วเขายอมรับกัน เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน

หลักความได้สัดส่วนเรียกร้องสามเรื่องด้วยกัน คือ 1. วัตถุประสงค์ของกฎต้องชอบด้วยกฎหมาย 2. การไปถึงวัตถุประสงค์นั้นไม่มีวิธีการอื่นใดที่จำกัดสิทธิน้อยไปกว่านี้แล้ว นอกจากวิธีการตามกฎ 3. คุณค่าที่กฎนั้นต้องการรักษาไว้ต้องมีน้ำหนักมากกว่าสิทธิของบุคคลที่ถูกกฎนั้นจำกัด


ถ้าเราพิจารณาจากกหลักนี้จะเห็นว่า โรงเรียนมีหน้าที่ให้การศึกษา ไม่ใช่ค่ายทหารที่จะมาสร้างระเบียบวินัย กฎของโรงเรียนต้องออกเพื่อให้การให้การศึกษาเป็นไปโดยเรียบร้อยเท่านั้น ฉะนั้น กฎของโรงเรียนเรื่องต่าง ๆ ที่น้องเขาเรียกร้องนั้นโดยสภาพมันขัดกับรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ผมจึงคิดว่าน้องมีสิทธิเรียกร้องให้มีการแก้ไขทบทวนกฎโดยการฝ่าฝืนต่อต้าน

เรียกร้องในสิ่งที่ตนเองอยากได้......โดยไม่สนส่วนรวม


เคารพสิทธิ์ตนเอง...จนลืมเคารพสิทธิ์คนอื่น


อยากเปลี่ยนแปลงคนอื่น....แต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง(



....เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล......


มีเยอะนะ...เด็กที่เป็นแบบนี้

นับวันมีแต่จะมากขึ้น

เป็นกระทู้ที่สมาชิกโต้แย้งด้วยเหตุผลได้น่าสนใจมาก ๆ ครับ

นิยามของแอคทิวิสท์ในความคิดผมคือควรจ้อง

มีอุดมการณ์เสมอ แสดงออกจุดยืนออกมาอย่างมีอารยะ

แม้ว่าโดนโอบล้อมด้วยพวกเผด็จการ

ไม่ใช่ต้องกางมุ้ง รอแรงจากคนนอก ต้องรอแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก

เพื่อผลักดันตัวเอง ต้องให้คนอื่นตีความสิ่งตัวเองที่จะแสดงออกเสมอ

ได้คืบจะเอาศอกจริงๆๆ อ้างแต่สิทธิ์ เรียนที่อื่นเถอะ

หลังๆผมว่าเลอะเทอะเหมือนเด็กเอาแต่ใจอยากได้ไรกูต้องได้แล้วอ่ะ
อารมณ์แบบตอนนี้แสงส่องมาที่กู เสียงกูดัง ก็ต้องทำให้ได้มากที่สุดทุกอย่างที่ต้องการ

112 ส่วนหนึ่ง

กฏในโรงเรียน ส่วนหนึ่ง

ทำไมผู้ปกครองไม่อธิบายเรื่องพวกนี้หว่า

ถ้าเข้าใจผิดยังไงแย้งได้นะ

สิ่งที่น้องเรียกร้องที่รู้ๆ คือ ทรงผม (ทำสี) / แต่งชุดไปรเวท / ลิฟต์ แล้วก็ 112
- ซึ่งเรื่องทรงผมกับชุดนี่พื้นฐานมากเลยนะที่จะเรียกร้อง ไม่น่าใช่เยอะอะไร

- ส่วนเรื่องลิฟต์ อันนี้ถ้าเป็นนร. ในรร. คงตั้งข้อสงสัยแหละว่าทำไมชั้นถึงใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีใครเคยอธิบาย (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเด็กเคยถามครูหรือใครที่เกี่ยวข้องไหม) ก็เลยมาเรียกร้องทางช่องทางทวิต จนเป็นกระแส

ถ้าถามมุมมองผม ผมว่าเด็กมีสิทธิ์สงสัยนะว่าทำไมเราใช้ไม่ได้

แต่....ต้องถามในเชิงที่เราไม่รู้ เพื่อขอคำอธิบายข้อเท็จจริง ไม่ใช่การแสดงสิทธิ์ว่าชั้นต้องใช้ได้ ชั้นจ่ายค่าเทอมไรงี้

- 112 ผมว่าเกือบทุกคนใน ss น่าจะเข้าข้างน้องกันอยู่ละ

อันนี้พูดถึงตัวบทกฎหมาย ผมมองว่าท่านพูดมาก็มีเหตุผลและถูกต้องที่สุด แต่สิ่งที่เขากำลังถกเถียงกันน่าจะเกี่ยวกับพฤติกรรมของน้องมากกว่านะ เพราะพฤติกรรมการแสดงออกของน้อง เหมือนดูเอาแต่ใจ อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการมากกว่าในเรื่องของการต่อต้านหรือระเบียบที่ไม่เป็นธรรมต่อนักเรียน แต่สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการต่อต้านกฎระเบียบเรื่องทรงผมและชุดนักเรียน น่าจะพูดคุยแสดงออกจุดยืนในการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ครูที่โรงเรียนได้รับทราบ หลักการและเหตุผล