อันนี้เด็กพูดจริงหรือสมมุติละ ถ้าสมมุติแนะนำให้มีลูกก่อนแล้วลองเลี้ยงก่อนจะมานั่งสมมุติอะไรไร้สาระแบบนี้ เพราะการที่เด็กจะพูดแบบนั้นได้บอกเลยว่าเกือบ100%มาจากพ่อแม่นั่นแหละ  

ผมว่าผมก็พูดชัดเจนเนอะว่าคิดกำลังจะมีลูก และการที่เราคิดเตรียมวิธีการรับมือปัญหาในอนาคตนี่มันคือเรื่องไร้สาระหรอเนี่ย ตายละ  

สงสัยว่าทำไมต้องประกาศว่า กา ก้าวไกล 2 ใบ ฮะ อันนี้สงสัยนะ กลัวคนด่าหรอ  

ผมว่าผมก็พูดชัดเจนเนอะว่าคิดกำลังจะมีลูก และการที่เราคิดเตรียมวิธีการรับมือปัญหาในอนาคตนี่มันคือเรื่องไร้สาระหรอเนี่ย ตายละ  

ประเทศที่ให้สิทธิ เสรีภาพนักเรียนมากๆ ไม่ตีเด็ก ทำไมมันเจริญเอาๆ ล่ะครับ แล้วมาดูไทยที่ตะบี้ตะบันเด็กมาตั้งนานแล้ว ผลคือได้ผู้ใหญ่แบบไหนมา

ถึงยังงั้นก็พูดแบบกลางๆ ก็ได้ว่า สิทธิเสรีภาพและวิธีการลงโทษเด็ก มันไม่มีผลต่อต่อการเรียน ทัศนคติเด็ก แล้วทำไมต้องเลือกวิธีที่ไปกดเด็กล่ะครับ  

ก่อนอื่นเลย ขออภัย จั่วหัวเรียกแขก ตั้งกระทู้ไม่ค่อยเป็นครับ กลัวไม่มีคนตอบ

ส่วนตัวผมส้ม 2 ใบ ชอบในการเมืองยุคใหม่ แต่ยังติดตรง สิทธิมนุษยชน

เห็นข่าวช่วงนี้ เด็กไปเข้าค่าย โดนซ้อม โดนบังคับไปเข้าค่าย

การแต่งชุดนักเรียน ทรงผมอิสระ เท่าที่ผมเห็น เด็กยุคใหม่นี้เรียกร้องสิทธิของเขา

สิทธิมนุษยชน นี่คืออะไรกันแน่ สำหรับผมคือ สิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ

สิทธิที่อยู่ร่วมกันในสังคม สิทธิการรักษาพยาบาลจากโรงบาลรัฐอย่างเท่าเทียม ฯลฯ

ตัวอย่าง แบม - ตะวัน แล้วเด็กอีกคนชื่ออะไรจำไม่ได้ ผมว่ามันเกินข้อเรียกร้องไป

มองกลับมาที่วัยทำงาน เราเองยังต้องเคารพกติกาที่แสนจะน่าเบื่อ เพื่อที่จะทำงาน

อยู่ในกติกาของสถานที่นั้น ๆ

โดยส่วนตัวผม ผมยังชอบที่ลูกผมเจอครูที่ดี มีดุ มีไม้เรียว มีบังคับบ้าง

ย้อนนึกถึงสมัยก่อน รีบทำงาน รีบปั่นการบ้าน ตั้งใจเรียน เหตุผลโดนตีเจ็บ กลัว

บางวิชาก็ได้นำมาใช้ในชีวิตจริง เพราะกลัวโดนทำโทษนี่แหละ

ตอนนี้ก็รีบปั่นงานทำให้ดี กลัวเจ้านายด่า หรือผมอยู่ในโคจรเก่าๆต้องแก้

ไม่รู้ทัศนคติผมไปบิดเบี้ยวตรงไหน มาแลกเปลี่ยน ให้ชีแจ้งแจ่มชัดทีครับ




 

กระบวนการมันไม่ใช่แบบนั้นครับ กว่าที่ประเทศที่ว่าเจริญเอาๆ เขาผ่านความยากลำบาก ความสาหัส ความดิ้นรนของชีวิตในสังคมมามากมายครับ (ไหนจะภัยธรรมชาติ ไหนจะสงคราม)

ถ้าไล่ศึกษาตั้งแต่ประเทศแถบสแกนฯ เยอรมัน จนล่าสุดคือ เกาหลีใต้ ล้วนผ่านไม้เรียวมาหมดครับ
เมื่อคุณภาพการศึกษา คุณภาพคนในสังคมดีขึ้นมากพอ (อย่างน้อยก็เคารพสิทธิผู้อื่นไม่น้อยกว่าสิทธิตนเอง หรือ ใช้สิทธิไม่เกินส่วน) ไม้เรียวจึงค่อยๆลดละเลิกกันไปเองครับ

ไม้เรียวไม่ได้หายไปจากการประท้วงเรียกร้องครับ แต่เริ่มหายไปเพราะแต่ละครอบครัวมองว่าไม่จำเป็นแล้วครับ

เราอย่าไป copy แบบด้วนๆ แล้วหวังว่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกันเลยครับ

จิตสำนึกการอยู่ร่วมกันของคนไทย แตกต่างจากหลายๆประเทศในโลกนี้มากครับ (ท่องเที่ยวเราถึงบูมในระดับโลกไงล่ะครับ)


ส่วนผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุที่โกงกิน คอรัปชัน หรือทำความเลวร้ายต่อผู้อื่นๆมากๆ เหล่านี้ ไม้เรียวก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวใช่มั้ยล่ะครับ มันมีปัจจัยร่วมอื่นๆ อีกมากมายเลย (เช่นค่านิยมแบบนี้ ค่าของคนอยู่ที่คนของใครคนของใคร)