ก็ขึ้นค่าแรง เราก็ต้องดันลูกน้องเทรนให้มีคุณภาพมากขึ้น ค่าแรงขึ้นได้แต่งานที่ทำของลูกน้องก็ต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ผู้ประกอบการจะได้มีรายได้กำไรเพิ่มมากขึ้น

ขอเถียงว่าใน กทม จ่ายแพงกว่า
หลายๆแฟนไชน์ หลายๆเชนดังๆยังคงยืน 352 ต่อวัน
ถ้ารายเดือนก็ 10560 ต่อเดือน
.
มองคนข้างล่างบ้าง ทุกวันนี้ คนพวกนี้แค่ได้ KFC ซักมื้อต่อเดือนก็สุขใจแล้ว
BTS กับ MRT นี่เหมือนขึ้นแท๊คซี่อะ
.
รถเมย์อย่างเดียว (อะไรที่หายไป เวลาชีวิต เวลาในการพัฒนาตัวเอง)
.
และมันมีหมด โอทีไม่มี ช่วยอยู่ฟรีหน่อย ออกตัวไม่ได้ บีบออก เดี๋ยวก็มีหน้าใหม่หลุดติดกับเข้ามา (คนที่มีหนี้ต่อเดือนสูงเพราะใช้ชีวิตผิดพลาดบ้าง หรือ ทางบ้านเป็นภาระ)
.
SME ล้มไหมต้องรอดูพอขึ้นต่อวัน คือ 352 ไป 450 ก็คือ 100 บาท ต่อวัน
เดือนนึงก็ ประมาณ 3000 ต่อคน ปีนึงก็ 36000 ต่อคนต่อปี ตัวเลขตรงนี้เอาไปช่วยอะไรได้ต้องรอดู ลดหย่อนภาษีไหม หรือ สนับสนุน ปกสค เค้าไม่ได้ให้กำปั้นทุบดินขึ้นแน่ๆ
.
ทำไมถึงอยากให้ขึ้น เพราะมองคนข้างล่างแล้้ว มันมีจริงๆ องค์กรที่ทำนาบนหลังคน
SME จะมีหวยใบเสร็จ และมาตรการทางด้านภาษีช่วยเหลือมากมาย พวกงดเว้นภาษีบลาๆๆ น่าจะทำให้ปรับตัวได้
.
ผมกลับมองว่า เค้าจะจัดการ ไอ้พวกยอดๆสามเหลี่ยม โห มันกำไรเยอะนะ จะกระทบได้ไง
ใช่ครับ กำไรเยอะ และพวก พนง เงินเดือนขั้นต่ำระดับ พัน ถึง หมื่นคน ข้างล่างหละ
พวกรายวัน พวกพาททาม
ได้เวลาทอนเงินกลับมาให้ พนง บ้างแล้วหละ

ค่าครองชีพบ้านเราน่ะ เวลาพูด เราชอบพูดถึงข้าวแกง 40-50 บาทงี้ ว่ามันคือค่าครองชีพ

ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ค่าครองชีพ ที่เอามาคิดใน cpi basket เพราะงั้นต่อให้ราคาข้าวแกงขึ้น ค่าครองชีพก็อาจจะไม่ขึ้่น

แต่มันเป็นสิ่งนึง ที่ค่อนข้างสะท้อนถึงค่าครองชีพบ้านเราจริงๆ เพราะมันคือวิถีชีวิตของคนแล้ว ที่พึ่งร้านตามสั่งเอา เพราะไม่มีเวลาทำกับข้าวเอง หรือพื้นที่บ้านหลายๆคนมันก็ไม่ได้เอื้อ

ทีนี้ค่าแรงขึ้นต่ำขึ้นน่ะ พวกราคาข้าวแกงมันขึ้นแน่ๆล่ะ เพราะค่าแรงมันรวมอยู่ใน cost พวกนี้อยู่แล้ว มันเป็นทั้ง cost โดยตรง หรือเป็นทั้ง opportunity cost โดยต่อให้ร้านเล็กๆที่ขายอยู่คนเดียวไม่ได้มีลูกน้อง ก็ต้องขึ้น ให้มันคุ้มที่ตัวเองทำ ไม่งั้นก็ไปทำงานอย่างอื่นได้ 450 ดีกว่า

ถ้าจะไม่ให้กระทบ อนาคตก็อาจจะต้องทำกับข้าวกินเองกันให้หมดเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว ก็ไม่รู้พร้อมกันรึเปล่า

เพราะงั้นเวลาบอกเรื่องค่าครองชีพ มันเลยเป็นคนละความหมายกัน ค่าครองชีพในเชิง CPI basket หรือค่าครองชีพในเชิงที่เป็นวิถีชีวิตจริงๆ

SME อย่างผมกระทบแน่ๆ อยากให้ค่อยๆขึ้นแต่ขึ้นมากกว่าเงินเฟอ้ในสภาวะปกติ
เช่นบอกไปเลยจะขึ้นค่าแรงรายวันปีละ 20 บาทจากนี้ไปห้าปีจากเดิมขึ้นไม่แน่นอนหรือขึ้นแค่ปีละ10-12บาท มันก็ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ป.ตรีจากขั้นต่ำ15,000 เป็น 17,000-18,000 ก็น่าจะโอคกว่า เป็น25,000 มันเยอะนะ ส่วนใครจะให้มากกว่าก็เป็นสิทธิของแต่ละนายจ้าง

บังคับไม่ได้ครับ เป็นสิทธิ์ของนายจ้าง

ก้แก้กฏหมายไงครับ ผ่านสภา

อาจจะบอกว่า ถ้าพนักงานทำงานเกิน 22วันต่อเดือน ถือว่าให้นับเปนรายเดือน ไรงี้

หนักครับยิ่งถ้าขยับขึ้นเร็วๆนี้ เมื่อต้นปีผมพึ่งขึ้นราคาสินค้าไป การจะปรับขึ้น ปีนี้ต้นทุนทางการผลิตผมขึ้น มา 3 ส stepแล้ว ตอนแรกขึ้นราคา ตามหลักสูตรไม่เกิน 15%ผมยังคิดว่า สูงอยู่ ตอนนี้คิดว่าคิดผิด เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเกิน 15%ไปแล้ว ตอนนี้รอดูว่าราคาน้ำมัน อะไรจะยังไง ถ้าลดก็คงไม่ปรับแล้ว เพราะผุ้บริโภคเองก็ลำบาก แต่ถ้าเกิดไม่ลดยื่นพื้นน้ำมัน ลิตรละ 30 บาทแบบนี้ คงต้องปรับขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภค บริโภคไม่ไหวตามไปอีก ผมว่าเราควรดูปัจจัย ของคุณภาพแรงงาน และ เงินของเราที่สัมพันธ์กับตลาดโลกด้วย พลังงาน น้ำมัน นั้นนี้เราใช้ราคาตามตลาดโลก แต่ รายได้ของเรากระจุกอยู่ที่คนกลุ่มหน่อยนึงด้านบน แปลว่า ต่อให้คุณคุมปัจจัยภายในประเทศได้ แต่สิ่งของที่คุณต้อง importมาใช้งาน ก็จำเป็นจะต้อง อยู่ในราคาที่ต่ำสัมพันธ์กับรายได้เช่นกัน ถ้าไม่ปรับปรุงเรื่องค่าครองชีพ และความเหลื่อมล้ำ จะขึ้นค่าแรงอีกกี่รอบก็หนีไม่พ้นเงินเฟ้อครับ พวกตัวบนๆ เงินจะกระจายลงมาถึงฐานจริง แต่พวก sme เจ๊งระนาวแน่ๆ แต่ถ้า บอกจะดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ดุลการค้าประเทศด้วย พัฒนาการศึกษา แล้วนำแรงงานเข้าสู่ ฮุตสาหกรรม digital แบบนั้นก็ว่ากันอีกที

ปล ค่าครองชีพ กรุงเทพนี้ถ้าเทียบจริงๆสูงไม่แพ้ใครนะครับสำหรับ local คนกรุงเทพโคตรเมพ แต่ประเทศโลกที่1 พอมาเทียบกับโลกที่ 3 เลยดูถูกไปเลยแจ่มๆ

ถ้าทำเกิน 22 วันก็จ่ายตามจริงครับ ไม่เกี่ยวกับกฎหมาย อยู่ที่สัญญาจ้างล้วนๆ

อีกอย่างปกติ รายวัน เค้าคิดเฉลี่ยที่ 26 นะครับ เพราะ 1 เดือน หยุดอาทิตย์ละ 1 วัน

แต่เวลาทำเงินเดือน คิดตามวันทำงานจริง

รองคิดดูนะครับ แรงงานพม่า 8 โมงก็ทำงานกันแล้ว ต่างกับคนไทยส่วนมาก มาสาย 8 โมงเปิดเฟรชบุค 9 โมงไถติ๊กต็อก พักเที่ยงเข้ามาทำงานบ่าย 2 บ่าย 3 พักรอเลิกงาน

คนที่พิมๆ450 ได้นุ้นนี้นั้น

ได้คลุกคลี่กับ คนงานจริงๆไหมหรือได้รับภาระจ่ายหรือดูแล cost ตรงนี้ไหน

หรือแค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆ

การที่เพิ่ม 3000 ต่อเดือนไม่ตลก นะ

คนงาน 20คน 6หมื่นต่อเดือน จ้างเพิ่มได้อีก6 คน

Sme อ้วกแตกแน่นอน ต้องลดคนงานลง คนตกงานเพียบแน่

จะไม่ขึ้นเงินเฟ้อได้ไงครับ ในเมื่อต้นทุนแรงงานจะอยู่ในต้นทุนการผลิต และที่สุดก็นำไปสู่การขึ้นราคาสินค้า

เหมือนกฎหมายใหม่ ของ กก ที่ส่งตามมาคือ ลดชั่วโฒงทำงานนะครับ จาก 48 > 40 = 5 วัน วันละ 8 ชั่วโมง เกินนี้คิด OT เลยคิดว่าฐานการคำนวณน่าจะเปลี่ยนด้วย

เจ้าของธุรกิจเล็กๆตาย ไม่มีทุน
และหวังว่าอาหารตามสั่งคงไม่ขึ้นเกินกว่านี้แล้วน่ะ ตามสั่งบวกไข่ 60-70 ค่าแรง 450 ก็ไม่ไหว

ขึ้นค่าแรงปุ๊บขาดทุนทันทีครับ ยังไม่ต้องพูดถึงภาษีปลายปีที่ต้องคำนวน ต้องขายให้เยอะขึ้น แพงขึ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำไม่ได้ทันทีก็ล้มครับ

แรงงานที่อยากได้ค่าจ้างเยอะ ๆ ควรอัพสกิลตัวเองครับ มองหางานที่ตลาดต้องการ เป็นงานที่ขาดแคลนคนเก่ง แบบนี้ยังไงก็ไม่อดตายครับ

แต่แรงงานไร้ฝีมือที่จะมาแกะกุ้งหรือแงะเกล็ดปลา ที่เป็นงานที่ใครทำก็ได้ แต่จะเอาค่าแรงเยอะ ๆ โดยที่ Productivity สู้แรงงานพม่าไม่ได้เลย แบบนี้ก็ไม่มีใครอยากจ้างครับ

ทุกวันนี้ถ้างานเอากรรไกรตัดผ้าวันละ 35 พับ ได้เงิน 350 บาท พอขึ้นเป็น 450 บาท จะตัดผ้าได้ 45 พับเหรอครับ แล้วถ้าไม่ทำงานวันเสาร์ จะตัดเพิ่มได้อีกสัปดาห์ละ 45 พับเหรอครับ ... แล้วถ้าทำได้จริง จะเอาผ้าไปขายใครครับ ผลิตมาเยอะขนาดนี้บริษัทอื่นก็ผลิตมาเยอะขึ้นเหมือนกัน ใครแกร่งกว่าก็อยู่รอดเหรอ ทำไมถึงไม่คิดว่าต้องรอดทุกคนครับ