BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 10:32
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 10:54
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 11:26
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: GO HOME U DRUNK.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 6850
ที่อยู่: DOG TOWN
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 12:01
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
ผมคิดไว้อยู่เเล้วว่า ฉีดยังไงก็ติด แต่ฉีดเพื่อติดแล้วไม่อาการหนัก ช่วยได้เยอะจริงๆ

ปัจจุบันไม่ใส่แมสและนะ 5555 ไม่กลัวและติดก็ติดเหมือนเป็นหวัดอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 12:05
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 12:31
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 13:02
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2018
ตอบ: 3237
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 13:43
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
ต่างประเทศโม้ ทำไมต้องสนใจด่าครับ เขาไม่ได้มาดูแลด้านสาธารณสุขของประเทศเรานี่
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขามาออกข่าวให้เราได้รับรู้ได้ง่าย ๆ สักหน่อย

แต่นี่สาธารณสุขของประเทศเรา สื่อแทบทุกสื่อออกข่าวให้ มีหน้าที่ในด้านนี้โดยตรงต่อคนในประเทศ
จะไม่ให้ด่ามากกว่าของต่างประเทศได้ยังไงครับ

เอ่อ ถ้าต่างประเทศมันออกมาโม้แล้วบังคับว่าคุณต้องฉีดแบบนี้นะ ไม่ขายแบบอื่นให้ค่อยน่าด่า
ตอนสถานะการณ์ตอนนั้น บังคับเอาเข้ามาแค่ของจีน แล้วประสิทธิภาพต่ำมากแต่อวยว่าดี แบบนี้ไม่ควรด่ามากกว่าหรือครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 17:45
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
aitliver พิมพ์ว่า:
ต่างประเทศโม้ ทำไมต้องสนใจด่าครับ เขาไม่ได้มาดูแลด้านสาธารณสุขของประเทศเรานี่
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขามาออกข่าวให้เราได้รับรู้ได้ง่าย ๆ สักหน่อย

แต่นี่สาธารณสุขของประเทศเรา สื่อแทบทุกสื่อออกข่าวให้ มีหน้าที่ในด้านนี้โดยตรงต่อคนในประเทศ
จะไม่ให้ด่ามากกว่าของต่างประเทศได้ยังไงครับ

เอ่อ ถ้าต่างประเทศมันออกมาโม้แล้วบังคับว่าคุณต้องฉีดแบบนี้นะ ไม่ขายแบบอื่นให้ค่อยน่าด่า
ตอนสถานะการณ์ตอนนั้น บังคับเอาเข้ามาแค่ของจีน แล้วประสิทธิภาพต่ำมากแต่อวยว่าดี แบบนี้ไม่ควรด่ามากกว่าหรือครับ  
ถ้าอ่านของผมครบ จะเข้าใจเองครับผมพูดถึงระดับโลกไอ้ระดับประเทศขี้ประติ๋วผมแทบไม่ได้เอ่ยถึงเลย อย่างที่บอกละครับ เพราะสาสุขไทยคนเลยด่าเพราะอยู่ตรงข้ามกัน แต่พอเป็นระดับโลกโกหกเหมือนกันแต่บอกอย่างแรกควรด่ามากกว่าซะอย่างงั้นทำไมถึงด่าทั้งสองแบบด้วยกันไม่ได้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Tpk เมื่อ Thu Jan 26, 2023 17:46, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 21:48
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท  

ซิโนแวคผลวิจัยประสิทธิภาพออกมาไม่ถึง 95% นี่ครับ มันเลยเคลมแบบ mRNA ไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีการพูดก็อย่างที่คุณคอมเมนท์มานั่นแหละครับ คือถ้าอธิบายเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ คนก็ไม่อ่าน ไม่ฟัง แล้วก็ขอให้สรุปสั้นๆง่ายๆ แล้วไปจับเอาคำพูดสั้นๆง่ายๆมาเป็นประเด็น คุณคิดในมุมของตัวคุณต้องเอาอะไรเข้าร่างกายก็เป็นสเกลนึง CDC คิดในมุมของนักวิทยาศาสตร์, นักระบาดวิทยาที่ต้องการควบคุมการระบาดมันก็อีกสเกลนึง คุณบอกที่พวกนี้ออกมาพูดคือ bullshit พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้มาเจอคอมเมนท์แบบคุณเค้าก็คงคิดว่า "f_cking dumbshit" เหมือนกันนั่นแหละครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 22:14
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Spoil
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท  

ซิโนแวคผลวิจัยประสิทธิภาพออกมาไม่ถึง 95% นี่ครับ มันเลยเคลมแบบ mRNA ไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีการพูดก็อย่างที่คุณคอมเมนท์มานั่นแหละครับ คือถ้าอธิบายเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ คนก็ไม่อ่าน ไม่ฟัง แล้วก็ขอให้สรุปสั้นๆง่ายๆ แล้วไปจับเอาคำพูดสั้นๆง่ายๆมาเป็นประเด็น คุณคิดในมุมของตัวคุณต้องเอาอะไรเข้าร่างกายก็เป็นสเกลนึง CDC คิดในมุมของนักวิทยาศาสตร์, นักระบาดวิทยาที่ต้องการควบคุมการระบาดมันก็อีกสเกลนึง คุณบอกที่พวกนี้ออกมาพูดคือ bullshit พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้มาเจอคอมเมนท์แบบคุณเค้าก็คงคิดว่า "f_cking dumbshit" เหมือนกันนั่นแหละครับ  
 

ก็ใช่ไงครับ sinovac มัน bullshit เค้าเลยด่า แต่วัคซีนตปทการโฆษณาก็ bullshit แต่ท่านก็จะมีเหตุผลมาคอยปกป้อง มันอยู่คนที่พูดว่าคุณชื่นชอบฝั่งไหนมากกว่าแค่นั้นละ พอเป็นไอ้นู๋บอกโควิทกระจอกด่ากันฉห บอกซีนิแวคประสิทธิภาพดีด่าฉห พอเป็นไบเดน พอเป็น fauci ,cdc ถ้าคุณฉีดวัคซีนคุณจะไม่ติดโควิด ท่านบอกโอเคเหตุผลต้องไปดูreserch ๆ ต้องไปดูผลนี้นะๆพูดสั้นๆให้ฟังง่ายๆ 555 มันดูย้อนแย้งไมครับ ฝ่ายแรกพูด bullshit เพื่อจุดประสงค์นึง ฝ่ายหลังพูด bullshit เพื่ออีกประสงค์นึงแต่ฝ่ายหลังได้รับการปกป้อง



นี้ก็นักวิทยาศาสตร์ครับ ไม่รู้เหมือนกันใครจะ dumbshit


ปล.ไม่ต้องหัวร้อนทำเป็นมาด่าก็ได้ครับ ไม่แปลกใจหรอกครับพวกฝ่ายไบเดนโง่ๆเยอะครับเข้าใจได้

แก้ไขล่าสุดโดย Tpk เมื่อ Thu Jan 26, 2023 22:17, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2018
ตอบ: 3237
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 26, 2023 23:35
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
aitliver พิมพ์ว่า:
ต่างประเทศโม้ ทำไมต้องสนใจด่าครับ เขาไม่ได้มาดูแลด้านสาธารณสุขของประเทศเรานี่
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขามาออกข่าวให้เราได้รับรู้ได้ง่าย ๆ สักหน่อย

แต่นี่สาธารณสุขของประเทศเรา สื่อแทบทุกสื่อออกข่าวให้ มีหน้าที่ในด้านนี้โดยตรงต่อคนในประเทศ
จะไม่ให้ด่ามากกว่าของต่างประเทศได้ยังไงครับ

เอ่อ ถ้าต่างประเทศมันออกมาโม้แล้วบังคับว่าคุณต้องฉีดแบบนี้นะ ไม่ขายแบบอื่นให้ค่อยน่าด่า
ตอนสถานะการณ์ตอนนั้น บังคับเอาเข้ามาแค่ของจีน แล้วประสิทธิภาพต่ำมากแต่อวยว่าดี แบบนี้ไม่ควรด่ามากกว่าหรือครับ  
ถ้าอ่านของผมครบ จะเข้าใจเองครับผมพูดถึงระดับโลกไอ้ระดับประเทศขี้ประติ๋วผมแทบไม่ได้เอ่ยถึงเลย อย่างที่บอกละครับ เพราะสาสุขไทยคนเลยด่าเพราะอยู่ตรงข้ามกัน แต่พอเป็นระดับโลกโกหกเหมือนกันแต่บอกอย่างแรกควรด่ามากกว่าซะอย่างงั้นทำไมถึงด่าทั้งสองแบบด้วยกันไม่ได้ครับ  


ถ้าอ่านข้อความผมดี ๆ จะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
อย่าคิดว่าคนอื่นเขาคิดไม่ได้เหมือนคุณครับ แต่เขาไม่จำเป็นต้องมาแสดงออกอะไรแบบนี้เท่านั้นเอง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 27, 2023 03:33
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
Spoil
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท  

ซิโนแวคผลวิจัยประสิทธิภาพออกมาไม่ถึง 95% นี่ครับ มันเลยเคลมแบบ mRNA ไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีการพูดก็อย่างที่คุณคอมเมนท์มานั่นแหละครับ คือถ้าอธิบายเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ คนก็ไม่อ่าน ไม่ฟัง แล้วก็ขอให้สรุปสั้นๆง่ายๆ แล้วไปจับเอาคำพูดสั้นๆง่ายๆมาเป็นประเด็น คุณคิดในมุมของตัวคุณต้องเอาอะไรเข้าร่างกายก็เป็นสเกลนึง CDC คิดในมุมของนักวิทยาศาสตร์, นักระบาดวิทยาที่ต้องการควบคุมการระบาดมันก็อีกสเกลนึง คุณบอกที่พวกนี้ออกมาพูดคือ bullshit พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้มาเจอคอมเมนท์แบบคุณเค้าก็คงคิดว่า "f_cking dumbshit" เหมือนกันนั่นแหละครับ  
 

ก็ใช่ไงครับ sinovac มัน bullshit เค้าเลยด่า แต่วัคซีนตปทการโฆษณาก็ bullshit แต่ท่านก็จะมีเหตุผลมาคอยปกป้อง มันอยู่คนที่พูดว่าคุณชื่นชอบฝั่งไหนมากกว่าแค่นั้นละ พอเป็นไอ้นู๋บอกโควิทกระจอกด่ากันฉห บอกซีนิแวคประสิทธิภาพดีด่าฉห พอเป็นไบเดน พอเป็น fauci ,cdc ถ้าคุณฉีดวัคซีนคุณจะไม่ติดโควิด ท่านบอกโอเคเหตุผลต้องไปดูreserch ๆ ต้องไปดูผลนี้นะๆพูดสั้นๆให้ฟังง่ายๆ 555 มันดูย้อนแย้งไมครับ ฝ่ายแรกพูด bullshit เพื่อจุดประสงค์นึง ฝ่ายหลังพูด bullshit เพื่ออีกประสงค์นึงแต่ฝ่ายหลังได้รับการปกป้อง



นี้ก็นักวิทยาศาสตร์ครับ ไม่รู้เหมือนกันใครจะ dumbshit


ปล.ไม่ต้องหัวร้อนทำเป็นมาด่าก็ได้ครับ ไม่แปลกใจหรอกครับพวกฝ่ายไบเดนโง่ๆเยอะครับเข้าใจได้

 


ก็ต้องย้อนกลับไปที่คอมเมนท์ก่อนหน้าของผมนั่นแหละครับว่าตอนที่ Biden กับ Fauci พูด ผลวิจัยประสิทธิภาพของ mRNA มันก็ออกมาว่าสูงกว่า 95% ผมถึงได้บอกว่ามากกว่า 95% มันสามารถ assume ว่ามีประสิทธิภาพสูงมากได้เพราะอะไร มันคือการเอา evidence ณ ตอนนั้นมาสนับสนุนคำพูดของเค้าตอนนั้น แต่คุณก็ไปเอาผลวิจัย ณ ปัจจุบัน (ที่เป็นไวรัสกลายพันธุ์แล้วด้วยซ้ำ) มาแย้งคำพูดตอนนั้นของเค้า ซึ่งแน่นอนว่ามันหักล้างคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่คุณไม่สามารถไปตัดสินว่า ณ เวลานั้นเค้าโกหกไดิ เดราะมันยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างคำกล่าวอ้างของเค้า

ส่วนกรณีอนุทินออกมาบอกว่าโควิดเป็นไข้หวัดกระจอก เค้าเอาอะไรมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างเค้าล่ะครับ เพราะถึงอัตราการตายเมื่อคิดเป็น % จะต่ำ แต่มันก็มีคนตายจริงเป็นหลักล้านคนทั่วโลก การออกมาบอกว่าโควิดมันกรัจอกก็สมควรโดนด่าจริงๆ ในขณะที่กรณีซิโนแวค ผมก็ไม่ได้ด่าอะไร เพราะผมเองก็รู้ว่าวีคซีนเชื้อตาย ประสิทธิภาพของวัคซีนหวังผลที่ลดความรุนแรงอยู่แล้ว และการประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้จะเคลมอะไรเกินไปกว่าความคาดหวัง แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันกับของคุณ การบอกว่า "กันตาย ไม่ดันติด" ก็กลายเป็นโฆษณาเกินจริงเหมือนกัน เพราะคนที่ได้วัคซีน 2 เข็มแล้วก็ยังตายได้ (ถึงแม้จะช่วยลดอัตราการตายลงมาอยู่ที่ระดับศูนย์จุดกว่าๆเลยก็ตาม)

ส่วนกรณีของวิดีโอที่คุณแนบมา ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการสื่ออะไร แต่คำถามแรกเลยคือคนในวิดีโอคือใคร? Pfizer เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา การจะหาข้อมูลผังองค์กรมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ แล้วข้อแรก Jordon Tristan Walker ที่ขึ้นว่าเป็นตำแหน่ง Director of R&D ในส่วนของ Strategic Operations and MRNA Scientific Planning นี่ก็ไม่มีอยู่ในผังองค์กร ผมลองเสิร์ซหาข้อมูลดูก็เจอแต่ twitter ที่เป็นของพวกกลุ่ม Far-right ที่บอกว่าได้ข้อมูลภายในบอกว่าทำตำแหน่งดังกล่าวที่ Pfizer โดยที่ประวัติการศึกษาบอกว่าจบ High school ตอน 2009 จบตรีตอน 2013 เข้า Med school แล้วจบตอน 2018 เคยทำงานเป็น Resident physician แผนก Urology คือมันมีแต่อะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ทั้งนั้นเลยครับ ตำแหน่ง Director มันไม่ใช่ entry level นะครับ ระดับนี้ถ้าไม่มีวุฒิ PhD มีแค่ MD มันก็ต้องมีประสบการณ์มีงานตีพิมพ์มาเยอะแล้ว นี่เป็นเด็กเพิ่งจบแพทย์มา ไม่ถึง 5 ปี มาเป็น Director ที่ Pfizer ก็ตลกแล้วครับ Pfizer ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่จะไม่มีอำนาจต่อรองในการ recruit คนนะครับ คนอื่นๆในผังบริษัท (ที่ไม่มีชื่อคนนี้อยู่) ในระดับเดียวๆกันก็มี PhD กับมีประสบการณ์ทำงานจากที่อื่นๆมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้วครับ เพิ่มเติมคือผมไปเสิร์ซหาการตีพิมพ์งานวิจัยจากชื่อนี้แล้วก็มีแค่ 4 งาน ซึ่งไม่ได้เป็นชื่อหลักด้วย ส่วนข้อสองก็คือมันไม่มีหลักฐานรูปภาพยืนยันเลยว่าคนในวิดีโอคือ Jordan Tristan Walker จริง

คือมัน bullshit มากกับการที่คุณไปเชื่อเอากับวิดีโอที่ยังไม่มีการยืนยันความถูกต้องอะไรเลย แล้วพยายามจะเอาข้อมูลพวกนี้มา debate กับคนอื่น ตอนนี้ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ที่จะคิดว่าคุณ dumbshit แล้ว แต่พวกคนที่เผยแพร่วิดีโอพวกนี้ก็คงคิดว่าคุณ dumbshit ไม่ต่างกันเพราะป้อนอะไรไปก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ใช่สมองไตร่ตรองก่อนเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Tpk
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 13207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 27, 2023 09:54
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
Spoil
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท  

ซิโนแวคผลวิจัยประสิทธิภาพออกมาไม่ถึง 95% นี่ครับ มันเลยเคลมแบบ mRNA ไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีการพูดก็อย่างที่คุณคอมเมนท์มานั่นแหละครับ คือถ้าอธิบายเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ คนก็ไม่อ่าน ไม่ฟัง แล้วก็ขอให้สรุปสั้นๆง่ายๆ แล้วไปจับเอาคำพูดสั้นๆง่ายๆมาเป็นประเด็น คุณคิดในมุมของตัวคุณต้องเอาอะไรเข้าร่างกายก็เป็นสเกลนึง CDC คิดในมุมของนักวิทยาศาสตร์, นักระบาดวิทยาที่ต้องการควบคุมการระบาดมันก็อีกสเกลนึง คุณบอกที่พวกนี้ออกมาพูดคือ bullshit พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้มาเจอคอมเมนท์แบบคุณเค้าก็คงคิดว่า "f_cking dumbshit" เหมือนกันนั่นแหละครับ  
 

ก็ใช่ไงครับ sinovac มัน bullshit เค้าเลยด่า แต่วัคซีนตปทการโฆษณาก็ bullshit แต่ท่านก็จะมีเหตุผลมาคอยปกป้อง มันอยู่คนที่พูดว่าคุณชื่นชอบฝั่งไหนมากกว่าแค่นั้นละ พอเป็นไอ้นู๋บอกโควิทกระจอกด่ากันฉห บอกซีนิแวคประสิทธิภาพดีด่าฉห พอเป็นไบเดน พอเป็น fauci ,cdc ถ้าคุณฉีดวัคซีนคุณจะไม่ติดโควิด ท่านบอกโอเคเหตุผลต้องไปดูreserch ๆ ต้องไปดูผลนี้นะๆพูดสั้นๆให้ฟังง่ายๆ 555 มันดูย้อนแย้งไมครับ ฝ่ายแรกพูด bullshit เพื่อจุดประสงค์นึง ฝ่ายหลังพูด bullshit เพื่ออีกประสงค์นึงแต่ฝ่ายหลังได้รับการปกป้อง



นี้ก็นักวิทยาศาสตร์ครับ ไม่รู้เหมือนกันใครจะ dumbshit


ปล.ไม่ต้องหัวร้อนทำเป็นมาด่าก็ได้ครับ ไม่แปลกใจหรอกครับพวกฝ่ายไบเดนโง่ๆเยอะครับเข้าใจได้

 


ก็ต้องย้อนกลับไปที่คอมเมนท์ก่อนหน้าของผมนั่นแหละครับว่าตอนที่ Biden กับ Fauci พูด ผลวิจัยประสิทธิภาพของ mRNA มันก็ออกมาว่าสูงกว่า 95% ผมถึงได้บอกว่ามากกว่า 95% มันสามารถ assume ว่ามีประสิทธิภาพสูงมากได้เพราะอะไร มันคือการเอา evidence ณ ตอนนั้นมาสนับสนุนคำพูดของเค้าตอนนั้น แต่คุณก็ไปเอาผลวิจัย ณ ปัจจุบัน (ที่เป็นไวรัสกลายพันธุ์แล้วด้วยซ้ำ) มาแย้งคำพูดตอนนั้นของเค้า ซึ่งแน่นอนว่ามันหักล้างคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่คุณไม่สามารถไปตัดสินว่า ณ เวลานั้นเค้าโกหกไดิ เดราะมันยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างคำกล่าวอ้างของเค้า

ส่วนกรณีอนุทินออกมาบอกว่าโควิดเป็นไข้หวัดกระจอก เค้าเอาอะไรมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างเค้าล่ะครับ เพราะถึงอัตราการตายเมื่อคิดเป็น % จะต่ำ แต่มันก็มีคนตายจริงเป็นหลักล้านคนทั่วโลก การออกมาบอกว่าโควิดมันกรัจอกก็สมควรโดนด่าจริงๆ ในขณะที่กรณีซิโนแวค ผมก็ไม่ได้ด่าอะไร เพราะผมเองก็รู้ว่าวีคซีนเชื้อตาย ประสิทธิภาพของวัคซีนหวังผลที่ลดความรุนแรงอยู่แล้ว และการประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้จะเคลมอะไรเกินไปกว่าความคาดหวัง แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันกับของคุณ การบอกว่า "กันตาย ไม่ดันติด" ก็กลายเป็นโฆษณาเกินจริงเหมือนกัน เพราะคนที่ได้วัคซีน 2 เข็มแล้วก็ยังตายได้ (ถึงแม้จะช่วยลดอัตราการตายลงมาอยู่ที่ระดับศูนย์จุดกว่าๆเลยก็ตาม)

ส่วนกรณีของวิดีโอที่คุณแนบมา ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการสื่ออะไร แต่คำถามแรกเลยคือคนในวิดีโอคือใคร? Pfizer เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา การจะหาข้อมูลผังองค์กรมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ แล้วข้อแรก Jordon Tristan Walker ที่ขึ้นว่าเป็นตำแหน่ง Director of R&amp;D ในส่วนของ Strategic Operations and MRNA Scientific Planning นี่ก็ไม่มีอยู่ในผังองค์กร ผมลองเสิร์ซหาข้อมูลดูก็เจอแต่ twitter ที่เป็นของพวกกลุ่ม Far-right ที่บอกว่าได้ข้อมูลภายในบอกว่าทำตำแหน่งดังกล่าวที่ Pfizer โดยที่ประวัติการศึกษาบอกว่าจบ High school ตอน 2009 จบตรีตอน 2013 เข้า Med school แล้วจบตอน 2018 เคยทำงานเป็น Resident physician แผนก Urology คือมันมีแต่อะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ทั้งนั้นเลยครับ ตำแหน่ง Director มันไม่ใช่ entry level นะครับ ระดับนี้ถ้าไม่มีวุฒิ PhD มีแค่ MD มันก็ต้องมีประสบการณ์มีงานตีพิมพ์มาเยอะแล้ว นี่เป็นเด็กเพิ่งจบแพทย์มา ไม่ถึง 5 ปี มาเป็น Director ที่ Pfizer ก็ตลกแล้วครับ Pfizer ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่จะไม่มีอำนาจต่อรองในการ recruit คนนะครับ คนอื่นๆในผังบริษัท (ที่ไม่มีชื่อคนนี้อยู่) ในระดับเดียวๆกันก็มี PhD กับมีประสบการณ์ทำงานจากที่อื่นๆมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้วครับ เพิ่มเติมคือผมไปเสิร์ซหาการตีพิมพ์งานวิจัยจากชื่อนี้แล้วก็มีแค่ 4 งาน ซึ่งไม่ได้เป็นชื่อหลักด้วย ส่วนข้อสองก็คือมันไม่มีหลักฐานรูปภาพยืนยันเลยว่าคนในวิดีโอคือ Jordan Tristan Walker จริง

คือมัน bullshit มากกับการที่คุณไปเชื่อเอากับวิดีโอที่ยังไม่มีการยืนยันความถูกต้องอะไรเลย แล้วพยายามจะเอาข้อมูลพวกนี้มา debate กับคนอื่น ตอนนี้ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ที่จะคิดว่าคุณ dumbshit แล้ว แต่พวกคนที่เผยแพร่วิดีโอพวกนี้ก็คงคิดว่าคุณ dumbshit ไม่ต่างกันเพราะป้อนอะไรไปก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ใช่สมองไตร่ตรองก่อนเลย  




dumbshit จริงๆครับแต่ไม่ใช่ผม ลองโทรไปซิครับว่าใช่ไมเผื่อจะได้หายdumbshitแต่คิดว่ามันคงไม่รับแล้วละจังหวะนี้

ปล.ฝ่ายซ้ายมันโง่เง่าเป็นพวกเชื่องรัฐบาลบอกซ้านหันขวาหันเชื่องไปหมดไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นคนโง่ๆเยอะในเมืองฟ้าๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Tpk เมื่อ Fri Jan 27, 2023 09:58, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 2108
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jan 27, 2023 11:18
[RE: วัคซีนโควิทหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลก]
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
Spoil
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
GTNO14 พิมพ์ว่า:
Tpk พิมพ์ว่า:
xploit พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพนะครับ ผมอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจว่า จขกท ต้องการอะไรจากกระทู้นี้ครับ

1. ไบเดน โกหก อย่าไปเชื่อไบเดนอีกนะ
2. ceo ไฟเซอร์, ceo โมเดิร์นน่าโกหก อย่าไปเชื่อ
3. วัคซีนไร้ประโยชน์ ไม่ต้องไปฉีด
4. etc

เอาจริงๆ ส่วนตัวผมเองไม่เคยได้รับข่าวสารว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดนะ (ผมอาจจะตกข่าวอะไรสักอย่างไป) จากที่เคยได้รับรู้มาตลอดคือ ฉีดวััคซีนเพื่อลดโอกาสติด ลดโอกาสตาย แค่นั้นเลย

ทีนี้สมมติว่าข่าวสารที่ผมได้รับมามันผิด แล้ววัคซีนโควิดเป็นหนึ่งในเรื่องโกหกครั้งใหญ่ของโลกจริง จกกท ต้องการให้คนอื่นๆ ทำตัวยังไงต่อเหรอครับ ไม่ควรไปฉีดวัคซีนมั้ย หรือว่ายังไงนะครับ ??
 
ไม่ได้ต้องการไรนิครับก็แค่เอาข้อมูลมาให้ฟังให้ได้รับข่าวสาร การตัดสินใจมันอยู่ที่คุณอยู่แล้ว แค่เอาข้อมูลอีกด้านนึงมา คุณบอกคุณไม่ได้รับข่าวสารว่าฉีดแล้วจะไม่ติดดีแล้วครับที่คุณได้่รับข่าวสาร แต่เพราะปชชทั่วโลกไม่ได้มีแค่คุณครับ แค่เริ่มต้นก็ไม่โปร่งใสมันควรต้องเกิดการตั้งคำถาม คนไทยอาจจะชินกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับแต่ไม่ใช่ที่ตปท ไม่งั้นจะเกิดการฟ้องร้องให้เปิดเผยข้อมูลกันหรือไง

 


เอาทีละข้อเท่าที่ผมพอจะจับใจความจากคมเมนท์ต่างๆของคุณละกันนะครับ

-กรณีBiden/Fauci มันคือการชวนเชื่อชักชวนให้ประชาชนไปรับวัคซีนครับ เพราะถึงแม้วัคซีนจะไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% (ซึ่งไม่เคยมีวัคซีนใดที่ 100%) แต่มาตรฐานที่ WHO กำหนดคือถ้าประสิทธิภาพสูงกว่า 50% ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพใช้ควบคุมการระบาดได้แล้ว ซึ่งเหตุผลว่าทำไมผมจะพูดในหัวข้อถัดไป

-Pfizer/ Moderna ไม่เคยทำการวิจัยเรื่อง prevent transmission แต่ทำไมเคลมว่าสามารถใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ก็กลับไปข้อข้างบนคือถึงประสิทธิภาพการ prevent infection ไม่ 100% แต่การป้องกันได้ระดับหนึ่งนี้จะมีผลในทางระบาดวิทยาต่อค่า R หรือค่า reproductive ซึ่งอธิบายอย่างง่ายก็คือโอกาสที่จะเกิดเคสใหม่จากเคสที่มีการติดเชื้อ ถ้าค่า R สูงแสดงว่าเชื้อแพร่ได้เยอะได้ไว ทีนี้วัคซีนช่วยลดค่า R ได้ยังไง? ยกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมติคนติดเชื้อ 1 คน มีการสัมผัสคนอื่นๆอีก 10 คน ถ้า 10 คนนั้นไม่เคยทำวัคซีนเลย เชื้อก็สามารถแพร่ต่อไปได้ 10 คน ในขณะที่ถ้าทั้ง 10 คนนั้นทำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 50% มา โอกาสที่เชื้อจะแพร่ต่อก็อาจจะเป็น 5 คน นี่จึงเป็นที่มาของการเชิญชวนให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน "คนอื่น" ด้วยอย่างที่ CDC โฆษณาไงครับ  
สำหรับผมมันคือการโฆษณาชวนเชื่อโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อว่าตปทคนที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของทั้ง Biden Fauci ยิ่ง2คนนี้คือคนที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆของประชาชนที่เค้าจะฟัง ของ Fauci ยิ่งใช้ความเชื่อไปใหญ่ They can feel safe they are not going get infect

คือผมพอเข้าใจอยู่แล้วครับว่ามันไม่สามารถกัน100% แต่ชาวบ้านประชาชนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ทุกคน ท่านจะเห็นโซเชียลไม่ใช่แค่ในไทยรวมถึงตปทยังเข้าใจอยู่เลยว่า วัคซีนป้องกันการแพร่เชื้อ ถ้าฉีดเราจะไม่ติด แล้วแน่นอนเค้าคงไม่ได้ไปอ่าน paper reserch ที่ไหนอยู่แล้วเค้าจะฟังข้อมูลเหล่านี้จากไหนก็ต้องมาจากรัฐบาลจากสาสุข ขนาดบา้นเราเรื่องซิโนแวคที่สาสุขบ้านเราพยายามโม้เกินจริงเรื่องวัคซีนตัวนี้จะพยายามให้ประสิทธิภาพดีกว่าหรือเท่าเทียม mRNA ของตปทประชาชนบางกลุ่มก้ยังเชื่อหรือบางส่วนไปโจมตี mRNA ของตปทเลยของแบบนี้การพูดไรออกมาจากคนที่ดูน่าเชื่อถือจากรัฐบาลมันต้องมีคนเชื่อใจมากอยู่แล้วซึ่งเรื่องพวกนี้มันต้องโปร่งใส ต้องทำให้เข้าใจห้ามเล่นคำ  


อันนี้ผมขอค้านเต็มประตูเลยครับ คนอเมริกานี่แทบไม่ต่างจากสลิ่มเลยครับ เค้าแบ่งกันเป็นแดงกับน้ำเงินตามพรรคที่เชียร์อย่างชัดเจนเลย พวกรีพับลิกันนี่แทบไม่มีใครเชื่อรัฐบาลเดโมแครตเลยครับ ผมอยู่รัฐที่เป็นรีพับลิกัน ขนาด professor ที่ทำงานด้านไวรัสโดยตรงยังไม่ยอมฉีดเลยครับ เพราะงั้นไม่ต้องไปพูดถึงพวกง่าวๆของอเมริกาเลยครับ ไอ้พวกวัคซีนคือการฝังไมโครชิปนี่มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆด้วย แล้วพวกนี้นี่มั่นหน้ามั่นโหนกมากด้วย คือเป็นตัวอย่างที่ดีของ Duncan-Kruger effect เลย เพราะงั้นผมเลยเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงต้องใช้การพูดแบบนี้ เพราะถ้าไปอธิบายข้อมูลเป็นวิชาการ คนพวกนี้เค้าไม่เข้าใจครับ เผลอๆไม่ฟังบอกเป็น jargonด้วยซ้ำ แล้วขนาดโฆษณาชวนเชื่อก็แล้ว มีของมาล่อก็แล้ว แล้วเค้ามีวัคซีนเหลือเฟือขนาดเดินเข้าไปฉีดที่ Walmart ได้มานานก็แล้ว แต่จำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วของอเมริกันยังไม่ถึง 70% เลยนะครับ  
ผมรู้อยู่แล้วซิครับเรื่องนี้เพราะผมก็พูดถึงเรื่องนี้กับ sirในหน้า2 ในกระทู้นี้เรื่อง ซ้ายกับขวา Rep กับ Dem และก็แน่นอนผมเอียงฝั่ง Rep ตามกระทู้ต่างๆผมก็ด่า Dem ซะส่วนใหญ่ด่า Biden มาตลอดผมเข้าใจเรื่องการเมืองเมกาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า 2 คนที่บุคคลความน่าเชื่อถือของฝั่งรัฐบาลพูดแบบนี้จะไม่มีคนคล้อยตามหรือโม้เกินจริงกับเรื่องแบบนี้แล้วไม่มีผลเลยผมก็คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

แล้วแน่นอนพอสมมติเป็นสาสุขของไทยพูดเรื่องโม้เกินจริงโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับซีโนแวคบ้านเราก็ยังด่ากันเลย แต่ทำไมพอเป็นตปทโม้เกินจริงของวัคซีนเค้าทำไมถึงจะเข้าใจรับได้ของพวกนี้มันไม่ควรรับได้ครับมันต้องให้โปร่งใสต้องให้ชัด เพราะปชชคือคนที่ได้รับวัคซีนนี้มันเอาเข้าร่างกายถ้าเป็นเรื่องอื่นยังบอกพอเข้าใจรับได้แต่เรื่องเอาสารบางอย่างเข้าร่างกายประชาชนโดยโฆษณาเกินจริงมันไม่ควรรับได้ครับ  


ถ้าจะถกเรื่องเกินจริงหรือไม่ก็พอถกได้นะครับ เพราะช่วงที่ Biden กับ Fauci ออกมาพูดดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นช่วงที่ผลวิจัยจาก field trial ออกมาว่าประสิทธิภาพสูงกว่า 95% (ผมจำได้ลางๆว่า 97-98%) ซึ่งถ้าเรียนสถิติมา (ไม่รู้ว่าคุณเรียนมากี่ตัวแต่ตอนป.ตรีผมได้เรียนแค่ตัวเดียว เพราะงั้นความรู้เรื่องสถิติผมถือว่าค่อนข้างน้อยมาก) น่าจะพอจำได้ว่าการกระจายปกติหรือ normal distribution ที่เป็นรูประฆังคว่ำ มักจะกำหนดช่วง outlier ไว้ทั้ง 2 ฟากๆละ 2.5% รวมกันเป็น 5% ซึ่งเป็นที่มาของพวกค่าต่างๆที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางสถิติอย่าง 95% interval หรือค่า p ที่ต้องน้อยกว่า 0.05 ถึงจะแสดงถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05 ก็คือ p น้อยกว่า 5%) ซึ่ง 5% นี้เค้าเผื่อไว้สำหรับปัจจัยความคลาดเคลื่อน (ทั้ง human error หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม ฯลฯ) เพราะงั้นการที่ผลการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนออกมาสูงเกิน 95% มันก็แทบจะเปรียบได้ว่ามันคือ 100% ลบ 5% จากความแปรปรวนในการทดลองได้ไงครับ ถ้าแบบนี้มันก็ไม่ใช่โฆษณาเกินจริงใช่มั้ยล่ะครับ  

"you're not going get covid if you have these vaccination." มันแปลได้แบบเดียวเลยนะคับถ้าฉีดก็ไม่ติดโควิด โคตร bullshit ครับนั่นละครับมันอยู่ที่ว่าคนพูดอยู่ฝั่งไหนซะมากกว่าถ้ามาจากฝั่งที่เราไม่ชอบมันก็คือการบูลชิท แต่ถ้าฝั่งที่เราชอบมันก็จะมาบอกแนวว่าเข้าใจไม่มีปัญหา... ซึ่งก็ให้เห็นง่ายๆเคสซิโนแวคไทยที่่คนด่าเละเทะกับวัคซีนตปท  

ซิโนแวคผลวิจัยประสิทธิภาพออกมาไม่ถึง 95% นี่ครับ มันเลยเคลมแบบ mRNA ไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีการพูดก็อย่างที่คุณคอมเมนท์มานั่นแหละครับ คือถ้าอธิบายเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ คนก็ไม่อ่าน ไม่ฟัง แล้วก็ขอให้สรุปสั้นๆง่ายๆ แล้วไปจับเอาคำพูดสั้นๆง่ายๆมาเป็นประเด็น คุณคิดในมุมของตัวคุณต้องเอาอะไรเข้าร่างกายก็เป็นสเกลนึง CDC คิดในมุมของนักวิทยาศาสตร์, นักระบาดวิทยาที่ต้องการควบคุมการระบาดมันก็อีกสเกลนึง คุณบอกที่พวกนี้ออกมาพูดคือ bullshit พวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้มาเจอคอมเมนท์แบบคุณเค้าก็คงคิดว่า "f_cking dumbshit" เหมือนกันนั่นแหละครับ  
 

ก็ใช่ไงครับ sinovac มัน bullshit เค้าเลยด่า แต่วัคซีนตปทการโฆษณาก็ bullshit แต่ท่านก็จะมีเหตุผลมาคอยปกป้อง มันอยู่คนที่พูดว่าคุณชื่นชอบฝั่งไหนมากกว่าแค่นั้นละ พอเป็นไอ้นู๋บอกโควิทกระจอกด่ากันฉห บอกซีนิแวคประสิทธิภาพดีด่าฉห พอเป็นไบเดน พอเป็น fauci ,cdc ถ้าคุณฉีดวัคซีนคุณจะไม่ติดโควิด ท่านบอกโอเคเหตุผลต้องไปดูreserch ๆ ต้องไปดูผลนี้นะๆพูดสั้นๆให้ฟังง่ายๆ 555 มันดูย้อนแย้งไมครับ ฝ่ายแรกพูด bullshit เพื่อจุดประสงค์นึง ฝ่ายหลังพูด bullshit เพื่ออีกประสงค์นึงแต่ฝ่ายหลังได้รับการปกป้อง



นี้ก็นักวิทยาศาสตร์ครับ ไม่รู้เหมือนกันใครจะ dumbshit


ปล.ไม่ต้องหัวร้อนทำเป็นมาด่าก็ได้ครับ ไม่แปลกใจหรอกครับพวกฝ่ายไบเดนโง่ๆเยอะครับเข้าใจได้

 


ก็ต้องย้อนกลับไปที่คอมเมนท์ก่อนหน้าของผมนั่นแหละครับว่าตอนที่ Biden กับ Fauci พูด ผลวิจัยประสิทธิภาพของ mRNA มันก็ออกมาว่าสูงกว่า 95% ผมถึงได้บอกว่ามากกว่า 95% มันสามารถ assume ว่ามีประสิทธิภาพสูงมากได้เพราะอะไร มันคือการเอา evidence ณ ตอนนั้นมาสนับสนุนคำพูดของเค้าตอนนั้น แต่คุณก็ไปเอาผลวิจัย ณ ปัจจุบัน (ที่เป็นไวรัสกลายพันธุ์แล้วด้วยซ้ำ) มาแย้งคำพูดตอนนั้นของเค้า ซึ่งแน่นอนว่ามันหักล้างคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่คุณไม่สามารถไปตัดสินว่า ณ เวลานั้นเค้าโกหกไดิ เดราะมันยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างคำกล่าวอ้างของเค้า

ส่วนกรณีอนุทินออกมาบอกว่าโควิดเป็นไข้หวัดกระจอก เค้าเอาอะไรมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างเค้าล่ะครับ เพราะถึงอัตราการตายเมื่อคิดเป็น % จะต่ำ แต่มันก็มีคนตายจริงเป็นหลักล้านคนทั่วโลก การออกมาบอกว่าโควิดมันกรัจอกก็สมควรโดนด่าจริงๆ ในขณะที่กรณีซิโนแวค ผมก็ไม่ได้ด่าอะไร เพราะผมเองก็รู้ว่าวีคซีนเชื้อตาย ประสิทธิภาพของวัคซีนหวังผลที่ลดความรุนแรงอยู่แล้ว และการประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้จะเคลมอะไรเกินไปกว่าความคาดหวัง แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันกับของคุณ การบอกว่า "กันตาย ไม่ดันติด" ก็กลายเป็นโฆษณาเกินจริงเหมือนกัน เพราะคนที่ได้วัคซีน 2 เข็มแล้วก็ยังตายได้ (ถึงแม้จะช่วยลดอัตราการตายลงมาอยู่ที่ระดับศูนย์จุดกว่าๆเลยก็ตาม)

ส่วนกรณีของวิดีโอที่คุณแนบมา ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการสื่ออะไร แต่คำถามแรกเลยคือคนในวิดีโอคือใคร? Pfizer เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา การจะหาข้อมูลผังองค์กรมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ แล้วข้อแรก Jordon Tristan Walker ที่ขึ้นว่าเป็นตำแหน่ง Director of R&amp;amp;D ในส่วนของ Strategic Operations and MRNA Scientific Planning นี่ก็ไม่มีอยู่ในผังองค์กร ผมลองเสิร์ซหาข้อมูลดูก็เจอแต่ twitter ที่เป็นของพวกกลุ่ม Far-right ที่บอกว่าได้ข้อมูลภายในบอกว่าทำตำแหน่งดังกล่าวที่ Pfizer โดยที่ประวัติการศึกษาบอกว่าจบ High school ตอน 2009 จบตรีตอน 2013 เข้า Med school แล้วจบตอน 2018 เคยทำงานเป็น Resident physician แผนก Urology คือมันมีแต่อะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ทั้งนั้นเลยครับ ตำแหน่ง Director มันไม่ใช่ entry level นะครับ ระดับนี้ถ้าไม่มีวุฒิ PhD มีแค่ MD มันก็ต้องมีประสบการณ์มีงานตีพิมพ์มาเยอะแล้ว นี่เป็นเด็กเพิ่งจบแพทย์มา ไม่ถึง 5 ปี มาเป็น Director ที่ Pfizer ก็ตลกแล้วครับ Pfizer ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่จะไม่มีอำนาจต่อรองในการ recruit คนนะครับ คนอื่นๆในผังบริษัท (ที่ไม่มีชื่อคนนี้อยู่) ในระดับเดียวๆกันก็มี PhD กับมีประสบการณ์ทำงานจากที่อื่นๆมาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้วครับ เพิ่มเติมคือผมไปเสิร์ซหาการตีพิมพ์งานวิจัยจากชื่อนี้แล้วก็มีแค่ 4 งาน ซึ่งไม่ได้เป็นชื่อหลักด้วย ส่วนข้อสองก็คือมันไม่มีหลักฐานรูปภาพยืนยันเลยว่าคนในวิดีโอคือ Jordan Tristan Walker จริง

คือมัน bullshit มากกับการที่คุณไปเชื่อเอากับวิดีโอที่ยังไม่มีการยืนยันความถูกต้องอะไรเลย แล้วพยายามจะเอาข้อมูลพวกนี้มา debate กับคนอื่น ตอนนี้ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ที่จะคิดว่าคุณ dumbshit แล้ว แต่พวกคนที่เผยแพร่วิดีโอพวกนี้ก็คงคิดว่าคุณ dumbshit ไม่ต่างกันเพราะป้อนอะไรไปก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ใช่สมองไตร่ตรองก่อนเลย  




dumbshit จริงๆครับแต่ไม่ใช่ผม ลองโทรไปซิครับว่าใช่ไมเผื่อจะได้หายdumbshitแต่คิดว่ามันคงไม่รับแล้วละจังหวะนี้

ปล.ฝ่ายซ้ายมันโง่เง่าเป็นพวกเชื่องรัฐบาลบอกซ้านหันขวาหันเชื่องไปหมดไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นคนโง่ๆเยอะในเมืองฟ้าๆ  

ไอ้ที่โชว์มามันช่วยยืนยันอะไรเหรอครับ? เป็นผังองค์กรของ Pfizer ก็ไม่ใช่ Source ก็ไม่มี แค่ชื่อเว็บยังไม่มีเลย จะว่า linkedin ก็ไม่ใช่ แล้วข้อมูลที่คุณเอามามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือที่ผมบอกเลย ข้อมูลพวกนี้มีมาจากแหล่งเดียวคือ twitter ของพวก far-right อย่าง James O'Keefe ที่เป็น "ผู้ก่อตั้ง Project Veritas" project veritas เต้าวิดีโอขึ้นมาเองแล้ว ผู้ก่อตั้ง project veritas ก็เต้าหน้า profile นี้ขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐานยืนยันอะไรเลย ก็ยังจะเชื่อได้อีกเหรอครับ ถามจริง? ไร้เดียงสาไปมั้ยครับ? คนเรามันจะโง่ไม่บันยะบันยังได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

แล้วอย่างที่ผมบอกว่าผังองค์กรของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นของอเมริกานี่มันหาไม่ยากหรอกนะครับ ของ Pfizer ก็มีให้ดูอยู่ คราวหลังก็หัดทำการบ้านหัดค้นคว้าข้อมูลก่อนตอบก็ดีนะครับจะได้ไม่แสดงความโง่ออกมาให้คนอื่นเห็น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel