ต้องถามว่าพวกคุณจะ “ซีเรียส” แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมทช์ ในมุมมองไหนระหว่าง ซิตี้ โหดจนไม่มีใครอยากเล่นด้วยหรือ ยูไนเต็ด ควรรับมือได้ดีกว่านี้ในครึ่งแรก

สำหรับผมแล้วไม่ว่าใครเจอ “เรือใบ” ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวคือคุณจะยอมเปลี่ยน mindset ต่อวิธีการเล่นเดิมของตัวเองเพื่อ “ชะลอ” ลูกแรกให้มาช้าที่สุดไหม

หรือออกลูกกั๊กวิ่ง 50 รับ 50 เพราะไม่อยากแสดงตัว 100% ว่าเป็น “ลูกไล่” (เพราะแบรนด์ แมนฯยูฯ มันค้ำคอ) ซึ่งสังเกตได้ว่า สเปอร์ส หรือ คริสตัล พาเลซ เป็นทีมที่ ซิตี้ ไม่ชอบเอาซะเลยเพราะแนวทางชัดเจนรับทั้งทีมรอสวนแบบไม่มีเหนียมอาย

แมนฯยูไนเต็ด โดนถังขี้กระจาย 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกจนแฟนบอลเดินออกจากสนามกลับบ้านตั้งแต่ไก่โห่

8 นาทีคือเวลา “ปีศาจแดง”โดนเบิกสกอร์และลูกนี้ตอกย้ำว่าการเจอทีมของ เป๊ป คุณต้องขยันเกิน 100% น้อยกว่านั้นก็จบครับ

คริสเตียน เอริคเซ่น ปล่อยให้ ฟิล โฟเด้น ขยับหนีต่อหน้าต่อตาทั้งๆที่มองเห็นความอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นแค่ลงแรงอีก 1-2 ก้าวลูกนี้อาจไม่เกิดขึ้น

จะบอกว่าไม่มีเซนส์เกมรับก็ไม่ถูกแต่ร้อยทั้งร้อยเป็นใครก็วิ่งตาม (อ้อ ยกเว้นTAA อีกคนที่ยืนดูแน่ๆ)

เอาจริงๆเหมือน ยูไนเต็ด รอดลูก 2 อยู่พักใหญ่ร่วมๆครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งเสียลูกเตะมุม ตอนนี้ที่นักเตะถอดใจไปแล้ว

Class ของแข้ง “เรือใบ” เป็นจุดสำคัญที่เหมือน edit ค่าพลังเกินมาตรฐาน พรีเมียร์ลีก โดยรวมไปแล้ว

คุณจะไปโฟกัสกับการจับใครดีครับในเมื่อละสายตาใครไปไม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็น ฮาลันด์, เดอ บรอยน์, กรีลิช หรือ โฟเด้น

ลูกเปิดไซด์โค้งเครื่องหมายการค้าของ KDB ไม่จำเป็นต้องมาจากด้านข้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นมุมหากินตามเลขาคณิตแต่ทำได้เลยแม้กระทั่งหน้าเขตโทษ

อย่างที่ผมเคยบอกไว้แล้วว่า เดอ บรอยน์ มีพิมพ์เขียวอยู่ในหัว ลูกแบบนี้จ่ายได้ทั้งวัน น้ำหนักบอลเผื่อให้ตกพื้นเพื่อให้เหลือจังหวะสุดท้ายของตัวเข้าฮอร์ต

ฮาลันด์ พูดเอาไว้ก่อนเกมว่า KDB คือความฝันของกองหน้าแต่สำหรับผมแล้วกลับกันเลยครับ ฮาลันด์ นี่แหละคือความฝันของ เดอ บรอยน์ หรือพูดกว้างๆหน่อยก็คือฝันของพวกสายจ่าย

หากมีใครถามผมว่าในเกมฟุตบอลระหว่างคนจ่ายและคนวิ่งใครสำคัญกว่า

ถ้าตอบตามสูตรสมัยเด็กเวลามีคนถามว่ารักพ่อหรือแม่มากกว่ากัน เรามักตอบว่า “เท่ากัน”

สำหรับผมแล้ว “ตัววิ่ง” สำคัญกว่าครับ ลองให้ตัววิ่งระดับ A แต่คนจ่ายแค่ระดับ B ก็แทงเป็นหลุดแล้ว

แต่ถ้ากลับกัน ตัววิ่งไม่มีเซนส์หรือบางทีไม่วิ่งเลย ยืนขอบอลเฉยๆหรือไม่ยอมสลัดตัวเอง ต่อให้ระดับ KDB ก็แทงลำบากครับ

ทั้งลูก 3-0 และ 4-0 จุดเริ่มต้นก็มาจากความฉลาดและจมูกไวของจอมมารบูทั้งสิ้น

กองหลังยืนในเขตโทษเพียบก็โดน เตะมุมก็โดน บุกเขาอยู่ก็โดนโดยเฉพาะลูก 4-0 เป็นการสวนกลับเล่นแค่ 3 คน 3 จังหวะจากกลางสนาม (KDB, ฮาลันด์, โฟเด้น)

ไม่ world class แล้วจะให้เรียกว่าอะไรครับ

ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อนผมแนะนำให้ลองดูลูก 5-1 ที่เชื่อว่าถ้าเป็นทีมทั่วไปลูกนี้น่าจะหมดจังหวะการเล่นแต่กับ “ซิตี้” การวิ่งตัวเปล่าของ กรีลิช และการที่ KDB ได้ครอบครองบอลหน้าเขตโทษดึงผู้เล่นทีมเยือนมากองกันถึง 5 ตัว

ท้ายที่สุดความนิ่งและฉลาดของ KDB แทงกลับไปยังจุดเดิม (ที่ กรีลิช วิ่งจากมา) ทำให้ โกเมส ตัวสำรองได้เปิดบอลโล่งๆไม่มีใครประกบจน ฮาลันด์ ทำแฮทริค ได้ 3 เกมติดต่อกัน

ดูบอลพรีเมียร์ยุคนี้สิ้นหวังกันไหมครับ ก่อนหน้านี้ “เรือใบ” ไม่มี ฮาลันด์ หน้าอาชีพก็ว่าแช่งยากโคตรๆแล้วแต่เราเห็นได้ว่าตอนนี้ เป๊ป อาวุธครบมือแทบจะใส่ 3 แต้มรอตั้งแต่โปรแกรมคลอดเลยด้วยซ้ำ

ครับ การสาธยายรูปแบบการเล่น,ความลงตัวของจังหวะและความเข้าใจเกมของนักเตะ ซิตี้ มาจากการวางรากฐานที่กำลังเข้าปีที่ 7 ของ เป๊ป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “ปีศาจแดง” ด่ำดิ่งลงเมื่อเทียบกับการเพิ่งพิสูจน์ตัวเองของ เอริค เทน ฮาก แค่ 3 เดือนนับตั้งแต่เปิดซีซั่น

ตรงกันข้ามผมรู้สึกว่า ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีขึ้นกว่าซีซั่นก่อน (นับตั้งแต่ปลดล็อกแดงเดือด)ในแง่ของรูปแบบการเล่นและการยิงโคตรทีมอย่าง “เรือใบ” ในเกมที่สู้ไม่ได้ได้ถึง 3 ลูกเป็นรางวัลปลอบใจเล็กๆที่ทำให้มองแบบแก้เขินได้อยู่ว่าแพ้แค่ 3-0 (หรือชนะครึ่งหลัง 3-2 แล้วแต่ชอบ)

แฟน “หงส์แดง” กำลังสะใจกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของ ยูไนเต็ด กันว่อนโซเชี่ยลแต่โดยส่วนตัวผมค่อนข้างกังวลกับสกอร์ไลน์ของ ลิเวอร์พูล ที่ต้องเจอกับ ซิตี้ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้ามากกว่า

เล่นที่ แอนฟิลด์ ก็จริงแต่มันคือกับดักลูกใหญ่ที่น่ากลัวมากนะครับขอบอก ย้อนกลับไปบทความผมด้านบน หาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังมองว่า “หงส์” ไม่ใช่ลูกไล่และคิดการใหญ่ดันสูงเปิดแลกนี่หวานหมู เป๊ป เลยนะครับ

ถ้าแผนการเล่นยังเหมือนเดิม คิดว่าต่ำๆ 4 ลูก ซิตี้ มีแน่ๆ ผมถึงอยากให้แฟนหงส์คิดถึงวันนั้นเผื่อไว้บ้างก็ดีครับ...

สถิติ สถิติ สถิติ

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงแฮทริคในบ้านติดต่อกันเป็นนัดที่ 3

นอกจากนี้ ฮาลันด์ (22 ปี 73 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ที่ยิงประตูในดาร์บี้แมทช์หนแรกโดยคนแรกคือ มาริโอ บาโลเตลลี่ (21 ปี 72 วัน)ทำไว้เมื่อปี 2011

อดีตหอก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลายเป็นนักเตะคนแรกในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่มีส่วนร่วมกับ 5 ประตูในเกมเดียว (3 ประตู, 2 แอสซิสต์)

ฮาลันด์ (17) และ เควิน เดอ บรอยน์ (10) ทำให้ แมนฯซิตี้ ครองสถิติมีผู้เล่นยิงประตูมากสุดและแอสซิสต์มากสุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป (ทุกรายการ) ในซีซั่นนี้โดย KDB ถวายพานให้น้องรักคนเดียวไปแล้ว 5 เม็ด

ฮาลันด์ เป็นนักเตะ ซิตี้ คนแรกที่ยิงแฮทริคใส่ แมนฯยูฯ นับตั้งแต่ ฟรานซิส ลี ทำไว้เมื่อเดือนธันวาคมปี 1970 และเป็นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ศึกดาร์บี้อีกด้วย

ฮาลันด์ และ โฟเด้น เป็นดูโอคู่ที่ 3 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ควงแขนยิงแฮทริคได้ในเกมเดียวกันต่อจาก เจอร์เมน เพนแนนท์/โรแบร์ ปิแรส (อาร์เซนอล พบ เซาธ์แฮมป์ตัน 2003) และ อโยเซ่ เปเรซ/เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์ พบ เซาธ์แฮมป์ตัน 2019)

โฟเด้น ยิงประตูที่ 50 ให้ ซิตี้ ในทุกรายการซึ่งในวัย 22 ปี 127 วันทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ 50 ลูกภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป โดยแซงหน้า ลีโอเนล เมสซี่ ที่เคยทำไว้ตอนอายุ 22 ปี 164 วัน

นับตั้งแต่ออกสตาร์ตซีซั่น 2020-21 แมนฯยูฯ เสีย 4+ ในครึ่งแรกเป็นเกมที่ 4 เข้าให้แล้วโดยก่อนหน้านี้ตกเป็นเหยื่อให้ทั้ง สเปอร์ส (2020), ลิเวอร์พูล (2021), เบรนท์ฟอร์ด (2022) ซึ่งมากกว่าทีมอื่นๆในช่วงเวลานี้ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว

ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ซิตี้ชุดนี้ดีจริง แต่ถ้าจะเทียบบาซ่า ยุคเทพ ผมก็ว่ายังห่างอีก
ซิตี้มีคลาสเรื่องความเข้าใจ การเคลื่อนที่ ทำให้เกมมันไหลลื่นทดแทนกันได้หมด
แต่อย่าลืมบาซ่ายุคนั้นก็มีเช่นกัน
ถ้าเทียบสกิลตัวต่อตัว ระดับตำนาน บาซ่ามีลูกเล่นเยอะกว่านี้อีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมาดริดยุคนั้นจึงแก้ด้วยการเข้าบอลหนัก ตัดเกมอยู่ตลอด

ส่วนกรณีมาดริดยุค 3 แชมป์นี้ ถ้าเทียบกับเรือตอนนี้
ด้วยคลาสของมาดริด มันจะมีอะไรที่เหนือๆเสมอ
มาดริดรู้ว่าต้องจัดการแบบไหน กับทีมแบบไหน
แมนยูเล่นด้วยความเกร็งเวลาเจอซิตี้ในเวลานี้
มันก็จะเข้าทรงซิตี้ เกร็งมาดริดเวลาเจอกันนั่นแหละ
บางอย่างมันเป็นคลาส... ดีเทลเล็กๆก็ดับฝันยอดทีมได้
เช่นซิตี้ไม่เคยโดนเพรสหนักๆ ลองเจอเพรสหนักๆก็เป๋เช่นกัน เป็นต้น

ส่วนกรณีเดอ บรอย
จริงๆเป็นนักเตะคนเดียวในซิตี้ที่อยากเห็นที่มาดริด
คิลเลอร์พาส ได้โหดเหี้ยมมาก อันนี้คือสุดจริง

แต่ถ้านับการเล่นกับบอล เอาตัวรอด เทียบซีดานนี้ผมว่ายัง..
สำหรับซีดาน การสัมผัสบอล ไปกับบอล

คนเดียวที่ผมยกให้เสมอซีดานนี้คือ โรนัลดิญโญ่

แต่เชื่อว่ายิ่งเป็บอยู่นาน ซิตี้(จะ)ยิ่งไร้เทียมทาน
ตอนนี้จิ๊กซอตัวสุดท้าย (จอมมารบู) ปรากฎกายแล้ว
เหมือนกุญแจความสำเร็จไขความสำเร็จกำลังมาเยือน(ของจริง)
เมื่อก่อนผมมองเซซุส มันยังไม่ใช่
แต่ตอนนี้ผมมองว่ามันโครตใช่(ที่จอมมารบู)

เห็น​สกอร์แล้วเครียดจริง​ ขนาดแมนฯยูที่มีเกมรับดีขึ้นและมีทีเด็ดจากเกมสวนกลับที่เคยเล่นงานอาร์เซน่อล​ยังโดนขนาดนี้​ แล้วลิเวอร์พูล​ที่สภาพหลังพังพินาศ​รวมถึงกลางที่ง่อยๆมันจะยับขนาดไหน​ ถ้าโดนคาบ้านเกิน6ลูกนี่ไม่แปลกใจเลย

จริงๆไม่ต้องมองนัดเจอซิตี้หรอก​ นัดหน้าปืนนี่ลูบมือรอเชือดหงส์แล้ว

คิดว่าแพ้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะโดนรัวภายในครึ่งเดียว แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ทีมสู้สุดใจ ไม่เหมือนนัดเจอลิเวอร์ปีก่อนที่พอเสียเยอะละเดินคอตกจนจบเกม ยังมีเวลาอีกเยอะครับเทนฮาก มีเวลาแค่นี้ทำได้เท่านี้ก็สุดแล้วเชื่อว่าจะสำเร็จแต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย

ดูบอลมานาน ขอบอกเลยว่าซิตี้ชุดนี้ สู้บาร์ซ่า6แชมป์ กับมาดริดUCL3สมัยซ้อนได้เลยสบายๆ มันโหดจริงๆ ทีมอีดิทอ่ะ ปีนี้ต้องได้7แชมป์ทีมแรกของโลกแล้ว ยิ่งเดอบรอยนี่ผมให้โหดกว่าชาบี้อิเนสต้าอีก ไม่ได้บอกว่าเก่งกว่านะ แค่ดูโกงกว่า เสียดายไม่น่าอยู่ซิตี้ น่าจะไปมาดริด บาร์ซ่า สปอตไลท์ส่งกว่านี้อีก ฝีเท้าเพียวๆ ถ้าโมดริชได้บัลลงดอร์ เดอบรอยก็ควรได้ เป็นกองกลางคนเดียวที่ผมเห็นแล้วนึกถึงซีดาน ตัวเดียวบัฟทั้งทีม

ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ซิตี้ชุดนี้ดีจริง แต่ถ้าจะเทียบบาซ่า ยุคเทพ ผมก็ว่ายังห่างอีก
ซิตี้มีคลาสเรื่องความเข้าใจ การเคลื่อนที่ ทำให้เกมมันไหลลื่นทดแทนกันได้หมด
แต่อย่าลืมบาซ่ายุคนั้นก็มีเช่นกัน
ถ้าเทียบสกิลตัวต่อตัว ระดับตำนาน บาซ่ามีลูกเล่นเยอะกว่านี้อีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมาดริดยุคนั้นจึงแก้ด้วยการเข้าบอลหนัก ตัดเกมอยู่ตลอด

ส่วนกรณีมาดริดยุค 3 แชมป์นี้ ถ้าเทียบกับเรือตอนนี้
ด้วยคลาสของมาดริด มันจะมีอะไรที่เหนือๆเสมอ
มาดริดรู้ว่าต้องจัดการแบบไหน กับทีมแบบไหน
แมนยูเล่นด้วยความเกร็งเวลาเจอซิตี้ในเวลานี้
มันก็จะเข้าทรงซิตี้ เกร็งมาดริดเวลาเจอกันนั่นแหละ
บางอย่างมันเป็นคลาส... ดีเทลเล็กๆก็ดับฝันยอดทีมได้
เช่นซิตี้ไม่เคยโดนเพรสหนักๆ ลองเจอเพรสหนักๆก็เป๋เช่นกัน เป็นต้น

ส่วนกรณีเดอ บรอย
จริงๆเป็นนักเตะคนเดียวในซิตี้ที่อยากเห็นที่มาดริด
คิลเลอร์พาส ได้โหดเหี้ยมมาก อันนี้คือสุดจริง

แต่ถ้านับการเล่นกับบอล เอาตัวรอด เทียบซีดานนี้ผมว่ายัง..
สำหรับซีดาน การสัมผัสบอล ไปกับบอล

คนเดียวที่ผมยกให้เสมอซีดานนี้คือ โรนัลดิญโญ่

แต่เชื่อว่ายิ่งเป็บอยู่นาน ซิตี้(จะ)ยิ่งไร้เทียมทาน
ตอนนี้จิ๊กซอตัวสุดท้าย (จอมมารบู) ปรากฎกายแล้ว
เหมือนกุญแจความสำเร็จไขความสำเร็จกำลังมาเยือน(ของจริง)
เมื่อก่อนผมมองเซซุส มันยังไม่ใช่
แต่ตอนนี้ผมมองว่ามันโครตใช่(ที่จอมมารบู)

เรือฤดูกาลนี้จุดอ่อนน่าจะเรื่องเสียประตูเยอะเช่นกัน แต่เกมส์รุกนี่โหดทะลุโลกไปแล้ว แล้วที่น่ากลัวอีกคือหัวจิตหัวใจนักเตะมีวิญญาณแชมป์เยอะ โดนนำก็กลับมาพลิกชนะได้บ่อยๆ องค์ประกอบทีมดีมากๆครับ

ซิตี้กลายเป็นทีมขี้โกงไปละ เมื่อวานทำอะไรดูง่ายไปหมด อิจฉามากกกก

ฮาลันด์ยังมีเวลาอีก 54 วันในการทำลายสถิติยิง 50 ประตู (ตอนนี้ 17 เหลือ 33)

คงทำไม่ได้ละเสียดายอดสถิตินี้ไป ถ้าทำได้ก็โหดเกินยิงเฉลี่ยวันละลูก/ นัดละ 3 ลูก (เหลือ 11 นัด)

ลิพูไม่ใช่ผี และผีก็ไม่ใช่ลิพู

#KloppForKop

สมัยเล่น FM แอบโกงด้วยการ edit ตัวแบบพลังเว่อร์ๆ ยิงกระจายนัดละ 3-4 ลูก ไม่คิดว่าจะมี คนจริงๆ ที่ทำได้แบบนั้น
โคตรของโคตรเก่ง

เอาจริงๆ ไม่คิดว่าจะสู้ได้ขนาดนั้นแต่แรกนะ หลังจากทีมพึ่งฟื้นจากปีที่แล้ว

แต่ยินดีด้วยซ้ำที่โดนนำขนาดนั้น ยังตามมา3ลูกได้ ให้รู้ว่าอย่างน้อยมันไม่ใจเสาะเหมือนปีที่ผ่านมา

พัฒนากันต่อไป แพ้ก็ดีครับ ได้เรียนรู้ ปรับเทคติคอีกเยอะ ยังไงก็ยังเป็นแค่ปีแรกของเทนฮาค

จะว่าไปถ้า 20นาทีสุดท้ายเป๊ปไม่ถอดตัวหลัก 4คนออกนี่ มีหวังเห็น 8-9 ลูกแน่ๆ คือเรือโหดจริงๆ

ถ้าเป็นทีมที่ไม่ได้เชียร์ คิดว่าไม่น่าอาย แต่ถ้าเป็นทีมอริร่วมเมือง คิดว่ายังไงก็อายแหละครับ
แต่ต้องชมนะหลังแมนยูฯ ไม่ได้เล่นห่วยแตกเหมือนสกอร์ที่ออกมา แต่คลาสมันห่างกันมากจริงๆ ไม่ใช่แค่แมนยูฯ คิดว่าทุกทีมแหละ คลาสบอลมันห่างกับ ซิตี้ เยอะๆเลย เป๊บ พัฒนาทีมได้สุดยอดมากๆ ผมคิดว่าทีมนี้แหละจะเป็นทีมที่เก่งที่สุดในโลก ตลอดกาลด้วยให้เทพขนาด มาดริด หรือ บาซ่า เดี๋ยวปีนี้เห็นเลย คิดว่าได้เจอในรอบลึกๆใน UCL คิดว่าไส้แตกเหมือนกันแน่นอน

จริงที่ว่าแพ้เรือตอนนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่จะน่าอายถ้าไม่สู้เค้ากลับเลย ผีก็สู้ได้ดีแล้ว
เจอการจ่ายบอลแม่นแบบนี้ อย่าว่าแต่สามคนเลย มาสองคนก็ทำประตูได้ จ่ายโหด ยิงโหด

ส่วนเทียบบาซ่ามาดริดได้ไหม ไปรอดูว่าจะเข้าไปคั่วถ้วยใหญ่ได้หรือเปล่า อย่างบาซ่าเห็นแบบนั้นนัดชิงแมนยูที่มีโด้ รูนพีคๆ ยังตบได้ เอามาวัดกันไม่ได้หรอก

ให้แมนซิชุดนี้ เสมอกับเชลซีของมูยุคแรกๆ ดรอกบา/แลมป์/เทอรี่/โคล/เอสเซียง/บัลลัค

แต่ยังด้อยกว่าบาซ่า บาซ่าช่วงพีค คือบาซ่าที่มีเมสซี่ร่าง Got ที่ซัด 90+ประตู/ปี เอาไรไปสู่เค้า