[RE: "ข้าราชการไม่โดนลดเงินเดือนเหรอ?"]
Fightme พิมพ์ว่า:
barrister_barista พิมพ์ว่า:
Immortal47 พิมพ์ว่า:
Fightme พิมพ์ว่า:
mindset ที่ต้องปรับกันใหม่ทั้งระบบ
สิ่งที่กล่าวไม่ผิด ถ้ามองในมุมบุคคล แต่ต้องระลึกไว้ด้วยว่า ราชการกินเงินภาษีประเทศ
ภาษีประเทศมาจากไหนล่ะ มาจากรายได้ การใช้จ่าย มาจาก GDP
GDP ก็มาจากภาคเอกชน
แล้วการที่ท่านได้รับเงินเดือนทุกวันนี้ ไม่ใช่รัฐบาลแบกท่านอยู่ แต่ภาคเอกชนแบกทั้งประเทศอยู่
คิดต่อไป ถ้าภาคเอกชน ล่มสลาย GDP ลดลง50% รายได้จากภาษีลดลง 50% สัดส่วนค่าแรงราชการประจำ สมมุติ จากเดิม 20% ของ GDP จะกลายเป็น 40% ของ GDP
ท่านพิจารณาดูว่า ท่านยังสมควรได้รับเท่าเดิมอยู่ไหม ถ้าคนที่แบกพวกท่านตายไปกันหมดแล้ว
ด้วยความเคารพนะครับ ข้าราชการอย่างพวกผมก็เสียภาษีด้วย
ผมว่าที่ต้องปรับ mindset ใหม่ทั้งระบบ คือท่าน Fightme นะ เปิดมาว่า GDP มาจากภาคเอกชนนี่ก็ไม่ใช่แล้ว
GDP มาจากทั้งการใช้จ่ายของเอกชนและประชาชน คงไม่ต้องบอกนะว่า
"ข้าราชการก็คือประชาชน"และแน่นอนว่าต้องเสียภาษีเหมือนกัน
นี่ยังไม่รวมถึงการลงทุนที่เกิดจากทั้งภาครัฐและเอกชนอีกนะ ประเทศเราไม่ได้ขับเคลื่อนแค่ภาคเอกชนอย่างเดียวนะครับ
โครงการใหญ่ๆที่เกิด ก็มาจากการสนับสนุนผ่านการสนับสุนของภาครัฐด้วย รวมทั้งยังมีพวกรัฐวิสาหกิจที่เป็นกิจการส่วนหนึ่งของรัฐอีกด้วยนะ
การจะบอกว่าเอกชนแบกนี่ผมว่าท่านมองในมิติด้านเดียวและไม่เข้าใจภาพรวมของคำว่า GDP จริงๆ
ขอโทษด้วยครับ ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องมาลงรายละเอียดกันว่าอะไรคือ GDP หรือท่านจะมาด้อยค่าผม ว่าไม่เข้าใจคำว่า GDP เพราะผมอ้างอิงแบบผ่านๆ ก็แล้วแต่ท่าน
ผมเห็นด้วยว่า มันเกิดจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แค่ผมมาตั้งคำถามว่า สุดท้ายแล้ว source of income ของภาครัฐที่ใช้หล่อเลี้ยงระบบราชการมาจากไหน รัฐทำธุรกิจหารายได้เองได้ไหม ส่งออกเองได้ไหม รัฐวิสาหกิจ สร้างรายได้ ให้ภาครัฐแค่ไหน
โอเค ผมเข้าใจที่ท่านสื่อนะ ทีนี้เอาทีละประเด็น
1.มาถึงท่านเปิดว่า "GDP มาจากภาคเอกชน และบอกว่าภาคเอกชนแบกทั้งประเทศอยู่..." อ่านแบบนี้ ท่านก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ผมมีสิทธิที่จะมองว่าท่านเข้าใจ GDP ในมิติเดียวเป็นธรรมดา
เพราะฉะนั้น การที่ผมแย้งท่านเพราะผมเห็นว่าสิ่งที่ท่านพิมพ์ตามข้อเท็จจริงนั้นมันไม่ครบถ้วน ไม่ว่าท่านจะมาตอบผมภายหลังว่าเป็นการอ้างอิงแบบผ่านๆหรืออะไรก็ตาม โดยส่วนตัวผมว่าการจะเขียนอะไรทำนองนี้มันจะเขียนผ่านๆไม่ได้หรอก เพราะถ้าท่านอ้างถึง "GDP" ขึ้นมาแล้วละก็ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยตามมาอีกเยอะ
ผมไม่ได้มีเจตนาที่ต้องการจะมาด้อยค่าอะไรท่านเลย เว้นแต่ท่านจะมองว่าการที่ผมมาบอกข้อเท็จจริงให้มันครบถ้วนเป็นการด้อยค่าท่าน อันนี้ก็แล้วแต่ท่านนะ
2.ประเด็นเรื่อง source of income ที่ท่านพูดถึงนี้ท่านต้องการจะสื่อว่าอย่างไร ท่านกำลังจะเปรียบเทียบว่าภาครัฐหรือเอกชนอันไหนคือภาคส่วนที่หล่อเลี้ยงระบบราชการมากกว่ากันใช่หรือไม่?
ในประเด็นนี้ผมยังมองว่าทั้งภาครัฐและเอกชนต่างเกื้อหนุนกันอยู่ดี ภาคเอกชนไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง แน่อนว่าภาครัฐเองก็ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างเช่นกัน บางเรื่องรัฐดำเนินการให้ก่อนและเอกชนมาพัฒนาต่อ บางเรื่องเอกชนเริ่มดำเนินการก่อนแล้วรัฐมาช่วยสนับสนุนให้ ผมจึงมองว่าไม่มีใครแบกใครทั้งนั้น
ทีนี้ถามว่าถ้าคนหนึ่งล้มอีกคนควรทำอย่างไร แน่นอนว่าก็ต้องช่วย การที่จะช่วยมันก็มีหลายวิธี ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการลดเงินเดือนข้าราชการ เพราะมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาหลัก และมันก็คนละบริบทกับบริษัททั่วไปที่เวลาเกิดปัญหาขาดทุนแล้วอาจขอลดเงินเดือนพนักงานเพื่อช่วยพยุงสถานะทางการเงิน
แต่กับการแก้ไขปัญหาระดับประเทศนี้ มันอยู่ที่การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินด้านอื่นๆ บางส่วนงบประมาณที่ไม่จำเป็นก็ควรนำมาใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้แทน เหมือนที่พรรคก้าวไกลเสนอลดไขมันส่วนเกินในงบประมาณของหน่วยงานต่างๆที่อภิปรายในสภาอยู่ ณ ตอนนี้ แต่สุดท้ายถ้าการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหามันช่วยไม่ได้ หรือวิกฤตจริงๆ การลดเงินเดือนข้าราชการก็น่าจะวิธีการหนึ่งที่น่าจะนำมาใช้ แต่ไม่ใช่วิธีการหลักแน่ๆ เมื่อไรก็ตามที่รัฐแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยการลดเงินเดือนข้าราชการ ผมมองว่ามีความเป็นไปได้อยู่2ทาง คือ 1.ทำเพื่อคะแนนเสียงของตัวเอง 2.รัฐมีปัญหาสภาพการเงินแบบจริงจังและอยู่ในวิกฤตขั้นสูงสุดแล้วจริงๆ
ยังไงก็ตาม ท่านเห็นไม่ตรงกันกับผมก็ไม่เป็นไรครับ จะมองว่าเอกชนแบกทั้งประเทศหรือข้าราชการไม่สมควรรับเงินเท่าเดิม ฯลฯ ก็เป็นสิทธิของท่านเช่นกันครับ ผมแค่แสดงความเห็นในมุมของผมก็เท่านั้นเอง