โควิดก็ยังทำงานเหมือนเดิมแล้วทำไมต้องลดครับ แล้วถ้าลดแล้วจะช่วยอะไร ได้ครับ ปัญหามันอยู่ที๋นโยบางรัฐไม่เกี่ยวกับแต่ละอาชีพ

ผมไม่ได้โมโหเลยครับ ผมว่าผมพูดกว้างๆเลยนะ
เอาอย่างที่ท่านบอกเลย เศรษฐกิจดี ราชการ เงินเดือนขึ้นทุกปี เอกชนถ้า่ทำงานดีก็ขึ้น ถามว่าราชกาลมีย้ายที่เเล้วเงินขึ้นมีมั้ยมีนะครับ ย้ายไปรับตำเเหน่งกันมากมาย เงินขึ้นเบี้ยโน่นเบี้ยนี่เยอะเเยะ เเต่เอกชน คุณย้ายได้ซักพักถ้าไม่เก่งจริงก็อยู๋ยาก

สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ คือ เอาง่ายๆตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี โรคระบาด บางที่ปิด ลดพนักงาน เเต่ราชการ ยังได้เท่าเดิม เเถมเงินขึ้นตามปกติอีก มีโบนัวหรือปล่าวไม่รู้ เเต่จะมาในนามเบี้ยต่างๆ ถ้าเป็นเอกชนผมเเล้วเเต่เลย เเสดงว่าบริษัทยังโอเค เเต่ราชการ เงินมาจากรัฐ รัฐเก็บจากประชาชน เเล้วตอนนี้ประชาชน ครึ่งประเทศ ทำงานไม่ได้ ป่วย ล้มตาย คุณจะยังบอกว่าชั้นยังโอเค เพราะชั้นซื้อความเสี่ยงไว้เเล้ว มันไม่เเปลกที่ชั้นจะโอเคกว่าคนทั่วไป ใช่หรือท่าน....

เลยบอกกว้างๆไปว่า ถ้าระบบมันล้ม ความมั่นคงของท่านก็จะหายไปด้วยเช่นกัน
ปล.เรื่องลดเงินเดือนนั้น ผมเเล้วเเต่นะครับ

บางคนเขาเลือกที่จะทิ้งงานเอกชนค่าตอบแทนสูงๆไปทำงานราชการเพื่อความมั่นคง แล้วมาปรับลดอีกผมว่ามันดูใจร้ายไปหน่อยนะ ถ้าจะให้ปรับลดก็ควรเป็นก่อนเข้าทำงานเขาจะได้ตัดสินใจเลือกถูก

แนะนำให้ยกเลิกระบบราช่การไปเลยครับ ไม่ต้องเก็บภาษี โรงเรียน โรงพยาบาลปรับเป็นเอกชนให้หมด ถนนจะใช้ก็จ่ายค่าผ่านทาง เงินเดือนผมถ้าเป็นเอกชนน่าจะได้ 3-4 แสน แทนที่จะได้หลักหมื่น
ระบบรัฐสวัสดิการมันควรไปโทษพวกกุมอำนาจประเทศไหม ทำไมไม่ทำบ้านสวัสดิการเหมือนสิงคโปร์ ทำไมไม่ทำระบบขนส่งดีๆจะได้ไม่ค้องผ่อนรถ ทำไมไม่ทำโรงเรียนมาตรฐานเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาจ่ายค่าเทอมหลักหมื่นสองหมื่น เบิกได้สองพัน ทุกวันนี้ลูกป่วยผมเข้าเอกชนครับ ที่คุณบอกว่าสวัสดิการดี มันก็ไม่ได้ดีมากเกินไปหรอก

ขอขัดหน่อยนะท่าน

จริงๆไม่ควรเอาสายงานฝั่งสาธารณสุขเข้ามานับอะว่าฝั่งราชการดีหรือด้อยกว่าเอกชน เพราะข้อจำกัดมันเยอะ ไม่เหมือนสายงานอื่น ยังไม่นับเเพทย์หรืออาจารย์หมอที่วิ่งควบงานไปเอกชนอีกนะ และเอาจริงๆคือเเพทย์รัฐที่ห่วยกว่าเเพทย์เอกชนก็ย่อมมีเช่นกัน

เเล้วถ้านับระดับประเทศท่านคิดว่ามีเเพทย์เอกชนในสายงานท่านที่เก่งกว่าท่านมั้ยอะ เเละคงมีเเพทย์รัฐที่เก่งกว่าขึ้นไปอีก เพราะฉนั้นท่านจะไปสนใจทำไมว่าใครเก่งกว่าใคร มันไม่ใช่ประเด็น เหมือนบอกเด็กที่เรียนม.รัฐมีเเนวโน้มจะเก่งกว่าม.เอกชน อืม..ก้จริง เเล้วก้ต้องดูคณะด้วย แพทย์ก้เช่นกัน

จริงๆบริบทของเม้นเเรกผมเข้าใจว่าเป็นลักษณะข้าราชการทั่วไป ไม่ใช่ข้าราชการที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางอาชีพอย่างเเพทย์/สาธารณสุข อัยการ/ผู้พิพากษา กลุ่มแบงค์ชาติ คือพวกนี้ไม่มีใครเค้ามาเทียบหรอกครับ ถ้าเทียบคือเทียบในเเง่การบริการ ไม่ใช่ความสามารถของบุคลากร โดยส่วนใหญ่ถ้าเค้าจะเทียบกับเอกชนเค้าพูดสายงานปฎิบัติการ หรือพวกบริหารงานทั่วไปมากกว่า

อย่างเเม่ผมเป็นครูมัธยม จริงๆมันก็เป็นตามที่เม้นเเรกว่าจริงๆเพราะคำว่ามั่นคงเนี่ยเเหละที่ทำให้ข้าราชการทั่วไปไม่เกิดการพัฒนา เช้าชามเย็นชาม ยังไงก็ไม่โดนออก ไม่โดนหักเงินเดือน โดยเฉพาะส่วนงานบริการทั้งหลายในส่วนงานราชการนี่เเหละตัวดีเลย

กลับกันสายงานเอกชนต้องกระตุ้นพัฒนาตัวเองเสมอ ไม่งั้นเส้นทางอาชีพของคุณก็อยู่บนเส้นด้ายเหมือนกัน จะโดนออกวันไหนไม่มีใครรู้

ผมเเค่ไม่เข้าใจว่าท่านจะเดือดดาลทำไม สายงานเเพทย์/สาธารณสุขไม่มีใครเค้าพูดหรอกว่าห่วยกว่าเอกชน ถ้าเค้าจะบ่นสิ่งที่เค้าบ่นคือเรื่องการบริการ ความล่าช้าในการรักษา เเทบจะล้วนๆ

ไม่เข้าใจว่านี่เราโต้เถียงอะไรกันอยู่ จนพ้อยกระจุยกระจายหายไปหมดแล้ว
หลายคนกำลังเดือดดาลกับสถานการณ์โควิด ประสิทธิภาพการบริหารบ้านเมือง และปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบทั้งกับตนเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง คนรอบข้าง ทั้งทางตรง ทางอ้อม ,, คำถามคือ ปัญหามันมาจากข้าราชการไม่ถูกลดเงินเดือนหรอครับ ??

บทความจากต้นโพส โดยส่วนตัว มันไม่ได้มีอะไรผิดหนิครับ
1) ถ้าคุณจะเดือดดาล คุณไปด่ารัฐบาลที่บริหารได้ย่ำแย่
2) ถ้าลดเงินเดือนข้าราชการแล้วมันยังไงครับ ไม่ใช่ว่างบประเทศไทยเรามันไม่มีครับ มันมี แต่คุณดูที่มันเอาไปทำแต่ละอย่าง มันเกิดประโยชน์มั๊ย ??,, ต่อให้คุณมาลดเงินข้าราชการ รัฐบาลมันก็ใช้งบอย่างเคย
3) บางเม้นบอกครูคิดตื้นเกินไป ไม่มองเรื่องรัฐสวัสดิการ (บางเม้นลามไปถึงขั้นดูถูกถากถาง) เรื่องรัฐสวัสดิการก็เรื่องของรัฐสวัสดิการครับ คุณจะเรียกร้องรัฐสวัสดิการ แต่คุณจะมากดให้ลดเงินข้าราชการเนี่ยนะ ?? บางเม้นบอกว่ามองเรื่องความมั่นคงของอาชีพอย่ามองแค่ข้าราชการ ทุกคนควรต้องมั่นคง ใช่ครับเห็นด้วย แต่นั่นมันไอเดี้ยว บทความเขามองสภาพจริงที่มันเป็น แล้วเขาจึงเลือกช้อยที่เขามองว่าเหมาะกับเขา
4) หลายเม้นก็เทียบให้เห็นแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ได้สติ คุณลองตั้งสติแล้วคิดกันดีๆ ครับ
5) ข้าราชการไม่ได้ถูกลดเงินเดือนครับ แต่ไม่ได้สิทธ์เยียวยาเหมือนอาชีพอื่นนะครับ อ้อ ถ้าจะบอกว่าอาชีพอื่นลำบากเจอปัญหา คำถามคือ เขาไปคัดดูผลประกอบการทุกบริษัทมั๊ยครับว่าอันไหนควรช่วยไม่ควรช่วย บางเอกชนได้เงินเดือนปกติได้เยียวยาด้วย ก็ยังมีเลยครับ
6) เรื่องการทำงาน อย่ามาเถียงกันเลยครับว่าใครหนักใครเบากว่ากัน มันมีทั้งหนักทั้งเบากว่ากันทั้งนั้นแหละครับ ถ้าจะตำหนิ คุณควรไปตำหนิที่ระบบและผู้บริหาร(ครับ) เรื่องความรู้ความสามารถก็เช่นกัน อย่ายกมาเทียบเลย
7) สุดท้าย ถ้าคุณยังอยากบ่นเรื่องลดเงินข้าราชการอีก ไม่สนใจเหตุผลไรทั้งสิ้น คุณไปด่ารัฐบาลแทนดีกว่าครับ นั่นคือผู้บริหาร ผู้ออกกฎเกณฑ์ นโยบาย
8) เสริมๆ เอาจริงๆผมเห็นด้วยกับเรื่องพัฒนา ปฏิรูประบบราชการนะ แต่มันไม่ใช่การมาต่อว่าข้าราชการ คุณต้องแยกพ้อยกันให้ชัด

แล้วทำไมถึงต้องการลดเงินเดือนข้าราชการ แทนที่จะไปตัดงบส่วนอื่น เพื่อให้ข้าราลการได้เห็นอกเห็นใจเอกชนงั้นหรือ หรือเพื่อความสะใจ ตัวเองไม่มีคนอื่นก็ต้องไม่มีเหมือนกัน

มันวัดได้ครับถ้าเค้าจะวัดจริงๆ เอกชนเลยต้องมี kpi ไงครับ

วัดจากคุณภาพของรูป วัดจากการคอมเพลน วัดจากจำนวนครั้งที่ถ่าย วัดจากความพึงพอใจของผู้ถูกถ่าย ความถูกต้องของรูปที่ถ่าย จำนวนรูปที่ถ่ายผิด คือมันประเมิณได้หมดเเหละครับขึ้นอยู่กับว่าจะกำหนดตัวชี้วัดยังไง

พอไม่มีตัวชี้วัดที่จะประเมิณพนักงานถ่ายสิ่งที่เค้าจะทำคืออะไร ก้ถ่ายๆไปเถอะ ให้ถูกตามระเบียบพอ อย่างอื่นช่างมันเป็นต้น

ผมเห็นด้วยเลยเรื่องปฏิรูประบบ เมียผมเป็นครูมัธยม ทุกวันนี้ สอนอย่างเดียว แต่พอประเมินผลตอบแทนซึ่งเดี(่ยวนี้เป็นเปอร์เซ็นต์ สู้คนที่ทำแต่งานอื่นที่ไม่ใช่งานสอนเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้ ผู้บริหารก็ทำตัวยิ่งกว่าพระเจ้า

ใครชงนี่เตรียมตัวบินได้เลย เป็นองค์กรที่ใหญ่สุดในประเทศ

เรื่องลดเงินเดือน ผมพิมไปว่าเเล้วเเต่นะ ลดไม่ลดก็เเล้วเเต่ เเต่ผมกำลังจะบอกว่า ตอนนี้ประเทศมันเเย่ เเล้ว คุณบอกว่ามันโอเค เพราะเราซื้อความเสี่ยงยอมได้เงินเดือนน้อย เเต่เเลกกับสวัสดิการ ที่มั่นคง ผมเลยบอกไปว่า ไอ้ที่ว่ามั่นคงหนะ ถ้าระบบมันล้ม ไอ้ความมั่นคงที่ ครูกล่าวมามันก็จะหายไปด้วย

มันก็แคบอยู่ดีนะครับ

ท่านบอกว่าประชาชนครึ่งประเทศทำงานไม่ได้ เจ็บป่วย ล้มตาย ผมขอเทียบหยาบๆ นะครับ

อีกครึ่งประเทศที่ยังต้องทำงานให้ได้ ทั้งๆ ที่ประชาชนเจ็บป่วย ล้มตาย คือใครครับ ถ้าไม่ใช่ข้าราชการ

ซื้อความเสี่ยง แลกความมั่นคง แต่ในภาวะแบบนี้ก็ยังต้องทำงาน ยกตัวอย่าง

มีทั้งข้าราชการหน้าด่านตรงๆ ไหนจะพวกที่รับมือแบบไม่ตรงก็มีทั้ง ทหาร ตำรวจ นี่ยังไม่รวมพวก อบต อบจ ที่บางพื้นที่ต้องจัดโรงพยาบาลสนาม อีกกี่หน่วยงานที่ต้องคอยประสานงาน ยอดแต่ละยอดที่ไปโชว์ในข่าว มันไม่ได้มาจากหน่วยงานแพทย์ หน่วยงานเดียวนะครับ

ไหนจะครูต้องมาทำสื่อการสอน คิดว่าแค่ส่งไฟล์ PDF ให้เด็กไปปริ๊นดูที่บ้านก็จบเหรอครับ มันไม่จบ โรงเรียนที่อยู่ในชนบท ครูต้องไปเยี่ยมบ้าน เพราะเด็กบางคนไม่มีโทรศัพท์ ก็มีนะครับ

เอาแค่โรงพยาบาลสนามขึ้นมาซักที่นึง มีกี่หน่วยงานที่ต้องประสานงานกันครับ

ที่คุณบอกว่า ถ้าระบบมันล้ม ความมั่งคงก็จะหายไป มันก็ไม่ผิด
แต่ก็อย่าลืมว่า คนที่คุณบอกว่า ฉันซื้อความเสี่ยงไว้แล้ว ฉันโอเค แต่ไม่ใช่ฉันไม่ทำอะไรนะ
ในภาวะแบบนี้ ในขณะที่คุณทำงานเอกชนไม่สะดวก แต่ฉันก็ยังต้องทำงาน เพื่อรักษาระบบไม่ให้พังไปกว่านี้
คนแบบนี้ก็ยังมีอยู่นะครับ แค่เค้าไม่มีเวลามาพูดบอกคุณ

เม้นเดิมแก้ออกดีกว่า ไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหากระทู้นี้

ส่วนตัวเห็นด้วยกับการปฏิรูประบบราชการนะ อยากให้มี ประเทศจะเจริญได้เยอะเลย แต่ไม่ว่าใครทำก็จะโดนโจมตีแน่
เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้มันไม่กล้าหรอก รอก้าวไกลได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ถึงจะกล้าทำ แล้วก็รอเจอม๊อบแบบตอนทักษิณได้เลย555

ประเด็นเลยคือ มันควรจะผลักรัฐให้เป็นรัฐสวัสดิการเพราะแบบนี้ มันควรจะมีรายได้ถ้วนหน้าแบบรายได้ขั้นต่ำพื้นฐานของปชช.ทุกคนต่างหาก สิทธิพิเศษแบบนี้ในบ้านเรามันมีแค่ราชการไงมันเลยดูเป็นอาชีพที่ค่อนข้างพิเศษกว่าชาวบ้านหน่อยๆ เพราะเกษียณก็ได้เงินจากรัฐอยู่จนตายเช่นกัน ซึ่งรัฐสวัสดิการตรงนี้จริงๆควรจะกระจายมาสู่ประชาชนด้วยมากกว่า ซึ่งตรงนี้ต้องช่วยกันผลักดันมากกว่าแค่ได้สวัสดิการแค่ราชการ

ก็น่าจะมีเสียงแย้งมาว่าถ้างั้นใครจะอยากเป็นข้าราชการถ้าสวัสดิการใครก็มี ก็ใช่ไงมันไม่ใช่ต้องอยากเป็นก็ได้มันเปิดโอกาสให้คนอยากเป็นอย่างอื่นมากขึ้นไง ทำให้ประเทศมีความหลากหลายมากขึ้นความมั่นคงในอาชีพต่างๆมากขึ้น และอาชีพข้าราชการก็จะสามารถปรับให้คล้ายเอกชนได้มากขึ้นด้วย การบริการและการบริหารก็จะดีขึ้นโปร่งใสขึ้นได้ด้วย เพราะมันไม่ต้องแย่งกันเพื่อสวัสดิการที่พิเศษกว่าชาวบ้านอีกต่อไป