อย่างที่ทุกคนน่าจะทราบกัน
ตอนนี้สถานะการณ์โควิทนั้นได้สร้างความพินาศอย่างใหญ่หลวงแก่ประเทศเรา
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจถึงความระยำของการบริหารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนก็มีคำถามในใจแน่นอนว่า กุติดยังว่ะ กุควรทำไงดี มองไปทางไหนก็เจอแต่โรค
ในวันนี้ผมในฐานะแพทย์ ที่เติบโตมาในสังคม ss แห่งนี้กว่า 10 ปี
จึงขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ในมุมมองผมเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวต่างๆ และ
ถึงเรื่องที่คิดว่าน่าจะทำให้พี่น้องชาว SS เห็นภาพมากขึ้นครับ
1 เรื่องแนวทางการปฏิบัติตัว
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเริ่มเจอคนใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆติดเชื้อ คำถามคือ
“กุควรทำไงดีถ้า มีคนในครอบครัว คนใกล้ชิด ติดเชื้อ”
ในมุมมองผมสิ่งแรกที่ควรทำเลยคือ การแยกตัวเองออกมาก่อน [กักตัว] นั่นแหละ
จากนั้นให้คอยสังเกตุอาการก่อน
ผมจะยังไม่แนะนำให้ตรวจแต่แรกเนื่องจาก ตอนนี้จำนวนกำลังในการตรวจ PCR ต่อวันมันไม่ไหว
ในทุก รพ ทั่วประเทศ แม้กระทั่ง รร แพทย์ ก็ตาม [อันนี้คุณควรรู้จริงๆนะ]
ปัญหาที่ตามมาคือพอคุณมาขอคิวตรวจ คุณอาจไม่ได้คิว แต่อาจได้เชื้อจากคนที่มาต่อคิวกลับไปอีก
ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกคนสังเกตุอาการในช่วงแรกครับ
อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าคุณหลายคนจะประสบปัญหาคือ การจะกักตัวเนี่ย มันต้องมีใบรับรองแพทย์ ไม่งั้นนายจ้างจะไม่ให้หยุด
จุดนี้ผมแนะนำว่าหากจำเป็นต้องออกมาตรวจจริงๆ คุณอย่าลืมป้องกันตัวเองด้วยนะ เพราะ การมาตรวจคือคุณมาอยู่กับคนที่เป็นโรค
(จากผลการตรวจล่าสุด ของหลายๆ รพ พบว่ายอดแต่ละวันคือ ตรวจพบ 10% ของยอดทั้งหมด)
ดังนั้นอยากแนะนำว่าถ้าจะมา รพ ให้ใส่ mask2ชั้น + แว่นตาป้องกัน (หรือfaceshield) ด้วยนะ [อันหลังลดการติดเชื้อทางเยื่อบุตาได้]
แล้วก็พยายามอย่าอยู่ในห้องแอร์ปิด และ ควรยืนห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตร
ทีนี้พอมาตรวจกับแพทย์ ให้บอกด้วยว่า”ผมเป็นคนไข้กลุ่มเสี่ยง ผมต้องหยุดกักตัว”และให้แพทย์ออกใบรับรองเพื่อหยุดกักตัว7-10 วัน
ตรงนี้ส่วนตัวผมเองผมออกให้เสมอ แต่หากคุณไปที่ รพ ที่คนไข้รอตรวจล้นมาก แพทย์ท่านนั้นอาจจะไม่ทันสังเกต อย่าลืมเตือนด้วย
ส่วนอาการที่คุณควรมาตรวจ swab PCR ผมแนะนำเลยคือ
1 ไข้ มากกว่า 38 องศา
2 ไอเสมหะมากขึ้น
3 หอบเหนื่อยมากขึ้น
4 เจ็บแน่นอก ใจสั่น
5 ซึมลง
หากมีอาการตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไปอันนี้ควรรีบมา รพ เพื่อ ทำการตรวจ ไม่ควรรอสังเกตุอาการต่อ
แล้วก็อย่าลืมป้องกันตัวเองก่อนมา รพ ด้วยนะ
หากมี ญาติที่ติด ต้องพามา รพ (ย้ำว่าต้องมีอาการตามที่ผมบอกด้านบนนะ)
หากคุณทนรอหน่วยงานรัฐไม่ไหว (แลดูพึ่งพาไม่ได้)
ก็อย่าลืมป้องกันตัวเบื้องต้นคือ faceshield + mask2 ชั้นครับ มีถุงมือก็ยิ่งดี
แล้วพาไป รพ ที่ใกล้ที่สุดครับ
รวมถึงถ้าสัมผัสเสร็จแล้ว อย่าลืมล้างมือ เช็ดแอลกอฮอล์ (และอย่าลืมกักตัวเองต่อด้วย)
อย่าปล่อยคนไข้เดียวดายเลย ผมเชื่อว่าถึงแม้วิธีนี้จะไม่ได้ป้องกันได้ 100%
แต่ยังดีกว่าการปล่อยคนไข้ไปโดยไม่ได้ทำอะไร
ผมเชื่อว่าแพทย์ทุกคนพร้อมรักษาคนไข้ที่มีแนวโน้มจะอาการหนักทุกคน
2 . เรื่องวัคซีน
ตอนนี้ทุกคนมีคำถามมากมายเลยว่ากุควรทำไงดี ควรรอ หรือ ควรลุย
ผมมองแบบนี้ครับ ให้มอง 3 ประเด็น
1.มองว่าคุณได้ฉีดตัวไหน
2.มองว่าคุณทำงานอะไร
3. กล้าเชื่อใจหน่วยงานเรื่องโอกาสการได้ วัคซีน mRNA ไหม ???
ผมมองแบบนี้ครับ
ถ้าพูดเรื่องประสิทธิภาพ ผมว่ายังไงวัคซีน mRNA ย่อมดีกว่าแน่นอนในแง่ลดโอกาสติดเชื้อ และ โอกาสการตาย
(อันนี้มีงานวิจัยรองรับมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทางจีนเองก็หันมาพัฒนาวัคซีน MRNA มากขึ้น)
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า ผมอยากให้คนไทยทุกคนได้วัคซีน mRNA
เราทุกคนล้วนโตอยู่ในโลกและสังคมเดียวกัน ผมเป็นหมอได้ก็เพราะได้ SS เป็นที่พึ่งทางใจมาตั้งแต่ยังอยู่มัธยม
ดังนั้นแน่นอนว่าดีสุดก็คือ Pfizer Moderna และ J&J
ซึ่งก็อย่างที่เห็นว่า กลายเป็นเอกชนเป็นคนนำเข้าซะอย่างนั้น = = [โคตรทำร้ายคนไทยอันนี้]
และที่ผมเข้าใจคือตัวเลือกในตอนนี้คือ SV กับ AZ ( T T)
ผมมองอย่างงี้ครับ
ถ้าเลือก SV vs AZ
สมมติเราต้องออกไปรบ SV แม่งคือผ้ากันเปื้อนอะครับ [อันนี้คอนเฟิมโดยท่าน คณบดี ศรร เอง สามารถดูได้จาก review clubhouse ริมน้ำนะครับ] เอาง่ายๆคือไม่ควรฉีดแล้วแหละ จบไป 1 ตัว
ในส่วนของ AZ ผมมองว่ามีประสิทธิภาพระดับนึงละกัน
สมมติเทียบเป็นทีมฟุตบอล ผมว่าถ้า Pfizer คือ Man City ผมว่า AZ คือประมาณ Aston Villa , Leed , Westham อะ
ส่วนเชื้อโรคก็ประมาณ Bayern Munich
คือ พอลุ้นป้องกันได้ แต่แน่นอนว่าคงสู้พวก mRNA ไม่ได้นัก [ตัว AZ หลักๆก็ฉีดในประเทศอังกฤษนี่แหละ]
ในความเห็นผม ผมคิดว่า อันนี้ขึ้นกับความเสี่ยงในวิชาชีพคุณ + ความเชื่อมั่นในการได้วัคซีน mRNA
ผมให้ตัวเลขคือ 2 เดือน [อ้างอิงจากบุคลากรทางแพทย์ที่ฉีดเข็มสุดท้ายคือเดือนมิถุนา และ น่าจะได้ Pfizer ในเดือนสิงหา ตามข่าว]
หากท่านคิดว่าน่าจะได้ฉีดแน่ใน2 เดือนนี้ + WFH ยาวก็แนะนำว่ารอได้ครับ เพราะการไปต่อคิวฉีดตอนนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยงติดเชื้ออีก
หากท่านคิดว่าคงไม่ได้แน่นอนใน2 เดือนนี้ (ได้หลังตุลา) และ คิดว่าเสี่ยง(ยังต้องพบปะผู้คน) ผมแนะนำให้ฉีดก่อนครับ
เพราะ AZ พอมีหลักฐานว่าลดอัตราการติด และ ความรุนแรงโรค ได้
แต่อย่าลืมป้องกันตัวเอง mask 2 อัน + faceshield ด้วยนะครับเวลาไปข้างนอก
(สำหรับ sinopharm ผมว่าน่าจะดีกว่า AZ นิดหน่อยหรือพอๆกัน แต่ก็สู้ mRNA ไม่ได้อยู่ดี และคิดว่าโอกาสเข้าถึงยากกว่า AZ รวมถึงข้อมูลงานวิจัยจากทางตะวันตกยังน้อยอยู่ครับสำหรับ sinopharm )
และสุดท้ายสำหรับท่านที่เคยติดไปแล้ว ระยะเวลาที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนคือ 3 เดือนหลังหายป่วยครับ
วันนี้ผมขอแชร์สองประเด็นก่อนที่ผมมองว่ากำลังเป็นประเด็นร้อน
อันนี้เป็นเพียงความคิดของผมเอง จากการวิเคราะห์ข้อมูลรอบตัว สิ่งที่ผมเจอจากการดูคนไข้ และ งานวิจัย
ดังนั้นหากทำให้ใครไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยด้วยครับ
สุดท้าย ผมอยากบอกว่า ผมอยากกลับไปเจอทุกคนข้างนอกแล้ว อยากนั่งกินข้าวอร่อยกับเพื่อนครับ
หวังว่าสิ่งที่ผมพิมพ์จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
แล้วเราจะผ่านความเฮงซวยนี้ไปด้วยกันครับ
Edited : หากคิดว่าอันนี้มีประโยชน์ ยินดีให้แชร์เลยครับ
อยากให้คนไทยรู้ว่า SS ก็สามารถให้ข้อมูลการแพทย์ได้เช่นกันครับ