ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะงง ว่าทำไมถึงไม่มีศาสนา

แต่ปัจจุบัน ตอบได้เลยว่า มันเป็นสิทธิของ ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนา ไม่ได้มองหรือคิดว่า จะดีหรือไม่ดี


ตราบใดที่คนๆนั้น รู้สิทธิและหน้าที่ของตัวเอง และเคารพสิทธิของคนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นและสังคมเดือดร้อน เท่านั้นก็เพียงพอแล้วคับ

ส่วนเรื่องข้อห้ามต่างๆของศาสนา ที่ห้ามพระกระทำ มันเป็นข้อบังคับเพื่อให้พระที่บวชจริงๆ มุ่งสู่การบรรลุคับ (ไม่ต้องลงลึกละกัน)

ส่วนพวกพุทธสนิกชน ฆราวาสธรรมดาเนี่ย ถ้า ปฏิบัติ ศีล 5 ได้ทุกคน รับรองบ้านเมืองสงบสุข คุกนี่จะไม่มีนักโทษเลยคับ

ทำไมผู้หญิงถึงบวชไม่ได้
-บวชได้ เป็นพระภิกษุณี
ทำไม ผญ ห้ามโดนตัวพระ
-อาจทำให้พระเกิดกิเลสทางชู้สาว ป้องกันไว้ก่อน
ทำไมพระต้องฉันก่อน (และทำไมผมไหว้พระที่ปฏิบัติดี)
-เพราะคิดว่าท่านถือศีลสูงกว่า เหมาะสมกับการเคารพบูชา
ทำไมพระห้ามขับรถ
-ข้อนี้ไม่แน่ใจครับ ไม่น่าจะมีบัญญัติห้ามไว้ แต่ถ้าพระขับรถอาจดูไม่ค่อยเหมาะสม

ศึกษาแบบเบื้องลึกจะรู้ว่าศาสนาคือสิ่งที่พระพุธเจ้าสอนให้คนเดินทางสายกลาง ปล่อยวางความทุก โลก โกรธ หลง

ประเด็นความเท่าเทียมกัน พระพุทธเจ้านี่ ทำเรื่องนี้ให้ดูเป็นตัวอย่างนะ คือ ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน เลือดสีเดียวกัน

ทำไมพระต้องฉันก่อน ?? เพราะหลังเที่ยง พระฉันไม่ได้ไง บ้านผม นิมนต์พระมา ใครจะกินก่อนพระไม่มีมีใครขัดข้อง

ทำไมผู้ ญ ถึง บวชไม่ได้ ?? What ? เมื่อก่อนก็มีภิกษุณี สมัยนี้ก็แม่ชี แต่ประเด็นไม่ใช้อยู่ที่บวชหรือไม่บวชนะเพราะ เพศฆราวาสก็บรรลุมรรค ผล นิพพาน ได้

เรื่องขับรถเพราะบุคคลผู้ที่มีอัธยาศัยจริง ๆ ในการที่บวชเป็นบรรพชิต ย่อมสามารถที่จะละอาคารบ้านเรือน วงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติ แล้วบวช ซึ่งเมื่อบวชแล้ว ก็มีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา น้อมประพฤติตามพระธรรมวินัย ขัดเกลากิเลสของตนเอง

เรื่องจับตัวผู้หญิง มีศีลข้อหนึ่งบัญญัติไว้ว่า "ภิกษุมีราคะ จับต้องกายหญิงต้องอาบัติ ก็คือ ผิดศีล" ถ้าอยากผิดศีลก็ไม่ควรมาเป็นพระ ถ้าเป็นพระก็ไม่ควรผิดศีล เพราะศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเป็นพระ และเพื่อการฝึกหัดขัดเกลาจิตใจเพื่อเป้าหมายสูงสุดในการเป็นพระ แต่ก็มีบางกรณีเช่น พระที่ต้องมาช่วยดูแลแม่บ้าง กรณีเช่นนั้น ภิกษุนั้นไม่มีราคะตามข้อกำหนดของศีลแน่นอน จึงไม่ผิดศีลครับ

ทั้งหมดที่ผมตอบไปผมก็ได้ไปศึกษาต่อและเป็นเหตุผลที่รับฟังได้(สำหรับตัวผมเอง)

แทนที่บอกคนอื่นว่าไม่มีศาสนา​ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนเป็นนับถือทุกศาสนาเลยล่ะครับ​

ก็เอาคำสอนทีาดีๆของแต่ละอันมา อันไหนไม่ดีหรือเห็นต่างก็ไม่ทำ

ผมเฉยๆนะ กับคนที่บอกว่าไม่นับถือศาสนานะ แต่ผมติดใจเรื่องที่ความคิดขัดแย้งกับหลักคำสอนนี่แหละ เพราะแก่นคำสอนของแต่ละศาสนามันคือการทำกรรมดีล่ะเว้นกรรมชั่ว ซึ่งถ้าขัดแย้งตรงนี้เรื่องใหญ่เลยนะ 555 แต่ถ้าบอกว่าการใช้ชีวิตขัดแย้งกับหลักปฎิบัติของศาสนา อันนี้ผมพอเข้าใจได้นะ เพราะหลักปฎิบัติแต่ล่ะศาสนามันไม่เหมือนกัน...

อันนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง

เรื่องของมัน

ขอชี้แจงครับ
*ทำไปพระต้องฉันก่อน -ตถาคตไม่ได้สอนว่าใครต้องฉันก่อน
*ทำไมผู้หญิงถึงบวชไม่ได้-บวชได้ครับตามพระตถาคตบัญญัติ พระภิกษุณี
*ทำไมพระห้ามขับรถ-สมัยก่อนชาวเมืองติเตียนเดี๋ยวนี้ก้ติเตียนและไม่ได้เป็นไปเพื่อความมักน้อย
*ทำไม ผญ ห้ามโดนตัวพระ-ศีลห้ามพระไม่ได้ห้ามฆราวาส ฆราวาสรักษาศีล5พอ

เราว่าท่านมีความรู้เรื่องพุทธศาสนาของตถาคต น้อยมาก ถึงมากที่สุด
อยากให้ศึกษาถึงแก่นแท้ค่อยมาตัดสิน

#เราจะรู้ได้อย่างไรว่านี่คือธรรมมะ

ดูกรโคตมีท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่าธรรมเหล่านี้เป็นไป
๐ เพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด
๐ เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไ​ว้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไ​ว้
๐ เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส
๐ เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก
๐ เป็นไปเพื่อสันโดษไม่เป็นไป​เพื่อไม่สันโดษ
๐ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๐ เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้​าน
๐ เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ย​งง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก

ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่​งว่า
"นี้เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ

ถ้าสิ่งที่ท่านรู้ท่านทราบมาเข้าข้อดังที่กล่าวมานั้นแหละธรรมแท้
ส่วนสิ่งใดที่ตรงข้ามจากนี้ก็คิดเสียว่าไม่ใช่

มองคนไร้ศาสนา ก็ปกติไม่มีปันหาถ้าเค้าเป็นคนดี

ถ้ามอง จขกท ก็ต้องบอกว่าที่ จขกท ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่มันเป็นพวกพระวินัย ธรรมเนียม

มันแปลว่า จขกท ไม่นับถือศาสนา เพราะ รูปแบบการกระทำ

แต่คนส่วนมากเค้านับถือ เพราะ คำสอน

เอาตรงๆนะ ผมมองว่าคนนี้พวกนี้อยากดูเท่ห์ อยากดูเป็นคนมีความคิดไรแบบนี้อะ

ผมศาสนาพุทธ แต่ผมก็ไม่บวช ไม่ตักบาตร ไม่สวดมนต์ ไม่เข้าวัด

แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องออกมาบอกว่าผมไม่นับถือศาสนา

ถามว่ามองยังไง "เรื่องของมึง" อันนี้ไม่ได้หยาบคายนะ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ อยากทำไรก็ทำไป ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ ความเชื่อมันก็มีแค่สองแบบนั่นแหละคือ "คนที่เชื่อ" กับ "คนที่ไม่เชื่อ" แค่อย่ามาวุ่นวายกับชีวิตผมก็พอ ตัวผมเองรอทำบัตรอีกรอบจะเอาออกเหมือนกัน มันติดอยู่ในบัตรประชาชนมานานละ ลืมเอาออก

ถ้าขัดแย้งพระตถาคตน่าจะเป็น

ทำความชั่ว

ละเว้นความดี

ทำจิตให้เศร้าหมอง

ถ้าใครคิดว่าไร้สาระไม่มีประโยชน์ก็จะเข้าในหลักการนี้

ข้อนี้ผม ขอตอบให้ครับ

-พระ กับ มาตุคาม หรือ ผญ คือสิ่งที่ปฏิปักษ์ต่อกันครับ ศีล ข้อใหญ่ๆ เกิดขึ้่นเพราะผู้หญิงทั้งนั้น อย่าว่าแต่โดนตัวเลยครับ พูดจาเกี้ยวพาราสี่ ก็ผิดศีลข้อใหญ่ แล้ว เพราะกิเลส ทีละยากขั้นแรก เลยคือ กาม ครับ การหลงในรูป รส กลิ่น เสียง ดังนั้น ท่าน พระพุทธองค์ จึงบัญญัติขึ้นมา

- เรื่อง ภิกษุณี สมัย พุทธกาล ท่านพระพุทธเจ้า ท่าน ทำนายเอาไว้ครับ ถ้าหาก มีภิกษุณี อายุ ของ ศาสนาพุทธ จะสั้นลงครับ เรื่องนี้ผมฟังมานานแล้ว เลยจำได้ลางๆ และอีกอย่าง การที่ ผู้หญิงบวช พระ จะ ยุงยากและอันตราย มากกว่า ผู้ชายครับ เพราะเวลาไป ธุดงค์ในป่า มีโอกาสจะเจอพวกโจร พวก คนลามก ดักทำร้ายได้ และ ศีลของ ภิกษณี มีมากกว่า ศีลของพระภิกษุครับ
- ไม่มีบัญญัติ เรื่อง ห้ามขับรถครับ แต่ สามารถ เรียกว่า โลกะวัชชะได้ คือ ชาวโลกเห็น แล้วจะตีเตียน เพราะไม่เหมาะไม่งาม ในการเป็น สมณเพศ ท่านคิดดูสิครับ ถ้าท่านเห็น พระขับรถจะเกิดความเลื่อมใสไหม

คนที่ไม่มีศาสนา ทุกคนเกิดมาต้องมีชื่อในทะเบียนว่านับถือศาสนาอะไร หรือพวกเขาก็ขาดโอกาสในการจะศึกษาหลักคำสอนที่แท้จริง เพราะไม่ให้โอกาสตัวเองหรือไม่ได้เจอครูที่ดี ไม่สามารถตอบสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของพวกเขาได้ จึงวางตนเองเป็นผู้ไม่นับถือศาสนาเพราะ"อาจจะมองหาศาสนาอยู่" "ยังหาสิ่งที่คิดว่าใช่ไม่เจอ" "บางคนก็เกิดจากการเสื่อมศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องของศาสนา"
ซึ่งแท้จริงก็มีทุกศาสนา เพราะศาสนาก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ในหลักคำสอน วิธีการปฏิบัติและแนวทางอยู่เช่นกัน เราจึงต้องแยกให้ออกระหว่างหลักคำสอนกับคนในศาสนา ถ้าคนที่อยู่ในศาสนาไม่ดี ไม่ได้แปลว่าศาสนานั้นไม่ดีตามไปด้วย บางคนก็เห็นว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งจำเป็นเพียงแค่ทำไม่ทำเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นก็เพียงพอแล้ว โดยสรุปคือผู้ที่ไม่นับถือศาสนาคือผู้ที่ไม่ได้ศึกษาแก่นแท้ของศาสนานั้นๆ

ผมว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากเลย นะ
มันไม่ได้มี อะไรให้เทียบเคียงว่ามีหรือไม่มีดีกว่ากัน
ตราบใดที่เอกสารทางราชการ มีช่องให้กรอก
ถึงเเม้ว่าเราจะปล่อยช่องว่าง หรือ ขีด (-) ถ้าเอกสารพวกนั้นผ่านก็ดีไป
เเต่ส่วนใหญ่เอกสารทางราชการ มันก็ต้องกรอก ท่านก็จะต้องเลือก
ตราบใดที่หน่วยงาน บริษัท หรือ ใครก็เเล้วเเต่ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
เห็นว่า การไม่มีศาสนา เป็นเรื่องปกติ ผมว่าตอนนั้นค่อยมานั่งถกกันเรื่อง
ดีหรือไม่ดี ก็ยังไม่สาย