ไม่ทำความเดือดร้อนคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นตามมนุษยธรรมก็ดีมากละ คนมีศาสนาบางครั้งก็เห็รแก่ตัวหรือทำคนอื่นเดือดร้อนก็มีเยอะ

ไม่สนใจเลยใครจะนับถืออะไรหรือไม่มีศาสนาอะไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสหรือเหตุการณ์ร่วมกันก็แค่ไม่ก้าวก่ายเรื่องทัศนคติกันก็เท่านั้น ตัวผมถึงจะศาสนาพุทธแต่เอาจริงก็ไม่ได้มีว่าต้องบวช ต้องจัดงานศพหรืออะไรเลยแต่ก็ไม่ได้ไปลบหลู่คนอื่นครับ

ส่วนคนอื่นจะมองยังไงก็ปล่อยไปเถอะ ศาสนาหรืออะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ถ้าตัวเองมีความเชื่อหรือศรัทธาอะไรแล้วไม่ไปรบกวนคนอื่นก็ทำไปเลยครับ

ถ้าไปศึกษาแบบเบื้องลึกจะรู้ว่าศาสนาคือเกมการเมืองแบบหนึ่งครับที่ใช้ชักนำมนุษย์มาเป็นพวก แต่ถ้าความเชื่อปัจจุบันเลย เช่น ความเท่าเทียบกันของมนุษย์ครับ ทำไปพระต้องฉันก่อน ทำไมผู้หญิงถึงบวชไม่ได้ ทำไมพระห้ามขับรถ ทำไม ผญ ห้ามโดนตัวพระ ทั้งที่ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ประมาณนี้ครับ

คนแบบนี้ต้องลากไปให้คนดีๆอย่างจ่าพิกชิตสั่งสอนครับ

ซันนี่ ไง ไม่มีศาสนา

อยากรู้เฉยๆ ว่า

ความคิดหลายๆอย่างของเราขัดแย้งกับหลักคำสอน

มันเอาไว้พูดเพื่อ เท่ๆ Coolๆ อย่างเดียว หรือมันมีความคิดแบบนั้นจริงๆ

เพราะหลักคำสอนที่ผมศึกษามา เนื้อแท้มันก็เป็นหลักที่สอนให้คนเป็นคนดี

แต่พอมีคนบอกว่า ความคิดหลายๆอย่างของเราขัดแย้งกับหลักคำสอน

เลยงงมาก ว่าคิดอะไร

ผมก็คล้าย ๆ ท่านแหละ มาอยู่ ตปท ได้หลายปีแล้ว
ไม่สวดมนต์ ไม่ไปวัด (วัดไทยที่ก่อตั้งในที่นี่) ไม่เชื่อสิ่งศักสิท
ที่ผ่านมาคนถามก็ตอบว่า ศาสนาพุทธ แต่ทุกวันนี้ไม่มีไรเกี่ยวข้องเลย

ทุกวันนี้ผมมีศาสนาแค่ในบัตร ปชช ละครับ

คนมีหรือไม่มีศาสนาผมมองว่าไม่สำคัญเลยเพราะสิ่งสำคัญที่ควรมองคือผลลัพธ์ครับ ถ้าสมมติเทียบกันสองคน

- คนนึงมีศาสนา เข้าโบสถ์เป็นประจำ ทำบุญบ่อยครั้ง แต่ชีวิตเบื้องหลังชอบซ้อมเมียตัวเอง โกงเงินชาวบ้าน ทำร้ายหมาแมว

- อีกคนไม่มีศาสนาแต่ใช้ชีวิตช่วยเหลือคนอื่นไม่เดือดร้อนใคร

ผมว่าแบบหลังดีกว่าแน่นอน

ตัวอย่างด้านบนทั้งสองไม่ได้เหมารวมว่าคนมีศาสนาเป็นแบบนั้นทุกคนนะและรวมถึงคนไม่มีศาสนาด้วย บอกไว้ก่อนเผื่อพวกคิดน้อยจะอ่านแล้วมาโต้แย้งในประเด็นนี้แบบหน้ามืดตามัวเพื่อปกป้องความเชื่ออย่างเดียว คนมีศาสนาและเป็นคนดีก็มี คนไม่มีศาสนาและเป็นคนเลวก็มี

สิ่งที่ผมจะสื่อคือมีหรือไม่มีศาสนาเป็นเครื่องแบ่งแยกความดีเลวไม่ได้ครับเพราะการกระทำและสันดานคือตัวแบ่งแยกที่แท้จริง คนดีมีหรือไม่มีศาสนาเค้าก็เป็นคนที่ดีอยู่ดีและกลับกันสำหรับพวกตรงกันข้ามเช่นกัน

ปล. ทุกยุคทุกสมัยจะมีคนกลุ่มนึงที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือสร้างภาพตัวเองว่าเป็นคนดี ไม่ว่าจะทำในทางทำบุญกับศาสนาหรือแม้แต่บวชเป็นพระเป็นนักบวชก็ตามคนก็พร้อมจะเชื่อว่าเพราะเค้าทำ / เป็นแบบนั้นเค้าจึงเป็นคนดีแน่นอนและเชื่อในทุกสิงที่เค้าพูด / ขอ มันดันใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยด้วย เป็นความน่ากลัวของการปลูกฝังความเชื่อแบบไร้สติอย่างแท้จริงครับ

ต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันก็ ต่างคนต่างความคิดครับ

เคยเห็นคนที่ไม่มีศาสนาบางคนเขาก็ศึกษาคำสอนพุทธศาสนา แต่ไม่ได้เลื่อมใส พระ วัตถุมงคล ต่างๆนาๆ

ถ้ามาถามแบบตรงไปตรงมา ผมก็จะตอบแบบตรงไปตรงมานะ

หวังว่าจะรับฟังกันโดยไม่อคติ

ส่วนคนอื่นๆที่คิดต่างจากผม ผมก็ขอออกตัวก่อนว่าผมคุยเฉพาะกับเจ้าของกระทู้แค่คนเดียว

ถามว่ามองคนไร้ศาสนาเป็นยังไง สำหรับผม ผมเสียดายแทนนะ

เพราะไหนๆเกิดมาเป็นคนมีสติปัญญาทั้งที ก็น่าจะแบ่งเวลาซักเพียงน้อยนิดของชีวิตมาค้นคว้าสิ่งลี้ลับบ้างซักหน่อยก็ยังดี

ผมมองว่าการค้นคว้าทางด้านศาสนามันไม่ใช่เรื่องงมงาย แม้มันจะพิสูจน์ไม่ได้ก็ตาม

เพราะอย่าลืมว่าทฤษฎีวิทยาศาสตร์หลายๆอย่างก็เริ่มต้นมาจากการค้นคว้าสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น

คนไร้ศาสนาสำหรับผมมันเหมือนคนที่ไม่มีจินตนาการอ่ะ สนใจมองแต่สิ่งที่จับต้องใด้เพียงอย่างเดียว

ส่วนเรื่องดีเลวนี่ผมไม่ได้ความสำคัญนะ เพราะคิดว่ามันคนละส่วนกัน

ตัวผมเองตอนนี้ก็อาจจะเรียกได้ว่าคนไร้ศาสนาเหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่เอทิสต์

เพราะผมไม่ได้ศรัทธาศาสนาไหนเป็นพิเศษ ผมมีความเชื่อของผมเอง

ตอนแรกว่าจะตอบนะ แต่พอเห็นลายเซ็นต์ท่านแล้วลืมเลยว่าจะตอบว่าอะไร...

แล้วแต่ เลยครับโตแล้วมีความคิดดแล้ว

อยู่ด้วยสติ กับปัญญา ก็พอแล้วครับ

ชีวิตคนมันสั้นนะ แปปๆ ก็แก่แล้ว

ขอแค่ทำตัว
1.ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น/ตนเอง
2.ช่วยเหลือผู้อื่น

ก็เพียงพอแล้ว เพราะนั่นก็คือแก่นของศาสนาแล้วครับ

ผมไม่นับถือศาสนาไรมาจะครบ 10 ปีแล้ว ที่เจอตลอดคือ ไม่ไหว้พระ บาป ไม่ทำบุญตกนรกนะ แล้วจะมีอะไรยึดจิตใจ จะพึ่งอะไร พอผมบอกผมพึ่งตัวเองได้นะ ก็ด่าผม ตายไปแล้วจะทำไง บลา บลา บลา