Klopp พูดถึง Pep Lijnders ใน Intensity : Inside Liverpool
ผมได้รับหนังสือ Intensity : Inside Liverpool ของ Pep Lijnders มาแล้วครับ
ผมเริ่มแปลบทแรกแล้วครับ ตามอ่านได้ที่นี่
(Part 1) Intensity : Inside Liverpool "Week 1 : ตลาดซื้อขายของเราคือการฝึกซ้อม"
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2185100
(Part 2) Intensity : Inside Liverpool "Week 1 : ตลาดซื้อขายของเราคือการฝึกซ้อม"
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2185250
(Part 3) Intensity : Inside Liverpool "Week 1 : ตลาดซื้อขายของเราคือการฝึกซ้อม"
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2185775
(Part 4) Intensity : Inside Liverpool "Week 1 : ตลาดซื้อขายของเราคือการฝึกซ้อม"
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2186099
วันนี้ว่างๆ เลยมาแปลคำนำของหนังเล่มนี้ที่เขียนโดย Klopp
หลังจากนี้ผมจะเอามาแปลให้ทั่นสมาชิกอ่านกันเรื่อยๆนะครับ
"ผมรู้จักพ่อหนุ่มชาวดัชคนนี้ที่มีความกระตือรือล้น สดใส เปี่ยมไปด้วยไอเดียฟุตบอล ยังไม่นานเท่าไหร่นัก แต่ผมสังเกตได้ว่าเขาชอบจด เขามักจะเขียนสิ่งต่างๆลงในแทบเล็ตหรือเขียนลงในกระดาษด้วยปากกา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ประชุมทีมสตาฟฟ์ ตอนประชุมกับนักเตะ หลังจากจบการซ้อมและการแข่ง หรือแม้ขณะที่มีการคุยกันช่วงสั้นๆทั้งตอนที่อยู่ในและนอกสโมสร
เขาเป็นคนที่ชอบเก็บข้อมูลรายละเอียดยิบย่อยอยู่เสมอ จนมีครั้งหนึ่งผมถามเขาว่า "นายจะจดทุกสิ่งอย่างแบบนั้นทำไมกัน?" เขาตอบผมว่า "ข้อมูลกับประสบการณ์ที่เราเคยได้รับมันมีค่ามหาศาลเหมือนกับเหมืองทองคำเลยนะ จะไม่ให้ผมจดสิ่งต่างๆได้ยังไง" หนุ่มชาวดัชที่ผมพูดถึงก็คือ Pepijn Lijnders และแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่เขาจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานของผมอย่างแน่นอน
ตอนผมเข้ามาทำงานที่สโมสร Liverpool ปี 2015 เจ้าของสโมสร Mike Gordon ถามผมว่าจะเอา Pep Lijnders เข้ามาเป็นสตาฟฟ์ด้วยหรือไม่ ผมว่ามันเหมือนเป็นคำขอมากกว่าการถามปกตินะ ซึ่งผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าสิ่งต่างๆที่เราทำมาทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ยังไงหากตอนนั้นผมพูดว่า "ไม่"
เราได้แบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน ทั้งตอนที่มีความสุขแบบหาที่ไหนไม่ได้และตอนที่มีความทุกข์ที่อาจจะทำให้เราใจสลายได้เลย เขาออกไปจากทีมในช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อไปคุมทีม NEC Nijmegen ที่ประเทศบ้านเกิดและจากนั้นเขาก็ได้กลับมาหาเราอีกครั้ง
หากจะบอกว่าเขาอุทิศตนให้กับสโมสรของเรานั้นไม่ใช่การพูดที่เกินจริงเลย ผมมีความสุขกับสองผู้ช่วยมือฉมังอย่าง Pep และ Peter Krawietz ได้รับความช่วยเหลือจาก Vitor Matos และสตาฟฟ์ที่สุดยอดคนอื่นๆของสโมสรเรา
Pep นั้นมีเอกลักษณ์ ผมไม่เคยเจอคนแบบเขามาก่อนและไม่มั่นใจว่าผมจะเจอคนแบบเขาอีกมั้ยในชีวิตนี้ เขาเป็นพวกขยันและยังบ้าการฝึกซ้อม เขามีความหลงใหลในกระบวนการฝึกแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้ได้คือความหลงใหลและการบันทึกทุกสิ่งอย่างที่เราทำของเขานั่นแหละ
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของทีมเราในฤดูกาลปี 2021/22 เขาตั้งใจทำมันขึ้นมา เขาเคยลังเลเล็กน้อยว่าจะทำดีหรือไม่ตอนที่เราบินจาก Austria ไปยัง Evian เพื่อเข้าแคมป์ซ้อมครั้งสุดท้ายเดือนกรกฎาคม 2021 ในตอนนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าเรื่องราวของเราใน 9 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ Pep รู้สึกว่าจะมีสิ่งที่พิเศษแน่นอน แรงจูงใจของเขาที่ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาคือการให้แฟนบอลของสโมสรได้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น ได้รู้เหตุผลที่เราตัดสินใจเรื่องต่างๆที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลไม่เคยรู้ หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือเขาอยากจะแบ่งปันความสนุกและความหลงใหลของตัวเขาเองให้กับทุกๆคนได้รับรู้
เขาไม่เคยสร้างความแตกแยก ไม่เคยเสแสร้งหรือตัดสินใครซึ่งมันเป็นสิ่งที่มืออาชีพควรเป็น เขาไม่เคยคิดว่าความคิดเห็นทางฟุตบอลของเขามีค่ามากกว่าของคนอื่น เขาไม่เคยคิดว่าความเข้าใจฟุตบอลของเขาล้ำกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในสโมสร คนที่ไม่มีใบอนุญาตโค้ชหรือคนที่ไม่เคยเป็นนักเตะอาชีพ
ผมไม่รู้ว่ามีคำนิยามให้กับคนประเภทนี้มั้ย ถ้าหากมีละก็ Pep ยืนหนึ่งของคำนิยามนั้นแน่นอน เขาเชื่อว่าการแบ่งปันความคิดและประสบการณ์ให้กับผู้คนที่เราทำเพื่อพวกเขาและสร้างประสบการณ์ใหม่ของการดูและสนับสนุนสโมสรนั้นจะเติมเต็มพวกเขาได้มากยิ่งกว่าเดิม
ผมมั่นใจว่าบางส่วนของหนังสือเล่มนี้จะทำให้มีคำถามในใจอยู่บ้าง แต่ด้วยความเคารพนะ ผมไม่แคร์หรอก! เราทำงานในวิถีของเราที่สโมสร Liverpool และผู้คนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะรู้สึกเข้าถึงสภาพแวดล้อมทีมได้มากขึ้น มันไม่ใช่การเอาความลับมาบอกหรือการแฉใครทั้งนั้น ในเล่มนี้คือสิ่งที่เราทำกันเป็นเรื่องปกติและเราไม่ควรหลอกตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษหรือเป็นโลกที่ลึกลับอะไรทำนองนั้น มันคือฟุตบอล กีฬาที่วิเศษที่สุดในโลก และคนส่วนใหญ่ในโลกของเราสนุกกับมัน มันคือสังคมและการรวมตัวกัน มันคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนสามัคคีในแบบที่น้อยสิ่งจะสามารถทำได้ มันคือการสานสัมพันธ์กับเพื่อนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จากแค่คนเดียวก็กลายเป็นกลุ่มก้อน
ผมภูมิใจในตัว Pep สำหรับผมเขาคือครอบครัว ผมรักเจ้าหนุ่มคนนี้มากและผมหวังว่าคุณจะสนุกกับการอ่านหนังสือเล่มนี้มากเท่ากับที่เราคาดหวังเอาไว้"