ไปอ่านสัมทูเคิ่ลมาละสัมได้ดีมากโล่งใจเลย5555
ทีแรกคิดไว้กลัวแกไม่เห็นด้วยแล้วจะงัดกับบอร์ดอีก
ยิ่งเป็นพวกยอมหักไม่ยอมงออยู่แล้วด้วยอยากให้แกอยู่คุมยาวๆ  

ผมคอมเมนต๋ในเคสที่ว่าสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นว่า พวก 15 ทีมที่ก่อตั้งได้เตะแค่ ESL นะครับ บอลยุโรปกับบอลลีกโดนแบน

เอาจริง ๆ ผมต่อต้าน ESL อยู่แล้วครับ และผมไม่รู้จริง ๆ ว่าต่อไปมันจะมีตกชั้น-เลื่อนชั้นรึป่าว แต่ผมว่าไม่มี คือมันก็เหมือนคุณเป็น 1 ใน 15 คนที่ก่อตั้งบริษัทอ่ะ ทุกคนถือหุ้นเท่ากัน ทำงานเหมือนกัน แล้วจู่ ๆ มาวันนึง พวกคุณมีแผนกันว่าใครทำงานแย่สุด ต้องออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น คิดว่าจะมีคนยอมมั้ยครับ เริ่มก็เริ่มต้นมาด้วยกัน แล้วจู่ ๆ ก็จะมาทิ้งกันไปดื้อ ๆ แล้ว ที่ผมพูดงี้เพราะอะไร ? ก็เพราะ 12 ทีม รวมถึงอีก 3 ทีม ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นทีมไหน หัวธุรกิจเข้าขั้นสุดยอดกันทั้งนั้น แล้วผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครยอมเสียประโยชน์ยอมเสี่ยงแลกกับการที่ไปลุ้นว่าจะตกชั้น-เลื่อนชั้นในเมื่อทุกทีมระดับใกล้เคียงกันหมด

พอไม่มีใครยอมมันก็จะกลายเป็นเหมือน NFL เป็นเหมือน NBA เงินที่ได้ ต่อให้ได้ 8 พันล้านเหมือนกัน มันก็หมุนอยู่แค่นั้น พวกฟุตบอลลีกระดับประเทศ มูลค่าก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการทำลายทีมเล็กลงไปทีล่ะทีม ทีล่ะทีม

ถ้าคุณจะบอกว่าฟุตบอลดูกันทั่วทั้งโลก พวกแฟนบอลทีมเล็ก ๆ ก็เป็นแฟนบอลเหมือนกัน สมมติทีมท้องถิ่นเขาตาย ล้มหายไป เขาก็ไม่ดูครับ ไม่มีค่าแก่การติดตามแล้ว

แล้วกับบ้านเรา ที่มีหลายท่านบอกว่าถ้าทำออกมา ดูกันทั่วทั้งโลกแน่นอน ยังไง ๆ ก็คุ้ม ผมก็ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ซื้อมาถ่ายจะมองว่าคุ้มจริง ๆ ไม่ เพราะขนาดทุกวันนี้ บางคนก็ยังดูฟรีกันอยู่เลย เมื่อก่อนทรูซื้อ EPL มาถ่าย แพคเกจเดือน 2-3 พัน ยังอยู่ไม่ได้ มาตอนนี้ซื้อทีนึง ต้องขายให้คนดูราคาร้อยกว่าบาท ขนาด UCL ยังไม่มีเจ้าไหนในไทยกล้าซื้อมาถ่าย สำหรับผม ผมมองระยะยาว ผมไม่เห็นอะไรจาก ESL เลย แต่ถ้ามีตกชั้น-เลื่อนชั้น ผมก็มองว่า ESL เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แต่อย่างที่ผมบอกไปข้างบน ผมมองไม่เห็นเหตุผลที่พวกเขาจะยอมเลย เพราะฟุตบอลทุกวันนี้มันคือเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมเหมือนตอนก่อตั้ง พรีเมียร์ ลีก แรก ๆ  

ผมพูดอย่างนี้เพราะผมมั่นใจว่าต่อไปมูลค่าแพงแซง NFL กับ NBA แน่นอน ผมมั่นใจเลยว่าถ้าไม่มี FFP มันจะทุ่มกันบ้าคลั่งขนาดไหน นักเตะค่าเหนื่อย 1 ล้านปอนด์ต่อปี ในลีก ๆ เดียวถ้ามีซัก 4-5 ทีม มูลค่ามันพุ่งไปไกลขนาดไหน ไอพวกสโมสรอ่ะไม่น่าหนักใจครับ เพราะรับตังค์อย่างเดียว แต่ไอคนซื้อลิขสิทธิ์ไปถ่ายนี้แหละ ผมมองไม่เห็นความคุ้มเลย ในเรื่องกีฬา ผมก็ว่าถ้าพวกมูลค่าของบอลอังกฤษ สเปน อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ลดลงเรื่อย ๆ ผมก็มองว่าแนวโน้มตายกันหลายทีม

ผมไม่คัดค้านถ้าจะเอามาแทน ชปล. แต่ผมคัดค้านถ้ามีกัน 15 ทีม แล้ว 15 ทีมนี้ เป็นตัวยืนทุกปี เดิมพันกันเลยก็ดีครับ ถ้าเขาเลือกใน way ที่ผมบอกไป ระหว่างวงการฟุตบอล กับอนาคตของ 15-20 ทีมเหล่านี้ ใครจะอยู่ ใครจะรอด  

ที่ก่อตั้งพรีเมียร์ตอนแรกก็เพราะว่าทีมใหญ่อยากแยกออกจากบอลดิวิชั่นไม่ใช่เหรอครับ ไม่อยากแบกภาระทีมเล็กดิวิชั่นล่างๆ ไม่ได้อยากแบ่งผลประโยชน์ให้ ก็มาตั้งลีคใหม่ ตกลงแบ่งผลประโยชน์กันใหม่

ไม่แน่ใจนะครับ ฟังที่พี่นิคnrกับพี่ต้น ต้นทางฟุตบอล คุยกันมาว่าแบบนั้น  

ผมคอมเมนต๋ในเคสที่ว่าสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นว่า พวก 15 ทีมที่ก่อตั้งได้เตะแค่ ESL นะครับ บอลยุโรปกับบอลลีกโดนแบน

เอาจริง ๆ ผมต่อต้าน ESL อยู่แล้วครับ และผมไม่รู้จริง ๆ ว่าต่อไปมันจะมีตกชั้น-เลื่อนชั้นรึป่าว แต่ผมว่าไม่มี คือมันก็เหมือนคุณเป็น 1 ใน 15 คนที่ก่อตั้งบริษัทอ่ะ ทุกคนถือหุ้นเท่ากัน ทำงานเหมือนกัน แล้วจู่ ๆ มาวันนึง พวกคุณมีแผนกันว่าใครทำงานแย่สุด ต้องออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น คิดว่าจะมีคนยอมมั้ยครับ เริ่มก็เริ่มต้นมาด้วยกัน แล้วจู่ ๆ ก็จะมาทิ้งกันไปดื้อ ๆ แล้ว ที่ผมพูดงี้เพราะอะไร ? ก็เพราะ 12 ทีม รวมถึงอีก 3 ทีม ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นทีมไหน หัวธุรกิจเข้าขั้นสุดยอดกันทั้งนั้น แล้วผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครยอมเสียประโยชน์ยอมเสี่ยงแลกกับการที่ไปลุ้นว่าจะตกชั้น-เลื่อนชั้นในเมื่อทุกทีมระดับใกล้เคียงกันหมด

พอไม่มีใครยอมมันก็จะกลายเป็นเหมือน NFL เป็นเหมือน NBA เงินที่ได้ ต่อให้ได้ 8 พันล้านเหมือนกัน มันก็หมุนอยู่แค่นั้น พวกฟุตบอลลีกระดับประเทศ มูลค่าก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการทำลายทีมเล็กลงไปทีล่ะทีม ทีล่ะทีม

ถ้าคุณจะบอกว่าฟุตบอลดูกันทั่วทั้งโลก พวกแฟนบอลทีมเล็ก ๆ ก็เป็นแฟนบอลเหมือนกัน สมมติทีมท้องถิ่นเขาตาย ล้มหายไป เขาก็ไม่ดูครับ ไม่มีค่าแก่การติดตามแล้ว

แล้วกับบ้านเรา ที่มีหลายท่านบอกว่าถ้าทำออกมา ดูกันทั่วทั้งโลกแน่นอน ยังไง ๆ ก็คุ้ม ผมก็ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ซื้อมาถ่ายจะมองว่าคุ้มจริง ๆ ไม่ เพราะขนาดทุกวันนี้ บางคนก็ยังดูฟรีกันอยู่เลย เมื่อก่อนทรูซื้อ EPL มาถ่าย แพคเกจเดือน 2-3 พัน ยังอยู่ไม่ได้ มาตอนนี้ซื้อทีนึง ต้องขายให้คนดูราคาร้อยกว่าบาท ขนาด UCL ยังไม่มีเจ้าไหนในไทยกล้าซื้อมาถ่าย สำหรับผม ผมมองระยะยาว ผมไม่เห็นอะไรจาก ESL เลย แต่ถ้ามีตกชั้น-เลื่อนชั้น ผมก็มองว่า ESL เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แต่อย่างที่ผมบอกไปข้างบน ผมมองไม่เห็นเหตุผลที่พวกเขาจะยอมเลย เพราะฟุตบอลทุกวันนี้มันคือเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมเหมือนตอนก่อตั้ง พรีเมียร์ ลีก แรก ๆ  

ผมคอมเมนต๋ในเคสที่ว่าสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นว่า พวก 15 ทีมที่ก่อตั้งได้เตะแค่ ESL นะครับ บอลยุโรปกับบอลลีกโดนแบน

เอาจริง ๆ ผมต่อต้าน ESL อยู่แล้วครับ และผมไม่รู้จริง ๆ ว่าต่อไปมันจะมีตกชั้น-เลื่อนชั้นรึป่าว แต่ผมว่าไม่มี คือมันก็เหมือนคุณเป็น 1 ใน 15 คนที่ก่อตั้งบริษัทอ่ะ ทุกคนถือหุ้นเท่ากัน ทำงานเหมือนกัน แล้วจู่ ๆ มาวันนึง พวกคุณมีแผนกันว่าใครทำงานแย่สุด ต้องออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น คิดว่าจะมีคนยอมมั้ยครับ เริ่มก็เริ่มต้นมาด้วยกัน แล้วจู่ ๆ ก็จะมาทิ้งกันไปดื้อ ๆ แล้ว ที่ผมพูดงี้เพราะอะไร ? ก็เพราะ 12 ทีม รวมถึงอีก 3 ทีม ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นทีมไหน หัวธุรกิจเข้าขั้นสุดยอดกันทั้งนั้น แล้วผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครยอมเสียประโยชน์ยอมเสี่ยงแลกกับการที่ไปลุ้นว่าจะตกชั้น-เลื่อนชั้นในเมื่อทุกทีมระดับใกล้เคียงกันหมด

พอไม่มีใครยอมมันก็จะกลายเป็นเหมือน NFL เป็นเหมือน NBA เงินที่ได้ ต่อให้ได้ 8 พันล้านเหมือนกัน มันก็หมุนอยู่แค่นั้น พวกฟุตบอลลีกระดับประเทศ มูลค่าก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นการทำลายทีมเล็กลงไปทีล่ะทีม ทีล่ะทีม

ถ้าคุณจะบอกว่าฟุตบอลดูกันทั่วทั้งโลก พวกแฟนบอลทีมเล็ก ๆ ก็เป็นแฟนบอลเหมือนกัน สมมติทีมท้องถิ่นเขาตาย ล้มหายไป เขาก็ไม่ดูครับ ไม่มีค่าแก่การติดตามแล้ว

แล้วกับบ้านเรา ที่มีหลายท่านบอกว่าถ้าทำออกมา ดูกันทั่วทั้งโลกแน่นอน ยังไง ๆ ก็คุ้ม ผมก็ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ซื้อมาถ่ายจะมองว่าคุ้มจริง ๆ ไม่ เพราะขนาดทุกวันนี้ บางคนก็ยังดูฟรีกันอยู่เลย เมื่อก่อนทรูซื้อ EPL มาถ่าย แพคเกจเดือน 2-3 พัน ยังอยู่ไม่ได้ มาตอนนี้ซื้อทีนึง ต้องขายให้คนดูราคาร้อยกว่าบาท ขนาด UCL ยังไม่มีเจ้าไหนในไทยกล้าซื้อมาถ่าย สำหรับผม ผมมองระยะยาว ผมไม่เห็นอะไรจาก ESL เลย แต่ถ้ามีตกชั้น-เลื่อนชั้น ผมก็มองว่า ESL เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แต่อย่างที่ผมบอกไปข้างบน ผมมองไม่เห็นเหตุผลที่พวกเขาจะยอมเลย เพราะฟุตบอลทุกวันนี้มันคือเรื่องของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมเหมือนตอนก่อตั้ง พรีเมียร์ ลีก แรก ๆ  

ตอนแรกมันต้องแชร์กับพวกทีมล่าง ๆ ครับ พอแยกออกมาเป็น พรีเมียร์ ลีก ก็มาแชร์หาร 22 แบบเท่า ๆ กัน