การใช้ความรุนแรง มันบังคับได้แค่ตอนทำโทษ ไม่มีประโยชน์หลังจากเด็กจบออกไป

การทำโทษแบบนี้ไม่ทำให้เด็กเป็นคนดีของสังคมได้ อาจเป็นผลเสียด้วยซ้ำ

มีวิธีอย่างอื่นที่สามารถปรับพฤติกรรมเด็กและช่วยให้เด็กเป็นคนมีคุณภาพได้

อย่างที่เม้นบนบอก ว่าถ้าตีแล้วมันดีจริง การศึกษาและจิตสำนึกของคนไทยคงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกไปแล้ว

ไปดูประเทศที่เจริญทางด้านการศึกษาและประชากรสิ เค้าตีกันแบบของไทยไหม

ถึงมันจะไม่มีงานวิจัยออกมาและดูเหมือนทึกทักเอาเองก็เถอะ แต่มันก็ชัดเจนว่าการตีไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรเลย

ผมว่าปัญหาของประเทศที่เราเอือมกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะพื้นฐานของคนไทยนี่แหละ

ที่มีการลงโทษทางกายตั้งแต่เด็กๆ ต้องเคารพทุกความคิดของคนโตกว่า ตั้งคำถามขัดแย้งอะไรไม่ได้เลย

ไม่ส่งเสริมให้เด็กคิดเอง เรียนรู้ถูกผิดเอง

เห็นครูตีเด็กแล้วรู้สึกทุเรศเหมือนอยู่ในสังคมด้อยพัฒนา
แก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงทั้งๆที่เป็นสถาบันการศึกษา
คิดว่าเด็กมันโตขึ้นจะเป็นยังไงหละ ไม่เกลียดความรุนแรงก็ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา
สุดท้ายมันก็แค่วิธีมักง่ายที่คนเป็นครูใช้คำว่า "สั่งสอน" แทนคำว่า "ระบายอารมณ์กับเด็ก" แค่นั้นแหละ

ยิ่งมาอ้างว่าตีเพื่อให้หลาบจำนี่ยิ่งทุเรศกับคนเป็นครู
คุณสนใจแค่ให้นักเรียนเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ ณ ตอนนั้น
แต่ไม่ได้สนใจอนาคตของเด็กเลยว่าจะมีความฝังใจกับอะไรบ้าง

ม.ปลายก็ยังมีทำเวรอยู่นะครับที่โรงเรียนผม

สำหรับกักบริเวณเหมือนละเมิดสิทธิอะครับอารมณ์กักขัง ผมคิดแบบนั้นนะ

ส่วนคะแนนความประพฤตินี่ต้องใช้ให้รุนแรงน่าจะได้ผลนะ โรงเรียนผมแบบถ้าไม่ก็เรื่องนอกโรงเรียนหรือพวกยาเสพติดร้ายแรงโดนตัดคะแนนไปก็ไม่ถึงกับพักการเรียนหรือไล่ออก พูดเลยว่าไม่มีใครสนใจเลย

อยากได้คุณภาพการศึกษาแบบประเทศพัฒนาแล้ว

แต่ยังชอบการลงโทษแบบประเทศด้อยพัฒนา

ตอนเป็นนักเรียน ผมไม่ค่อยโดนครูตีนะ อาจมีบ้างที่ทำผิดหรือพลาด

แต่เพื่อนบางคนมันเกเร จริงๆ สุดๆไปเลย ขี้เกียจ ขี้โกง อู้งาน แกล้งคนอื่น หยาบ

ครูกี่คนว่ากล่าวตักเตือน ก็ไม่เห็นจะดีขึ้น พอวันนึงโดนตีก็เบามาหน่อย เด่วก็เป็นอีก

แต่ถ้าไม่ตี ก็ไม่มีช่วงที่มันทำตัวดีจริงๆนะ บางทีไม่ตีโดนด่า โดนประจานก็ฝั่งใจกว่าอีกนะ

ยังคิดว่าการใช้ความรุนแรงสามารถแก้ไขปัญหาได้อยู่หรอ ไม่น่ามาเป็นครูอ่ะ
ตอนเด็กผมก็โดนมาเยอะโคตรเกลียดเลย ชีวิตจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับไม้เรียวเลย

เกาหลีก็ไม่ด้อยนะครับ

สมัยเด็ก ผมยังเจอลงโทษด้วยการตี สำหรับผมมันได้ผลนะ เพราะผมพยายามไม่ทำอีก จะให้ครูมาอธิบายเหตุผล มันไม่มีประโยชน์สำหรับผมเลย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าโดดเรียนมันไม่ดี ผมยาวมันผิดกฎ โดดเวรเพื่อนเดือดร้อน คือรู้หมดแต่ก็ยังฝ่าฝืน แต่สมัยนี้จะมาตีคงโบราณไปแล้ว ตัดคะแนนความประพฤติก็ดูโอเค แต่มันต้องมีผลจริงๆ เช่น เมื่อตัดถึงที่สุดแล้ว สามารถพักการเรียน หนือไล่ออกได้

เพิ่มอีกซักนิด ถ้าอยากให้เด็กเชื่อฟัง ตัวครูเองต้องทำให้เด็กรัก,เชื่อใจและเคารพก่อน
ให้เด็กมันรู้สึกว่าครูคนนี้สามารถเปิดใจคุยได้ตรงๆ มันก็จะคุยง่ายขึ้น
รู้จักเด็กให้ดีจะได้รู้วิธีลงโทษที่เหมาะสม โดยที่ไม่ต้องตี

แต่กับครูที่เด็กไม่ชอบ ไม่ว่าจะพูดอะไร ลงโทษยังไงเด็กมันก็ไม่รับอยู่ดี ยอมถูกลงโทษให้ผ่านๆไปแค่นั้น
เกลียดครูหนักกว่าเดิมซะอีก

แรกๆก็คิดว่าควรจะมีการตีดีมั้ย คิดไปคิดมา ถ้าเด็กทำผิด สถาบันครอบครัวก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นยกเลิกไปดีกว่า เปลี่ยนมาให้เพื่อนร่วมชั้นรุมด่าแทน เหมือนเรารุมด่าคนทำผิดผ่านโซเชี่ยล ก็น่าจะได้ผลดีนะ

ตีให้รู้ว่าเจ็บ จำ ก็พอ ไม่ใช่หวดเอาตาย หรือระบายแค้นส่วนตัว

ถ้าถามว่าตียังงัย ตีให้รู้ว่าเจ็บอ่ะคับ ไม่ควรเล่นถึงขนาดเป็นรอยเขียวช้ำ หรือเป็นแผล

ขนาดนักยูโด (อันนี้จากคนรู้จัก เล่ามา) ยังต้องโดนครูทำโทษเลย ทั้งต่อย ทั้งหยิก แต่อันนี้ พ่อแม่ คุยกับครู พร้อมทั้ง นักจิตวิทยา ว่ารับได้มั้ย ถ้ารับไม่ได้ ก็อย่าเรียนกับเค้าเลย เด็กก็เรียนเยอะแยะ

สุดท้ายก็คงแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนนะครับ แต่ในฐานะที่เป็นครู ผมยังคงยืนยันว่าการตีเพื่อปรามไม่ให้พฤติกรรมลุกลามบานปลาย ไม่ใช่ตีเพื่อสนองอารมณ์ตนเอง ไม่ว่าจะก่อนตี หลังตี ครูและเด็กก็ต้องพูดคุยกันแน่นอนอยู่แล้วครับ เพียงแต่สำหรับเด็กบางคน หรือในบางพฤติกรรม หากครูไม่ตอบสนองการกระทำของเด็กด้วยวิธีการเช่นนั้น สภาพสังคมในโรงเรียนจะอยู่อย่างไรครับ

ผมเป็นครูโรงเรียนประถมในต่างจังหวัด บอกเลยว่าพฤติกรรมของเด็กทุกวันนี้ ต่างกับเมื่อก่อนเยอะครับ เด็กหลาย ๆ คนมีความอดทนน้อยลง ไม่ค่อยเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ใช้ภาษาพูด ภาษาคุยเล่นมาคุยกับผู้ใหญ่ เรื่องคุณธรรมจริยธรรมเข้าขั้นวิกฤต ไม่รู้กาลเทศะ
ปัญหาหลักมาจากครอบครัว บางครอบครัวเลี้ยงลูกตามใจฉัน พ่อแม่รังแกฉัน ลูกอยากมี อยากได้อะไรต้องได้ ติดนิสัยมาถึงโรงเรียนและจะเป็นนิสัยที่ติดตัวออกไปในสังคม



เด็กคนหนึ่งไม่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ตนเอง เมื่อมีคนไปบอก ไปถาม ไปเตือน กลับต่อว่าคน คนนั้นด้วยคำพูดรุนแรงหยาบคาย "รู้อยู่แล้ว จะมาสั่งทำไม บ้าหรือเปล่า..." ให้โอกาสแก้ตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ ตัดคะแนนความประพฤติ "ตัดไปสิ หนูไม่สนใจอยู่แล้ว"
ให้ซ้ำชั้น เพราะไม่ส่งงาน ไม่ทำอะไรซักอย่าง "ดีครู หนู/ผม ชอบ..."

เหตุการณ์จริงหนักหนากว่านี้เยอะครับ

พฤติกรรมของเด็กในปัจจุบัน บางครั้งมันหนักหนาสาหัสกว่าที่หลายคนคิดครับ

ผมบอกไว้เลยครับ คนที่ไม่ได้มาเป็นครูน้อยคนนักจะหยั่งถึงความรู้สึกตรงนี้ คุณอย่าเอามาตรฐานของตนเองหรือสิ่งที่คุณเคยพบเห็นมาเป็นตัวตั้งแล้ววัดค่าของคนอื่น

การใช้จิตวิทยา ใช้ได้ครับ แต่ต้องอยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสม บางคนใช้แล้ว แต่พฤติกรรมยังไม่ดีขึ้น กลับบานปลาย ก็จำเป็นต้องห้ามปรามครับ แล้วค่อยมาพูดคุยกันอีก

ทุก ๆ ครั้งครับที่ตีเด็ก เด็กจะต้องรู้ว่าตนเองทำผิดอะไร ทำไมครูต้องตี

ผมเห็นบางความคิดเห็น แสดงความเห็นประมาณว่า "สมัยก่อนก็ถูกครูตี แต่ที่ได้ดีทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะครูตี เพราะฉันคิดได้ด้วยตัวเอง"

ครับ ถ้าผมเป็นครูของคุณ คงภูมิใจมาก ๆ เลยนะครับเนี่ย

มองว่าเป็นเครื่องมือสำหรับครูอย่างหนึ่งครับ

ถ้าอิงงานวิจัยตามจิตวิทยายาการลงโทษโดยใช้ความรุนแรงนอกจากจะไม่ทำให้นักเรียนเปลี่ยนพฤติกรรม มันจะไปทำให้นักเรียนไม่แสดงพฤติกรรมนั้นๆต่อหน้าครูหรือตอนที่อยู่ตอหน้าคนมีอำนาจเฉยๆครับพูดง่ายๆก็คือไม่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดๆอย่างแท้จริง

อันที่จริงงานวิจัยนี้ออกมานานแล้วด้วยครับว่าการลงโทษไม่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดๆอย่างแท้จริงทางฝั่งประเทศเจริญแล้วเขาถึงยกเลิกการทำโทษด้วยการตีหรือทำร้ายร่างกายกันซะหมดเน้นหนักไปที่การเสริมแรงให้นักเรียนเปลี่ยนพฤติกรรมซะมากกว่าครับซึ่งอันนี้เนี่ยถ้าเป็นคนธรรมดาไม่รู้ผมไม่แปลกใจนะ แต่สำหรับบางท่านที่เป็นครูนี่ผมสงสัยว่าก่อนเป็นครูไม่ผ่านการอบรมเรื่องนี้มาก่อนหรืออย่างไรและต่อให้ไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อนคิดจะมักง่ายลงโทษด้วยการตีเคยได้ทำรีเสิร์ชวิจัยมามั้ยว่าการลงโทษแบบไหนมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างแท้จริงหรือแค่คิดไม่ออกเลยตีมันเลยแล้วบอกว่าเพราะหวังดี ถ้าหวังดีจริงๆควรที่จะศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะลงมือทำร้ายใครสิครับงานวิจัยก็หาอ่านได้ไม่ยากอินเตอเน็ตก็มีแล้วหรือปัญหาเป็นเพราะว่ามันเป็นภาษาอังกฤษคนที่เป็นแม่แบบแห่งความรู้อย่างครูเลยอ่านไม่ออกกัน

ปล ผมไม่ได้ว่าท่านนะครับแค่เห็นว่าที่ท่านโพสต์มันอยู่ในฟิลด์จิตวิทยาแล้วผมกลัวหลายๆคนจะเข้าใจผิดเพราะบริบทการทดลองกับหนูมันต่างกับคนที่มีความรู้คิดไม่เหมือนกันบวกกับเห็นคนโหวตว่าตีแต่ให้พอเหมาะเยอะจนน่าตกใจเลยกลัวว่าจะมีเด็กที่โดนทำร้ายร่างกายโดยไม่จำเป็นอยู่เยอะเลยถ้าสังคมยังคิดแบบนี้ดังนั้นภาษาถ้าแรงไปขออภัยล่วงหน้าครับ