ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 10420
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Sep 02, 2017 10:01 pm
## สมิง เขาขวาง ตอนที่ 4 ##





ขณะนั้นเป็นเวลาย่ำค่ำ สายฝนยังคงโปรยปรายไม่มีทีท่าเหนื่อยล้า ดูจากความหนาแน่นของชั้นเมฆ คงตกไม่หยุดถึงเที่ยงคืนเป็นอย่างน้อย

จ่ามหันต์ยืนจ้องความมืดรอบทิศด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง นานกี่ปีแล้วที่ไม่ได้ค้างอ้างแรมใต้ผืนป่ายามราตรี ช่างมืดมิดจนแทบไม่เห็นสิ่งใด

ความกระวนกระวายเพิ่มพูนขึ้นทีละน้อยในสัดส่วนที่เท่าๆ กับความรู้สึกผิด เมื่อไม่สามารถทัดทานเพื่อนรักให้ยกเลิกภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ในตอนที่มีโอกาส มาย้อนคิดเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว

“ว่าแต่ลุงชื่อมหันต์เหรอ” พลทหารยักษ์ถามแทรกขึ้นเบาๆ
“เออ” จ่าตอบห้วนๆ ไม่มีกระจิตกระใจสนทนากับใครในเวลานี้

“รู้จักกับหมวดฤทธิ์นานรึยัง” ทหารหนุ่มถามต่อ
“ก็นานพอดู” จ่าตอบสั้นๆ เช่นเคย

“แล้วทำไมลุงถึงออกจากราชการล่ะ” ทหารหนุ่มขี้สงสัยป้อนคำถามต่อทันที
“แล้วเอ็งจะรู้ไปทำซากอะไรวะ” จ่ามหันต์เริ่มหงุดหงิด เขาต้องการเวลาเล็กน้อยคิดหาหนทางรับมือภยันตรายตรงหน้ามากกว่ามาทำความรู้จักกับทหารเกณฑ์ช่างจ้อคนหนึ่ง

แต่แทนที่ทหารหนุ่มจะโกรธ เขากลับหัวเราะ “ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนเหยียบเข้ามาในป่าแล้วว่าจ่าไม่เห็นด้วยกับภารกิจนี้ เห็นบอกผู้หมวดอยู่หลายครั้ง แต่เขาเลือกที่จะไม่ฟัง เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองเลย ที่สำคัญอย่ามัวแต่ห่วงคนที่หายไป ห่วงคนอยู่บ้างละกัน เพราะถ้าเกิดเป็นอะไรกันไปหมด จะเหลือใครไปช่วยคนที่หายไปล่ะ”

จ่ามหันต์แปลกใจเล็กน้อยกับความคิดของทหารใหม่ คำพูดคำจาที่เปล่งออกมาแม้จะดูบ้านๆ แต่กลับช่วยให้จิตใจสงบลง

'อย่ามัวแต่ห่วงคนที่หายไป ห่วงคนอยู่บ้างละกัน เพราะถ้าเกิดเป็นอะไรกันไปหมด จะเหลือใครไปช่วยคนที่หายไปล่ะ'

“เอ็งชื่อยักษ์เหรอ” จ่ามหันต์เป็นฝ่ายถามบ้าง ทหารหนุ่มพยักหน้า

“ที่บ้านมีใครรับราชการ เป็นทหารหรือตำรวจบ้างหรือเปล่า”
ทหารหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนตอบ

“เท่าที่รู้ไม่มีนะ บ้านฉันมีอาชีพทำไร่ทำสวน ทำกันมานานนมตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แต่ฉันรู้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าไม่อยากเป็นชาวไร่ แต่อยากเป็นรั้วของชาติ เป็นทหารปกป้องประชาชน ปกปักรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ฉันเคยอ่านในหนังสือ แต่ก็จำไม่ค่อยได้ พระเจ้าแผ่นดินท่านพูดว่า อาชีพทหารเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละ ใครที่เป็นทหารต้องยอมสละทุกสิ่งเพื่อส่วนรวม ต้องซื่อสัตย์สุจริต ต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาและต้องกรุณาต่อผู้น้อยอะไรประมาณนั้นฉันก็จำไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ๆ คำพูดท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมายืนตรงจุดนี้” ทหารหนุ่มร่ายยาวเหยียด

อดีตสิบโทได้ฟังคำพูดของเด็กหนุ่มรุ่นลูก บังเกิดความปิติไม่น้อย
“ดูท่าเอ็งจะภูมิใจและชื่นชมอาชีพนี้มากนะ... มีอะไรที่เอ็งรักมากกว่าการเป็นทหารไหมวะ”

ทหารหนุ่มหันมายิ้มให้อดีตสิบโท ก่อนตอบ

“แล้วลุงจะรู้ไปทำซากอะไรล่ะ”

แต่ก่อนที่จะโดนพานท้ายฟาดที่หัวกบาล ทหารหนุ่มซึ่งหันไปสำรวจความมืดของผืนป่าพูดต่อทันที

“มีสิ... ครอบครัวไง”

---------------------------------------------------------------------------

ไม่นานนักมีเสียงฝีเท้ามุ่งมาบริเวณห้าง ชายทั้งสามลุกพรวด จรดปืนไปในทิศทางเดียวกัน

“เฮ้ย! อย่ายิงๆ พี่เอง” ฤทธิ์ตะโกนโหวกเหวกอยู่เบื้องล่าง

จ่ามหันต์รีบจุดคบไฟ โบกไปมา แสงสว่างส่องให้เห็นกลุ่มบุคคลเบื้องล่าง คือร้อยโทฤทธิ์กับทหารติดตามอีกหนึ่งคน และสุดท้ายที่ยืนอยู่ห่างๆ คือพรานชัช

จ่ามหันต์ดีใจที่เห็นเพื่อนสนิทรอดปลอดภัยกลับมา กำลังจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น แต่พรานชัชชิงตัดบทเสียก่อน
“อย่าเพิ่งพูดกันตอนนี้ นายทหารรีบขึ้นไปข้างบนดีกว่า ข้างล่างมันไม่ค่อยปลอดภัย ส่วนผมกับพ่อหนุ่มคนนี้จะเดินดูรอบๆ อีกสักพักเผื่อเจอคนอื่นๆ แล้วค่อยกลับไปขึ้นห้างอีกตัว ห้างตัวนี้ถึงจะขัดไว้ใหญ่ แต่มันรับน้ำหนักคนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

ฤทธิ์รีบตะเกียกตะกายปีนอย่างทุลักทุเล บริเวณท้องที่เคยเต็มไปด้วยมัดกล้าม ปัจจุบันพลุ้ยราวกับลูกขนุน เขาหอบแฮ่กเมื่อขึ้นมาถึงบนห้าง

“ไม่อยากแก่เลยวุ้ย” ร้อยโทบ่นอุบ

“หวังว่าค่ำคืนนี้จะผ่านไปด้วยดีนะ ช่วงเช้าผมจะกลับมารับ” พรานชัชพูดจบก็เดินหายลับไปในความมืดกับทหารอีกคน ฤทธิ์บอกไล่หลังให้ทั้งสองระมัดระวังตัวให้ดี ในขณะที่จ่ามหันต์ยืนคิดอะไรเงียบๆ

ห้างนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด ขัดขึ้นสำหรับหัวหน้าชุดโดยเฉพาะ สามารถนั่งกันสี่คนได้สบาย เมื่อฤทธิ์ปีนขึ้นมา เขาทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ เนื้อตัวมีรอยแผลเล็กๆ เต็มไปหมด

เมื่อพักจนหายเหนื่อยจึงเริ่มเล่าโดยไม่ต้องให้ใครมาซัก เขาเล่าว่าขณะที่ทีมกำลังเดินสำรวจพื้นที่อีกฟาก ก็ได้หยุดพักที่หนองน้ำเก่าแห่งหนึ่ง จัดแจงกรอกน้ำเพิ่มเติมเตรียมไว้สำหรับคืนนี้ ในระหว่างที่กำลังนั่งล้างหน้าล้างตากันอยู่ จ่าแซมสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างซุ่มอยู่เหนือลานหิน พวกเรานิ่งเงียบอยู่นาน จนบางอย่างโผล่ออกมาจากชะง่อน เจ้าสิ่งนั้นเสือโคร่งตัวใหญ่

ตาร้อยโทเบิกกว้าง เหงื่อและน้ำฝนปนกันไหลย้อยเต็มใบหน้า เขาพูดเสียงสั่น

“พ่อแก้วแม่แก้ว... ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่ะ ขนาดของมันใหญ่ยักษ์มหึมามาก”

“แล้วยังล่ะพี่ฤทธิ์” จ่ามหันต์พยายามถามต่อหัวหน้าชุด

“ไอ้แซมเป็นคนแรกที่ยิง จากนั้นพวกเราก็รัวไม่นับเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในสงครามก็ไม่ปาน หลังจากระดมยิงชุดแรกก็กำลังจะปีนขึ้นไปตรวจสอบ ปรากฏว่า...” ฤทธิ์นิ่งเงียบ

“ปรากฏว่าอะไรพี่ฤทธิ์” จ่ามหันต์เค้นถาม

“เหลือเชื่อจริงๆ แต่ก็เป็นไปแล้ว ปรากฏว่าไอ้เสือผีตัวนั้นกลับมายืนอยู่ในดงไม้ห่างจากพวกเราไม่ถึงสิบเมตร เห็นไกลๆ ก็ว่าหัวหดแล้ว พอมาเจอะใกล้ๆ ไอ้ฉิบหายเอ้ย บรรดาตัวร้ายที่พี่เคยล่ามากลายเป็นแค่มดปลวกเมื่อเทียบกับไอ้ลายตัวนี้ หัวมันใหญ่กว่าหม้อแกง เขี้ยวยาวยิ่งกว่ามีดพก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมละลายหายไปพร้อมกับละอองฝน พวกเรายิงสะเปะสะปะ จากนั้นก็วิ่งกระเจิงไปคนละทาง จ่าแซมกับทหารอีกคน วิ่งย้อนกลับไปทางเดิม ส่วนพี่กับไอ้น้อยเตลิดมุ่งมาทางห้าง แต่หลงทิศหลงทางหาห้างไม่เจอ มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้เหมือนๆ กันหมด จนแต้มจริงๆ จึงต้องเสี่ยงปีนขึ้นไปหลบอยู่บนต้นไม้อยู่ร่วมชั่วโมงจนพรานชัชตามไปเจอนั่นล่ะ”

แววตาของหัวหน้าชุดเหม่อลอย ตัวสั่นด้วยความกลัว...

หลังจากทุกคนได้ฟัง แม้แต่น้ำลายยังกลืนลงคอได้อย่างยากลำบาก ขนาดชายผู้มีประสบการณ์ในการล่าสัตว์มาเป็นสิบปี แต่พอเจอไอ้ลายเพียงครั้งเดียวก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ดูแล้วหากจะพอมีใครที่รับมือเจ้าเสือร้ายตัวนี้ได้ คงมีแค่พรานชัชเท่านั้น...

จบตอนที่ ๔



cr. กฤตานนท์



สมิง เขาขวาง ตอน 1 http://www.soccersuck.com/boards/topic/1544685

สมิง เขาขวาง ตอน 2 http://www.soccersuck.com/boards/topic/1545171

สมิง เขาขวาง ตอน 3 http://www.soccersuck.com/boards/topic/1545737
เข้าร่วม: 16 Feb 2010
ตอบ: 218
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Sep 02, 2017 10:13 pm
## สมิง เขาขวาง ตอนที่ 4 ##
นึกว่าได้กลับไปอ่านเพชรพระอุมาอีกรอบ
เข้าร่วม: 05 Aug 2009
ตอบ: 1870
ที่อยู่: หิมาลัย
โพสเมื่อ: Sat Sep 02, 2017 10:58 pm
[RE: ## สมิง เขาขวาง ตอนที่ 4 ##]
เพลินๆ ครับ
เข้าร่วม: 03 Oct 2013
ตอบ: 902
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Sep 03, 2017 1:13 am
[RE: ## สมิง เขาขวาง ตอนที่ 4 ##]
ตามต่อครับ