EP1 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417742
EP2 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417780
EP3 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1418098
EP4 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1419604
ยาวมากนะครับตอนนี้

มาต่อเลยที่ศึกเมืองพิษณุโลก ตอนนั้นมีเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช นั้งเป็นเจ้าเมือง และแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเราที่พระเจ้ากรุงธนส่งมารับศึกนั้นก็คือ เจ้าพระยาจักรี(ทองด้วง)* โดนมีทัพหลวงของพระเจ้ากรุงธนตั้งอยู่บริเวณใต้เมืองพิษณุโลกลงมา
ส่วนทางพม่าบุกมาก็เจอกับทัพเจ้าพระยาจักรีได้สู้กันสักเพลา พระยาจักรีก็ถ่อยไปป้องกันเมืองพิษณุโลก พม่าก็ปิดล้อมพิษณุโลกด้วยกำลังพลที่เหนือกว่าเยอะ
พิษณุโลกเองก็ไม่ใช่ว่าจะแตกเลยแต่แรก ด้วยมีการส่งเสบียงจากทัพหลวงอยู่เนืองๆ รับในเมืองแล้วก็มีโมเม้นยกทัพมาสู้นอกเมืองบ้าง ฝ่ายพม่าคนเยอะกว่าก็จริงแต่เมื่อใช้เส้นทางใหม่ก็ย่อมมีปัญหาทางด้านส่งเสบียงบ้าง

ใช้เวลาสักพัก อะแซหวุ่นกี้ เห็นแล้วว่าแม่ทัพฝ่ายไทยท่านนี้ไม่ธรรมดา ห้าวหาญมาก ตัวอะแซหวุ่นกี้ เองก็ได้ใช้กลศึกตัดสเบียงพิษณุโลกเสีย โดยส่งทัพย่อยๆไปตีตัดเสบียง พอเสบียงมาถึงขาดๆเกินๆแบบนี้ พระยาสุรสีห์ เห็นทีว่าไม่ดีก็ส่งสารถึงพระเจ้ากรุงธนขอยอมทิ้งเมืองเสีย ตัวพระเจ้าตากนั้นรู้ดีว่านี้เป็นหัวเมืองสุดท้ายแล้ว ถ้าแตกกองทัพพม่าก็จะใหลบ่ามา อีกทั้งไทยเราไม่สามารถตั้งรับในพระนครได้ดังเช่นอยุธยาแล้ว จึงตอบ messenger กลับไปว่า"ห้ามทิ้งเมือง"


แต่ไม่ว่าจะเกร่งยังไงพระยาจักรีกับพระยาสุรสีห์ ก็ต้านไว้ไม่อยู่ ถอยหนีมาจากเมือง ครั้งอะแซหวุ่นกี้จะรุกต่อเลยก็ไม่ได้ เพราะพระยาจักรี นำพลไปตีตัดสเบียงพม่าที่กำแพงเพชรทำให้อะแซหวุ่นกี้ถึงกับสดุดบ้าง(แสบมากเจ้าพระยาจักรี )

พูดถึงประเด็นศึกเมืองพิษณุโลก : ต้องยอมรับครับว่าไทยเราแพ้ สู้ไม่ได้คนเขาเยอะ แพ้บ้างชนะบ้าง เรื่องที่สอนๆกันมาว่า หยุดศึกวันหนึ่งและขอดูตัวพระยาจักรี ....ไม่มี จะดิดขิมบนกำแพงก็ว่าไปแล้วแต่ ไม่ใช้สงครามประหลาดแข่งกันแพ้ อะไรนั้น แม้แต่พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับพันจันทนุมาศ ก็ไม่มี ที่มีๆมาสอนกันนี้ คือของ ร.4 ประพันธ์มาใหม่ ย้ำคำว่า"ประพันธ์" อาจขัดใจหลายๆท่านมากมายขอโทษไว้นะที่นี้


หลังจากพระยาจักรีตัดสเบียงพม่าก็ถึงกับชงักไปสักพัก อะแซหวุ่นกี้ ก็คิดแผนใหม่ขึ้นอีกด้วยที่เป็นแม่ทัพสายINT ระดับนักการทหารท่านนี้ย่อมไม่ธรรมดา จึงให้ทัพใหญ่ตั้งทัพจัดขบวนใหม่หมด ในบันทึกจะบอกเป็นขบวนพยุหะ ท้าวกา หรือรูปแพนด้า ก็แล้วแต่ แต่ใจความสำคัญคือ แบ่งทัพหน้าตัวเองเป็น 3 ทัพ ลงมาพร้อมกันทั้ง 3สาย เพื่อเจาะเกาะกำแพงตั้งรับของพระเจ้ากรุงธน โดยมีทัพใหญ่ที่รอเสบียงสักพักแล้วจะตามไปหนุน เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลานานในการรอความพร้อม อะแซหวุ่นกี้ ต้องการอยากให้การwarนี้ต่อเนื้องนั้นเอง
กะจะไม่ปล่อยให้ตั้งตัวเลยหรือไง

ฝ่ายไทยนั้นสู้บ้างถ่อยบ้างอย่างกล้าหาญ จัดด่านตั้งรับเป็น 5 ชั้นด้วยกัน ถึงแม้คนน้อยกว่ามากแต่ด้วย ความสามารถพระเจ้าตาก บวกกับพระยาจักรี เอาเป็นว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับพม่านั้นหาใช่ไม แต่ด้วยกลศึกจัดทัพอะแซหวุ่นกี้ นี้เองถึงทำให้ไทยเสียเปรียบไปอีกระดับหนึ่ง สิ่งที่น่ากลัวคือทัพหลวงอะแซหวุ่นกี้ เริ่มจะพร้อมเดินทัพแล้ว ....
พระเจ้ากรุงธนเวลานั้นไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆคือพระองค์ต้องหนักพระทัยแน่นอน ไม่รู้จะสู้ๆถ่อยๆแบบนี้ไปได้แค่ไหน เพราะถ้าทัพใหญ่ชิดกรุงธนได้คงต้องแตกแน่นอน


ขอเสริมนะครับ คือถึงเวลานี้ไทยเราความหวังก็ริบหรีอยู่ละ แต่สิ่งที่น่ากลัวแท้จริงกำลังตามทัพอะแซหวุ่นกี้มา นั้นคือกองทัพที่ใหญ่ที่มาเสริมอีก 1 ทัพใหญ่ มาจากทางเหนือ(ส่วนหนึ่งคือทัพที่พระเจ้ากรุงธนขับไล่ไปจากเชียงใหม่นั้นละครับ) โดยทัพนี้นำทัพโดยแม่ทัพที่ชำนาญเส้นทางนี้มากนั้นก็คือ "เนเมียวสีหบดี" หากท่านที่อ่านผ่านมาคงจะทราบแล้ว
ทางพม่าเองก็เยินยอ ในฐานะผู้พิชิต 3 อาณาจักร คือ อาณาจักรล้านนา, อาณาจักรล้านช้าง และอาณาจักรอยุธยา มีฉายาว่า"ผู้พิชิตอโยธยา"....

เปรียบแล้วทัพจากทางเหนื่อนี้ไม่ต่างจากไวท์ วอล์คเกอร์ เลยนะครับ

กลับมาที่ทัพอะแซหวุ่นกี้ ขณะกำลังรวบรวมสเบียงจัดไพรพลอยู่นั้น ในใจคงคิดว่าเดินทัพครั้งนี้กรุงธนคงพินาศย่อยยับแน่ๆและคงไม่ฟื้นขึ้นมาเป็นเสี้ยนหนามให้พม่าอีกต่อไป...

ขณะเดียวกันนั้นม้าเร็วก็ได้นำสารด่วนที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไทยเราเลยก็ว่าได้ สารนั้นมีการแจ้งเตือนและคำสั้งเด็ดขาด....."ถอนกำลัง"

ด่วนจนขนาดที่ว่า อะแซหวุ่นกี้ ให้กองม้าเร็วรีบไปแจ้งข่าวสาร แก่ทัพหน้า 3 ทัพนั้นกลับมาด่วน ม้าเร็วตามทันแค่ 2 ทัพ อีกทัพ ตามไม่ทัน ....อะแซหวุ่นกี้ สั่งประหารหัวหน้ากองม้าเร็วเลย *-* ชักช้า

อีกกองนั้น อะแซหวุ่นกี้ ไม่รอนะครับ และถือว่าซวยไปต้องเจอกับพระเจ้าตากเราที่กำลังหลังชนฝาอยู่ เจอไทยตีปิดล้อมไปแตกยับ

ส่วนเนเมียวสีหบดี นั้นก็ต้องถ่อยทัพเช่นเดียวกันเนื่องจากสารด่วนนั้นแจ้งไว้ว่า...พระเจ้ามังระได้เสด็จสวรรคตแล้ว


สรุปไม่ว่ายังไงถือว่าเป็นชัยชนะของพระเจ้าตากสิน ยิ่งใหญ่มากสำหรับพระองค์เพราะท้ายที่สุดแล้วเรารักษาพระนครไว้ได้ แต่ไทยเราจะมีผู้ใดในเวลานั้นหารู้ไมว่า สงครามที่ใหญ่ที่สุดของสองชาติพันธุ์พม่ากับสยามกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกไม่นาน ....
----------------------------------------------------------------------------------
ยาวไปครับ โทษด้วย ย่อแล้วย่ออีก ...

อ่านเพลินไปอีก 1 ตอนครับ รอตอนต่อไป

พระเจ้าตากเรียกว่าโชคดี ไม่งั้นสยามก็แตกอีกครั้ง ถ้าไม่เกิดศึกชิงบัลลังที่พม่า จนต้องถอยแม่ทัพใหญ่กลับไปหมด


หัวเรือแต่ละคนก็ต้อง กลับไปถือธงให้ฝั่งตัวเองกัน เป็นเวลาหลายปี ให้ไทยได้ตั้งตัวกันใหม่ในสมัย ร.1 เลย

เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่ ต้าชิง ทำสงครามกับพม่าด้วยป่าวครับ ทำให้พม่าถอนทัพไปรบทางนู้น เลยเหลือคนคุมที่ไทยไม่เยอะ

เจ้าพระยาจักรี กับเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก คนเดียวกันไหม

ครับผม เจ้าพระยาจักรี เป็นชื่อตำแหน่งครับ ตอนนั้นก็มีเจ้าพระยาจักรีอยู่ 4 คน แต่บันทึกพม่าไม่รู้หรอกใครเป็นใคร
ผมดอกจัน* ทองด้วงไว้ แต่ไม่ได้อธิบาย เพราะกลัวยืดยาวไปครับ

ยาวๆก็ได้ครับ เรื่องแบบนี้ผมชอบนักแล

ครับ
ตรงกับรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง แต่ตอนนั้นเป็นตอนเสียกรุงครั้งที่2 จึงต้องรีบถอนทัพ ออกจากไทย ทำให้มีเวลาปล้นสดมแค่14วัน ถึงตอนที่เล่านี้เค้าน่าจะทำสนธสัญญาสงบศึกกันไปแล้วนะครับ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ขุนพลพม่าตอนนั้นโหดมาก ตบเรียบทั้ง ต้าชิง ล้านนา ล้านช้าง อยุธยา

เนเมียวสหบดีผู้เฒ่านี่สุดๆไปเลย

งั้นเจ้าพระจักรี คนนี้ ขึ้นเป็น รัชกาลที่1 ใช่ไหมครับ

อยากอ่านต่อแล้วครับ

ช่วง คาบเกี่ยว สำคัญนี้ แม่ทัพมือฉมังนี้ไม่ได้มีแค่

พระเจ้าตาก ร.1 เท่านั้นนะ

เจ้าพระยาสุรสีห์ วังหน้าของ ร.1 และเป็นน้องชายด้วย

นี่แหละ คือ playmaker คนสำคัญเลยก็ว่าได้

ผ่านมาทุกสรมรภูมิ โดย เฉพาะ สงคราม 9 ทัพ

ประวัติการรบ
ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสิน พ.ศ.2310- พ.ศ.2325 จำนวน 16 ครั้ง

ครั้งที่ 1 พ.ศ.2310 ตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น

ครั้งที่ 2. พ.ศ.2310 ตีค่ายพม่าที่บางกุ้งเมืองสมุทรสงคราม

ครั้งที่ 3. พ.ศ.2311 ตีก๊กเจ้าพิษณุโลก

ครั้งที่ 4. พ.ศ.2311 ตีก๊กเจ้าพิมายได้เลื่อนชั้นเป็นพระยาอนุชิตราชา ตำแหน่งจางวางตำรวจ

ครั้งที่ 5. พ.ศ.2312 ตีเขมรยึดได้เมืองเสียมราฐ

ครั้งที่ 6. พ.ศ.2313 ตีก๊กเจ้าพระฝาง (ก่อนเข้าตีมียศเป็นพระยายมราช) เสร็จราชการได้เลื่อนยศเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณวาธิราช ผู้สำเร็จราชการ พิษณุโลก

ครั้งที่ 7. พ.ศ.2313 ตีทัพพม่าที่เมืองสวรรคโลก

ครั้งที่ 8. พ.ศ.2313 ตีทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่

ครั้งที่ 9. พ.ศ.2315 ตีทัพพม่าที่เมืองพิชัย

ครั้งที่ 10 พ.ศ.2317 ตีทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2

ครั้งที่ 11 พ.ศ.2317 รบพม่าที่บางแก้ว ราชบุรี

ครั้งที่ 12. พ.ศ.2318 รบกับอะแซหวุ่นกี้ ที่เมืองพิษณุโลก

ครั้งที่ 13. พ.ศ.2319 รบกับพม่าป้องกันเมืองเชียงใหม่

ครั้งที่ 14. พ.ศ.2320 ตีนครจำปาศักดิ์

ครั้งที่ 15. พ.ศ.2321 ตีกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์)

ครั้งที่ 16. พ.ศ.2323 ปราบจลาจลในกรุงกัมพูชา รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พ.ศ.2325-พ.ศ.2346จำนวน 8 ครั้ง พ.ศ.2325พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้จัดตั้งกรุงเทพมหานครและได้สถาปนาเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณวาธิราช(บุญมา) เป็น สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท กรมพระราวังบวรสถานมงคล ตำแหน่งพระอุปราช(วังหน้า)

ครั้งที่ 17. พ.ศ.2328 สงครามเก้าทัพ (ไทย-พม่า)

ครั้งที่ 18. พ.ศ.2328 ตีพม่าในหัวเมืองปักษ์ใต้และปราบเมืองมลายู ทรงได้ปืน นางพญาตานีมาไว้ที่กรุงเทพฯ

ครั้งที่ 19. พ.ศ.2329 รบพม่าที่ท่าดินแดง

ครั้งที่ 20. พ.ศ.2330 ตีพม่าที่เมืองลำปางและป่าซางและได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากเชียงใหม่ลงมาประดิษฐานไว้ในพระราชวังบวรด้วย

ครั้งที่ 21. พ.ศ.2336 ทรงพิจารณาสภาพการเมืองทวายและแก้ไข

ครั้งที่ 22. พ.ศ.2336 รุกตีพม่า

ครั้งที่ 23. พ.ศ.2340 ป้องกันเมืองเชียงใหม่

ครั้งที่ 24. พ.ศ.2345 ขับไล่กองทัพพม่าออกจากแคว้นลานนา




พระบวรราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์




พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ณ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร



กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ตำบลลาดหญ้า อ.เมือง จังหวัดกาญจนบุรี

ต่อไปสงคราม 9 ทัพเปล่า

แม่ทัพพม่าแต่ละคนโปรไฟล์โหดแท้เหลา ตีหลายอาราจักรแท้

รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ทำมาเรื่อย ๆ สนุก เข้าใจง่ายดีครับ

สมเด็จพระเจ้าตากสิน
เจ้าพระยาจักรี
เจ้าพระยาสุรสีห์

เป็นกำลังสำคัญมากๆในสมัยนั้น

เล่าได้สนุกมากๆ รอติดตามตอนต่อไป

รอครับ ด่วนเลยครับมันจริงๆ