ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 17 Jan 2015
ตอบ: 179
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:28 pm
[ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)

EP1 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417742
EP2 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417780
นี้ก็นะเป็นกระทู้ที่3 ซึ่งอยากจะให้ต่อเนื้องกันเลยคือคงต้องประมาณเป็นเรื่องราวของพระยาตากกู้เอกราชเลย แต่เรื่องการกู้ชาตินี้หลายๆประเด็นเดียวนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งตัวผมก็มั่วมาตลอด โดยอิงจากพงศาวดารพม่าเป็นหลักข้อมูล ส่วนดีเทลพระเจ้าตากนั้น หลายท่านคงรู้อยู่แล้ว ผมเลยขอกด Skipข้ามไปเลยนะครับ ด้วยอยากนำเสนอผ่านมุมมองพม่าเป็นหลัก เพราะตอนนั้นหมอสอนศาสนาก็เข้าพม่าเยอะแล้วยังบันทึกเรื่องราวได้ชัดมาก อาจารย์หลายท่านก็สรุปไว้ก็ดีมาก


กลับเข้าเรื่องกันต่อนะครับ

หลังจากยึดกรุงได้แล้วพม่าก็จัดการปูยี้ปูยำซะ แต่ครั้งนี้เจ้ามังระเรียกพลกลับด่วน ด่วนขนาดที่ว่ามีเวลาปล้น... ไม่ปล้นสิ ต้องบอกว่าขนของจากอยุธยากลับแค่ 14 วัน เลยพอเหลืออะไรให้เราได้ดูต่างหน้าบ้าง

การที่เจ้ามังระเรียกทัพกลับเร็วขนาดนั้นไม่ได้เป็นเพราะความเหงาหรืออะไร แต่เพราะว่าด้านตอนเหนือนั้นมีศึกใหญ่อีกศึกต้องต่อสู้กันอยู่ นั้นคือสู้กับกองทัพจากจีน!!! อาจไม่ใช้ทัพใหญ่มากแต่ก็สำคัญไม่แพ้มาตีไทยเลย ทางพม่าบอกว่าศึกกับจีนนี้ก็เกิดพร้อมกับปิดล้อมกรุงอยุธยานี้ละ โดยอาศัยแม่ทัพใหญ่ 1 ใน 3 ของพระเจ้ามังระนั้นยันศึกไว้ เรารู้แล้ว 2 คนคือ เนเมียว กับ มังมหานรธา ซึ่งนรธาก็ตายในศึกล้อมกรุงไปแล้ว โดยแม่ทัพอีกคนนี้พม่าเชื่อว่าในตอนนั้น เก่งและมีอำนาจทางทหารมากกว่าเนเมียวและมังมหานรธาซะอีก นั้นก็คือ "อะแซหวุ่นกี้" แม่ทัพท่านนี้ เคยออกรบพร้อมพระเจ้าอลองพญาด้วย คือๆเป็นแม่ทัพของพ่อเจ้ามังระมาก่อน ด้วยเหตุนี้ถึงสามารถรับรู้ได้เลยว่า อะแซหวุ่นกี้ นี้คงเริ่มแก่แล้ว

ภาพนี้น่าจะเป็นเรื่องเล่าตอน อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวพระยาจักรี

กลับมาต่อกันที่ฝ่ายพม่า หลังจากที่ถอนทัพก็กลับมาสู้กับจีนและเก็บเรียบเมืองที่เหลืออยู่
ขอแตกในประเด็นนี้ก่อนนะครับ คือ แต่ก่อนอย่างที่รู้ มันยังไม่เป็นประเทศ มีแต่เป็นเมืองนั้น เมืองนี้ แยกๆกันไป ถึงตอนนี้เลยทำให้เจ้ามังระมีเมืองขึ้นหลายหัวเมืองมาก...

ในการกิจหลังจากยึดมืองได้แล้ว เจ้ามังระก็ทำการส่งขุนนางมาประจำเมืองต่างๆ เช่น เชียงใหม น่าน ส่งมาเมืองละคน เหมือนดังเป็น"พระเนตรพระหัตถ์" ให้พระเจ้ามังระ "ก็เป็นแบบนี้ทุกเมืองยกเว้นเมืองเดียวที่ไม่ไกลจากพม่านักแต่ยังตีไม่ได้สักที นั้นคือเมืองยะไข่ อันนี้เก็บไว้เดียวเป็นการสปอยเกินไป "

ที่นี้ปัญหาก็เริ่มเกดสิครับ นึกภาพตามง่ายๆคือ เมืองเชียงใหม่ก็มีเจ้าเมืองอยู่ละ แต่ก็ขึ้นกับอยุธยาก็ส่งแค่ของบรรณาการมาให้ อย่างอื่นก็ดำเนินต่อไปปกติ แต่ที่นี้มังระส่งขุนนางมา มันก็เกิดอำนาจใหม่ที่แท้จริงสิแบบนี้คือ เก็บส่วยใต้โต๊ะ อ๊อฟเด็กกินอารแล้วไม่จ่ายตังเหมือนในหนังก็ว่าไป เป็นเหตุให้เจ้าเมืองเก่าก็ไม่พอใจอยู่แล้ว มีเรื่องร้องเรียนถึงพระหูของเจ้ามังระตลอด อาจจะมีบางทีหงุดหงิดบ้างก็เรียกตัวมาอบรมปรับทัศนคติบ้างก็ตามสมควร แต่มันไม่หายขาดหรอกเรื่องแบบนี้ ทำให้เห็นว่าเก่งการศึกมากแต่การเมืองนั้นท่านยังไม่ค่อยเด็ดขาดเท่าไหร อีกทั้งยังวุ่นวายกับศึกต่างๆเล็กน้อยๆอยู่ และเรื่องขุนนางกับเมืองเหนือนี้ ยังไม่หนักพระใจนักเท่ากับข่าวที่ได้ยินมาว่า..."บัดนี้พระเจ้ากรุงธนได้มีกำลังพลเพิ่มขึ้นมาก"

กลับมาที่ไทยนะครับ ช่วงพม่าหายไปนี้ ก็ประมาณ 4 5 หรือ 6 ปี
พระยาตากก็ได้ทีตั้งตัวได้ดิครับแบบนี้ สร้างกิลฟรอมทีมมาใหม่ เปิดรับคนเข้ากิลตามเมืองต่างๆ ตีกลุ่มเจ้านั้นเจ้านี้ เจ้ารวบรวมได้ดังที่คุณครูสอนเรา พระยาตากก็ได้ทำการย้ายเมืองหลวงหรือเมืองหลักนี้ละจากอยุธยามากรุงธน
ขอย้อนเรื่องกรุงศรีอีกสักหน่อยนะครับ


อย่างที่รู้ผ่านมาเราเห็นชัยภูมิเราแล้วเหมาะแก่การตั้งรับมากแค่ไหน ตามบันทึกนะครับเราใช้บ้านหลังนี้รับศึกมาตั้งแต่สมัยพระธรรมราชาเลย นึกภาพศึกแรกๆที่พม่า เรียกทัพAll มาwar บ้านเรานี้ก็ ศึกที่เสียพระสุริโยทัย ถึงเสียกรุ่งครั้งที่สอง ก็ประมาณ 200+ ปี ใช้แผนเดิมที่ฮิตกันมา และมีการต่อเติมกำแพงออกมาจนจะชิดกับแม่น้ำอยู่ละ เคยได้ยินถ้าจำไม่ผิดนี้ กำแพงเมืองยาวรวมกันก็ประมาณ 12-13 กม.

ซึงพอย้ายเมืองมากรุงธนแล้ว ชัยภูมิของกรุงธนนั้นตามที่เรียนๆกันมาเค้าก็จะบอกว่าเป็นเมือง"อกแตก" ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกที่ครูบอกมันแปลว่าอะไรแต่ที่รู้คือมัน ไม่ดีแน่ๆ คำนี้ มีแตกๆ ด้วย

สรุปง่ายๆต่อ นั้นคือเราจะไม่ตั้งรับหรือ ตั้งรับไม่ได้อีกแล้ว ดังกระทู้ที่ผ่านมาเรารู้แล้วว่าพระยาตากนี้ อยู่ในสงครามและประเมินสถานะการเรียบร้อยแล้วจึงทิ้งเลนหนีมา พอตั้งกิลใหม่ก็เซ็ตแผนใหม่ทันที คือต่อจากนี้เราจะไม่ DEFในอีกแล้ว....

กลับมาที่พม่า
หลังจากที่เจอเรื่องวุ่นวายทางการเมืองมากมาย พระเจ้ามังระก็เริ่มอยากจะจัดการพวกตัวกวนใจพระองค์ก่อนเลย เมื่อรับรู้แล้วว่ากิลพระเจ้ากรุงธนนั้น เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว เจ้ามังระก็ทำการประชุมสกัมกันอีก จนตัดสินพระใจแล้วก็มอบหมายให้ อะแซหวุ่นกี้ ยกทับมาตีกรุงธน โดยแผนเหมือนเดิมครับ ยกมา2สาย เหนือใต้ อะแซหวุ่นกี้ มาทางใต้ จนมาถึงเมืองของชาวมอญอยู่ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องเอาชาวมอญเป็นกันชนด่านหน้าให้ ในที่นี้เมื่อมอญเป็นทัพหน้าและต่อนี้ก็พักกองทัพรอฝ่ายที่มาจากทางเหนือแจ้งข่าวอยู่

ขอแตกประเด็นมอญนะครับ

คือศึกครั้งนี้ทางพม่าจะสร้างเรื่องบาดหมางใจให้แม่ทัพมอญต้องเจ็บใจมาก
ครั้งแล้วพระเจ้ามังระถึงกับบุกมาเหยีบเมื่องมอญด้วยตัวเองเลยเพื่อมายกฉัตรพระธาตุชื่อดัง (ชเวดากอ...หรือป่าว) แต่ใจความสำคัญอยู่ที นำนักโทษการเมืองซึ่งล้วนแต่เป็นเจ้าในวงมอญเก่าๆทั้งนั้น 3 คน มาทำการประหารซะ ถือเป็นการเชือดลิงให้ลิงแหละดู (ในพงศาวดารคองบองบอกนะครับว่าพวกนี้นะอยู่เบื่องหลังยุแยงในเกิดความวุ่นวายในหงษาวดี) เป็นแบบนี้ชาวเมืองกับทหารมอญก็กลัวดิครับ ทั้งแค้นทั้งกลัว สุดท้ายก็ทิ้งเมืองทั้งแม่ทัพทหารชาวบ้าน ถือเป็นการเทครัวลงมาขออยู่กับ พระเจ้ากรุงธนเรา เจ้าตากก็จัดให้อยู่แถวๆทางตะวันตกของเมืองหลวงกระจายไป จนเป็นมอญ3โคก ที่เรารู้ๆกันมา ที่ไหนบ้างไม่รู้ แต่มอญที่มานี้ถือเป็นกำลังสำคัญช่วยไทยรบถึงสองแผ่นดินเลย

กลับเข้าเรื่องกันต่อครับ จากที่ทราบแล้วว่า เจ้าเมืองทางฝ่ายเหนือนั้น เบื่อพวกขุนนางพม่าเหลือเกิน ก็เป็นเหตุอันดีที่ให้พระเจ้ากรุงธนเราไปผูกมิตรไว้ ฝ่ายเหนือก็ใจออกห่างสิครับแบบนี้ ก็เข้าร่วมกับพระยาตากเราซะเลย พอพม่ายกทัพมาก็เป็นหัวเมืองให้ พระเจ้าตากก็ใช้แผนใหม่เลย คือไม่รอกันบ้านละ การที่พม่าแบ่งทัพมาสองเลยนี้ ต้องอ่อนแอลงอยู่แล้วจำทำให้พระเจ้าตากนั้นสกัดทัพจากตอนเหนือเอาไว้ได้

ส่วนทางใต้ อะแซหวุ่นกี้ ก็ไม่รอละจะเข้าตีซะเลย แต่ไม่ใช่จะใจร้อนนะครับ มีการส่งกำลังพลไปหยังเชิงดูก่อน ประมาณก็หลักพัน ไทยเราก็รู้แผนอยู่แล้วก็ทำเพียงการตีล่อเท่านั้น

พระเจ้าตากหลังจากรู้ว่า อะแซหวุ่นกี้ มาตีทางด่านเจดี 3 องค์ (หาอ่านเพิ่มเติมนะครับ น่าจะเป็นศึกบางแก้ว) ตัวพระยากก็ยกทัพหลวงกลับมากันครับ คือแทบอยากจะวาปกลับมากันบ้านแต่วาปไม่ได้เลยนั้งเรือแผกันมา ถือว่าเร็วละครับสมัยนั้น แว่นเรือมาถึงพระองค์ประกาศเลยนะครับ ว่าการนี้ด่วน และกลัวไม่ทันการ ไม่ยอมให้ใครหรือแม่ทัพนายกองกลับบ้านไปพักหาลูกหาเมียเลย (คือน่าจะเข้าใจหัวอกชายกลัดมันห่างนางลำดวนมานาน) มีขุนนางท่านหนึ่งต้องกลับไปดูใจพ่อหรือแม่นี้ละ ที่กำลังป่วยอยู่ พระยาตากรู้เข้าถึงกับสังประหารเลย พระอครเสนา ทูลขอชีวิตไว้ แต่พระเจ้าตากนั้นก็ไม่ให้ .... ยังดำเนินการประหารต่อไป อ้างต้องเข็มกฎเป็นกฎ ก็ว่าไป ที่สำคัญ...เจ้าของกระทู้อ่านหลายรอบแล้วตาไม่ได้ฟาดฟังบรรยายก็หูไม่หนวก คือ "พระเจ้ากรุงธนทำการประหารด้วยมือตัวเอง"

รวบรัดแล้วยังยาวไปหรือป่าวครับ เอาไว้ตอนหน้าต่อละกันนะครับเผื่อได้ใส่รูปด้วย
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 25083
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:35 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
อะแซหวุนจี เก่งมาก ผมคิดว่าบวกกันจริงๆพระยาตากก็สู้ไม่ได้
ถ้าไม่ได้เหตุการณ์ราชสำนักพม่ามาช่วย พระยาตากก็คงไม่รอดอีกเป็นแน่แท้



เสริมกลยุทธ์ พระยาตากรื้อยุทธวิธีเดิมก่อนเสียกรุงครั้งที่ 1 มาใช้
หลังเสียกรุงครั้งที่ 1 เพราะหัวเมืองยอมต่อพม่าหลังจากนั้นเลยยุบด่านหรือค่ายตามหัวเมือง
หลังเสียงกรุงครั้งที่ 2 รื้อหัวเมืองขึ้นมาใหม่ไว้เป็นค่ายกันชน พม่าในแต่ละด่าน
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 15894
ที่อยู่: สุสานโบราณ
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:35 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
มาสะดุดเอาบรรทัดสุดท้าย




" เดียวมาต่อนะครับ ในกระทู้นี้ละ สั่งกาแฟเพิ่มเดียวเค้าไล่ออกจากร้าน "

0
0


"You'll never walk alone "
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 6195
ที่อยู่: ที่นี่แหละ
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:35 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
น้าจะเอาลิงค์กระทู้ก่อนๆมาแปะด้วยนะครับ เผื่อคนอื่นตามอ่าน


เข้าร่วม: 06 May 2010
ตอบ: 4650
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:38 pm
[ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)
รออยู่ครับ
0
0
เข้าร่วม: 18 May 2009
ตอบ: 7811
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:45 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
กาแฟผมได้แล้วนะ ของท่านยังไม่ได้หรอ
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 3544
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:46 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ขอบคุณครับ มันส์
0
0
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 27488
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:46 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ชอบความมีสาระ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 260
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:48 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
รออ่านต่ออยู่ครับ
0
0
Nogizaka46 x Keyakizaka46 x Soccersuck

Muangthong United x Thailand national x Soccersuck
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 42353
ที่อยู่: Anfield ที่รัก ... :3
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 12:57 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
เนื้อเรื่องน่าเอาไปทำซีรี่แบบ game of throne โดยไม่ยัดเยียดความรักชาติเข้าไปน่าจะสนุก
เรื่องบางเรื่อง ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด เพียงแต่สิ่งที่เราคิดมันต่างกัน
My Liverpool, the Kop will always rule
เข้าร่วม: 13 Sep 2006
ตอบ: 362
ที่อยู่: อพาร์ตเม้นคุณป้า
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:09 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ทำลิงค์ตอนเก่าไว้ด้วยนะครับ อ่านเพลินดี ในตำรามันน่าเบื่อ
0
0





เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 23939
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:19 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
กาแฟนานจัง
0
0
Eric 'The King' Canto
เข้าร่วม: 04 Oct 2009
ตอบ: 5191
ที่อยู่: ป่าสนในห้องหมายเลข1
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:24 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
Riyah พิมพ์ว่า:
น้าจะเอาลิงค์กระทู้ก่อนๆมาแปะด้วยนะครับ เผื่อคนอื่นตามอ่าน  

ฝากหาหน่อยครับ เล่นในโทสับ
0
0
เข้าร่วม: 09 Apr 2009
ตอบ: 1196
ที่อยู่: ในใจนานะมิน
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:28 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
รออ่านนะฮะ
0
0
Hashimoto Nanami |Sakurai Reika X Nogizaka46




เข้าร่วม: 18 May 2009
ตอบ: 7811
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:34 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
l3unGerD พิมพ์ว่า:
Riyah พิมพ์ว่า:
น้าจะเอาลิงค์กระทู้ก่อนๆมาแปะด้วยนะครับ เผื่อคนอื่นตามอ่าน  

ฝากหาหน่อยครับ เล่นในโทสับ  


EP1 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417742
EP2 : http://www.soccersuck.com/boards/topic/1417780
0
0
เข้าร่วม: 14 Sep 2010
ตอบ: 1122
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 2:05 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ผมชอบฟัง อ.วีระ อ.สุเนตร เค้าคุยกัน ไทยรบพม่า พม่ารบไทย
เข้าร่วม: 17 Jan 2015
ตอบ: 179
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 2:12 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
judaspriest03 พิมพ์ว่า:
ผมชอบฟัง อ.วีระ อ.สุเนตร เค้าคุยกัน ไทยรบพม่า พม่ารบไทย  


ผมเคยฟังอ.สุเนตร ที่มหาลัยสดๆเลยครับ สุดยอดมากครับ แต่ครั้งนั้นแกโชร์รูปไปเทียวพม่าเยอะไปหน่อย เลยดูเบื่อๆหง่อยๆกัน
เข้าร่วม: 08 Oct 2010
ตอบ: 6031
ที่อยู่: IT DiX & Fin gadget
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 2:24 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
อ่านเพลินจริงๆครับ
0
0
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 27488
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 2:30 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
เสริมเรื่อง ทหารว่าทำไมหลายคนสงสัยว่าเสียกรุงครั้งที่สอง ทหารเก่งๆไปไหนหมด อันนี้ต้องย้อนขึ้นไปสมัยที่ พระเจ้าปราสาททองปราบดาภิเษกขึ้นครองราช กับตอนหลังพระนารายก็มีโดนปราบดาภิเษกอีกรอบ คือราชบัลลังค์อยุทยานั้น ยิ่งกว่าเกมส์ออฟโทรนอีกพูดเลย คือ ยึดปุ๊ปฆ่าเรียบ ทหารอะไรเก่งแค่ไหนไม่สนสนแค่อยู่ฝั่งไหน เอ็งคนละฝั่ง ไม่มีเอ็กไซล์นะ(เนรเทศ) ฆ่าทิ้งอย่างเดียว สุดท้ายยึดอำนาจได้จริงๆแต่ทหารขาดผู้มีความชำนาญด้านศึกสงครามมากเลยทีเดียว เพราะผู้ที่ชำนาญสูงๆเป็นของราชวงศ์สุโขทัย คือสายพระนเรศเพราะเอกาที่ทำสงครามเก่งๆกันนั่นเอง มันขาดการสืบทอดพอสมควรรวมทั้งขาดศึกสงครามเป็นเวลานานด้วย

ส่วนใหญ่อยุทธยามุ่งทำการค้าศก.เป็นหลักมากๆ คือแทบไม่สนเรื่องสงครามมากนัก มี 2 อย่างที่อยุทธยาสน คือการค้ากับ การแย่งบัลลังค์กันนี่แหละ ในช่วงก่อนครั้งแรกก็แย่งกันนัวแต่เป็นในราชวงศ์แย่งกัน ช่วงครั้งหลังเป็นการแย่งจากขุนนางแทนคือเรื่องในวังมันไม่ใช่ในวังตั้งแต่ยุคพระเจ้าปราสาททองขึ้นมา คือคนธรรมดาสามารถเป้นกษัตริย์ได้ตั้งแต่ตอนนั้น
1
0
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 27488
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 2:41 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ต่อประเด็น อยุธยา คือตัวเมืองแม่น้ำล้อม ถ้าพวกเล่นเกมส์วางแผนหรือแนวๆtotalwarนี้ ยังไงก็รู้ ว่ามันโคตรเหมาะเล่นเกมส์รับ ได้เปรียบสุดๆ เพราะการเทกำลังเข้ามาทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้และตายฟรีเยอะไม่คุ้มโอกาสแตกก็น้อย แต่มันต้องยื่อให้ทนฤดูน้ำหลาก ล้อมได้นานเท่าไหร่โอกาสแตกก็มากเพราะสเบียงไม่มีทางหล่อเลี้ยงพอ นี่คือข้อเสียของอยุธยาคือมัน def ดีตีโง่ๆยังไงก็ไม่แตกแต่มัน def ยาวทนการปิดล้อมนานๆไม่ได้

พอมากรุงธน นี่เล่นสายบุก บุกมันทุกเลน เจ๋งตรงบุกสวนดี นี่แหละ ข้อดีของกรุงธนเอาจริงๆมีน้อยนะ คือเป้นเมืองเล่นเกมส์รับถึงบ้านไม่ได้เลย ถ้ารับที่บ้านนี่โอกาสแตกสูงมาก ตัวกรุงเทพยังเหนือกว่า ตรงมีแม่น้ำกั้น ถ้ามาต้องยกอ้อมมาจากทางเหนือทางตัวพระนครเองก็มีคูเมืองหลายชั้นมาก(ทุกวันนี้ยังอยุ่ เกาะรัตนโกสินคือชั้นในสุด) คือรวมพลฝั่งธนแล้วข้าม ก็ยากจะเอาชัย คือได้ def เพิ่มเยอะเลย

ปล.ส่วนทั้งธน และกทม. นั้นมีทางหนีที่ดีคือทางน้ำ ฉุกเฉินนี่จัดทัพเรือหนีเอาดื้อๆได้เหมือนกัน ออกทะเลไปเลย
1
0
เข้าร่วม: 25 Jun 2008
ตอบ: 5704
ที่อยู่: สุพรรณบุรี
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 4:16 pm
[ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)
judaspriest03 พิมพ์ว่า:
ผมชอบฟัง อ.วีระ อ.สุเนตร เค้าคุยกัน ไทยรบพม่า พม่ารบไทย  

อยากหาฟังเหมือนกัน มีมั้ยครับ
เข้าร่วม: 14 Sep 2010
ตอบ: 1122
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 5:32 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
pungcheer พิมพ์ว่า:
judaspriest03 พิมพ์ว่า:
ผมชอบฟัง อ.วีระ อ.สุเนตร เค้าคุยกัน ไทยรบพม่า พม่ารบไทย  

อยากหาฟังเหมือนกัน มีมั้ยครับ  


ยูทูปเลยครับ พิมพ์ว่า อ.วีระ อ.สุเนตร
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 301
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 7:06 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ศึกอะแซหวุ่นกี้ตีเมืองพิษณุโลก ต้องบอกว่าอะแซหวุ่นกี้โชคดีที่ถอยกลับแล้วครับ ถึงพระเจ้ามังระยังไม่สิ้นแล้วยังฝืนรุกต่อ ทัพพม่าคงไม่รอด

--ช่วงเวลานั้นล้านนาอยู่ในอำนาจกรุงธนบุรีเรียบร้อยครับ เสบียงอาหารลำเลียงผ่านทางนี้ไม่ได้แล้ว

--หลังเข้าเมืองพิษณุโลกที่ตอนนั้นมีสภาพเป็นเมืองร้างได้ อะแซหวุ่นกี้ได้แบ่งทัพไล่ติดตามกองทัพของเจ้าพระยาจักรี เจ้าพระยาสุรสีห์ ที่ถอยไปทางหล่มเก่า ผลคือทัพนี้ของพม่าโดนละลายจนแทบสิ้นทัพ ถูกเจ้าพระยาจักรีลวงเข้าทุ่งสังหารแล้วขยี้ยับเยิน

--ทัพที่ต้านอะแซหวุ่นกี้เป็นทัพเหนือล้วน ๆ นะครับ ทัพหลวงธนบุรียังคงสดชื่น ผิดกับทัพพม่าที่เสียบอบช้ำไม่น้อยในการเข้าตีพิษณุโลก ทัพที่แบ่งไปไล่ตามเจ้าพระยาจักรี เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ย่อยยับ ถ้าต้องปะทะกับทัพหลวงธนบุรีอะแซหวุ่นกี้คงต้องคิดหนัก

จากเหตุผลดังกล่าว ถึงไม่มีเรื่องราชสำนักพม่าเข้ามา ยังไงอะแซหวุ่นกี้ก็ตีกรุงธนไม่ได้หรอกครับ แม้จะสู้ต่อหลังตีพิษณุโลกได้แล้ว ปัญหาตามมาคือเสบียงจะลำเลียงมาอย่างไร ลองนึกภาพนะครับ ทางเหนือเข้ากรุงธน ทัพที่แบ่งไปไล่ตามทางตะวันออกโดนละลาย แถมทางใต้ยังมีทัพพระยาตากที่กำลังสดยิ้มเผล่รออยู่ แบบนี้รุกต่อก็ยากมากครับ สถานการณ์นั้นอะแซหวุ่นกี้รีบถอยทัพก็ถูกแล้ว บังเอิญพระเจ้ามังระสิ้นพระชนม์พอดีก็เท่านั้นเอง

แต่ที่มันแปลกถึงแปลกมากก็คือ ศึกนี้ทั้งไทยกับพม่าต่างแย่งกันเป็นผู้แพ้ซะงั้น ของไทยที่บอกว่าคงเพราะพิษณุโลกถูกตีได้ ส่วนพม่าบันทึกไว้ว่าเป็นความพ่ายแพ้สุดอัปยศเลยทีเดียว หลังอะแซหวุ่นกี้รีบกลับอังวะ เขาได้ทิ้งทหารไว้จำนวนหนึ่งคอยรอคำสั่ง ไม่ต้องสืบครับว่าทัพนี้ของพม่าโดนไทยละลายเรียบร้อยโรงเรียนกรุงธน
0
0
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 301
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 8:58 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
Titan พิมพ์ว่า:
ต่อประเด็น อยุธยา คือตัวเมืองแม่น้ำล้อม ถ้าพวกเล่นเกมส์วางแผนหรือแนวๆtotalwarนี้ ยังไงก็รู้ ว่ามันโคตรเหมาะเล่นเกมส์รับ ได้เปรียบสุดๆ เพราะการเทกำลังเข้ามาทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้และตายฟรีเยอะไม่คุ้มโอกาสแตกก็น้อย แต่มันต้องยื่อให้ทนฤดูน้ำหลาก ล้อมได้นานเท่าไหร่โอกาสแตกก็มากเพราะสเบียงไม่มีทางหล่อเลี้ยงพอ นี่คือข้อเสียของอยุธยาคือมัน def ดีตีโง่ๆยังไงก็ไม่แตกแต่มัน def ยาวทนการปิดล้อมนานๆไม่ได้

พอมากรุงธน นี่เล่นสายบุก บุกมันทุกเลน เจ๋งตรงบุกสวนดี นี่แหละ ข้อดีของกรุงธนเอาจริงๆมีน้อยนะ คือเป้นเมืองเล่นเกมส์รับถึงบ้านไม่ได้เลย ถ้ารับที่บ้านนี่โอกาสแตกสูงมาก ตัวกรุงเทพยังเหนือกว่า ตรงมีแม่น้ำกั้น ถ้ามาต้องยกอ้อมมาจากทางเหนือทางตัวพระนครเองก็มีคูเมืองหลายชั้นมาก(ทุกวันนี้ยังอยุ่ เกาะรัตนโกสินคือชั้นในสุด) คือรวมพลฝั่งธนแล้วข้าม ก็ยากจะเอาชัย คือได้ def เพิ่มเยอะเลย

ปล.ส่วนทั้งธน และกทม. นั้นมีทางหนีที่ดีคือทางน้ำ ฉุกเฉินนี่จัดทัพเรือหนีเอาดื้อๆได้เหมือนกัน ออกทะเลไปเลย  


ภูมิประเทศของอยุธยานี่สุดยอดแห่งการตั้งรับเลยครับ มีแม่น้ำสามสายล้อมรอบ แถมฤดูน้ำหลาก น้ำยังท่วมจนรอบนอกเป็นทะเลสาบ กว่าทหารข้าศึกจะฝ่ามาถึงกำแพงก็โดนปืนใหญ่สอยไปอื้อซ่า หากการเสียกรุงครั้งที่ 2 อยุธยารักษาทางออกสู่ทะเลไว้ได้โอกาสจะรักษาพระนครไว้ได้ก็มีสูงมาก แต่ฝั่งพม่าก็แก้เกมได้ตรงจุดเหลือเกิน ยึดหัวเมืองฝ่ายใต้ตัดขาดเส้นทางลำเลียง น้ำท่วมก็ไม่ถอยกลับยื้อไว้ยังงั้น รอจนน้ำลดอยุธยาที่ไม่ได้เตรียมการไว้ขนาดนั้นเลยสิ้นท่าเรียบร้อยโรงเรียนมังระ

ความจริงการเตรียมการป้องกันของอยุธยาค่อนข้างแข็งแกร่ง ทหารประจำป้อมปืนใหญ่ที่กำแพงพระนครเต็มอัตราศึก อีกทั้งปืนใหญ่มีนับพันกระบอก ส่วนพม่านี่เป็นทัพชั้นรองด้วยซ้ำ ทัพหลักต้องอยู่รับศึกต้าชิง แต่เพราะการวางแผนและการเตรียมการที่ดีจึงพิชิตอยุธยาได้ เปรียบอยุธยาก็เหมือนแมนยูยุคมอยส์ต้องรับศึกบาร์ซาชุดสำรองแต่มีเป๊ป กวาดิโอลาคุมนั่นแหละครับ
0
0
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 27488
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 10:24 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
Gorge พิมพ์ว่า:
Titan พิมพ์ว่า:
ต่อประเด็น อยุธยา คือตัวเมืองแม่น้ำล้อม ถ้าพวกเล่นเกมส์วางแผนหรือแนวๆtotalwarนี้ ยังไงก็รู้ ว่ามันโคตรเหมาะเล่นเกมส์รับ ได้เปรียบสุดๆ เพราะการเทกำลังเข้ามาทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้และตายฟรีเยอะไม่คุ้มโอกาสแตกก็น้อย แต่มันต้องยื่อให้ทนฤดูน้ำหลาก ล้อมได้นานเท่าไหร่โอกาสแตกก็มากเพราะสเบียงไม่มีทางหล่อเลี้ยงพอ นี่คือข้อเสียของอยุธยาคือมัน def ดีตีโง่ๆยังไงก็ไม่แตกแต่มัน def ยาวทนการปิดล้อมนานๆไม่ได้

พอมากรุงธน นี่เล่นสายบุก บุกมันทุกเลน เจ๋งตรงบุกสวนดี นี่แหละ ข้อดีของกรุงธนเอาจริงๆมีน้อยนะ คือเป้นเมืองเล่นเกมส์รับถึงบ้านไม่ได้เลย ถ้ารับที่บ้านนี่โอกาสแตกสูงมาก ตัวกรุงเทพยังเหนือกว่า ตรงมีแม่น้ำกั้น ถ้ามาต้องยกอ้อมมาจากทางเหนือทางตัวพระนครเองก็มีคูเมืองหลายชั้นมาก(ทุกวันนี้ยังอยุ่ เกาะรัตนโกสินคือชั้นในสุด) คือรวมพลฝั่งธนแล้วข้าม ก็ยากจะเอาชัย คือได้ def เพิ่มเยอะเลย

ปล.ส่วนทั้งธน และกทม. นั้นมีทางหนีที่ดีคือทางน้ำ ฉุกเฉินนี่จัดทัพเรือหนีเอาดื้อๆได้เหมือนกัน ออกทะเลไปเลย  


ภูมิประเทศของอยุธยานี่สุดยอดแห่งการตั้งรับเลยครับ มีแม่น้ำสามสายล้อมรอบ แถมฤดูน้ำหลาก น้ำยังท่วมจนรอบนอกเป็นทะเลสาบ กว่าทหารข้าศึกจะฝ่ามาถึงกำแพงก็โดนปืนใหญ่สอยไปอื้อซ่า หากการเสียกรุงครั้งที่ 2 อยุธยารักษาทางออกสู่ทะเลไว้ได้โอกาสจะรักษาพระนครไว้ได้ก็มีสูงมาก แต่ฝั่งพม่าก็แก้เกมได้ตรงจุดเหลือเกิน ยึดหัวเมืองฝ่ายใต้ตัดขาดเส้นทางลำเลียง น้ำท่วมก็ไม่ถอยกลับยื้อไว้ยังงั้น รอจนน้ำลดอยุธยาที่ไม่ได้เตรียมการไว้ขนาดนั้นเลยสิ้นท่าเรียบร้อยโรงเรียนมังระ

ความจริงการเตรียมการป้องกันของอยุธยาค่อนข้างแข็งแกร่ง ทหารประจำป้อมปืนใหญ่ที่กำแพงพระนครเต็มอัตราศึก อีกทั้งปืนใหญ่มีนับพันกระบอก ส่วนพม่านี่เป็นทัพชั้นรองด้วยซ้ำ ทัพหลักต้องอยู่รับศึกต้าชิง แต่เพราะการวางแผนและการเตรียมการที่ดีจึงพิชิตอยุธยาได้ เปรียบอยุธยาก็เหมือนแมนยูยุคมอยส์ต้องรับศึกบาร์ซาชุดสำรองแต่มีเป๊ป กวาดิโอลาคุมนั่นแหละครับ  


ใช่เลยครับ ถ้าผมเป็นคนตั้งเมืองก็ตั้งอยู่ยุทยาเหมือนกันคือมันเป็นสุดยอดของการตั้งรับจริงๆ ไม่พอมันยังค้าขายทางน้ำได้เยี่ยมอีกด้วย
แต่พม่าต้องยอมรับจริงๆว่าเตรียมการเตรียมพร้อมมายอดเยี่ยม คือต้องกำลังมากจริงๆ พร้อมจริงๆเท่านั้นถึงจะหักเอาอยุธยาได้ และอยุธยาเองก็ไม่เบาต้านได้ตั้ง เป็นปีๆเด็กๆผมก็ท่องๆตามนั้นนะที่เค้าสอนๆมาแต่โตมาพอมาหาอ่านเห้ยมันไม่ใช่นะเนี่ย อยุธยาเองมีกลยุทธที่ไม่เบาเหมือนกันแต่แค่พม่าเตรียมพร้อมรับมือมาสมบูรณ์แบบจริงๆเท่านั้น
1
0
เข้าร่วม: 26 Oct 2009
ตอบ: 63
ที่อยู่: Barcelona
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 11:36 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]ไทยรบพม่าบ้าง(หลังเสียกรุง)]
ผมว่าชนชาติพม่ารามัญนั้นชำนาญสงครามมากกว่าชนชาติใดๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางรบกันเองมากกว่าคือพม่าต่างกับอยุธยาที่ของเราเวลารบกันเองส่วนใหญ่จะเป็นแค่ในราชสำนักแต่ของพม่านี่เป็นสงครามใหญ่ขนาดรบพุงกันเลยทีเดียวแล้วยังทำสงครามเป็นร้อยๆปีกับพวกมอญ ชนกลุ่มน้อยจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ที่มหาลัยผมเคยบอกว่าท่าครั้งใดที่พม่ารวมหัวเมืองปราบพวกชนกลุ่มน้อยได้ทั้งมอญ ไทใหญ่ ความฉิบหายจะมาเยือนอยุธยาหรือไทย จะเห็นได้จากทั้ง2ครั้งที่เราเสียกรุงก็เป็น2ครั้งของประวัติศาสตร์พม่าที่เค้ารวมหัวเมืองได้(1.บุเรงนอง 2.ราชวงค์คองบอง) พม่าเค้าเคลียร์ปัญหาภายในเรียบร้อยแล้วจึงว่างลงมาปราบอยุธยาที่ชอบให้ท้ายพวกมอญทำให้พม่าเกิดปัญหาภายในซึ่งส่วนใหญ่พอพม่าแตกแยกที ทุกหัวเมืองแข็งแกร่งพอๆกันทำให้ปราบกันยากรบทีเป็นสงครามขนาดใหญ่ เช่น อังวะ แปร ตองอู พะสิบ หรือหัวเมืองมอญอย่างเมาะตะมะ ลองนึกภาพดูท่าหัวเมืองเหล่านี้รวมกันได้จะทำให้พม่ามีกำลังอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า2-3แสนคน

อย่างครั้งแรกสมัยบุเรงนองที่พม่ารวมหัวเมืองได้จนสามารถรบพิชิต10ทิศ

ครั้งที่สองสมัยราชวงค์คองบองสามารถพิชิตอยุธยา ต้านทัพจีน บุกธนบุรีต่อมาจนรัตนโกสินทร์ สู้กับอาณานิคมอังกฤษจนอังกฤษเองก็ลำบากไม่สามารถพิชิตดินแดนพม่าได้โดนง่ายถึงแม้สุดท้ายอังกฤษจะชนะสามารถยึดอังวะสิ้นสุดราชวงศ์คองบองได้ก็ตาม

จะเห็นได้ว่าพม่านั้นจะรบกันตลอดหลายสิบปีจึงทำให้เหมือนเค้าสั่งสมประสบการณ์ทำให้รบเก่งมีความชำนาญและยิ่งท่ายุคสมัยไหนที่พม่าได้ยอดคนมาเป็นผู้นำรวมหัวเมืองต่างๆได้ เช่น บุเรงนอง จะทำให้ยิ่งกว่าเสือติดปีกอีกยากที่อาณาจักรแทบนี้จะสู้ไหว
0
0