ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 17 Jan 2015
ตอบ: 179
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:17 pm
[ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)
กล่าวต่อจากที่พระเจ้ามังระได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดา
หากเป็นหลายๆคนคงเลือดร้อนแล้วเรียกทีมAll เลยก็ว่าได้ แต่เจ้ามังระนี้แปลกออกไปนะครับ กลับดูเยือกเย็นที่จะเอาเมืองอยุธยามาก แม้ในใจนั้นไม่ได้เกรงกลัวสิงใดกับราชวงศ์บ้านพลูหลวงเลย ต่อให้เอาพระเจ้าอุทุมพรมายังไม่มีอะไรหน้ากลัวสำหรับพระเจ้ามังระ

แจ้งก่อนนะครับ ข้อมูลจะอิงจากพงศาวดารฉบับหอแก้วและคองบองเป็นหลัก หากกระทบกับความคิดเห็นผมขอโทษด้วยนะครับ

ฝ่ายพม่านั้นก็จะมีการประชุมแม่ทัพเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในที่นี้จะต่างออกไป คือจะไม่ใช่แบบคนนั้นขอทูลเสนอให้ทำแบบนั้น คนนี้เสนอให้ทำแบบนี้ จะเป็นการคง Concept ของ Scrum มากกว่า

และหลังจากได้ข้อตกลงกันแล้ว พระเจ้ามังระ จึงได้ส่ง"เนเมียวสีหบดี"นำกองทัพไปทำสงครามกับอยุธยา



ขอแตกประเด็นตรงนี้ก่อนนะครับ
คือเราไม่รู้แน่ว่าในที่ประชุมเขาวางแผนอะไรกัน แต่ทางไทยเราค่อนข้างนำเสนอไม่ค่อยระเอียดเท่าไร ตรงนี้ผมจะยกแผนที่ง่ายๆให้ดูเลยนะครับ จะได้เข้าใจตาม



ต่อเลยนะครับ เส้นของเนเมียวสีหบดี คือเส้นสีแดงนะครับ
ยักทัพออกจากพม่า พศ.2306 ..... เดียวๆ นะครับ
ทบทวนอีกที ไทยถูกล้อม 2309 *-* อาจจะยังไม่เอะใจนะครับ คือ เจ้ามังระนี้ใจเย็นวางแผนไม่ประมาทเลย ส่งทัพออกมาล่วงหน้า 3 ปี !!!! นี้คือมังระต้องการจะเลทเกมอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเนเมียวสีหบดี ซึ่งอาจจะเทียวโอเกะอยู่แถวระสิม กับสาวๆอิรวดี จึงต้องออกมาก่อน

และดูตามแผนที่เลยครับ คือใช้คำว่าตีกวาดเลยทีเดียว ไปตีรัฐฉาน ตีล้านนา ล้านช้าง หัวเมืองต่างๆ อยู่ 3 ปี ตีเสร็จไม่เท่าไร ยังกับมีสกิลเสกครีบได้ เมืองต่างๆ เข้าร่วมได้กำลังพลเพิ่มอีกมากมาย อย่างที่เห็น พิษณุโลก ก็ราบคาบก่อนจะมาถึง อยุธยา

หลายคน"เมืองสองแคว" ทำไมยอมง่ายจัง เป็นเพราะ อยุธยา ได้ทำการเลือกกำลังพล ประจำเมืองไว้รอแล้ว ข้าวปลาอาหารพร้อม เตรียมทำสิ่งที่เคยทำมาและประสบความสำเร็จ
นั้นคือ Def ใน ครั้งนี้ ไทยกันบ้านได้ดียิ่งขึ้น ตั้งป้อมรอบเมือง คูคลองลึกขึ้น เสบียงอาหาร อยู่ได้ยาวๆเกินปี ถือเป็นการ กันบ้านที่พร้อมมากที่สุดตั้งแต่เป็นเมืองอยุธยามาเลยทีเดียว แต่นี้ยังไม่เพียงพอต่อประปรีชาสามารถของท่านมังระ

ในที่ประชุมที่สกัมกันเป็นปกติแล้ว ทราบข่าวเนเมียวว่าเป็นไปตามคาดแล้ว
พระองค์ถึงกับปรารภในที่ประชุมว่า "อยุธยาไม่เคยแพ้อย่างราบคาบมาก่อน"
เฉกเช่นเสียแค่ป้อมไม่เคยเสียบราแลคมาก่อน ครั้งนี้จะเป็นการเยียบอยุธยาให้จมดินจริงๆ

จึงยังไม่หนำใจ จึงอยากขยี้ๆๆ อีก โดยการส่งทัพจากทางใต้คือ มังมหานรธา ตามเส้นน้ำเงินไปเลยครับ ทำคล้ายๆกันกับเนเมียว ตีเอาเมืองทางใต้ แถมยังปิดกันทางการค้าติดต่อทางน้ำไว้อีก (คือจะเอาให้ได้จริงๆ)



ดังภาพทางหนีจึงมีทางเดียวคือสีเหลืองในตอนนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของพระยาตากต้องดูแล ซึ้งพระองค์ ประเมินเกมส์แล้ว ว่ายังไงก็ไม่ไหว จึงทิ้งเลนตัวเองไปซะ เพื่อไปฟรอมทีมใหม่มาสู้

รายละเอียดเรื่องการรบนี้เยอะแยะมากมาย ผมจะขอสรุปสั้นๆ เรื่องหลังจากปิดล้อมนะครับ

ไทยเราเก่งมากนะครับยันอยู่ได้นาน ผู้นำก็เข็มแข็งพอสมควร ไม่งั้นไม่อยู่ถึง 14 เดือนหรอก อย่าพึ่งปักใจเชื่อกระทรวงศึกษามาก ....
แต่ตัวประสำคัญเลยคือ ความคิดของมังมหานรธา แต่ก่อนน้ำมาพม่าก็ต้องกลับ แต่ครั้งนี้มังมหานรธา ยืนยันกับพระเจ้ามังระว่าจะต้องสู้ต่อ ต้องขึ้นบ้านให้ได้...ไม่กีอาทิตย์ก่อนจะเสียกรุง มังมหานรธา ก็สู้ขึ้นบ้านจนตัวตาย นั้นเหมือนเป็นการบัฟความหึกเหิม แล้วแบบนี้ มีหรอที่ยอดนักรบอย่าง"เนเมียวสีหบดี"จะพลาด
จบครับ... ยาวไปหน่อยโทษนะครับ เร่งระรวบรัดเกินขาดหายอะไรอย่าว่ากันนะครับ
เข้าร่วม: 10 Jul 2010
ตอบ: 2027
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:18 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
มุ้ก่อนหน้าอยู่ไหนครับ
0
0
เข้าร่วม: 12 Mar 2008
ตอบ: 6978
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:20 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
เม้นไว้เดวกลับมาอ่าน
0
0
เข้าร่วม: 18 May 2009
ตอบ: 7811
ที่อยู่: Paradise
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:27 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
ต่อดิครับ พระเจ้าตากรอคัมแบ็คอีสเรียล
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 3544
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:34 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
มันส์มากครับ

ต่อๆ
0
0
เข้าร่วม: 10 Nov 2013
ตอบ: 8753
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:37 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
สั้นอ่าาาสั้นไป
0
0
เข้าร่วม: 25 Feb 2007
ตอบ: 3417
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:38 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
ใช่ครับ ไทยเราก็พร้อมมาก สะสมเสบียงตุนไว้ จนน้ำหลาก

พระองค์ก็มีพระปรีชาสามารถ

แต่ในมุมมองของผม เป็นเพราะว่าสยามขาดการรบมาร่วมร้อยปี

ทหารส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่เคยเจอสถานการณ์ศึกสงคราม นอกเสียจากรบภาสยในกันเสียเอง

จึงทำให้สยามขาดความเชี่ยวชาญเรื่องการทำศึกมากกว่า

ประมาณว่า วางแผนการ เตรียมการ พร้อมหมด แต่ไม่มีประสบการณ์รบมากกว่า

เวลาส่งทัพออกไปต้านพม่า ก็ต้านได้น้อยนึง และก็รีบแตกพ่ายกลับเข้าเมืองและ

พม่าแทบไม่สะเทือนเลย
เข้าร่วม: 13 Apr 2016
ตอบ: 3186
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:44 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
สงสัยเกมนี้จบด้วยตี Frozen Throne แน่ๆ

ปล ต่อหน่อย กระทู้ดีมีสาระ
0
0
เข้าร่วม: 17 Jan 2015
ตอบ: 179
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:44 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
maggilek พิมพ์ว่า:
สั้นอ่าาาสั้นไป  


"ผมไม่สั้นนะครับ" เสียงช่างแอร์
0
0
เข้าร่วม: 10 Nov 2013
ตอบ: 8753
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:47 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
HenryHagi พิมพ์ว่า:
maggilek พิมพ์ว่า:
สั้นอ่าาาสั้นไป  


"ผมไม่สั้นนะครับ" เสียงช่างแอร์  


อยากทราบรายละเอียดการรบ ฝั่งพม่าอ่ะครับ
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 15422
ที่อยู่: Mothership CAMP NOU
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:49 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
สนุกมากครับ เข้าใจง่ายด้วย ถ้ามีโอกาสขอสงครามเก้าทัพบ้างนะครับ

พม่าเค้ามาพร้อมกว่าเรา ส่วนเรายังคงยึดแนวทางเก่ารอน้ำมา จริงๆผมว่าถ้าตอนพม่าแยกทัพน่าส่งไปกำลังไปตีตัดกำลังบ้าง

พอเค้ามารวมทัพกันได้ทีนี้ก็พึ่งน้ำได้อย่างเดียวคิดว่าน้ำมาแล้วเค้าจะหนี พอเค้าไม่หนีเราก็เน่าคาบ้าน
0
0


เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 25072
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 3:53 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
เสริมให้ครับ พม่าเนี่ยเวลาจะไปรบกับใคร จะคิดล่วงหน้า หลายปี

1 ทำเส้นทาง เพราะภูมิภาคเราฝนชุก ฝนตกปีเดียวก็เป็นป่าแล้ว

2 ทำการเกษตร เอาคนไปปลูกข่าวทำสวนรอ

3 ไล่ต้อนหัวเมืองต่างๆ เกณฑ์แรงงานเป็นทหารเลวช่วยรบ


ยุทธศาสตร์การรบของสยามก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 คือ
รวมทัพมาที่ศูนย์กลางหมด เพราะเหตุเสียกรุงครั้งที่ 1 หัวเมืองต่างๆยอมต่อพม่าทำให้ไม่มีหัวเมืองกัน หลังจากนั้นมา สยามเลยยุบหัวเมืองหรือด่านยุทธศาสตร์ต่างๆลงแล้วมาตั้งรับที่ กรุงศรีอยุธยา


เชื่อไหมก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 พม่ารู้มาก่อนแล้วว่ายังไงก็ชนะ
สยามยังหลอกตัวเองว่าพม่าจะถอนทัพกลับไป


ในช่วงที่น้ำมา พม่าก็พักทัพอยู่ตามวัดต่างๆ วันนี้สาธารณูปโภคพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าน้ำมาแล้วจะอยู๋ไม่ได้ พม่าไปอยู่ตามวัด ไม่ต้องกลัวว่าน้ำมาจะอยู่ไม่ได้ไม่มีอาหารกิน ที่อยุธยามีข้าวที่ขึ้นเหนือน้ำ
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2010
ตอบ: 4650
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 5:41 pm
[ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)
เนี่ย กันได้14เดือนโดนหาว่าอ่อนแอ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 650
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 5:57 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
จะมีอีกมั้ยครับ ชอบมากเลย เส้นทางกู้เมืองของเจ้าตากต่อเลยฮะ รอชม
0
0
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 5569
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 6:27 pm
[ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)
บางระจัน ยันทัพใหญ่เนเมียวไว้ได้หลายเดือนนี่คิดเห็นกันว่าอย่างไรครับ ละถ้ามีปืนใหญ่ช่วยคิดว่าจะยันไว้ได้อีกนานแค่ไหน
0
0

Liverpool supporter
Ac Mlian supporter
Italy supporter
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 301
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 29, 2016 9:49 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
Luxiaofeng323 พิมพ์ว่า:
บางระจัน ยันทัพใหญ่เนเมียวไว้ได้หลายเดือนนี่คิดเห็นกันว่าอย่างไรครับ ละถ้ามีปืนใหญ่ช่วยคิดว่าจะยันไว้ได้อีกนานแค่ไหน  


บางระจันผมว่าต้านได้อย่างมากก็สามเดือนครับ และคิดว่าชาวบ้านพึ่งมารวมตัวกันหลังเนเมียวสีหบดีตั้งทัพที่ปากน้ำประสพด้านเหนืออยุธยาเรียบร้อยแล้ว จึงส่งทหารกวาดต้อนชิงเสบียงให้มากที่สุดเพื่อเตรียมรับมือน้ำหลาก เป็นเหตุให้ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อป้องกันตัวเอง ที่รบครั้งแรก ๆ ชนะนั้นคงเพราะเนเมียวสหบดีไม่ค่อยเห็นความสำคัญเท่าไหร่ จึงส่งกองทหารเล็ก ๆ ไปปราบ พอแพ้บ่อย ๆ ชาวบ้านมารวมตัวมากขึ้นทีนี้ไม่ปราบให้จริงจังไม่ได้แล้ว เพราะบ้านระจันอาจเพิ่มกำลังพลจนพอเป็นทัพกระหนาบได้ เลยส่งสุกี้พระนายกองไปจัดการ และจัดการแบบใช้ยุทธวิธีทางการทหารอย่างจริงจัง บางระจันเลยราบเป็นหน้ากลอง

ส่วนที่ว่ามีปืนใหญ่หรือไม่คิดว่าผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิม ความชำนาญในการใช้กับปริมาณกระสุนดินดำยังไงก็สู้ทัพพม่าไม่ได้ อีกอย่างการขอปืนใหญ่จากอยุธยามายังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ ตอนนั้นอยุธยาถูกล้อมทั้งเหนือและใต้ การขนปืนใหญ่ออกจากกรุงเสี่ยงมากที่จะถูกพม่าปล้นชิง กองทหารที่ขนไปก็อาจถูกละลายทั้งหมด
เข้าร่วม: 26 Oct 2009
ตอบ: 63
ที่อยู่: Barcelona
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 1:02 am
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
จริงๆอีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราเปลี่ยนระบบการปกครองปลายสมัยอยุธยาจากกระจายอำนาจเป็นรวมอำนาจไว้ที่เมืองหลวงเนื่องจากปลายสมัยราชวงศ์ปราสาททองจนถึงบ้านพูลหลวงนั้นมีการก่อกบฏแข็งเมืองตามหัวเมืองบ่อยทำให้หัวเมืองต่างๆโดนลดอำนาจจนอ่อนแอลงทำให้ไม่มีกำลังแข็งเมืองหรือก่อกบฏ เหมือนเป็นดาบ2คมคือหัวเมืองนั้นไม่สามารถมีกำลังมาทำศึกภายในได้แต่ก็ทำให้หัวเมืองนั้นอ่อนแอจนโดนพม่าตีแตกโดยง่ายเพราะปกติท่าพม่ามารบกับอยุธยาจะมีหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบพอหัวเมืองอ่อนแอก็กลายเป็นเหมือนอยุธยาต้องอาศัยชัยภูมิในการรบรอน้ำหลากอย่างเดียวแต่เราก็ต้านได้อยู่ถึง14เดือนยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยารับศึกมา


อีกอย่างต้องยกเครดิตให้พม่าด้วยเตรียมตัวมาดีบุกเบิกยุทธศาสตร์ใหม่คือปกติพม่าจะยกทั้งแค่2ทางคือทางเหนือกับทางเจดีย์3องค์แต่ครั้งนี้พม่ามาเส้นทางใหม่ทางใต้ทำให้ตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารดินดำปืนใหญ่ของอยุธยาปกติเราโดนล้อมจะรักษาและใช้เส้นทางใต้ในการส่งเสบียงดินดำเข้าเมืองพอนานไปจนเข้าแรมปีดินดำอาหารในอยุธยาที่สะสมเตรียมการอย่างดีก็เริ่มหมดทำให้จะยิงปืนใหญ่ต้องขออนุญาตห้ามยิงแบบฟุ่มเฟือยเพราะดินดำมีจำกัด(แต่ตำราไทยที่เราเรียนจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศติดสนมห้ามยิงปืนใหญ่)ซึ่งพอไม่มีกระสุนดินดำต่อสู้ทำให้พม่ายิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเผารากกำแพงจนเราเสียกรุง


คคสต.ผมว่าพระเจ้าเอกทัศไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราๆเรียนกันมาเพราะพระองค์ถือยอดกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่รับศึกพม่าได้ยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยาเคยทำศึกมาต่อให้ตอนนั้นเป็นพระนเรศวร พระเจ้าตาก มารับศึกโดนมีปัจจัยการปกครองแบบเดียวกันพม่าเตรียมพร้อมมาเหมือนกันผมว่าอยุธยาก็ไม่รอดเหมือนกันครับ
เข้าร่วม: 18 Sep 2008
ตอบ: 519
ที่อยู่: Allianz-Arena
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 5:23 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
Spoil
mekmessi พิมพ์ว่า:
จริงๆอีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราเปลี่ยนระบบการปกครองปลายสมัยอยุธยาจากกระจายอำนาจเป็นรวมอำนาจไว้ที่เมืองหลวงเนื่องจากปลายสมัยราชวงศ์ปราสาททองจนถึงบ้านพูลหลวงนั้นมีการก่อกบฏแข็งเมืองตามหัวเมืองบ่อยทำให้หัวเมืองต่างๆโดนลดอำนาจจนอ่อนแอลงทำให้ไม่มีกำลังแข็งเมืองหรือก่อกบฏ เหมือนเป็นดาบ2คมคือหัวเมืองนั้นไม่สามารถมีกำลังมาทำศึกภายในได้แต่ก็ทำให้หัวเมืองนั้นอ่อนแอจนโดนพม่าตีแตกโดยง่ายเพราะปกติท่าพม่ามารบกับอยุธยาจะมีหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบพอหัวเมืองอ่อนแอก็กลายเป็นเหมือนอยุธยาต้องอาศัยชัยภูมิในการรบรอน้ำหลากอย่างเดียวแต่เราก็ต้านได้อยู่ถึง14เดือนยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยารับศึกมา


อีกอย่างต้องยกเครดิตให้พม่าด้วยเตรียมตัวมาดีบุกเบิกยุทธศาสตร์ใหม่คือปกติพม่าจะยกทั้งแค่2ทางคือทางเหนือกับทางเจดีย์3องค์แต่ครั้งนี้พม่ามาเส้นทางใหม่ทางใต้ทำให้ตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารดินดำปืนใหญ่ของอยุธยาปกติเราโดนล้อมจะรักษาและใช้เส้นทางใต้ในการส่งเสบียงดินดำเข้าเมืองพอนานไปจนเข้าแรมปีดินดำอาหารในอยุธยาที่สะสมเตรียมการอย่างดีก็เริ่มหมดทำให้จะยิงปืนใหญ่ต้องขออนุญาตห้ามยิงแบบฟุ่มเฟือยเพราะดินดำมีจำกัด(แต่ตำราไทยที่เราเรียนจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศติดสนมห้ามยิงปืนใหญ่)ซึ่งพอไม่มีกระสุนดินดำต่อสู้ทำให้พม่ายิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเผารากกำแพงจนเราเสียกรุง


คคสต.ผมว่าพระเจ้าเอกทัศไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราๆเรียนกันมาเพราะพระองค์ถือยอดกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่รับศึกพม่าได้ยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยาเคยทำศึกมาต่อให้ตอนนั้นเป็นพระนเรศวร พระเจ้าตาก มารับศึกโดนมีปัจจัยการปกครองแบบเดียวกันพม่าเตรียมพร้อมมาเหมือนกันผมว่าอยุธยาก็ไม่รอดเหมือนกันครับ  
 



+1

พระเจ้าเอกทัศน์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนเขียนนั่นแหละครับ เพราะหากพระองค์ปวกเปียกอย่างที่เขียนไว้ในบทเรียนอยุธยาไม่ยันพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือนหรอก เท่าที่เคยอ่านมาอยุธยาแตกเพราะหลังๆขาดเสบียงอย่างหนักเพราะพม่าปิดเส้นทางลำเลียงเสบียงจากทางใต้เข้าสู่เมือง ถ้าเส้นทางนั้นไม่ถูกตัดขาดอยุธยาสามารถป้องกันตัวเองได้สบายๆให้พม่าล้อมสัก 10 ปีก็ไม่แตก

เนื่องจากเส้นทางเสบียงถูกตัดขาด สิ่งจำเป็นในการรักษาพระนครอย่างกระสุนดินดำจึงขาดแคลนไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการที่จะยิงปืนใหญ่แต่ละครั้งต้องขออนุญาติก่อนไม่ใช่เหตุผลปัญญาอ่อนแค่ว่านางสนมกลัวหรอก เพราะปืนใหญ่น่ะต่อให้เราไม่ยิงพม่าก็ยิงเข้ามาอยู่ดี เมื่อกระสุนดินดำขาดแคลนพม่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปืนใหญ่บนป้อมที่ยิงเข้าใส่มากนักจึงสามารถลอบขุดอุโมงค์เข้ามาเผารากกำแพงเมืองได้ นั่นคือสาเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเสียทีแก่ข้าศึก

กลับมาที่พระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนมันเขียนหรอกส่วนสาเหตุที่เราเรียนกันมาเช่นนั้นให้ลองคิดแล้วเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก การที่กษัตริย์พระองค์ใหม่ล้มล้างราชวงศ์เก่าเพื่อให้เกิดความชอบธรรมส่วนมากจึงมีการเขียนป้ายสีใส่ร้ายกษัตริย์องค์ก่อนหน้าว่าขาดคุณธรรม ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้ ส่วนมากประเทศไหนๆก็มักใช้เหตุผลนี้กันทั้งนั้นแหละ

บทเรียนพวกนี้สอนกันตั้งแต่เด็กๆเพราะเด็กมักจะไม่ตั้งคำถามอะไรมาก ลองเปรียบเทียบว่าคุณอ่านสามก๊กสมัยเด็กๆก็มักจะเข้าใจว่าเล่าปี่เป็นพระเอก โจโฉคือผู้ร้าย แต่พอคุณโตมากขึ้นความคิดความอ่านเปลี่ยนลองมาอ่านอีกที มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เข้าร่วม: 26 Oct 2009
ตอบ: 63
ที่อยู่: Barcelona
โพสเมื่อ: Fri Sep 30, 2016 11:41 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
Bellatrice พิมพ์ว่า:
Spoil
mekmessi พิมพ์ว่า:
จริงๆอีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราเปลี่ยนระบบการปกครองปลายสมัยอยุธยาจากกระจายอำนาจเป็นรวมอำนาจไว้ที่เมืองหลวงเนื่องจากปลายสมัยราชวงศ์ปราสาททองจนถึงบ้านพูลหลวงนั้นมีการก่อกบฏแข็งเมืองตามหัวเมืองบ่อยทำให้หัวเมืองต่างๆโดนลดอำนาจจนอ่อนแอลงทำให้ไม่มีกำลังแข็งเมืองหรือก่อกบฏ เหมือนเป็นดาบ2คมคือหัวเมืองนั้นไม่สามารถมีกำลังมาทำศึกภายในได้แต่ก็ทำให้หัวเมืองนั้นอ่อนแอจนโดนพม่าตีแตกโดยง่ายเพราะปกติท่าพม่ามารบกับอยุธยาจะมีหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบพอหัวเมืองอ่อนแอก็กลายเป็นเหมือนอยุธยาต้องอาศัยชัยภูมิในการรบรอน้ำหลากอย่างเดียวแต่เราก็ต้านได้อยู่ถึง14เดือนยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยารับศึกมา


อีกอย่างต้องยกเครดิตให้พม่าด้วยเตรียมตัวมาดีบุกเบิกยุทธศาสตร์ใหม่คือปกติพม่าจะยกทั้งแค่2ทางคือทางเหนือกับทางเจดีย์3องค์แต่ครั้งนี้พม่ามาเส้นทางใหม่ทางใต้ทำให้ตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารดินดำปืนใหญ่ของอยุธยาปกติเราโดนล้อมจะรักษาและใช้เส้นทางใต้ในการส่งเสบียงดินดำเข้าเมืองพอนานไปจนเข้าแรมปีดินดำอาหารในอยุธยาที่สะสมเตรียมการอย่างดีก็เริ่มหมดทำให้จะยิงปืนใหญ่ต้องขออนุญาตห้ามยิงแบบฟุ่มเฟือยเพราะดินดำมีจำกัด(แต่ตำราไทยที่เราเรียนจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศติดสนมห้ามยิงปืนใหญ่)ซึ่งพอไม่มีกระสุนดินดำต่อสู้ทำให้พม่ายิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเผารากกำแพงจนเราเสียกรุง


คคสต.ผมว่าพระเจ้าเอกทัศไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราๆเรียนกันมาเพราะพระองค์ถือยอดกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่รับศึกพม่าได้ยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยาเคยทำศึกมาต่อให้ตอนนั้นเป็นพระนเรศวร พระเจ้าตาก มารับศึกโดนมีปัจจัยการปกครองแบบเดียวกันพม่าเตรียมพร้อมมาเหมือนกันผมว่าอยุธยาก็ไม่รอดเหมือนกันครับ  
 



+1

พระเจ้าเอกทัศน์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนเขียนนั่นแหละครับ เพราะหากพระองค์ปวกเปียกอย่างที่เขียนไว้ในบทเรียนอยุธยาไม่ยันพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือนหรอก เท่าที่เคยอ่านมาอยุธยาแตกเพราะหลังๆขาดเสบียงอย่างหนักเพราะพม่าปิดเส้นทางลำเลียงเสบียงจากทางใต้เข้าสู่เมือง ถ้าเส้นทางนั้นไม่ถูกตัดขาดอยุธยาสามารถป้องกันตัวเองได้สบายๆให้พม่าล้อมสัก 10 ปีก็ไม่แตก

เนื่องจากเส้นทางเสบียงถูกตัดขาด สิ่งจำเป็นในการรักษาพระนครอย่างกระสุนดินดำจึงขาดแคลนไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการที่จะยิงปืนใหญ่แต่ละครั้งต้องขออนุญาติก่อนไม่ใช่เหตุผลปัญญาอ่อนแค่ว่านางสนมกลัวหรอก เพราะปืนใหญ่น่ะต่อให้เราไม่ยิงพม่าก็ยิงเข้ามาอยู่ดี เมื่อกระสุนดินดำขาดแคลนพม่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปืนใหญ่บนป้อมที่ยิงเข้าใส่มากนักจึงสามารถลอบขุดอุโมงค์เข้ามาเผารากกำแพงเมืองได้ นั่นคือสาเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเสียทีแก่ข้าศึก

กลับมาที่พระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนมันเขียนหรอกส่วนสาเหตุที่เราเรียนกันมาเช่นนั้นให้ลองคิดแล้วเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก การที่กษัตริย์พระองค์ใหม่ล้มล้างราชวงศ์เก่าเพื่อให้เกิดความชอบธรรมส่วนมากจึงมีการเขียนป้ายสีใส่ร้ายกษัตริย์องค์ก่อนหน้าว่าขาดคุณธรรม ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้ ส่วนมากประเทศไหนๆก็มักใช้เหตุผลนี้กันทั้งนั้นแหละ

บทเรียนพวกนี้สอนกันตั้งแต่เด็กๆเพราะเด็กมักจะไม่ตั้งคำถามอะไรมาก ลองเปรียบเทียบว่าคุณอ่านสามก๊กสมัยเด็กๆก็มักจะเข้าใจว่าเล่าปี่เป็นพระเอก โจโฉคือผู้ร้าย แต่พอคุณโตมากขึ้นความคิดความอ่านเปลี่ยนลองมาอ่านอีกที มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  


ผมว่าชนชาติพม่ารามัญนั้นชำนาญสงครามมากกว่าชนชาติใดๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางรบกันเองมากกว่าคือพม่าต่างกับอยุธยาที่ของเราเวลารบกันเองส่วนใหญ่จะเป็นแค่ในราชสำนักแต่ของพม่านี่เป็นสงครามใหญ่ขนาดรบพุงกันเลยทีเดียวแล้วยังทำสงครามเป็นร้อยๆปีกับพวกมอญ ชนกลุ่มน้อยจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ที่มหาลัยผมเคยบอกว่าท่าครั้งใดที่พม่ารวมหัวเมืองปราบพวกชนกลุ่มน้อยได้ทั้งมอญ ไทใหญ่ ความฉิบหายจะมาเยือนอยุธยาหรือไทย จะเห็นได้จากทั้ง2ครั้งที่เราเสียกรุงก็เป็น2ครั้งของประวัติศาสตร์พม่าที่เค้ารวมหัวเมืองได้(1.บุเรงนอง 2.ราชวงค์คองบอง) พม่าเค้าเคลียร์ปัญหาภายในเรียบร้อยแล้วจึงว่างลงมาปราบอยุธยาที่ชอบให้ท้ายพวกมอญทำให้พม่าเกิดปัญหาภายในซึ่งส่วนใหญ่พอพม่าแตกแยกที ทุกหัวเมืองแข็งแกร่งพอๆกันทำให้ปราบกันยากรบทีเป็นสงครามขนาดใหญ่ เช่น อังวะ แปร ตองอู พะสิบ หรือหัวเมืองมอญอย่างเมาะตะมะ ลองนึกภาพดูท่าหัวเมืองเหล่านี้รวมกันได้จะทำให้พม่ามีกำลังอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า2-3แสนคน

อย่างครั้งแรกสมัยบุเรงนองที่พม่ารวมหัวเมืองได้จนสามารถรบพิชิต10ทิศ

ครั้งที่สองสมัยราชวงค์คองบองสามารถพิชิตอยุธยา ต้านทัพจีน บุกธนบุรีต่อมาจนรัตนโกสินทร์ สู้กับอาณานิคมอังกฤษจนอังกฤษเองก็ลำบากไม่สามารถพิชิตดินแดนพม่าได้โดนง่ายถึงแม้สุดท้ายอังกฤษจะชนะสามารถยึดอังวะสิ้นสุดราชวงศ์คองบองได้ก็ตาม

จะเห็นได้ว่าพม่านั้นจะรบกันตลอดหลายสิบปีจึงทำให้เหมือนเค้าสั่งสมประสบการณ์ทำให้รบเก่งมีความชำนาญและยิ่งท่ายุคสมัยไหนที่พม่าได้ยอดคนมาเป็นผู้นำรวมหัวเมืองต่างๆได้ เช่น บุเรงนอง จะทำให้ยิ่งกว่าเสือติดปีกอีกยากที่อาณาจักรแทบนี้จะสู้ไหว
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 301
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Oct 01, 2016 9:29 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
Bellatrice พิมพ์ว่า:
Spoil
mekmessi พิมพ์ว่า:
จริงๆอีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราเปลี่ยนระบบการปกครองปลายสมัยอยุธยาจากกระจายอำนาจเป็นรวมอำนาจไว้ที่เมืองหลวงเนื่องจากปลายสมัยราชวงศ์ปราสาททองจนถึงบ้านพูลหลวงนั้นมีการก่อกบฏแข็งเมืองตามหัวเมืองบ่อยทำให้หัวเมืองต่างๆโดนลดอำนาจจนอ่อนแอลงทำให้ไม่มีกำลังแข็งเมืองหรือก่อกบฏ เหมือนเป็นดาบ2คมคือหัวเมืองนั้นไม่สามารถมีกำลังมาทำศึกภายในได้แต่ก็ทำให้หัวเมืองนั้นอ่อนแอจนโดนพม่าตีแตกโดยง่ายเพราะปกติท่าพม่ามารบกับอยุธยาจะมีหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบพอหัวเมืองอ่อนแอก็กลายเป็นเหมือนอยุธยาต้องอาศัยชัยภูมิในการรบรอน้ำหลากอย่างเดียวแต่เราก็ต้านได้อยู่ถึง14เดือนยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยารับศึกมา


อีกอย่างต้องยกเครดิตให้พม่าด้วยเตรียมตัวมาดีบุกเบิกยุทธศาสตร์ใหม่คือปกติพม่าจะยกทั้งแค่2ทางคือทางเหนือกับทางเจดีย์3องค์แต่ครั้งนี้พม่ามาเส้นทางใหม่ทางใต้ทำให้ตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารดินดำปืนใหญ่ของอยุธยาปกติเราโดนล้อมจะรักษาและใช้เส้นทางใต้ในการส่งเสบียงดินดำเข้าเมืองพอนานไปจนเข้าแรมปีดินดำอาหารในอยุธยาที่สะสมเตรียมการอย่างดีก็เริ่มหมดทำให้จะยิงปืนใหญ่ต้องขออนุญาตห้ามยิงแบบฟุ่มเฟือยเพราะดินดำมีจำกัด(แต่ตำราไทยที่เราเรียนจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศติดสนมห้ามยิงปืนใหญ่)ซึ่งพอไม่มีกระสุนดินดำต่อสู้ทำให้พม่ายิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเผารากกำแพงจนเราเสียกรุง


คคสต.ผมว่าพระเจ้าเอกทัศไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราๆเรียนกันมาเพราะพระองค์ถือยอดกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่รับศึกพม่าได้ยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยาเคยทำศึกมาต่อให้ตอนนั้นเป็นพระนเรศวร พระเจ้าตาก มารับศึกโดนมีปัจจัยการปกครองแบบเดียวกันพม่าเตรียมพร้อมมาเหมือนกันผมว่าอยุธยาก็ไม่รอดเหมือนกันครับ  
 



+1

พระเจ้าเอกทัศน์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนเขียนนั่นแหละครับ เพราะหากพระองค์ปวกเปียกอย่างที่เขียนไว้ในบทเรียนอยุธยาไม่ยันพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือนหรอก เท่าที่เคยอ่านมาอยุธยาแตกเพราะหลังๆขาดเสบียงอย่างหนักเพราะพม่าปิดเส้นทางลำเลียงเสบียงจากทางใต้เข้าสู่เมือง ถ้าเส้นทางนั้นไม่ถูกตัดขาดอยุธยาสามารถป้องกันตัวเองได้สบายๆให้พม่าล้อมสัก 10 ปีก็ไม่แตก

เนื่องจากเส้นทางเสบียงถูกตัดขาด สิ่งจำเป็นในการรักษาพระนครอย่างกระสุนดินดำจึงขาดแคลนไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการที่จะยิงปืนใหญ่แต่ละครั้งต้องขออนุญาติก่อนไม่ใช่เหตุผลปัญญาอ่อนแค่ว่านางสนมกลัวหรอก เพราะปืนใหญ่น่ะต่อให้เราไม่ยิงพม่าก็ยิงเข้ามาอยู่ดี เมื่อกระสุนดินดำขาดแคลนพม่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปืนใหญ่บนป้อมที่ยิงเข้าใส่มากนักจึงสามารถลอบขุดอุโมงค์เข้ามาเผารากกำแพงเมืองได้ นั่นคือสาเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเสียทีแก่ข้าศึก

กลับมาที่พระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนมันเขียนหรอกส่วนสาเหตุที่เราเรียนกันมาเช่นนั้นให้ลองคิดแล้วเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก การที่กษัตริย์พระองค์ใหม่ล้มล้างราชวงศ์เก่าเพื่อให้เกิดความชอบธรรมส่วนมากจึงมีการเขียนป้ายสีใส่ร้ายกษัตริย์องค์ก่อนหน้าว่าขาดคุณธรรม ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้ ส่วนมากประเทศไหนๆก็มักใช้เหตุผลนี้กันทั้งนั้นแหละ

บทเรียนพวกนี้สอนกันตั้งแต่เด็กๆเพราะเด็กมักจะไม่ตั้งคำถามอะไรมาก ลองเปรียบเทียบว่าคุณอ่านสามก๊กสมัยเด็กๆก็มักจะเข้าใจว่าเล่าปี่เป็นพระเอก โจโฉคือผู้ร้าย แต่พอคุณโตมากขึ้นความคิดความอ่านเปลี่ยนลองมาอ่านอีกที มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  


ส่วนตัวคิดว่าพระเจ้าเอกทัศน์ทรงเป็นนักปกครองมากกว่านักรบครับ เห็นได้จากการปรับมาตราชั่ง ตวง วัด ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด การมีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจกรุงศรีอยุทธยาเฟื่องฟูพอสมควร ถึงขนาดมีบันทึกว่าแม้โดนล้อมแต่ข้าวปลายังบริบูรณ์ มีเพียงขอทานที่อดตาย

การต้านรับพม่าได้นานถึง 14 เดือน ก็ควรให้เครดิตพระองค์เช่นกันครับ กรุงศรีอยุธยาในสมัยราชวงศ์ปราสาททองถึงบ้านพลูหลวงทำการลดอำนาจกับความเข้มแข็งหัวเมืองรอบนอกลงอย่างมาก ขนาดหัวเมืองสำคัญอย่างพิษณุโลกยังมีทหารได้แค่หลักพัน ทำให้เวลามีศึกทัพพม่าสามารถยึดหัวเมืองรายทางได้อย่างไม่ยากเย็น จนมาล้อมพระนครทั้งเหนือและใต้ได้ในเวลาไม่นาน แต่ทางกรุงศรีอยุธยาก็ทำการป้องกันอย่างเข้มแข็ง ทัพพม่าไม่อาจประชิดกำแพงพระนครได้เลย แต่เมื่อหมดหน้าน้ำ ซึ่งเกินกว่าที่ทางอยุธยาคาดการณ์ไว้ เสบียงและกระสุนดินเริ่มขาดแคลน ตอนนั้นแหละครับที่ทัพพม่าสามารถขุดอุโมงค์จุดไฟเผารากกำแพงเมืองจนพังและยึดกรุงศรีอยุธยาได้

ในแบบเรียนโยนบาปให้พระเจ้าเอกทัศน์มากเกินไป ในสถานการณ์และเงื่อนไขเดียวกันกับพระองค์ไม่ว่าจะให้ พระเจ้าอุทุมพร พระเจ้าปราสาททอง หรือพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมาบัญชาการทัพ ยังไงก็ยากจะรักษาพระนคร เพราะปัจจัยทุกอย่างมันสั่งสมมานาน อีกทั้ังการวางยุทธศาสตร์ของพม่าด้วย
เข้าร่วม: 26 Nov 2014
ตอบ: 1377
ที่อยู่: ชีวิตนี้กูไม่ขออะไรมาก.....ขอแค่มีข้าวให้กิน มีดินให้อยู่ มีรูให้แทง
โพสเมื่อ: Tue Nov 01, 2016 5:14 pm
[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
เจอเลสบอสกันบ้านไม่ไหว ต้องทิ้งเลน ไปตัดครีป
0
0