[RE: [ประวัติศาสตร์]พม่ารบไทย(ข้ออีกมู้ครับวันนี้จะรวบให้จบเลย)]
Bellatrice พิมพ์ว่า:
Spoil
mekmessi พิมพ์ว่า:
จริงๆอีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราเปลี่ยนระบบการปกครองปลายสมัยอยุธยาจากกระจายอำนาจเป็นรวมอำนาจไว้ที่เมืองหลวงเนื่องจากปลายสมัยราชวงศ์ปราสาททองจนถึงบ้านพูลหลวงนั้นมีการก่อกบฏแข็งเมืองตามหัวเมืองบ่อยทำให้หัวเมืองต่างๆโดนลดอำนาจจนอ่อนแอลงทำให้ไม่มีกำลังแข็งเมืองหรือก่อกบฏ เหมือนเป็นดาบ2คมคือหัวเมืองนั้นไม่สามารถมีกำลังมาทำศึกภายในได้แต่ก็ทำให้หัวเมืองนั้นอ่อนแอจนโดนพม่าตีแตกโดยง่ายเพราะปกติท่าพม่ามารบกับอยุธยาจะมีหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบพอหัวเมืองอ่อนแอก็กลายเป็นเหมือนอยุธยาต้องอาศัยชัยภูมิในการรบรอน้ำหลากอย่างเดียวแต่เราก็ต้านได้อยู่ถึง14เดือนยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยารับศึกมา
อีกอย่างต้องยกเครดิตให้พม่าด้วยเตรียมตัวมาดีบุกเบิกยุทธศาสตร์ใหม่คือปกติพม่าจะยกทั้งแค่2ทางคือทางเหนือกับทางเจดีย์3องค์แต่ครั้งนี้พม่ามาเส้นทางใหม่ทางใต้ทำให้ตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารดินดำปืนใหญ่ของอยุธยาปกติเราโดนล้อมจะรักษาและใช้เส้นทางใต้ในการส่งเสบียงดินดำเข้าเมืองพอนานไปจนเข้าแรมปีดินดำอาหารในอยุธยาที่สะสมเตรียมการอย่างดีก็เริ่มหมดทำให้จะยิงปืนใหญ่ต้องขออนุญาตห้ามยิงแบบฟุ่มเฟือยเพราะดินดำมีจำกัด(แต่ตำราไทยที่เราเรียนจะบอกว่าพระเจ้าเอกทัศติดสนมห้ามยิงปืนใหญ่)ซึ่งพอไม่มีกระสุนดินดำต่อสู้ทำให้พม่ายิ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองเผารากกำแพงจนเราเสียกรุง
คคสต.ผมว่าพระเจ้าเอกทัศไม่ได้อ่อนแออย่างที่เราๆเรียนกันมาเพราะพระองค์ถือยอดกษัตริย์องค์หนึ่งของอยุธยาที่รับศึกพม่าได้ยาวนานที่สุดตั้งแต่อยุธยาเคยทำศึกมาต่อให้ตอนนั้นเป็นพระนเรศวร พระเจ้าตาก มารับศึกโดนมีปัจจัยการปกครองแบบเดียวกันพม่าเตรียมพร้อมมาเหมือนกันผมว่าอยุธยาก็ไม่รอดเหมือนกันครับ
+1
พระเจ้าเอกทัศน์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนเขียนนั่นแหละครับ เพราะหากพระองค์ปวกเปียกอย่างที่เขียนไว้ในบทเรียนอยุธยาไม่ยันพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือนหรอก เท่าที่เคยอ่านมาอยุธยาแตกเพราะหลังๆขาดเสบียงอย่างหนักเพราะพม่าปิดเส้นทางลำเลียงเสบียงจากทางใต้เข้าสู่เมือง ถ้าเส้นทางนั้นไม่ถูกตัดขาดอยุธยาสามารถป้องกันตัวเองได้สบายๆให้พม่าล้อมสัก 10 ปีก็ไม่แตก
เนื่องจากเส้นทางเสบียงถูกตัดขาด สิ่งจำเป็นในการรักษาพระนครอย่างกระสุนดินดำจึงขาดแคลนไปด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการที่จะยิงปืนใหญ่แต่ละครั้งต้องขออนุญาติก่อนไม่ใช่เหตุผลปัญญาอ่อนแค่ว่านางสนมกลัวหรอก เพราะปืนใหญ่น่ะต่อให้เราไม่ยิงพม่าก็ยิงเข้ามาอยู่ดี เมื่อกระสุนดินดำขาดแคลนพม่าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปืนใหญ่บนป้อมที่ยิงเข้าใส่มากนักจึงสามารถลอบขุดอุโมงค์เข้ามาเผารากกำแพงเมืองได้ นั่นคือสาเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเสียทีแก่ข้าศึก
กลับมาที่พระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่บทเรียนมันเขียนหรอกส่วนสาเหตุที่เราเรียนกันมาเช่นนั้นให้ลองคิดแล้วเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก การที่กษัตริย์พระองค์ใหม่ล้มล้างราชวงศ์เก่าเพื่อให้เกิดความชอบธรรมส่วนมากจึงมีการเขียนป้ายสีใส่ร้ายกษัตริย์องค์ก่อนหน้าว่าขาดคุณธรรม ไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้ ส่วนมากประเทศไหนๆก็มักใช้เหตุผลนี้กันทั้งนั้นแหละ
บทเรียนพวกนี้สอนกันตั้งแต่เด็กๆเพราะเด็กมักจะไม่ตั้งคำถามอะไรมาก ลองเปรียบเทียบว่าคุณอ่านสามก๊กสมัยเด็กๆก็มักจะเข้าใจว่าเล่าปี่เป็นพระเอก โจโฉคือผู้ร้าย แต่พอคุณโตมากขึ้นความคิดความอ่านเปลี่ยนลองมาอ่านอีกที มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ผมว่าชนชาติพม่ารามัญนั้นชำนาญสงครามมากกว่าชนชาติใดๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางรบกันเองมากกว่าคือพม่าต่างกับอยุธยาที่ของเราเวลารบกันเองส่วนใหญ่จะเป็นแค่ในราชสำนักแต่ของพม่านี่เป็นสงครามใหญ่ขนาดรบพุงกันเลยทีเดียวแล้วยังทำสงครามเป็นร้อยๆปีกับพวกมอญ ชนกลุ่มน้อยจนถึงปัจจุบัน อาจารย์ที่มหาลัยผมเคยบอกว่าท่าครั้งใดที่พม่ารวมหัวเมืองปราบพวกชนกลุ่มน้อยได้ทั้งมอญ ไทใหญ่ ความฉิบหายจะมาเยือนอยุธยาหรือไทย จะเห็นได้จากทั้ง2ครั้งที่เราเสียกรุงก็เป็น2ครั้งของประวัติศาสตร์พม่าที่เค้ารวมหัวเมืองได้(1.บุเรงนอง 2.ราชวงค์คองบอง) พม่าเค้าเคลียร์ปัญหาภายในเรียบร้อยแล้วจึงว่างลงมาปราบอยุธยาที่ชอบให้ท้ายพวกมอญทำให้พม่าเกิดปัญหาภายในซึ่งส่วนใหญ่พอพม่าแตกแยกที ทุกหัวเมืองแข็งแกร่งพอๆกันทำให้ปราบกันยากรบทีเป็นสงครามขนาดใหญ่ เช่น อังวะ แปร ตองอู พะสิบ หรือหัวเมืองมอญอย่างเมาะตะมะ ลองนึกภาพดูท่าหัวเมืองเหล่านี้รวมกันได้จะทำให้พม่ามีกำลังอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า2-3แสนคน
อย่างครั้งแรกสมัยบุเรงนองที่พม่ารวมหัวเมืองได้จนสามารถรบพิชิต10ทิศ
ครั้งที่สองสมัยราชวงค์คองบองสามารถพิชิตอยุธยา ต้านทัพจีน บุกธนบุรีต่อมาจนรัตนโกสินทร์ สู้กับอาณานิคมอังกฤษจนอังกฤษเองก็ลำบากไม่สามารถพิชิตดินแดนพม่าได้โดนง่ายถึงแม้สุดท้ายอังกฤษจะชนะสามารถยึดอังวะสิ้นสุดราชวงศ์คองบองได้ก็ตาม
จะเห็นได้ว่าพม่านั้นจะรบกันตลอดหลายสิบปีจึงทำให้เหมือนเค้าสั่งสมประสบการณ์ทำให้รบเก่งมีความชำนาญและยิ่งท่ายุคสมัยไหนที่พม่าได้ยอดคนมาเป็นผู้นำรวมหัวเมืองต่างๆได้ เช่น บุเรงนอง จะทำให้ยิ่งกว่าเสือติดปีกอีกยากที่อาณาจักรแทบนี้จะสู้ไหว