BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5138
ที่อยู่: บ้านจ่ะ
โพสเมื่อ: Sat Dec 06, 2025 17:02
[RE: ทำไมคนทำงาน office หลายๆคน มักเข้าข้างผู้ประกอบการอะ]
Luxology พิมพ์ว่า:
luciferzz พิมพ์ว่า:
Luxology พิมพ์ว่า:
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
Silence พิมพ์ว่า:
ก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการที่กิจการมีกำไรมากหรือกำไรน้อยไง

ก็เลยไม่เข้าใจตรรกะที่ว่า บริษัทกำไรมาก ทำไมแรงงานต้องได้โบนัสเพิ่มด้วย

ถ้าอยากได้ระบบแบบนั้น เอาเป็นค่าแรง + หุ้น ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

ไม่ใช่ตอนบริษัทกำไรมาก แล้วอยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

แต่พอกำไรลด ชั้นเอาแต่ส่วนได้นะ ไม่เอาส่วนเสีย หรือถ้าขาดทุน ยินดีให้ลดเงินเดือนมั้ย …ก็ไม่

ส่วนเรื่องทอง 3 บาท เห็นควรว่าถ้ามีสัญญาบริษัทต้องให้ แต่มันก็ควรอยู่ในงบส่วนโบนัส ก็เอาทอง 3 บาทไป แต่โบนัสก็เฉลี่ยลดลงไป จบๆ  
 


อันนี้ของงตรรกะเช่นเดียวกัน เห็นหลายคนละไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน พิมพ์แบบนี้เหมือนกันเด๊ะ

ถ้าบริษัทได้กำไรต้องจ่าย"โบนัส" แต่ถ้าบริษัทกำไรลดหรือขาดทุนให้ลด"เงินเดือน"ไหม

เงินโบนัสคือส่วนต่างหากกับเงินเดือนเลย เงินเดือนเป็นFixed Costของบริษัทอยู่แล้ว แต่โบนัสไม่ใช่ แต่ทำไมเอามารวมกัน

เอาถ้าบอกถ้าบริษัทกำไรน้อยขอไม่จ่ายโบนัสดิมันถึงตรงกับประเด็นซึ่งมันคือเรื่องปรกติอยู่แล้ว ทำไมเลยไปถึงเงินเดือนได้ ไปจำภาพแบบนี้มาจากไหน

ปีที่แล้วบริษัทไดกิ้นจ่ายโบนัส7เดือนครับ ปีนี้กำไรพอๆเดิมแต่บริษัทเสนอจ่ายตอนแรก5เดือน พนักงานขอ8เดือน บริษัทเลยเอาเรื่องโบนัสกับเรื่องทองมารวมกันเสนอจ่าย6เดือนลดทองลงมาด้วย ถึงเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้ แล้วบริษัทใหญ่ๆทำงานคู่กับสหภาพกันทั้งนั้นถึงโบนัส6-8เดือนกัน  


ผมมองว่าประเด็นมันคือพนักงานอ้างว่าโบนัสควรอิงตามกำไรครับ และโบนัสมันติดลบไม่ได้อ่ะ

ถ้ามองแบบนั้น กำไรเยอะ >> โบนัสเยอะ

กำไร 0 >> โบนัส 0

แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง

ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข  


ขาดทุน ก็เลิกจ้างได้ครับ หรือแสดงความจำนนขอลดเงินเดือน เหมือนตอน Covid

Edit= ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนใหญ่ถ้าเป็นบริษัทมหาชน ถ้าปรับโครงสร้าง ขาดทุน หรือย้ายฐานการผลิต

ข้อมูลพวกนี้ประกาศเป็นทางการ ยิ่งถ้าสภาพคล่องบริษัทไม่ไหว บริษัทใหญ่จะเริ่มเลย์ พนงออกหรือยื่น ข้อเสนอ ตั้งแต่มีแพลนทันที่ ยิ่งเป็นบริษัทมหาชน พนงรู้ตั้งแต่ทำงานแล้วว่า งานมากน้อยแค่ไหน
แถมข้อมูลทางการเงิน ก็ให้ สภาแรงชี้แจงได้ ส่วนใหญ่จะรับสภาพกันได้อยู่แล้ว ยังไม่เคยเห็นที่่มีปัญหา

ขอโบนัสจากบริษัทที่ไม่ได้กำไร  


ยังไม่แน่ใจสิ่งที่ท่านจะสื่อเท่าไหร่ คือจะสื่อว่าโบนัสมันต้องแปรผันตรงตามกำไร แล้วพอปีไหนขาดทุนก็ไล่ layoff เค้าเหรอ

แต่ layoff ยังไงเค้าก็ต้องชดเชยไหมนะ สมมติชดเชย 6 เดือน เกิดมันแค่ขาดทุนปีเดียวแต่แนวโน้มยังไหว จะให้ layoff คนเลยเหรอ

ผมไม่คิดว่าจะมีพนักงานคนไหนอยากตกงานกันนะ

ที่ผมสื่อก็แค่ว่าโบนัสมันไม่ควรอิงตามผลกำไรแบบตัวเลขขนาดนั้นเท่านั้นเอง  


จริงผมจะตอบแค่ประเด็นนี้แหล่ะ

"แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง"

"ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข""

เพราะประเด็นเรื่องพวกนี้มันควร อ้างอิงตามตัวเลข ไม่มากก็น้อย

เพราะตัวเลขมันเป็นเรื่องที่คุยกันได้มากกว่าความรู้สึก (ไม่รวม Condition ใน Manual)

ก็ถ้าบริษัทขาดทุน ก็ไม่มีโบนัส ตัวเลขงบประมาณแจ้งมาว่าขาดทุน ไม่ได้โบนัสก็ถูกแล้ว ซึ่งสถานการณ์ขาดทุน

มันจะไม่ใช่ต้องมาทำงานหามรุ่งห้ามค่ำแบบนี้อยู่แล้ว สุดท้ายมันก็จะมีการปรับเงินเดือนเลออฟพนักงานบางส่วน

และแน่นอน ถ้ามีพนงยังจะมาเรียกร้องแบบนี้ ผมว่าเรื่องมันจะเข้าใจกันง่ายกว่านี้ว่าควรยืนฝั่งไหน

เข้าใจว่าไม่มีพนักงานคนไหนอยากตกงาน และเช่นกัน ตามแมนนวลพนักงานก็ทำตามPotential ทีสมควรได้ ตัวเลขมันแจ้งออกมายังไง ก็ควรปรับและเจรจาตามนั้น ซึ่งบริษัทมหาชนตัวเลขมัน ชัดเจนมากๆ

ว่าเงินรายได้มันได้มายังไงแบบไหน ซึ่งในกรณีนี้ผมพูดถึงเคสบริษัทมหาชนเป็นหลัก

และเช่นกัน ถ้าต้องการลงทุนอะไรเพิ่มเติม หรือจะเปลี่ยนเงื่อนไขอะไร มันควรมี Notice มาก่อนหน้านี้ไม๊

ซึ่งที่ฟังสรุปมา ประเด็นมันคือเรื่องทอง เพราะเรื่องโบนัส ไดกินโอเคแล้ว สุดท้ายไดกิ้นจะยอมจบเรื่องทองนี้ยังไง  


อิงแนวโน้มบ้างคือเข้าใจนะ แต่สิ่งที่เค้าอ้างหลักๆคือบอกว่ากำไรมันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนแค่นั้น ซึ่งสำหรับผมมองว่ามันไม่ได้เกี่ยวกันขนาดนั้น

แถมในความเป็นจริงกำไรเพิ่มจากปีก่อนเพียง 6% เอง แต่สิ่งที่เค้าขอเพิ่มมันเกิน 10% ด้วยซ้ำ

ถ้ามันมีในสัญญาว่าโบนัสต้องตามกำไรเป็นสัดส่วนบลาๆ ผมก็จะไม่เถียงอะไรเลย แต่ถ้าไม่มีเขียนมันก็แค่ขึ้นกับเค้าตัดสินใจและการเจรจา
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5138
ที่อยู่: บ้านจ่ะ
โพสเมื่อ: Sat Dec 06, 2025 18:35
[RE: ทำไมคนทำงาน office หลายๆคน มักเข้าข้างผู้ประกอบการอะ]
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
Silence พิมพ์ว่า:
ก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการที่กิจการมีกำไรมากหรือกำไรน้อยไง

ก็เลยไม่เข้าใจตรรกะที่ว่า บริษัทกำไรมาก ทำไมแรงงานต้องได้โบนัสเพิ่มด้วย

ถ้าอยากได้ระบบแบบนั้น เอาเป็นค่าแรง + หุ้น ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

ไม่ใช่ตอนบริษัทกำไรมาก แล้วอยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

แต่พอกำไรลด ชั้นเอาแต่ส่วนได้นะ ไม่เอาส่วนเสีย หรือถ้าขาดทุน ยินดีให้ลดเงินเดือนมั้ย …ก็ไม่

ส่วนเรื่องทอง 3 บาท เห็นควรว่าถ้ามีสัญญาบริษัทต้องให้ แต่มันก็ควรอยู่ในงบส่วนโบนัส ก็เอาทอง 3 บาทไป แต่โบนัสก็เฉลี่ยลดลงไป จบๆ  
 


อันนี้ของงตรรกะเช่นเดียวกัน เห็นหลายคนละไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน พิมพ์แบบนี้เหมือนกันเด๊ะ

ถ้าบริษัทได้กำไรต้องจ่าย"โบนัส" แต่ถ้าบริษัทกำไรลดหรือขาดทุนให้ลด"เงินเดือน"ไหม

เงินโบนัสคือส่วนต่างหากกับเงินเดือนเลย เงินเดือนเป็นFixed Costของบริษัทอยู่แล้ว แต่โบนัสไม่ใช่ แต่ทำไมเอามารวมกัน

เอาถ้าบอกถ้าบริษัทกำไรน้อยขอไม่จ่ายโบนัสดิมันถึงตรงกับประเด็นซึ่งมันคือเรื่องปรกติอยู่แล้ว ทำไมเลยไปถึงเงินเดือนได้ ไปจำภาพแบบนี้มาจากไหน

ปีที่แล้วบริษัทไดกิ้นจ่ายโบนัส7เดือนครับ ปีนี้กำไรพอๆเดิมแต่บริษัทเสนอจ่ายตอนแรก5เดือน พนักงานขอ8เดือน บริษัทเลยเอาเรื่องโบนัสกับเรื่องทองมารวมกันเสนอจ่าย6เดือนลดทองลงมาด้วย ถึงเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้ แล้วบริษัทใหญ่ๆทำงานคู่กับสหภาพกันทั้งนั้นถึงโบนัส6-8เดือนกัน  


ผมมองว่าประเด็นมันคือพนักงานอ้างว่าโบนัสควรอิงตามกำไรครับ และโบนัสมันติดลบไม่ได้อ่ะ

ถ้ามองแบบนั้น กำไรเยอะ >> โบนัสเยอะ

กำไร 0 >> โบนัส 0

แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง

ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข  
 


ถ้าแบบนั้นพอเข้าใจ แต่ก็อยากให้แยกออกจากกัน

เงินเดือนก็ขึ้นเป็น%เล็กๆน้อยเกือบทุกปีอยู่แล้ว ก็อิงๆจากผลกำไรนั่นละแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องนี้สหภาพก็มีส่วนในการเจรจา

ส่วนโบนัสมันคือของขวัญ ซึ่งสหภาพเขาก็ดูจากผลกำไรของบริษัทนั่นแหละครับและเทียบกับปีที่ผ่านๆมาถึงออกตัวเลขที่เรียกร้องออกมา  


อย่างที่ผมบอกไงว่าเค้ารู้ว่ามันต้องแยกกัน แต่ในเมื่อเค้ามองว่ากำไรเยอะขึ้นต้องได้เยอะขึ้น แล้ววันนี้ขาดทุนจะทำยังไง

ในเมืองโบนัสมันไม่มีติดลบ มันก็ต้องมองถึงพวกเงินเดือน เงิน ot อะไรแบบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราก็รู้ว่ามันห้ามตัด

ดังนั้นโบนัสมันก็ไม่ควรที่จะอิงตามกำไรตามตัวเลขขนาดนั้น

ถ้าเค้ามองว่าโบนัสคือของขวัญอย่างท่านว่าจริง มันคงจะไม่เกิดการเรียกร้องต่อรองหรอก แต่การที่เค้าเรียกร้องก็เป็นสิทธิ์ของเค้า

อีกอย่างลองดูกำไร เทียบปีก่อน เพิ่มขึ้น 6% อ้างอิงจากนี่

https://www.thansettakij.com/business/645783

แต่ลองดูที่เค้าขอเทียบปีก่อน

โบนัสจาก 7 เป็น 8 เดือน > เพิ่มขึ้น 14%

เงินเพิ่ม 21k เป็น 28k > เพิ่มขึ้น 33.33%

หรือถ้าเทียบปีก่อนๆ คุ้นๆว่าเค้าบอกในรายการเฮีย ส ว่าเคยสูงสุด 7.8 เดือนมั้ง ซึ่งปี 2566 ได้กำไรถึง 7พันล้าน

กำไรเยอะกว่าปีนี้เกือบ 17% แต่จะขอเกินที่เคยให้สูงสุดอีก สุดท้ายแล้วมันอิงจริงรึเปล่า

ยังย้ำคำเดิม เค้ามีสิทธิ์เรียกร้อง แต่เรื่องตัวเลขมันต้องมาดูกันอีกที  
 


Spoil
นั่นละครับเรื่องที่ต้องคุยกันไม่ใช่เรื่องเงินเดือน

ปีที่แล้วที่ได้7เดือน เขาอาจจะขอ8เดือนแล้วบริษัทลดลงมา7ก็ได้ ปีที่ได้7.8เดือนเขาอาจจะขอ9เดือนแล้วต่อรองกันเหลือ7.8เดือนก็ได้

ปีนี้บริษัทให้ข้อเสนอแรก5เดือนก็อาจจะเพื่อต้องให้ให้ต่อรองเพื่อให้เหลือ6เดือนแบบการเจรจารอบล่าสุดนี้ก็ได้

มันเหมือนการต่อราคานั่นละครับตอนนี้ คนขายตั้งราคาแพง คนขายตั้งราคาถูก สรุปกันที่คนละครึ่งทาง มันอยู่ที่การเจรจาล้วนๆโดยอิงจากผลกำไรบริษัท

แต่เรื่องโบนัสจะจบที่6หรือ7เดือนตอนนี้ผมว่าไม่ใช่ประเด็นหลักแล้วส่วนต่างนิดเดียว หลักๆปัญหาตอนนี้คือเรื่องทอง ที่มันจะเป็นรายจ่ายที่โตขึ้นเรื่อยๆที่ต้องเปลี่ยนแปลงไม่งั้นบริษัทก็ไม่ไหว

โบนัสคิดคร่าวๆพนักงานตก2พันคน เงินเดือน20kละกัน โบนัส7เดือน = 280ล้าน = 4.7%ของผลกำไรสุทธิ

เงินกินเปล่า21k พนักงาน2พันคน = 42ล้าน = 0.7%ของผลกำไรสุทธิ

ทองคำ1300คนเฉลี่ยคนละ1.8บาทละกัน ทองบาทละ62k = 145ล้าน = 2.4%ของผลกำไรสุทธิ (ถ้าปีที่แล้วทอง43k = 100ล้าน)

ผมว่ามันต้องดูแบบนี้อะครับ แล้วค่อยมาเจรจาต่อรองกัน  


**ด้านบนคำนวนแบบรีบงานเข้าพอดี มาคำนวนแบบละเอียดละกัน

ตีว่ามีคนงาน2000คน เงินเดือนเฉลี่ย25k คนได้ทอง1300คน เฉลี่ยไดคนละ1.8บาททอง

ปี2567 กำไร5567ล้านบาท

โบนัส 7เดือน = 25k*7*2000 = 350ล้านบาท = 6.28%ของกำไรสุทธิปี67
เงินกินเปล่า 21k = 21k*2000 = 42ล้านบาท = 0.75%ของกำไรสุทธิปี67
ทองบาทละ43k(ธันวา67) = 43k*1.8*1300 = 100ล้านบาท = 1.79%ของกำไรสุทธิปี67

รวมสวัสดิการส่วนนี้ปี67 = 492ล้านบาท = 8.83%ของกำไรสุทธิปี67

***

ปี2568 กำไร5906ล้านบาท สหภาพเสนอ

โบนัส 8เดือน = 25k*8*2000 = 400ล้านบาท = 6.77%ของกำไรสุทธิปี68
เงินกินเปล่า 28k = 28k*2000 = 56ล้านบาท = 0.95%ของกำไรสุทธิปี68
ทองบาทละ62k(ธันวา68) = 62k*1.8*1300 = 145ล้านบาท = 2.45%ของกำไรสุทธิปี68

รวมที่สหภาพเสนอปี68 = 601ล้านบาท = 10.17%ของกำไรสุทธิปี68

***

จะเห็นได้ว่าที่สหภาพเสนอไม่ได้ต่างจากปีที่แล้วมากนัก เอาแค่ที่เสนอจริงๆคือโบนัส+เงินกินเปล่าเพิ่มขึ้น0.69% และอย่าลืมว่าเป็นการเสนอเผื่อต่อรอง

ส่วนทองเพิ่มขึ้น0.66%และมันเป็นFixed Costที่ต้องจ่ายทุกปีต่างจากโบนัสที่ขึ้นลงตามผลกำไร

***

ย้ำตรงนี้อีกทีสหภาพเขาไม่ได้มโนตัวเลขขึ้นมามั่วๆหลอกครับ คนนำในสหภาพแต่ละคนก็น่าจะหัวกะทิทั้งนั้น เขาคำนวนกันมาแล้ว  


เอ่อ 0.69% เทียบกับที่จ่ายปีก่อนมันก็เพิ่ม 10% ละนะเพราะเดิมรวมๆมัน 7%

ถ้าจะเอาเท่าเดิมจริงๆสัดส่วนต้องเท่าเดิมสิ แต่เอาจริงๆมันไปคิดมาลบด้วยกันไม่ได้นะ เพราะส่วนมันคนละตัวกัน

อีกอย่างจากที่เค้าสัมภาษณ์มา เงินเดือนมันอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆเองไม่ใช่เหรอ อย่างงั้นสัดส่วนยิ่งเพิ่มไปอีก

สมมติว่าเงินเดือน 15k ปีก่อนจะจ่าย 252M เอาสัดส่วนเดิมปีนี้ควรจ่าย 252x(5906/5567) =267.345M

แต่เค้าขอปีนี้เป็น 296M เท่าแล้วสัดส่วนเพิ่มจากที่สัดส่วนเดิม 11.1% ละนี่ยังไม่รวมว่าปีก่อนมีเงินขึ้น 4.5% ด้วยละนะ

ถ้าแบบนั้นรายจ่ายบริษัทมันจะขึ้นอีก

หัวกะทิจริงไม่น่าคิดแบบนี้มั้งท่าน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 May 2023
ตอบ: 989
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Dec 06, 2025 19:01
[RE: ทำไมคนทำงาน office หลายๆคน มักเข้าข้างผู้ประกอบการอะ]
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
Silence พิมพ์ว่า:
ก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการที่กิจการมีกำไรมากหรือกำไรน้อยไง

ก็เลยไม่เข้าใจตรรกะที่ว่า บริษัทกำไรมาก ทำไมแรงงานต้องได้โบนัสเพิ่มด้วย

ถ้าอยากได้ระบบแบบนั้น เอาเป็นค่าแรง + หุ้น ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

ไม่ใช่ตอนบริษัทกำไรมาก แล้วอยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท

แต่พอกำไรลด ชั้นเอาแต่ส่วนได้นะ ไม่เอาส่วนเสีย หรือถ้าขาดทุน ยินดีให้ลดเงินเดือนมั้ย …ก็ไม่

ส่วนเรื่องทอง 3 บาท เห็นควรว่าถ้ามีสัญญาบริษัทต้องให้ แต่มันก็ควรอยู่ในงบส่วนโบนัส ก็เอาทอง 3 บาทไป แต่โบนัสก็เฉลี่ยลดลงไป จบๆ  
 


อันนี้ของงตรรกะเช่นเดียวกัน เห็นหลายคนละไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน พิมพ์แบบนี้เหมือนกันเด๊ะ

ถ้าบริษัทได้กำไรต้องจ่าย"โบนัส" แต่ถ้าบริษัทกำไรลดหรือขาดทุนให้ลด"เงินเดือน"ไหม

เงินโบนัสคือส่วนต่างหากกับเงินเดือนเลย เงินเดือนเป็นFixed Costของบริษัทอยู่แล้ว แต่โบนัสไม่ใช่ แต่ทำไมเอามารวมกัน

เอาถ้าบอกถ้าบริษัทกำไรน้อยขอไม่จ่ายโบนัสดิมันถึงตรงกับประเด็นซึ่งมันคือเรื่องปรกติอยู่แล้ว ทำไมเลยไปถึงเงินเดือนได้ ไปจำภาพแบบนี้มาจากไหน

ปีที่แล้วบริษัทไดกิ้นจ่ายโบนัส7เดือนครับ ปีนี้กำไรพอๆเดิมแต่บริษัทเสนอจ่ายตอนแรก5เดือน พนักงานขอ8เดือน บริษัทเลยเอาเรื่องโบนัสกับเรื่องทองมารวมกันเสนอจ่าย6เดือนลดทองลงมาด้วย ถึงเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้ แล้วบริษัทใหญ่ๆทำงานคู่กับสหภาพกันทั้งนั้นถึงโบนัส6-8เดือนกัน  


ผมมองว่าประเด็นมันคือพนักงานอ้างว่าโบนัสควรอิงตามกำไรครับ และโบนัสมันติดลบไม่ได้อ่ะ

ถ้ามองแบบนั้น กำไรเยอะ >> โบนัสเยอะ

กำไร 0 >> โบนัส 0

แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง

ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข  
 


ถ้าแบบนั้นพอเข้าใจ แต่ก็อยากให้แยกออกจากกัน

เงินเดือนก็ขึ้นเป็น%เล็กๆน้อยเกือบทุกปีอยู่แล้ว ก็อิงๆจากผลกำไรนั่นละแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องนี้สหภาพก็มีส่วนในการเจรจา

ส่วนโบนัสมันคือของขวัญ ซึ่งสหภาพเขาก็ดูจากผลกำไรของบริษัทนั่นแหละครับและเทียบกับปีที่ผ่านๆมาถึงออกตัวเลขที่เรียกร้องออกมา  


อย่างที่ผมบอกไงว่าเค้ารู้ว่ามันต้องแยกกัน แต่ในเมื่อเค้ามองว่ากำไรเยอะขึ้นต้องได้เยอะขึ้น แล้ววันนี้ขาดทุนจะทำยังไง

ในเมืองโบนัสมันไม่มีติดลบ มันก็ต้องมองถึงพวกเงินเดือน เงิน ot อะไรแบบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราก็รู้ว่ามันห้ามตัด

ดังนั้นโบนัสมันก็ไม่ควรที่จะอิงตามกำไรตามตัวเลขขนาดนั้น

ถ้าเค้ามองว่าโบนัสคือของขวัญอย่างท่านว่าจริง มันคงจะไม่เกิดการเรียกร้องต่อรองหรอก แต่การที่เค้าเรียกร้องก็เป็นสิทธิ์ของเค้า

อีกอย่างลองดูกำไร เทียบปีก่อน เพิ่มขึ้น 6% อ้างอิงจากนี่

https://www.thansettakij.com/business/645783

แต่ลองดูที่เค้าขอเทียบปีก่อน

โบนัสจาก 7 เป็น 8 เดือน > เพิ่มขึ้น 14%

เงินเพิ่ม 21k เป็น 28k > เพิ่มขึ้น 33.33%

หรือถ้าเทียบปีก่อนๆ คุ้นๆว่าเค้าบอกในรายการเฮีย ส ว่าเคยสูงสุด 7.8 เดือนมั้ง ซึ่งปี 2566 ได้กำไรถึง 7พันล้าน

กำไรเยอะกว่าปีนี้เกือบ 17% แต่จะขอเกินที่เคยให้สูงสุดอีก สุดท้ายแล้วมันอิงจริงรึเปล่า

ยังย้ำคำเดิม เค้ามีสิทธิ์เรียกร้อง แต่เรื่องตัวเลขมันต้องมาดูกันอีกที  
 


Spoil
นั่นละครับเรื่องที่ต้องคุยกันไม่ใช่เรื่องเงินเดือน

ปีที่แล้วที่ได้7เดือน เขาอาจจะขอ8เดือนแล้วบริษัทลดลงมา7ก็ได้ ปีที่ได้7.8เดือนเขาอาจจะขอ9เดือนแล้วต่อรองกันเหลือ7.8เดือนก็ได้

ปีนี้บริษัทให้ข้อเสนอแรก5เดือนก็อาจจะเพื่อต้องให้ให้ต่อรองเพื่อให้เหลือ6เดือนแบบการเจรจารอบล่าสุดนี้ก็ได้

มันเหมือนการต่อราคานั่นละครับตอนนี้ คนขายตั้งราคาแพง คนขายตั้งราคาถูก สรุปกันที่คนละครึ่งทาง มันอยู่ที่การเจรจาล้วนๆโดยอิงจากผลกำไรบริษัท

แต่เรื่องโบนัสจะจบที่6หรือ7เดือนตอนนี้ผมว่าไม่ใช่ประเด็นหลักแล้วส่วนต่างนิดเดียว หลักๆปัญหาตอนนี้คือเรื่องทอง ที่มันจะเป็นรายจ่ายที่โตขึ้นเรื่อยๆที่ต้องเปลี่ยนแปลงไม่งั้นบริษัทก็ไม่ไหว

โบนัสคิดคร่าวๆพนักงานตก2พันคน เงินเดือน20kละกัน โบนัส7เดือน = 280ล้าน = 4.7%ของผลกำไรสุทธิ

เงินกินเปล่า21k พนักงาน2พันคน = 42ล้าน = 0.7%ของผลกำไรสุทธิ

ทองคำ1300คนเฉลี่ยคนละ1.8บาทละกัน ทองบาทละ62k = 145ล้าน = 2.4%ของผลกำไรสุทธิ (ถ้าปีที่แล้วทอง43k = 100ล้าน)

ผมว่ามันต้องดูแบบนี้อะครับ แล้วค่อยมาเจรจาต่อรองกัน  


**ด้านบนคำนวนแบบรีบงานเข้าพอดี มาคำนวนแบบละเอียดละกัน

ตีว่ามีคนงาน2000คน เงินเดือนเฉลี่ย25k คนได้ทอง1300คน เฉลี่ยไดคนละ1.8บาททอง

ปี2567 กำไร5567ล้านบาท

โบนัส 7เดือน = 25k*7*2000 = 350ล้านบาท = 6.28%ของกำไรสุทธิปี67
เงินกินเปล่า 21k = 21k*2000 = 42ล้านบาท = 0.75%ของกำไรสุทธิปี67
ทองบาทละ43k(ธันวา67) = 43k*1.8*1300 = 100ล้านบาท = 1.79%ของกำไรสุทธิปี67

รวมสวัสดิการส่วนนี้ปี67 = 492ล้านบาท = 8.83%ของกำไรสุทธิปี67

***

ปี2568 กำไร5906ล้านบาท สหภาพเสนอ

โบนัส 8เดือน = 25k*8*2000 = 400ล้านบาท = 6.77%ของกำไรสุทธิปี68
เงินกินเปล่า 28k = 28k*2000 = 56ล้านบาท = 0.95%ของกำไรสุทธิปี68
ทองบาทละ62k(ธันวา68) = 62k*1.8*1300 = 145ล้านบาท = 2.45%ของกำไรสุทธิปี68

รวมที่สหภาพเสนอปี68 = 601ล้านบาท = 10.17%ของกำไรสุทธิปี68

***

จะเห็นได้ว่าที่สหภาพเสนอไม่ได้ต่างจากปีที่แล้วมากนัก เอาแค่ที่เสนอจริงๆคือโบนัส+เงินกินเปล่าเพิ่มขึ้น0.69% และอย่าลืมว่าเป็นการเสนอเผื่อต่อรอง

ส่วนทองเพิ่มขึ้น0.66%และมันเป็นFixed Costที่ต้องจ่ายทุกปีต่างจากโบนัสที่ขึ้นลงตามผลกำไร

***

ย้ำตรงนี้อีกทีสหภาพเขาไม่ได้มโนตัวเลขขึ้นมามั่วๆหลอกครับ คนนำในสหภาพแต่ละคนก็น่าจะหัวกะทิทั้งนั้น เขาคำนวนกันมาแล้ว  


เอ่อ 0.69% เทียบกับที่จ่ายปีก่อนมันก็เพิ่ม 10% ละนะเพราะเดิมรวมๆมัน 7%

ถ้าจะเอาเท่าเดิมจริงๆสัดส่วนต้องเท่าเดิมสิ แต่เอาจริงๆมันไปคิดมาลบด้วยกันไม่ได้นะ เพราะส่วนมันคนละตัวกัน

อีกอย่างจากที่เค้าสัมภาษณ์มา เงินเดือนมันอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆเองไม่ใช่เหรอ อย่างงั้นสัดส่วนยิ่งเพิ่มไปอีก

สมมติว่าเงินเดือน 15k ปีก่อนจะจ่าย 252M เอาสัดส่วนเดิมปีนี้ควรจ่าย 252x(5906/5567) =267.345M

แต่เค้าขอปีนี้เป็น 296M เท่าแล้วสัดส่วนเพิ่มจากที่สัดส่วนเดิม 11.1% ละนี่ยังไม่รวมว่าปีก่อนมีเงินขึ้น 4.5% ด้วยละนะ

ถ้าแบบนั้นรายจ่ายบริษัทมันจะขึ้นอีก

หัวกะทิจริงไม่น่าคิดแบบนี้มั้งท่าน  
 


ผมไม่รู้จะว่าจริงๆเขาคิดยังไง แต่เทียบกับข่าวและปีก่อนๆ เขาน่าจะคิดแบบผมคือคิดจากกำไรสุทธิเพราะไม่งั้นบริษัทคงไม่จ่าย 7เดือน หรือ7.8เดือนได้ ในปีที่ผ่านๆมา เพราะเขาจ่ายกันแบบนี้แทบทุกปีถ้าจะคิดแบบที่คุณคิดคงไม่ใช่อะครับ

ปีที่7.8เดือนน่าจะเป็นปีที่กำไรเยอะสุดนั่นละมั้งปี66 คิดคร่าวๆก็รวมๆตก7.5-8%ของผลกำไรสุทธิ และอย่าลืมประเด็นสำคัญคือเป็นตัวเลขเพื่อต่อรอง สรุปก็อาจจะเหลือ6หรือ7เดือน ตัวเลขก็ลดลงมาอีกนิดเดียว

สมมุติเอาตัวเลขตอนนี้ที่บริษัทเสนอคือ

6เดือน+12kกินเปล่า = 324ล้าน = 5.48%ของกำไรสุทธิปี68
ที่สหภาพเสนอ = 456 ล้าน = 7.7%ของกำไรสุทธิปี68
ปีที่แล้ว = 392ล้านบาท = 7.0%ของกำไรสุทธิปี67
ถ้า7.8เดือนเป็นของปี66จริงๆ = 390ล้านบาทไม่รวมเงินกินเปล่า = 5.57%ของกำไรสุทธิปี66

ถ้าคิดเแบบคุณบริษัทคงไม่ยอมในปีก่อนๆมั้งครับถ้าคิด10-20% เพราะสหภาพเขาก็บอกเองว่าดูจากกำไรสุทธิ5906ล้านบาทเขาถึงเรียกไปตัวเลขนี้

ส่วนเงินเดือนขึ้นอย่าเอามารวมครับมันคือFix ต่อรองกันส่วนใหญ่ยังไงก็ให้ไม่เกิน15-20%ของรายได้รวมอยู่แล้ว

คิดเงินเดือนให้เลยก็ได้ รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ50000ล้าน คาดว่า20%ละกันที่เป็นเงินเดือน = 10000ล้าน ปีที่แล้วเพื่ม4.5% = ฟิคคอสเพิ่มขึ้น450ล้าน แล้วตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นทุกปีอยู่แล้วทุกบริษัทเพราะเงินเดือนขึ้นทุกปีอยู่แล้วแต่ขึ้นกี่%แค่นั้น

***เพิ่มอีกเรื่องถ้าคิดแบบคุณจริงๆ 21k>28k = 33% ตอนนี้บริษัทเสนอ12k มันคือลดลง43%เลยนะครับ มันคิดแบบที่คุณคิดจริงหรอ
แก้ไขล่าสุดโดย l3l3l3l3 เมื่อ Sat Dec 06, 2025 19:31, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel