[RE: ทำไมคนทำงาน office หลายๆคน มักเข้าข้างผู้ประกอบการอะ]
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
luciferzz พิมพ์ว่า:
l3l3l3l3 พิมพ์ว่า:
Spoil
Silence พิมพ์ว่า:
ก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการที่กิจการมีกำไรมากหรือกำไรน้อยไง
ก็เลยไม่เข้าใจตรรกะที่ว่า บริษัทกำไรมาก ทำไมแรงงานต้องได้โบนัสเพิ่มด้วย
ถ้าอยากได้ระบบแบบนั้น เอาเป็นค่าแรง + หุ้น ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท
ไม่ใช่ตอนบริษัทกำไรมาก แล้วอยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับกำไรบริษัท
แต่พอกำไรลด ชั้นเอาแต่ส่วนได้นะ ไม่เอาส่วนเสีย หรือถ้าขาดทุน ยินดีให้ลดเงินเดือนมั้ย …ก็ไม่
ส่วนเรื่องทอง 3 บาท เห็นควรว่าถ้ามีสัญญาบริษัทต้องให้ แต่มันก็ควรอยู่ในงบส่วนโบนัส ก็เอาทอง 3 บาทไป แต่โบนัสก็เฉลี่ยลดลงไป จบๆ
อันนี้ของงตรรกะเช่นเดียวกัน เห็นหลายคนละไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน พิมพ์แบบนี้เหมือนกันเด๊ะ
ถ้าบริษัทได้กำไรต้องจ่าย"โบนัส" แต่ถ้าบริษัทกำไรลดหรือขาดทุนให้ลด"เงินเดือน"ไหม
เงินโบนัสคือส่วนต่างหากกับเงินเดือนเลย เงินเดือนเป็นFixed Costของบริษัทอยู่แล้ว แต่โบนัสไม่ใช่ แต่ทำไมเอามารวมกัน
เอาถ้าบอกถ้าบริษัทกำไรน้อยขอไม่จ่ายโบนัสดิมันถึงตรงกับประเด็นซึ่งมันคือเรื่องปรกติอยู่แล้ว ทำไมเลยไปถึงเงินเดือนได้ ไปจำภาพแบบนี้มาจากไหน
ปีที่แล้วบริษัทไดกิ้นจ่ายโบนัส7เดือนครับ ปีนี้กำไรพอๆเดิมแต่บริษัทเสนอจ่ายตอนแรก5เดือน พนักงานขอ8เดือน บริษัทเลยเอาเรื่องโบนัสกับเรื่องทองมารวมกันเสนอจ่าย6เดือนลดทองลงมาด้วย ถึงเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้ แล้วบริษัทใหญ่ๆทำงานคู่กับสหภาพกันทั้งนั้นถึงโบนัส6-8เดือนกัน
ผมมองว่าประเด็นมันคือพนักงานอ้างว่าโบนัสควรอิงตามกำไรครับ และโบนัสมันติดลบไม่ได้อ่ะ
ถ้ามองแบบนั้น กำไรเยอะ >> โบนัสเยอะ
กำไร 0 >> โบนัส 0
แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง
ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข
ถ้าแบบนั้นพอเข้าใจ แต่ก็อยากให้แยกออกจากกัน
เงินเดือนก็ขึ้นเป็น%เล็กๆน้อยเกือบทุกปีอยู่แล้ว ก็อิงๆจากผลกำไรนั่นละแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องนี้สหภาพก็มีส่วนในการเจรจา
ส่วนโบนัสมันคือของขวัญ ซึ่งสหภาพเขาก็ดูจากผลกำไรของบริษัทนั่นแหละครับและเทียบกับปีที่ผ่านๆมาถึงออกตัวเลขที่เรียกร้องออกมา
อย่างที่ผมบอกไงว่าเค้ารู้ว่ามันต้องแยกกัน แต่ในเมื่อเค้ามองว่ากำไรเยอะขึ้นต้องได้เยอะขึ้น แล้ววันนี้ขาดทุนจะทำยังไง
ในเมืองโบนัสมันไม่มีติดลบ มันก็ต้องมองถึงพวกเงินเดือน เงิน ot อะไรแบบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราก็รู้ว่ามันห้ามตัด
ดังนั้นโบนัสมันก็ไม่ควรที่จะอิงตามกำไรตามตัวเลขขนาดนั้น
ถ้าเค้ามองว่าโบนัสคือของขวัญอย่างท่านว่าจริง มันคงจะไม่เกิดการเรียกร้องต่อรองหรอก แต่การที่เค้าเรียกร้องก็เป็นสิทธิ์ของเค้า
อีกอย่างลองดูกำไร เทียบปีก่อน เพิ่มขึ้น 6% อ้างอิงจากนี่
https://www.thansettakij.com/business/645783
แต่ลองดูที่เค้าขอเทียบปีก่อน
โบนัสจาก 7 เป็น 8 เดือน > เพิ่มขึ้น 14%
เงินเพิ่ม 21k เป็น 28k > เพิ่มขึ้น 33.33%
หรือถ้าเทียบปีก่อนๆ คุ้นๆว่าเค้าบอกในรายการเฮีย ส ว่าเคยสูงสุด 7.8 เดือนมั้ง ซึ่งปี 2566 ได้กำไรถึง 7พันล้าน
กำไรเยอะกว่าปีนี้เกือบ 17% แต่จะขอเกินที่เคยให้สูงสุดอีก สุดท้ายแล้วมันอิงจริงรึเปล่า
ยังย้ำคำเดิม เค้ามีสิทธิ์เรียกร้อง แต่เรื่องตัวเลขมันต้องมาดูกันอีกที
Spoil
นั่นละครับเรื่องที่ต้องคุยกันไม่ใช่เรื่องเงินเดือน
ปีที่แล้วที่ได้7เดือน เขาอาจจะขอ8เดือนแล้วบริษัทลดลงมา7ก็ได้ ปีที่ได้7.8เดือนเขาอาจจะขอ9เดือนแล้วต่อรองกันเหลือ7.8เดือนก็ได้
ปีนี้บริษัทให้ข้อเสนอแรก5เดือนก็อาจจะเพื่อต้องให้ให้ต่อรองเพื่อให้เหลือ6เดือนแบบการเจรจารอบล่าสุดนี้ก็ได้
มันเหมือนการต่อราคานั่นละครับตอนนี้ คนขายตั้งราคาแพง คนขายตั้งราคาถูก สรุปกันที่คนละครึ่งทาง มันอยู่ที่การเจรจาล้วนๆโดยอิงจากผลกำไรบริษัท
แต่เรื่องโบนัสจะจบที่6หรือ7เดือนตอนนี้ผมว่าไม่ใช่ประเด็นหลักแล้วส่วนต่างนิดเดียว หลักๆปัญหาตอนนี้คือเรื่องทอง ที่มันจะเป็นรายจ่ายที่โตขึ้นเรื่อยๆที่ต้องเปลี่ยนแปลงไม่งั้นบริษัทก็ไม่ไหว
โบนัสคิดคร่าวๆพนักงานตก2พันคน เงินเดือน20kละกัน โบนัส7เดือน = 280ล้าน = 4.7%ของผลกำไรสุทธิ
เงินกินเปล่า21k พนักงาน2พันคน = 42ล้าน = 0.7%ของผลกำไรสุทธิ
ทองคำ1300คนเฉลี่ยคนละ1.8บาทละกัน ทองบาทละ62k = 145ล้าน = 2.4%ของผลกำไรสุทธิ (ถ้าปีที่แล้วทอง43k = 100ล้าน)
ผมว่ามันต้องดูแบบนี้อะครับ แล้วค่อยมาเจรจาต่อรองกัน
**ด้านบนคำนวนแบบรีบงานเข้าพอดี มาคำนวนแบบละเอียดละกัน
ตีว่ามีคนงาน2000คน เงินเดือนเฉลี่ย25k คนได้ทอง1300คน เฉลี่ยไดคนละ1.8บาททอง
ปี2567 กำไร5567ล้านบาท
โบนัส 7เดือน = 25k*7*2000 = 350ล้านบาท = 6.28%ของกำไรสุทธิปี67
เงินกินเปล่า 21k = 21k*2000 = 42ล้านบาท = 0.75%ของกำไรสุทธิปี67
ทองบาทละ43k(ธันวา67) = 43k*1.8*1300 = 100ล้านบาท = 1.79%ของกำไรสุทธิปี67
รวมสวัสดิการส่วนนี้ปี67 = 492ล้านบาท = 8.83%ของกำไรสุทธิปี67
***
ปี2568 กำไร5906ล้านบาท สหภาพเสนอ
โบนัส 8เดือน = 25k*8*2000 = 400ล้านบาท = 6.77%ของกำไรสุทธิปี68
เงินกินเปล่า 28k = 28k*2000 = 56ล้านบาท = 0.95%ของกำไรสุทธิปี68
ทองบาทละ62k(ธันวา68) = 62k*1.8*1300 = 145ล้านบาท = 2.45%ของกำไรสุทธิปี68
รวมที่สหภาพเสนอปี68 = 601ล้านบาท = 10.17%ของกำไรสุทธิปี68
***
จะเห็นได้ว่าที่สหภาพเสนอไม่ได้ต่างจากปีที่แล้วมากนัก เอาแค่ที่เสนอจริงๆคือโบนัส+เงินกินเปล่าเพิ่มขึ้น0.69% และอย่าลืมว่าเป็นการเสนอเผื่อต่อรอง
ส่วนทองเพิ่มขึ้น0.66%และมันเป็นFixed Costที่ต้องจ่ายทุกปีต่างจากโบนัสที่ขึ้นลงตามผลกำไร
***
ย้ำตรงนี้อีกทีสหภาพเขาไม่ได้มโนตัวเลขขึ้นมามั่วๆหลอกครับ คนนำในสหภาพแต่ละคนก็น่าจะหัวกะทิทั้งนั้น เขาคำนวนกันมาแล้ว
เอ่อ 0.69% เทียบกับที่จ่ายปีก่อนมันก็เพิ่ม 10% ละนะเพราะเดิมรวมๆมัน 7%
ถ้าจะเอาเท่าเดิมจริงๆสัดส่วนต้องเท่าเดิมสิ แต่เอาจริงๆมันไปคิดมาลบด้วยกันไม่ได้นะ เพราะส่วนมันคนละตัวกัน
อีกอย่างจากที่เค้าสัมภาษณ์มา เงินเดือนมันอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆเองไม่ใช่เหรอ อย่างงั้นสัดส่วนยิ่งเพิ่มไปอีก
สมมติว่าเงินเดือน 15k ปีก่อนจะจ่าย 252M เอาสัดส่วนเดิมปีนี้ควรจ่าย 252x(5906/5567) =267.345M
แต่เค้าขอปีนี้เป็น 296M เท่าแล้วสัดส่วนเพิ่มจากที่สัดส่วนเดิม 11.1% ละนี่ยังไม่รวมว่าปีก่อนมีเงินขึ้น 4.5% ด้วยละนะ
ถ้าแบบนั้นรายจ่ายบริษัทมันจะขึ้นอีก
หัวกะทิจริงไม่น่าคิดแบบนี้มั้งท่าน