ขี้เหยียดจริง เชื่อละ

เพราะผมยึดกฏกติกา กฏหมาย
เรื่องทองมันมีในสัญญา อันนี้ผมเข้าข้างพนักงาน
แต่โบนัสไม่ได้อยู่ในสัญญาวะครับ ว่าต้องให้กี่เดือน สหภาพมีสิทธิ์เรียกร้อง โรงงานมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้หรือหยุดการทำงานแม่มเลย ต่างฝ่ายต่างเล่นอยู่ในกฏ

การที่ผมเป็นหนักงานแล้วต้องเข้าข้างพนักงานด้วยกันทุกกรณี นี่แม่มเป็นความคิด ที่ไร้สาระสิ้นดี

ถึงจะเหยียดแต่เห็นด้วยครับอ่านเม้นบางคนแล้วแบบเอ็งเป็นแค่แรงงานไม่มีทักษะอะไร จะหามาแทนเมื่อไหร่ก็ได้เพราะงั้นนายจ้างมันจะให้เท่าไหร่ก็ดีท่านั้นอย่าไปเรียกร้องเพิ่มดิ ถ้าแบบนั้นเขาจะตั้งสหภาพมาทำแมวอะไรร

ผมก็ไม่ได้บอกนะว่าผมไม่ได้เหยียด แต่ผมเหยียดพวกนี้เพราะที่เห็นมาเจอแต่พวกวันนาบีเป็นนายทุนทั้งนั้น
พวกนายทุนจริงๆอย่างที่ผมบอก จ่ายพวกนี้ไม่ใช่ขี้เล็บหรอกถ้าไม่ใช่ว่าบริหารกันเน่าจัดๆ ต้นทุนแรงงานรวมแม้แต่โบนัสก็ไม่ถึง 10-15% ไอที่ลากดึงแบบนี้หัวหมอทั้งนั้น

ล่าสุดบริษัทอื่นๆของญปนี่ อาจารย์ศิโรตม์แกก็โพสไปเมื่อคืนมั้ง ให้กัน 5-7 เดือนกันบานเบอะ แล้วเบอร์นี่ไม่ได้ใหญ่กว่าไดกิ้นเยอะเล้ย แล้วเลขที่ว่านี่ผมเห็นก็ให้กันแทบทุกปีมาตั้งแต่ก่อนผมจะเรียนจบ 10 กว่าปีก่อนอีก

ของพวกนี้มันขึ้นกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร บางทีคนญปก็อยากให้หรอก แต่เจอพวกผบห.ไทยบอกไม่เป็นไรหรอกเดี่ยวเจรจาลดได้ คนญปมันก็ปล่อยเกียร์ละ ให้คนไทยตีกับคนไทยเองดีกว่า ตัวเองลอยตัว

นี่แหละคนไทย ไอความก้าวหน้านี่เลิกหวังเหอะ แค่นายจ้างเจรจาและดำเนินการตามสิทธิ์ไปมองว่าเขาเอาเปรียบ ตัวเองทำหน้าที่ได้แค่นักเลงคีย์บอร์ด แต่ดันทะลึ่งทำเป็นวิเคราะห์ต้นทุนผู้ประกอบการโดยที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย

บอกเลยว่า คนแบบคุณนี่ ผมชอบเหยียดมากๆครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนชาติไหน นิสัยแบบนี้คือนิสัยชั้นต่ำที่ทำให้สังคมอยู่ระดังล่างๆครับ แต่วันนาบีคิดว่าตัวเองวิเคราะห์เก่ง

อันนี้ของงตรรกะเช่นเดียวกัน เห็นหลายคนละไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน พิมพ์แบบนี้เหมือนกันเด๊ะ

ถ้าบริษัทได้กำไรต้องจ่าย"โบนัส" แต่ถ้าบริษัทกำไรลดหรือขาดทุนให้ลด"เงินเดือน"ไหม

เงินโบนัสคือส่วนต่างหากกับเงินเดือนเลย เงินเดือนเป็นFixed Costของบริษัทอยู่แล้ว แต่โบนัสไม่ใช่ แต่ทำไมเอามารวมกัน

เอาถ้าบอกถ้าบริษัทกำไรน้อยขอไม่จ่ายโบนัสดิมันถึงตรงกับประเด็นซึ่งมันคือเรื่องปรกติอยู่แล้ว ทำไมเลยไปถึงเงินเดือนได้ ไปจำภาพแบบนี้มาจากไหน

ปีที่แล้วบริษัทไดกิ้นจ่ายโบนัส7เดือนครับ ปีนี้กำไรพอๆเดิมแต่บริษัทเสนอจ่ายตอนแรก5เดือน พนักงานขอ8เดือน บริษัทเลยเอาเรื่องโบนัสกับเรื่องทองมารวมกันเสนอจ่าย6เดือนลดทองลงมาด้วย ถึงเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้ แล้วบริษัทใหญ่ๆทำงานคู่กับสหภาพกันทั้งนั้นถึงโบนัส6-8เดือนกัน

ถ้าพูดภาพรวมคือ คนเรามีความเข้าอกเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจไม่เท่ากันครับ

บางคนมองว่า พนักงานโรงงาน > ขายแรง = แรงงานนั่นแหละครับ

มองว่าคนจำพวกนี้คือ ฐานรายได้น้อย การศึกษาน้อย ถ้ายากมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องหาความรู้ พัฒนาตัวเอง

แต่ทั้งนี้เรื่องโบนัส ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของความเข้าใจผิด ทั้งตัวแรงงานเอง หรือตัวพนักงาน office ใดๆ เอาจริงๆขนาดพนักงงานฟฟิศเง ยกตัวอย่างเพื่อนแล้วกัน บริษัทขายรถแห่งหนึ่ง โบนัสก็ขึ้นๆ ลงๆ ตามผลประกอบการบริษัท แต่ฐานเงินเดืน น้อยกว่าควรจะเป็น พูดง่ายๆคือ

มันก็เหมือนกับพนักงงานโรงงานนี่แหละ เราจะคำนวณความคุ้มค่า ของการเข้าทำบริษัทๆนึง หาก บริษัทในอดีตมีการจ่ายโบนัส (ตามที่ได้ข้อมูลจากคนใน) ตีไปว่าช่วงกำไร 4-6 เดือนแบบนี้ บวกลบ กับสวัสดิการ และ เงินเดือนที่ได้ ตัววเราเองตีมูลค่าว่า เราสามารถยื่นขอเงินเดือนจากบริษัทอื่นได้ที่ 6-7 หมื่นต่อเดือน แต่บริษัทนี้ให้ 3-4 หมื่นแต่รวมโบนัสแล้วบางปีอาจจะเกินบริษัทที่ให้ 7หมื่น ต่อเดือน

แต่ทั้งนี้ทั้งหมด ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงให้ได้ว่า บางอันที่ไม่มีในสัญญาว่าจะจ่าย มันอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้นเมื่อสิทธิที่เราเข้าทำงานเปลี่ยนไป ต้องรีบพิจารณาว่าสิทธินั้นเราสมควรได้ในอดีตหรือไม่ ถ้ามันกระทบ ก็ควรเรียกร้อง แต่ถ้าเป็นการปรับเพื่ออนาคต หากมันแย่ลงก็คงต้องย้ายบริษัท

+1000

ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมเข้าใจว่าทำไมคนถึงไม่เข้าใจกัน

คือคำว่า​ "โบนัส" ของฝั่งโรงงานนี่เขารวมพวก OT ที่แรงงานโรงงานพวกนี้เขาทำด้วยครับ
ซึ่งเกิน 95% เลยแหละทำ OT ทั้งนั้น เพราะฐานเงินเดือนเขาน้อย OT มันคำนวณจากฐานเงินเดือนอยู่แล้วก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่เขาก็ยอมทำเพราะอย่างน้อยมันก็ได้เงินเพิ่ม (แรงงานพวกนี้ฐานเงินเดือนไม่เกิน 18k หรอก วิศวะไลน์ผลิตก็ไม่ถึง 25k การที่ได้ OT เพิ่มชั่วโมงละ 100-150 นี่ก็มหาศาลแล้วถ้าลองๆยิกเลข)

ฉะนั้นแล้วถ้าคิดใหม่แบบแง่มุมมองพนักงานออฟฟิศ นึกภาพว่าต้องอยู่บริษัททำ OT แล้วสิ้นเดือนบริษัทบอกขอเลื่อนไม่ให้ OT นะ กำไรเดือนนี้มันหดอะเลยของดจ่าย ท่านจะแย้งไหมครับ

มันก็ไม่ใช่เข้าข้างผู้ประกอบการอะไรหรอกครับ แต่บางคนวิเคราะห์ไปอีกสเตปแล้วไง

ฝั่งแรงงานดันสุดเงื่อนไขกับทางบริษัทเลย แล้วสมมติบริษัทยอมหมดทุกเงื่อนไขแล้วมันจะเป็นยังไงต่อ

ผลที่ตามมาในอนาคตมันก็คงไม่เกิดผลที่ดีกับทางฝั่งแรงงานแน่อะครับ บริษัทอาจจะมีมาตรการเพื่อแก้ทางต่างๆ

เช่น โบนัสปีต่อไปลดลง(เอาแคปโบนัสที่เกินปีนี้ไปเฉลี่ยลด) ค่อยๆทยอยปลดชุดเก่าเอาคนใหม่เข้าและทำสัญญา

การจ่ายโบนัสหรืออะไรก็ตามให้เข้มงวดขึ้นและคงไม่มีทางดีไปกว่าเดิมแน่ๆ หรืออย่างแย่อย่างที่หลายคนบอก

อาจจะย้ายฐานการผลิตไปเลย ซึ่งก็ถือว่ายังมีความเป็นไปได้อยู่

ซึ่งผมมองว่าที่ฝั่งแรงงานทำ ถ้าจะดันสุดจริงมันก็ไม่ค่อยต่างกับการทุบหม้อข้าวตัวเองเท่าไรอะ ได้ตอนนี้เสียทีหลังอยู่ดี ควรจะหาทางลงตรงเกือบกลางค่อนไปทางแรงงานหน่อยก็ได้ เพื่อให้ยังพอร่วมงานกันได้ต่อแบบไม่ระแวงกัน

มันก็คนละส่วนอยู่ดีไม่ใช่หรอครับ เงินเดือน OT โบนัส จะเอามารวมกันไม่ได้

เงินเดือนคือFixed Cost"ต้อง"ทำงานถึงได้ / OTคือค่าล่วงเวลา"ต้อง"ทำงานถึงได้ / โบนัสคือของขวัญอะว่ากันง่ายๆ

ผมไม่ได้บอกว่าบริษัท"ต้อง"จ่ายโบนัส จะไม่ให้ก็ได้มันคือเรื่องของการต่อรอง แต่บริษัทและสหภาพเขาทำงานร่วมกันอยู่ว่าปีนี้จะจ่ายโบนัสเท่าไหร่มันดูไปถึงงบดุลของบริษัท มันอยู่ในการต่อรองและเจรจาอยู่แล้ว

พนักงานมีสิทธิ์เรียกร้อง และบริษัทมีสิทธิ์ไม่จ่ายเช่นกัน ก็ไปคุยหาจุดลงตัวกันเอา แต่ไม่ใช่โยงกันมั่วซั่วแบบนี้ คุยกันเรื่องโบนัสโยงไปเรื่องเงินเดือน มันก็ไม่จบละถ้าโยงกันแบบนี้

ส่วนตัวผมมองว่าทองคือปัญหาหลักครับ เรื่องนี้ผมมองว่าบริษัททำไม่ถูกต้อง ในฐานะผู้ประกอบการ

ผมเองก็แจกทอง แจกตั้งแต่สมัยยังไม่ถึงหมื่น จนล่าสุดที่แจกตอนนั้นทอง 3 หมื่นปลายๆ

ก็ยังแจก เพราะเราเคยพูดละถ้าคุณทำครบ 10 ปี ไม่ได้พูดด้วยเรื่องไม่ลานะ เราแจก มันคือ

Royalty fee อันนึง แต่เรื่องจำนวนโบนัสอันนี้เป็นสิทธิของบริษัทแน่นอน จะปรับยังไงก็ได้ครับ

ถ้าคุณไม่พอใจก็ออก แต่การมาบอกบิดแจก 40000 แทน สำหรับผมในวันนี้มันคือทุเรศไปนิดนึง

ถ้าไม่ไหว ก็เจรจาปรับกติกาใหม่ได้ แต่ของเก่าๆมันต้องเคลียร์ให้จบ นึกด้วยเค้าอยู่กับเรากี่ปี

อันนีผมเห็นต่างนะ ในสังคอมของผม ที่เงินเดือน ตามเกณฑ์ทีท่านเขี่ยนมา

ทุกคนเข้าข้างแรงงานหมดเลยนะ

ที่ผมเจอไม่เข้าข้างแรงงานส่วนใหญ่เป็น พนงออฟฟิศเงินเดือน ไม่เกิน 20k และก็พวก ทรงซ้อ วัยรุ่นสร้างตัวทั้งนั้น

และมีเจ้าของอู่อะไรซักอย่างที่ทำเป็นคำนวน(แม่มคำนวนมั่วด้วย) ว่าเค้าให้แค่นี้ก็บุญเท่าไหร่ คนแชร์คนไลค์ไป 8 หมื่น

เท่าที่ไปส่องๆ คือเป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่อง กฎหมายแรงงาน พื้นฐานเลยด้วยซ้ำ

ไม่พอ ไม่เข้าใจรูปแบบบริษัทมหาชน เลยด้วยว่า รายได้งบประมาณพวกนี้มันเป็น ข้อมูลสาธารณะมันสามารถ

ดูและคำนวนได้ บางเมนท์ที่บอกว่าขอได้ ควรขอให้สมเหตุผล ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่มาของจำนวนเงินโบนัสที่ขอ

มันมีที่มา ตามงบประมาณและตัวเลข ของพวกนี้มันโกหกไม่ได้หรือยากมากๆ เพราะเงื่อนไขการเป็นบริษัทมหาชน

สุดท้ายจะมาอ้างเรื่องทองแพง มันก็ดูประสาทแดรก เพราะในวันที่บริษัทร่างManualขึ้นมา

บริษัทต้องประเมิณความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่พอ ในช่วงระยะเวลาที่ทองขึ้น ตลอด 10ที่ผ่านมา บริษัท มี

เวลาในการปรับ เงื่อนไข คุยกับพนักงาน ประกาศเปลี่ยนเงื่อนไขมาตั้งนาน บริษัทเลือกที่จะไม่ทำหรือทำแล้วผมไม่รู้

เพราะกลัวมีผลต่อการตัดสินใจของ พนง พอถีงวันนี้ เลือกที่จะบิด มันก็เป็นประเด็น

สุดท้าย ก็ไม่เก็ทอยู่ดีว่าจะไปเข้าข้างนายทุนทำไม

โอเคส่วนนึง คนส่วนใหญ่ จะเหยีดยคนอิสาน เหยียดพนักงานโรงงาน พฤติกรรมแย่ดูเห็นแก่ตัวในโซเชียล

แต่ไอ้เงื่อนไขที่เค้าทำได้ในฐานะแรงงานคนนึง คือ ไม่ขาด ลาป่วย มาสาย ทำงานตรงตามระเบียบ 10 ปี เต็ม ซึ่งคนๆนึงถวายชีวิต

เพื่อให้ได้มา ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เค้าควรได้ด้วยซ้ำ แล้วโรงงานพวกนี้มีLOGพฤติกรรมพนักงานหมดแหล่ะ

ถ้าประวัติไม่สมบูรณ์แบบจริงเค้าคงไม่มาเรียกร้องแบบนี้หรอก

ของโรงงานเขารวมกันครับ ผมมาอธิบายอยู่เนี้ย

บางโรงงานเขาจะให้ว่า OT เป็น 0 บาท แต่ไปเอาโบนัสปลายปี ซึ่งหลายๆโรงงานจะเป็นแบบนี้
ส่วนบางโรงงานเขาจะให้ OT เป็นเลขแบบที่ผมบอกเลย แต่โบนัสปลายปีไม่มีหรือมีก็ 1-2 เดือน

ส่วนเรื่องงบดุล ไดกิ้นกำไรปีนี้ 4 พันล้านบาท ส่วนโตโยต้า ฟูโซ 2 พันล้านบาท
ฟูโซจ่ายให้ 7 เดือนบวกกับอีกหน่อยนึงครับ กระทู้อาจารย์วิโรตน์เขียนอยู่

ผมมองว่าประเด็นมันคือพนักงานอ้างว่าโบนัสควรอิงตามกำไรครับ และโบนัสมันติดลบไม่ได้อ่ะ

ถ้ามองแบบนั้น กำไรเยอะ >> โบนัสเยอะ

กำไร 0 >> โบนัส 0

แล้วถ้าขาดทุนล่ะ จะเอายังไง

ซึ่งที่เค้าพิมพ์แบบนั้นไม่ใช่ว่าเค้าไม่เข้าใจว่ามันคือ fixed cost แต่แค่มองว่าจริงๆโบนัสไม่ก็ไม่ต้องอิงกำไรแบบแปรผันตามตัวเลข