มันจะบอกว่าไม่มีผลเลยก็ไม่ได้หรอกครับ คือ ผมก็ไม่ได้ชอบที่มีเจ้าของทีมแบบนี้ครับ มันเป็นนักธุรกิจอ่ะ

มันไม่ใช่ชีค มันเป็นแค่กลุ่มทุนบริหารกีฬา ดังนั้นแนวทางของมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า สโมสรยืนด้วยสโมสร

ซึ่งช่วง Covid-19 มันไม่มีสโมสรไหนกำไรหรอกครับ มันยากมากๆ เพราะ ขาดรายได้ MatchDay

ดังนั้นทีมจะเอาเงินจากไหนมาใช้ละครับ สรุป มันคือการกู้ไง

https://www.espn.com/soccer/story/_/id/37612518/arsenal-agree-120m-loan-impact-covid-19-further-hits-club

ซึ่งสโมสรไม่ได้เลือกทางนี้ ถ้าจำไม่ผิดมีแค่ FSG ให้พักหนี้ที่ต้องจ่าย FSG แทน แต่ด้วยสถานการณ์ก่อนที่ FSG จะมาคุม

ลิ้วพูลไม่ได้เป็นทีมที่มีรายได้เยอะแยะอะไรนะครับ คือ ผมไม่เถียงเลย ถ้าอยากได้เจ้าของที่ทุ่มเงินให้กับสโมสร พวกนีไม่ตอบโจทย์

แต่สุดท้ายเราจะหาเจ้าของสโมสรนั้นได้จากไหนละครับ แมนยู ก็ยังหาไม่ได้ ได้เซอร์จิมไปเนี่ย อันนี้ผมไล่ไทม์ไลน์เฉยๆนะ

1. ก่อนเทคโอเวอร์ FSG (ช่วง 2010)
ก่อนนี้ ลิเวอร์พูลภายใต้ George Gillett และ Tom Hicks มีหนี้รวมประมาณ £218.9 ล้าน และ “negative equity” ราว £5.9–111.9 ล้าน สถานะสโมสรตอนนั้นก็ใกล้ล้มละลาย

2. ช่วงเริ่มต้น FSG (2010–2014) : ปี 2010: FSG เข้ามาซื้อสโมสรภายใน 4 ปี FSG ลดหนี้ได้กว่า £200 ล้าน โดยเฉพาะหนี้จากธนาคาร

3. โครงการขยายอัฒจันทร์ (2014–2020) : กู้เงินจาก FSG ไว้ £110 ล้าน เพื่อขยาย Main Stand และเพิ่มเติมอีก

- จ่ายคืนบางส่วนเหลือค้างประมาณ £71.4 ล้าน (หยุดจ่ายช่วง COVID)
- หนี้ภายนอก (ธนาคารอื่น) ราว £88 ล้าน (หนี้สุทธิจึงประมาณ £74.6 ล้าน)

4. ช่วง COVID (2019–2021)

- รายได้ Matchday ลดลง 95%, ทำให้ขาดทุนก่อนภาษีปี 2019–20 ราว £46.3 ล้าน
- เงินสดจากการดำเนินงาน (CFO) หดตัวประมาณ 70%, current liabilities พุ่งขึ้น ~59%

ซึ่งเราเลือกที่จะไม่กู้ธนาคารมาเพื่อใช้จ่ายแบบสโมสรอื่นๆ มันเลยต้องเซฟไว้เพื่อกระแสเงินสด และ จัดการหนี้ต่างๆ ซึ่งต้องไม่ลืมนะว่า เมื่อ 10 ปีก่อน ยังอยู่ในสถานะจะล้มละลายอยู่เลย ตัวสโมสรเองมันยังไม่ได้มีรากฐานมั่นคงอะไรขนาดนั้น ดังนั้นช่วงนี้จะต้องบริหารจัดการทั้งหนี้ และ เงินสดก็ไม่แปลก

5. ยุคหลังโควิดและแนวโน้มปัจจุบัน (2021–2024)
- ปี 2022–23 ขาดทุนก่อนภาษี £9 ล้าน, รายได้ £594 ล้าน, ค่าแรงเพิ่มเป็น £373 ล้าน หนี้ธนาคารเพิ่มเป็น £123 ล้าน จากการพัฒนาอัฒจันทร์ต่อเนื่อง
- หนี้ FSG ยังคงที่ £71.4 ล้าน โดยไม่จ่ายเพิ่ม
- ในช่วงนี้คิดว่ายังเป็นช่วงที่ต้องสะสมเงินทั้ง Cashflow และ บริหารหนี้อีกซักนิดซักหน่อย เพื่อสภาพคล่องของสโมสร


ซึ่งไอ้การปรับปรุงพัฒนาสนามแข่งต่างๆอะไรพวกๆนี้ มันก็ทำเพื่อให้สโมสรได้ Cash flow ที่เยอะขึ้นครับ สถานการณ์เราจริงๆจะคล้ายๆกับปืนโตยุคเวนเกอร์อ่ะครับ แต่มันไม่หนักเท่าปืนซึ่งตอนนั้นยังพอเสริมได้บ้าง แต่ยุคเวนเกอร์คือมันเสริมแทบไม่ได้เลย เพราะ เราแค่ปรับปรุงสนามแข่ง + Facilities ต่างๆของสโมสร ซึ่งถ้าเป็นพวกเจ้าของทีมรวยๆอาจจะยัดเงินเข้ามา อันนี้คงสบายๆแบบที่ซิตี้หรือเชลซีทำ แต่ในเคสของเรามันจะไปคล้ายกับอาร์เซน่อลครับ มันทำให้เราเองก็ต้องบริหารทีมไปพร้อมกับหนี้สินด้วย

สุดท้ายคุณอาจจะบอกว่าแล้วทีมอื่นไม่มีหนี้หรอ ใช่ครับทีมอื่นก็มีหนี้เหมือนกัน แต่รายได้ก่อนหน้านั้นในช่วงก่อนปี 2011-2012 ย้อนไปซัก 5 ปี สโมสรเรามันไม่ใช่สโมสรระดับ Top อะไรขนาดนั้น เรามีรายได้น้อยกว่าแมนยู ปีละ 100 ล้าน , เรามีรายได้น้อยกว่า เชลซี และ อาร์เซน่อล อีกอย่างหลังจากซีซั่น 2011-2012 เราก็แพ้ซิตี้ไปอีกทีม โดนแซงไป ซึ่งตอนนั้นคือช่วงที่พวก FSG มันพึ่งเข้ามา ถามว่าตอนนั้นมันบริหารได้ดีมั้ย ตอบได้เลยว่า "ไม่" เพราะ มันไม่เคยทำทีมฟุตบอลมาก่อน และ เข้ามาบริหารแบบลองผิดลองถูกเยอะมาก หลายๆอย่างก็แย่ ก็ปรับๆกันไป

Spoil

https://en.wikipedia.org/wiki/Deloitte_Football_Money_League#Annual_Review_of_Football_Finance_2011

https://simple.wikipedia.org/wiki/Deloitte_Football_Money_League#2019  

อีกอย่างหลังจากอาร์เซน่อลจัดการกับเรื่องหนี้สนามได้อย่างเรียบร้อย ตอนนี้ปืนโตนี่ ให้เรียกว่าเป็นทีมที่สามารถรีด Cashflow ได้เยอะที่สุดในลีคเลย ทั้งตัวสโมสรที่อยู่ลอนดอน ค่าตั๋วที่แพง แต่การลงทุนสนามใหม่ของปืนคือคุ้มค่ามาก ซึ่งสโมสรกำลังพยายามสร้างรายรับตรงนี้อยู่ ซึ่งถ้าท่านสงสัยว่ามันต่างแค่ไหนคือ อันดับ 1 ของลีค อาร์เซน่อล ที่ 176 ล้าน ซึ่งมากกว่าอันดับ 2 อย่างสเปอร์ ที่ 92 ล้าน เรียกได้ว่าเกือบ 2 เท่า

Spoil

https://www.matchdayfinance.com/post/premier-league-financial-results-season-2023-24-the-results-are-in  

สุดท้ายสิ่งที่ผมจะสื่อคือ แต่เดิมทีสโมสรเราไม่ได้รวยครับ เป็นยักษ์หลับจริงๆที่เกือบจะล้มละลาย รากฐานหรือสิ่งอำนวยต่างๆของสโมสรก็ไม่ได้ดี มันก็เลยต้องพัฒนาทั้ง ผลงานในสนามและนอกสนาม ซึ่งสุดท้ายก็ตามมาด้วยหนี้สินที่ต้องบริหารทีมไปด้วยจัดการหนี้สินไปด้วย แต่พอช่วงที่เรากลับมามีลุ้นแชมป์ UCL และ EPL นั่นคือช่วงที่สโมสรเราเติบโตขึ้นครับ การเงินดีขึ้น แต่ต้องมาชะงักเพราะ โควิด ซึ่งท่านมองว่าทำไมทีมอื่นไม่เห็นเป็นไร มันมีด้วยกันหลักๆ 2 อย่างคือ 1. เค้ากู้ครับ 2. การเพิ่มทุน(Equity Injection) ซึ่งสโมสรเรามันไม่เข้าเค้าซักทาง เพราะ ไม่ได้ทุนหนา และ ไม่ได้อยากเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งจริงๆมันเปิดรับผู้ร่วมลงทุนนะที่มีข่าวว่าหาคนร่วมลงทุนนั่นแหละ แต่สุดท้ายมันไม่มีไง มันก็เลยรัดเข็มขัดอย่างที่เห็นนั่นแหละ ถ้าท่านมองว่าไม่มีผล ลองไปดูมาดริดก็ได้ครับ ไม่ซื้อตัวเลยในปี 2020 , 2021 เริ่มซื้อ 2022 แค่ชูอาเมนี่ ซึ่งแบบนี้ไม่เรียกว่ามีผลกระทบหรอครับ มันก็มีผลกระทบถูกมั้ย ซึ่งพอผ่านช่วงโควิดไป ก็อยู่ในช่วงสะสมเงิน"ทำบัญชีเขียว"จริงๆ อันนี้ผมมั่นใจว่ายังไงก็ใช่ ก่อนจะมาระเบิดคลังในซีซั่นนี้ครับ ซึ่งก็ต้องรอดูต่อจากนี้ว่าเมื่อไม่มีเหตุการณ์แปลกๆแล้ว การบริหารจะยังรัดเข็มขัดมากไปแบบสมัยก่อนมั้ย ตรงนี้ผมถึงได้พยายามบอกเพื่อนๆที่อวยว่าใจเย็นๆ

ปล. ไม่รู้ยาวไปมั้ย แต่พยายามเรียบเรียงในมุมผมมาให้มากสุดละครับสำหรับกรณีนี้

ยามศึกเรารบ ยามสงบรบกันเอง
ปล.ทำไมเราจะต้องคาดหวังความคิดคนที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันละ ทุกคนมีความคิดของตัวเองปล่อยไปเถอะ

#ทีมจขกท.จรั๊ฟ ว่าที่เคยบ่นไว้ ปีนี้มันทำหมด

ซึ่งมันควรทำตั้งนานละไม่เห็นจะเข้าใจไรยาก

มีคนเคยบอกผมว่า ข้อมูลจาก Deliotte เชื่อไม่ได้ด้วยนะ ก็แบบ "โอเคครับพรี่"

แต่ตอนนั้นแฟนทีมอื่นนะ

ถ้าทำดีก็ชม ทำไม่ดีก็บ่นแค่นั้นเอง

แค่อย่ามาแขวะคนที่เค้าบ่น แล้วอย่ามาเคลมตอนที่ทำดีแค่นั้นเอง

ถ้าข้อมูลจาก Deliotte เชื่อไม่ได้ ... บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก คงเตรียมพบปัญหาทางบัญชีแน่ๆ 5555+

ฟุตบอลยุคนี้ หนีไม่พ้นการบริหารสไตล์ธุรกิจ ทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังพอควร ต้องประเมินอนาคตตามรอบบัญชี ที่สัมพันธ์กับกฎต่างๆ ที่ออกมาควบคุมการลงทุน
... จ่ายหนัก แต่ผลงานไม่ได้ตามเป้า ก็จะเจอปัญหาคล้าย Man utd ซื้อยาก ขายยาก มีเงินแต่ลงทุนเกินกฏ PSR ไม่ได้

Man City ยุค Pep ไม่ใช้สไตล์เปย์ทุกดีลนะ ราคาเหมาะสมเขาก็ซื้อ แพงไปเขาก็ไม่เอา
Chelsea ยุคนี้ เหมือนซื้อเยอะ ขายเยอะ แต่ เพดานค่าเหนื่อยถูกควบคุมไว้ ทำให้ภาพรวมของตัวเลข ยังไม่สูงมากเกินไป จนแก้ปัญหาไม่ได้ (ทีมกฏหมาย Chelsea กับ Man City เก่งจริงๆ)

มหาเศรษฐี ไม่ใช่ว่า มีเงิน แล้วจะต้องพร้อมจ่ายทุกราคา
... หายากที่จะได้แบบ เสี่ยหมี หรือ เจ้าของ PSG

แค่ไม่ด่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณมันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่นี่ก็เหมือนเดิม ด่าเค้าที่หัวมู้เลย

..

คือ คนบ่นน่ะเยอะแยะ

มันจะมีคนที่บ่นตามเหตุ ตามสถานการณ์ คนพวกนี้บ่นแทบไม่เห็นจะทะเลาะกะใคร

กะคนที่ สักแต่จะด่าทุกเรื่อง อะไรไม่ตรงใจคือด่า เรื่องที่ยังไม่เกิดก็ด่าไว้ก่อน

ไม่งั้นไม่เกิดวลีคลาสสิคหรอก มีนักเตะแบบนี้ ทีมไม่มีทางได้แชมป์

ก่อนหน้านี้ก็บอกว่า ทุกอย่างเกิดได้เพราะ JK ถ้าJK ออก ทีมตกต่ำแน่ ตกต่ำมั้ยล่ะ

แล้วพวกประเภทหลังนี่ ไม่ค่อยจะรุ้ตัวเองนะ ชอบเม้นแบบประมานว่า ติ่งFSG ว่าไง ติ่งบัญชีเขียวว่าไง

คือก่อนหน้านี้เม้นแซะไปทั่ว คนเล่นบอร์ดหลายคนจำได้เลย มีไม่กี่ยูสที่เป็นงี้

ผมไม่ไประบุว่าใครนละกัน แต่คนในบอร์ดเค้าคุ้นจนเอือมกัน

ถ้าจะมาใช้ตรรกะว่า ก็ด่าตอนที่ทีมไม่ดี มันผิดตรงไหน โทดนะครับ บางยูส ที่หลายคนก็เห็นว่าใคร ด่าตั้งกะยังไม่เริ่มฤดูกาล อันนี้รู้ล่วงหน้าเหรอ ว่าทีมจะเป็นยังไง ถึงด่าก่อน

ผมเห็นเวลาคนที่เค้ามาอธิบาย เรื่องการเงินของทีมในแต่ละช่วงเวลา ว่าตัวเลขเป็นแบบไหน เอาข้อมูลมาถก คนพวกนี้ก็เข้าไปแซะ ไม่เห็นว่าจะฟังเหตุผลคนอื่นสักนิด

ทุกวันนี้ผมก็เลือกคุยกะยูสที่คุยรู้เรื่องดีกว่า ซึ่งก็มีเยอะ หลายคนเห็นไม่ตรงกัน ก็คุยกันได้ปกติ มีวุฒิภาวะ สบายใจ ใครมาแนวหาเรื่อง ผมก็จะจำไว้ ไม่ไปคุยให้เสียเวลา แค่นั้น สบายใจ

จริงๆทีมจะซื้อเยอะซื้อน้อย ผมก็เลือกที่จะรอดูผลงานก่อนอยู่ดี แค่นั้นแหละ เปิดฤดูกาลมาก็เชียร์ ไม่ใช่ปีนี้ซื้อเยอะไม่ด่า ปีนี้ซื้อน้อยด่าแม่มเลย

แต่ก็ดีใจอย่างหนึ่ง นึกว่าบรรยากาศช่วงโศกเศร้ามันจะทำบรรยากาศอึมครึมไปอีกนาน

แค่ผมเห็นทุกคนกลับมาตีกันอย่างสนุกสนานทันที ผมก็เบาใจละ บรรยากาศสีเทาแสนหม่นหมองกำลังจะหมดไป...

ฉู้วกันๆ

มาช่วยด่าเกลเซอร์ให้ที

กระทู้นั้นผมเอาข้อมูลมาลงเอง แล้วพวกอคติบอร์ด บอกว่างบการเงินเวปนี้มันมั่ว จำชื่อ User ได้เลย

อคติไม่ว่าแต่แม่งไม่หาข้อมูลอะไรเลย สักแต่พิมพ์ เนี่ยคือพวกที่ดีแต่ด่า ผมเลยนิยามแฟนจำพวกนี้ ขยะ

บางยูสดีใจกว่าฝ่ายบ่นอีกที่ตลาดปีนี้มาระเบิดคลัง

แค่ฝ่ายบ่นพิมพ์ประเด็นหลักคือ มันควรจะทำตั้งหลายปีละ

แค่นี้เอง ไปไหนกันก็ไม่รู้ แถมบอกฝ่ายบ่นไม่ฟังเหตุผล ด่าอย่างเดียว

เอ่ออ แต่ฝ่ายผู้บริหารชาวไทยก็ไม่อ่านประเด็นหลักที่เค้าจะสื่อกันบ้าง ถึงได้บอกที่บางส่วนเคยบ่นๆไปปีนี้มันทำหมด

ก็ข้อมูลคุณผิดไม่ใช่หรอ
1.ไม่ต่อยอดตอนได้แชมป์ หลังปีที่ได้แชมป์ลีกทีมก็ซื้อมา3คนครับโจต้า ธิอาโก้ ชิมิคาสไปเอามาจากไหนว่าไม่ซื้อ
2.มีนักเตะให้ใช้น้อย ถ้าคุณเคยอ่านบทสัมภาษณ์คล็อปป์ตั้งแต่ดอร์ทมุนด์คุณจะรู้ครับว่าคล็อปป์เป็นคนต้องการขนาดทีมประมาณนี้เองเพราะแกเคยสัมภาษณ์ตั้งแต่อยู่ดอทมุนด์แล้วครับว่าชอบให้ชุดใหญ่มีนักเตะ20คน
3.บัญชีเขียว อันนี้ยิ่งผิดใหญ่ลิเวอร์พูลซื้อขายติดลบมาตลอดจนซีซั่นก่อนนะผมงงมาก
4.เรื่องเฮนโด้ มันเป็นคุณเองไม่ใช่หรอครับที่ไปดูถูกเองว่าทีมที่มีเฮนโด้เป็นตัวจริงไม่มีปัญญาได้แชมป์หรอกทำไมกลายเป็นคุณเป็นผู้ถูกกระทำไปได้