ไม่ลงทุนไรทั้งนั้น กะเข้ามาปรับองค์กรให้มันได้กำไร เเค่นั้นเลย
เหมือนเกลเซอร์ขายให้คนนี้เพื่อมาทำเเบบนี้เเเทนตัวเอง รับหน้าไป
ขายให้พวกอาหรับก็หายเเลย อาหรับจะเอาหมด มันเลยไม่ขายให้

จริงๆ แล้ว เซอร์จิม เป็นนาตาชา

สักพัก ปิดสโมสร

สงสัยว่าทำไมตอนเกลเซอร์เป็นเจ้าของคนเดียว ทีมมันยังไม่ดูแย่ขนาดนี้

ต่อไปเหลือแม่งคนเดียว

ทำดีแล้ว ปลดทุกคนเลยยิ่งดี

มีกฎการเงินก็ดีนะ แต่มันมันไม่ให้ต้องทำขนาดนี้ น่าจะใช้หลักการคิดคำนวณแบบอื่น

เป็นบริษัท สภาพนี้คือใกล้เจ๊งอะครับ

ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นแมนยูสภาพนี้

การปรับลด ขนาดองค์กรณ์เข้าใจได้นะ ในเชิงบริหารธุรกิจ

แต่ถ้าถึงไตรมาสปันผล พวกเอ็งยังปันผลกันฉ่ำๆเนี่ย ผมว่าไม่ใช่ละ

ธุรกิจของผม ผมยอมเข้าเนื้อเอง และดิ้นรนทางอื่นให้สุดทางก่อน เคยมีกำไรมาแล้ว กันกำไรนั้นแหละไว้ช่วงเวลาแบบนี้แหละ เพื่อลุกน้องเรา เพราะเราอยู่ในอีกระดับนึง รายได้เราน้อยลงหรือขาดทุน แต่เรายังมีบ้าน รถ มีกินมีใช้ระดับนึงแน่ๆ ถ้าเป็นถึงระดับผู้บริหาร หรือเจ้าของ

แต่พวกระดับพนักงาน เค้าถ้าออกจากงานไปแล้ว เค้าอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้

ผมพูดเอาหล่อได้เลย เพราะผมผ่านมาแล้ว ไม่เอาอ่ะตัดช่องน้อยแต่พอตัว เพื่อให้ตัวเองยังได้กำไร เท่าเดิม หรือได้กำไรเรื่อยๆ

แต่ก็เข้าใจอีกว่า เพราะมันเป็นบริษัทมหาชน ไอพวกถือหุ้น หุ้นส่วนต่างๆ มันไม่สนหรอก มันสนแค่ตัวพวกมันเอง คนอื่นก็แค่เครื่องมือหาเงินให้พวกมัน แต่เอาโมเดลนี่มาใช้กับ สโมสรฟุตบอล มันดูขาดจิตวิญญาณมากๆ

ส่วนเรื่อง แมนยูขาดทุนสะสม บริหารล้มเหลวช่วงที่ผ่านมา ผมก็พอทราบ แต่พวกเอ็งทำพลาดแล้วกลับมาลงกับ พนักงาน นี่หรือความรับผิดชอบ เอ็งต้องไปหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด ไม่ใช่โยนภาระให้คนอื่น

แผนจิม ลดมูลค่า แล้วรออาบังมาเทคไอ้เกลถูกๆ โดยที่ตัวเองยังถือหุ้นอยู่

กุว่าละ ที่นีซก็ไม่ได้ขยับขึ้นมาเป๋นท็อปทีม

การบริหารเพื่อการอยู่รอด

- ลดรายจ่าย
- เพิ่มรายได้

เห็นมีแต่ข่าวลดรายจ่าย ไม่คิดจะหารายได้เพิ่มบ้างหรือ

บริหารห่วยแต่ไปลงที่พนักงาน

ปีหน้าเตรียมตัวไปลงไปเล่นแชมป์เปี้ยนชิพ