BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 15101
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 09:39
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
หา grado มือสองมาลองก็ได้ครับ เปลี่ยนแค่ฟองน้ำก็เหมือนใหม่ละ คุณภาพ footmade ใช้ได้เป็นสิบปี

เบื่อหรืออยากขยับรุ่นก็ขายง่าย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2615
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 10:03
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
Sr80 ผมจากร้านเฮียมั่นยังดีอยู่เลย10 กว่าปีละเสียงโคตรดี
ผมเล่นดนตรีผมว่า grado เสียงกีตาร์เสียงกลองดีสุดล่ะ
เอาไปต่อเล่นกีต้าร์เสียงดีมากเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: ❤™
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 1654
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 10:20
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
จารสิน พิมพ์ว่า:
Focal เป็นไงบ้างครับ  


spirit professional ดีเลยครับ แต่ราคาแรงขึ้นมาอีกหน่อย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Jul 2023
ตอบ: 459
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 10:28
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
Open Back ดีกว่าแบบปิด เพราะเสียงมันจะโปร่งครับทะลุออกหูฟัง คือเหมือนไม่มีอะไรมากั้น จะไม่ค่อยตึงๆหูเท่าไร แบบปิดถึงเสียงจะดี มาขัดมาเต็มทุกหน่วยแต่มันจะเหมือนมีกำแพงมาปิดไว้ไม่ให้เพลงลอดออกไป ประมาณนั้นครับ แล้วแต่ความชอบ

ส่วนตัวใช้ Grado ps500e ใช้มา 10 กว่าปีล่ะ ยังสุดอยู่เลย เปลี่ยนแค่ ฟองน้ำไป 3-4 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 6023
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 10:47
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png

ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2018
ตอบ: 1512
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 15:02
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
Cafitiliar พิมพ์ว่า:
Grado ผมมี 60 กับ 125

เรื่องเสียงคือสุด

แต่วัสดุกับงานประกอบกาก เมื่อเทียบกับตัวราคาเท่ากัน คือมันเป็น the real of หูฟัง คือหูฟังมีไว้ฟังเพลง อย่างอื่นช่างแม่ง555 (เพราะเป็นงานแฮนเมด)

แต่ผมชอบนะแม่งดิบๆกรันจ์ๆดี ดูมีเสน่ห์  


ใส่แล้วเจ็บหูป้ะครับ กังวลตรงนี้
แล้ว 60 กับ 125 เสียงต่างกันเยอะไหมครับ ผมดูๆกึ่งกลางสองตัวนี้คือ 80 อยู่เพราะราคาโอเค 55
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: รักพ่อครับ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2013
ตอบ: 51423
ที่อยู่: ปีนต้นงิ้วอยู่กับคนแก่ที่กำลังแหงนหน้าเฝ้ามองคนที่เค้ารัก
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 15:05
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
โมเย่ส์ พิมพ์ว่า:
Cafitiliar พิมพ์ว่า:
Grado ผมมี 60 กับ 125

เรื่องเสียงคือสุด

แต่วัสดุกับงานประกอบกาก เมื่อเทียบกับตัวราคาเท่ากัน คือมันเป็น the real of หูฟัง คือหูฟังมีไว้ฟังเพลง อย่างอื่นช่างแม่ง555 (เพราะเป็นงานแฮนเมด)

แต่ผมชอบนะแม่งดิบๆกรันจ์ๆดี ดูมีเสน่ห์  


ใส่แล้วเจ็บหูป้ะครับ กังวลตรงนี้
แล้ว 60 กับ 125 เสียงต่างกันเยอะไหมครับ ผมดูๆกึ่งกลางสองตัวนี้คือ 80 อยู่เพราะราคาโอเค 55  


60 กับ 125

125 เสียงกว้างกว่ามากเลยครับ ส่วนถ้าเทียบกับ80 ผมว่า

125 มันคือ 80 ที่เพิ่มเบสเฉยๆครับ อย่างอื่นคือเหมือนกันหมด ถ้าแนะนำจริงๆ ก็แนะนำ80 ครับ คุ้มที่สุดในซีรีส์นี้สำหรับผมนะ

Edit ครับ เรื่องใส่แล้วบีบหูมั้ย บอกไม่ได้จริงๆครับ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้มีปัญหา แต่มันเป็นแบบopen ออกข้างนอกไม่ได้ เพราะเสียงมันทำให้คนอื่นได้ยิน แต่ถ้าหากฟังอยู่บ้าน ผมให้คือที่สุด เสียงไม่อึดอัด เหมือนเราฟังเพลงจากลำโพงเลยครับ ฟังได้ทั้งวัน เวทีเสียงกว้างรู้สึกเหมือนเราไปอยู่หน้าคอนเสิร์ต555
แก้ไขล่าสุดโดย Cafitiliar เมื่อ Wed Feb 05, 2025 15:08, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน






ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2018
ตอบ: 1512
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 15:19
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


เข้าไปดูรีวิว Koss KSC75 มีแต่บอกว่าใส่สบายทั้งนั้น ซึ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับผม อยากถามว่ายี่ห้อ Koss นี่ใส่สบายทุกรุ่นไหมครับ แล้วรุ่นที่อัพเกรดเรื่องเสียงแบบเห็นได้ชัดแต่ราคาที่จ่ายเพิ่มยังคุ้มค่าอยู่ของ Koss พอจะแนะนำได้ไหมครับ
แก้ไขล่าสุดโดย โมเย่ส์ เมื่อ Wed Feb 05, 2025 15:22, ทั้งหมด 2 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 6023
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 15:31
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
โมเย่ส์ พิมพ์ว่า:
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


เข้าไปดูรีวิว Koss KSC75 มีแต่บอกว่าใส่สบายทั้งนั้น ซึ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับผม อยากถามว่ายี่ห้อ Koss นี่ใส่สบายทุกรุ่นไหมครับ แล้วรุ่นที่อัพเกรดเรื่องเสียงแบบเห็นได้ชัดแต่ราคาที่จ่ายเพิ่มยังคุ้มค่าอยู่ของ Koss พอจะแนะนำได้ไหมครับ  

คืองี้ท่าน อาจจะฟังแล้วดูเหมือนใส่ความ แต่ Koss คือบริษัทที่ขี้เกียจที่สุดในวงการแล้วครับ

ไดรเวอร์ทุกรุ่น (ยกเว้นตัวเล็กสุดที่ถูกสุดในร้านเฮียมั่นตอนนี้) แม่งคือตัวเดียวกันหมดเลยทั้งตัวถูกตัวแพง
แค่ต่างกันเรื่องวัสดุเคลือบที่ทำให้เสียงเปลี่ยนบ้างนิดๆหน่อยๆ

ส่วนเรื่องเสียงต่างกันส่วนนึงคือดีไซน์เรื่องปิดเปิดฝาหลัง แล้วก็การหนีบของตัวหูฟังครับ
ถ้าให้จับคู่ก็ KSC35 กับ PortaPro เนี่ยไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกันแค่อันนึงคาดหัว อีกอันคลิปหนีบ ไอแบบคาดหัวก็จะบีบแน่นหน่อยได้เบสเยอะกว่าแบบหนีบหูลอยๆ
อีกคู่ก็ KSC75 กับ KPH40 ไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกับคู่บนเรื่องการเคลือบ (เคลือบไทเทเนียมมั้งถ้าจำไม่ผิด) เสียงมันก็จะโปร่งกว่าหน่อยๆไม่เน้นเบสเยอะ

ข้อดีอีกเรื่องคือ ถ้าสมมติท่านเบื่อแบบคลิปหนีบหู ท่านสามารถโมได้ด้วยการสั่งตัวคาดหัวของ KOSS มาเปลี่ยนได้ครับ บน Laz มีอันละราวๆ 4-5 ร้อยบาท
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png

ออนไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Jan 2011
ตอบ: 33687
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 17:55
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


สิ่งที่ทำให้ผมไม่แนะนำกราโด้ คือกราฟครับ

ผมก็มีนะ ตัวเก่ามากแล้ว ms1i ฟังมันก็เพราะแหละ แต่เสียงร้องเพลงไหนที่อัดมาพุ่งๆหน่อย แมร่งเหมือนตะโกนใส่หน้าเลย

จากกราฟลักษณะเด่นของกราโด้ตัวล่างๆเลยคือบูสมิด แล้วดิปตรง3kมั้ง แล้วบูสอีกตรง upper mid/lower treble เสียงกลางมันเลยจะฟังดูเด่น แต่ปัญหาคือบางเพลงมันทำให้เด่นเกินไปเนี่ยแหละ

อ้อ แล้วก็ข้อดีอีกอย่างของกราโด้สมัยก่อน คือใช้สายหูฟังเป็นอาวุธได้
แก้ไขล่าสุดโดย LuLLaZZx เมื่อ Wed Feb 05, 2025 18:00, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
We wished, without hesitation, that one day...
the two of us would be able to see the cherry blossoms...
together again.


ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 6023
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 18:07
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
LuLLaZZx พิมพ์ว่า:
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


สิ่งที่ทำให้ผมไม่แนะนำกราโด้ คือกราฟครับ

ผมก็มีนะ ตัวเก่ามากแล้ว ms1i ฟังมันก็เพราะแหละ แต่เสียงร้องเพลงไหนที่อัดมาพุ่งๆหน่อย แมร่งเหมือนตะโกนใส่หน้าเลย

จากกราฟลักษณะเด่นของกราโด้ตัวล่างๆเลยคือบูสมิด แล้วดิปตรง3kมั้ง แล้วบูสอีกตรง upper mid/lower treble เสียงกลางมันเลยจะฟังดูเด่น แต่ปัญหาคือบางเพลงมันทำให้เด่นเกินไปเนี่ยแหละ

อ้อ แล้วก็ข้อดีอีกอย่างของกราโด้สมัยก่อน คือใช้สายหูฟังเป็นอาวุธได้  


หูยท่าน สายกราโด้เก่าแม่งคือสายกีตาร์ไฟฟ้าต่อแอมป์อะ

แต่ผมรักนะกราฟมันอะพุ่งแบบนั้น อาจจะเพราะหูฟังตัวแรกผมมันเป็นกลางพุ่งจัดๆ + ตัวที่ผมชอบถัดๆมาก็กลางพุ่ง จนกระทั่งมาเจอ IEM จีน แล้วก็เริ่มติดพวก Neutral Balance อะไรแบบนั้น แล้วก็กลายเป็นทุกคนแห่ทำ

ตอนนี้ก็เลยกลับมาถวิลหาแบบนี้ละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png

ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2018
ตอบ: 1512
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 18:59
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
โมเย่ส์ พิมพ์ว่า:
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


เข้าไปดูรีวิว Koss KSC75 มีแต่บอกว่าใส่สบายทั้งนั้น ซึ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับผม อยากถามว่ายี่ห้อ Koss นี่ใส่สบายทุกรุ่นไหมครับ แล้วรุ่นที่อัพเกรดเรื่องเสียงแบบเห็นได้ชัดแต่ราคาที่จ่ายเพิ่มยังคุ้มค่าอยู่ของ Koss พอจะแนะนำได้ไหมครับ  

คืองี้ท่าน อาจจะฟังแล้วดูเหมือนใส่ความ แต่ Koss คือบริษัทที่ขี้เกียจที่สุดในวงการแล้วครับ

ไดรเวอร์ทุกรุ่น (ยกเว้นตัวเล็กสุดที่ถูกสุดในร้านเฮียมั่นตอนนี้) แม่งคือตัวเดียวกันหมดเลยทั้งตัวถูกตัวแพง
แค่ต่างกันเรื่องวัสดุเคลือบที่ทำให้เสียงเปลี่ยนบ้างนิดๆหน่อยๆ

ส่วนเรื่องเสียงต่างกันส่วนนึงคือดีไซน์เรื่องปิดเปิดฝาหลัง แล้วก็การหนีบของตัวหูฟังครับ
ถ้าให้จับคู่ก็ KSC35 กับ PortaPro เนี่ยไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกันแค่อันนึงคาดหัว อีกอันคลิปหนีบ ไอแบบคาดหัวก็จะบีบแน่นหน่อยได้เบสเยอะกว่าแบบหนีบหูลอยๆ
อีกคู่ก็ KSC75 กับ KPH40 ไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกับคู่บนเรื่องการเคลือบ (เคลือบไทเทเนียมมั้งถ้าจำไม่ผิด) เสียงมันก็จะโปร่งกว่าหน่อยๆไม่เน้นเบสเยอะ

ข้อดีอีกเรื่องคือ ถ้าสมมติท่านเบื่อแบบคลิปหนีบหู ท่านสามารถโมได้ด้วยการสั่งตัวคาดหัวของ KOSS มาเปลี่ยนได้ครับ บน Laz มีอันละราวๆ 4-5 ร้อยบาท  


ขอบคุณครับ แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย กังวลว่าถ้าเลือก KSC75 กลัวเสียดายรู้งี้เพิ่มเงินอีกนิดเอาอีกรุ่นดีกว่า ว่าแต่ KSC75 ต่อตรงมือถือได้เลย ไม่ต้องพึ่งแอมป์ใช่ไหมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2008
ตอบ: 6023
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Feb 05, 2025 19:48
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
โมเย่ส์ พิมพ์ว่า:
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
โมเย่ส์ พิมพ์ว่า:
[AXiS]`NEW พิมพ์ว่า:
เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านตอนท้ายๆแล้วสนใจเรื่องนี้ ผมบอกสิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะซื้อนะ (ไอหูฟังนี่ก็ป้ายยากันง่ายชิหายด้วย )

1. Open Back ไม่เก็บเสียงนะครับ พูดง่ายๆเลยมันคือการเอาลำโพงสองดอกมาแปะหู ท่านเอาไปฟังนอกบ้านคือเหมือนเปิดโหมด Transparent แต่คนอื่นได้ยินสิ่งที่ท่านฟังด้วย มากน้อยแล้วแต่รุ่นไป
อีกเรื่องนึงคือมันจะไม่มีพวก Deep Bass (เบสที่มันดังตือออๆ) เหมือนพวกหูฟังปิดทั้งหลาย ถ้าท่านเป็นคนเสพตรงนี้ข้ามเลยครับ ยันตัวละเป็นล้านๆบาทอย่าง Sennheiser HE-1 ก็ไม่มีครับ

2. Wireless พวกนี้มีแต่น้อยมาก เช่น Koss PortaPro Wireless ซึ่งมันจะมีสองแบบคือแบบมีสายคล้อง กับแบบไม่มีสายคล้องเหมือน True Wireless ราคาต่างกันนิดหน่อย แต่แนะนำไปลองก่อน โทนเสียงอาจจะไม่ถูกใจทุกคน

3. หลายท่านป้าย Grado ซึ่งเอาจริงๆดีไซน์มันก็ล่อตาด้วย (ใครเคยเห็นปก Season Change ที่เป็นหูฟังคล้องคอพระเอก(?) ก็ไอนั่นแหละ) แถมคู่แข่งก็มีน้อยในงบของมันด้วย แต่ก็แนะนำว่าไปฟังดูก่อนนะครับ มันเป็นหูฟังที่ออกแบบมานานโคตรแล้ว (1958 นู่นอะ) และโทนเสียงมันก็ทำแบ่งแยกคนเกลียดกับคนชอบชัดเจนมากๆถ้าท่านไปหารีวิว Grado อ่านโดยเฉพาะพวกฝรั่ง

4. หรือถ้าท่านจะเน้นประหยัดผมแนะนำลองดู Samson SR850 กับ Superlux HD681 (หรือ 668b เพราะมันถอดสายได้) สองตัวนี้ซื้อง่ายขายคล่อง โทนเสียงฟังค่อนข้างสนุกต่อกับมือถือก็ขับหมดได้
จากนั้นท่านจะขยับมาเป็น Grado หรือ Philips SHP9500/9600 ก็ได้ แต่ส่วนมากแล้วถ้าเอาแค่เล่นเกม สองตัวนี้จบได้ครับ (เผื่องบค่าฟองน้ำหรือ Padding ไว้หน่อย พวกนี้มันเป็นหนังเทียมแล้วเกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แข็งง่าย)

5. หรือถ้าใครไม่ชอบการคาดหัว ดู Koss KSC75 ครับ ตัวนี้เป็นตัวขึ้นหิ้งของวงการเลย หลายๆคนเข้าวงการมาก็เพราะตัวนี้ ใส่ง่ายใส่สบาย แม้แต่คนใส่แว่นก็ใส่ได้ โทนเสียงค่อนข้างไปทางใส เบสมีให้อุ่นใจหน่อยๆ ราคาไม่แรงด้วยพันต้นๆก็จบได้ (ถ้าซื้อช่วงเทศกาลลด ผมเห็นลงไปเกือบๆ 850 บาทได้มั้ง)  


เข้าไปดูรีวิว Koss KSC75 มีแต่บอกว่าใส่สบายทั้งนั้น ซึ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับผม อยากถามว่ายี่ห้อ Koss นี่ใส่สบายทุกรุ่นไหมครับ แล้วรุ่นที่อัพเกรดเรื่องเสียงแบบเห็นได้ชัดแต่ราคาที่จ่ายเพิ่มยังคุ้มค่าอยู่ของ Koss พอจะแนะนำได้ไหมครับ  

คืองี้ท่าน อาจจะฟังแล้วดูเหมือนใส่ความ แต่ Koss คือบริษัทที่ขี้เกียจที่สุดในวงการแล้วครับ

ไดรเวอร์ทุกรุ่น (ยกเว้นตัวเล็กสุดที่ถูกสุดในร้านเฮียมั่นตอนนี้) แม่งคือตัวเดียวกันหมดเลยทั้งตัวถูกตัวแพง
แค่ต่างกันเรื่องวัสดุเคลือบที่ทำให้เสียงเปลี่ยนบ้างนิดๆหน่อยๆ

ส่วนเรื่องเสียงต่างกันส่วนนึงคือดีไซน์เรื่องปิดเปิดฝาหลัง แล้วก็การหนีบของตัวหูฟังครับ
ถ้าให้จับคู่ก็ KSC35 กับ PortaPro เนี่ยไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกันแค่อันนึงคาดหัว อีกอันคลิปหนีบ ไอแบบคาดหัวก็จะบีบแน่นหน่อยได้เบสเยอะกว่าแบบหนีบหูลอยๆ
อีกคู่ก็ KSC75 กับ KPH40 ไดรเวอร์เดียวกัน ต่างกับคู่บนเรื่องการเคลือบ (เคลือบไทเทเนียมมั้งถ้าจำไม่ผิด) เสียงมันก็จะโปร่งกว่าหน่อยๆไม่เน้นเบสเยอะ

ข้อดีอีกเรื่องคือ ถ้าสมมติท่านเบื่อแบบคลิปหนีบหู ท่านสามารถโมได้ด้วยการสั่งตัวคาดหัวของ KOSS มาเปลี่ยนได้ครับ บน Laz มีอันละราวๆ 4-5 ร้อยบาท  


ขอบคุณครับ แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย กังวลว่าถ้าเลือก KSC75 กลัวเสียดายรู้งี้เพิ่มเงินอีกนิดเอาอีกรุ่นดีกว่า ว่าแต่ KSC75 ต่อตรงมือถือได้เลย ไม่ต้องพึ่งแอมป์ใช่ไหมครับ  


ถ้าจำไม่ผิดไม่ต้องครับ (ย้ำว่าถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I'll give him an offer which he can't refuse.

http://i212.photobucket.com/albums/cc69/rutthapol/D-04/5.png

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: #Pride of London #The roman empire
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Mar 2015
ตอบ: 2694
ที่อยู่: กทม
โพสเมื่อ: Thu Feb 06, 2025 00:24
[RE: ทำไมหูฟัง full size แบบ open back แพงจัง]
byrd.tt พิมพ์ว่า:
Lesson1_Of_Football พิมพ์ว่า:
นึกถึง10ปีก่อนไปฟังAKG k701 ที่ร้านเฮียมั่นเกือบทุกเดือนเสียงโคตรดีแต่ไม่มีตังซื้อ  


ผมก็เพิ่งได้ตัวนี้มาเมื่อไม่กี่เดือนนี้จากที่คนในนี้แนะนำครับ 555

หลายคนเชียร์ Grado ผมว่าเสียงอ่ะ โอเค แต่ใส่ไม่สบาย (สำหรับผมคนใส่แว่นมันบีบ) เหมือนที่อีกความเห็นบอกว่ามันดีไซน์บนพื้นฐานที่ให้เสียงที่ดีที่สุด แต่ใส่ไม่สบาย 555 ซึ่งจะคล้าย Bose vs Sony ที่ทุกวันนี้ ไอ้ MX5 นี่น่าจะเป็นหูฟังตลาดที่เสียงดีสุด/ANC ดีสุด แต่ผมก็ชอบ Bose มากกว่าเพราะใส่สบายต่างกันเยอะโคตรๆๆๆ

 



k701 วัดกับหูฟังสมัยนี้เสียงยังพอไหวไหมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel