จากเคสเภสัช เอาความคิดเห็นส่วนตัวเลยนะ ถ้าท่านๆเป็นคนรับเข้าทำงานแล้วมีอาการซึมเศร้า ท่านจะเอามาประกอบการตัดสินใจหรือไม่


กรณีที่คนในทีมเอง หรือหัวหน้าเองเกิดทำอะไรให้เขาtriggerขึ้นมา ดูจะเป็นปัญหาพอสมควร คิดเห็นยังไงกันครับ

ผมว่ามันแล้วแต่อาชีพนะ บางอาชีพมีผลน้อย บางอาชีพมีผลเยอะ แล้วต้องดูด้วยว่าอาการอยู่ในระดับไหน

ประกอบหมดอะ แต่รับไปแล้วไปยุ่งไรกับเรื่องส่วนตัว

เรื่องแลกเวรเนี่ย แลกกันเป็นปกติไหมนิ

ผมรับคนเป็นซึมเศร้ามาทำงานฝ่ายผลิต 2 คน ปัจจุบันเหลือ 1 คน

ถ้าเขาไปรับยา ทานยาตามหมอสั่ง บอกอาการตามจริงกับหมอ ไม่มีปัญหาครับ

แต่ส่วนใหญ่คนพวกนี้มักจะไม่ทานยา และไม่บอกอาการจริงกับหมอ

ฝ่ายบุคคลที่โรงงานผม มีเป็นคนนึง เป็นหลานเจ้าของโรงงานด้วย มาทำงานแบบชิล ไม่มีใครว่าอะไร หน้าที่มอบหมายส่วนใหญ่ให้ช่วยเหลือพวกกิจกรรมในโรงงาน MD ลุงของเขาย้ำมาโดยตรงว่าอย่ากดดันน้อง
แต่ถ้าส่วนงานผลิตที่ผมดูแล ยังไม่เคยเจอคนเป็นโรคนี้มาสัมภาษณ์ ถ้าเจอคงไม่รับอยู่ดี เพราะไม่รู้ต้องดูแลกันถึงขั้นไหน ยิ่งฝ่ายผลิตนี่ค่อนข้างดุดันกันหลายคนโดยเฉพาะหัวหน้างานประจำแท่น คิดว่าทนแรงกดดันไม่ได้แน่ๆ

ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าเพราะที่ทำงานละ บริษัทรับผิดชอบไหม

ไม่น่าได้มัังมันเป็นการ discrimination

ไม่ใช่โรคติดต่อ โรคที่รักษาไม่หาย

แต่ถ้าบางjobที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอาจได้แหละ

ยังไงรอผู้รู้กม.หรือHRที่เชี่ยวชาญมาตอบ

ที่ทำงานเก่า มีพี่คนนึง จากปกติร่าเริง

หลัง ๆ หมกมุ่นกับงานเกิน + เสพดนตรีจนดิ่ง + เครียด

วันนึงอยู่ ๆ มีอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงหลอน รู้สึกเหมือนโดนกล้องวงจรปิดจับตาตลอดเวลา

จอดรถติดไฟแดงกลางถนน ก็ได้ยินเสียงคนด่าสาบ (อันนี้แกเล่าจากปากเอง)

แต่พี่แกยังดีพอถึงที่ทำงาน

เดินมาบอกพี่ซีเนียร์ที่ทำงาน บอกว่าผมอยากหายครับพี่

เท่านั้นแหละ พี่ซีเนียร์จูงมือพาไปโรงบาลเลย หมออธิบายดีมาก ให้ยามากิน

ผลค้างเคียงจากยาคือ จะทำให้นอนหลับเยอะ แต่แกก็ผ่านมาได้ไม่เสียงาน

เจ้านายเข้าใจ ก็ปล่อยตามสบาย ขอแค่ไม่กระทบการทำงาน ทุกคนเข้าใจหมด

แต่หลัง ๆ มามันก็มีบางคนที่ เอาโรคซึมเศร้ามาเป็นข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ

บางทีลาบ่อย จนงานมีปัญหา ที่ทำงานเก่าผมก็สกรีนเลยนะ

เจ้านายบอกเอง ใครเป็นซึมเศร้า แม่งไม่ต้องเอามาหรอก ให้ไปรักษาตัวให้หายก่อน

จริง ๆ มันแล้วแต่เคสจริง ๆ แต่ส่วนมากมันไม่มีไฟในการทำงาน

มันไม่ได้กระทบแค่คนเดียว มันลามไปคนอื่นด้วย

เคสนี้ไม่เหมือนซึมเศร้าเลย เหมือนหลอนยามากกว่า

ถ้าผมสัมภาษ ผมก็ไม่รับนะ ไปรักษาให้หายดีก่อน

ขอแชร์ที่น้องมาปรึกษาละกัน น้องผมก็เภสัช ในทีมมีเพื่อนเป็นซึมเศร้า แต่น้องแกเล่นสร้างงานระรานคนไปเรื่อย
จนสงสัยว่าจังหวะไหนซึมเศร้า จังหวะไหนนิสัยไม่ดีละ ด่าแผนกอื่นจนโดนส่งใบคอมเพลนก็หลายที

แรกๆน้องผมก็ช่วยดูแลอย่างดี หลังๆมีแบบนั่งขี้เกียจ เดี๋ยวพักๆ คนอื่นต้องมาช่วยทำงานแทน
หลังๆน้องผมก็ปล่อยจอยละ ช่วยจนตัวเองจะป่วยแทนละ เรื่องแบบนี้พอตัวเราไปอยู่ในเหตุการณ์มันยากจริงๆ
ยิ่งพอเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี่ก็ไม่อยากตัดสินอะไรละ

ผมนี่เเหละครับเป็นซึมเศร้า
เเต่มีผลมาจากงานที่ทำบวกกับเรื่องส่วนตัวด้วย
เเต่งานผมไม่เคยเสีย จะว่าโดดเด่นเลยด้วยซ้ำ
ได้โปรโมทขั้นพิเศษ 4 ปี ติดต่อกัน
สำหรับผมไม่เป็นปัญหานะ
เเต่เคสอื่น ๆ มันก็เเล้วเเต่กรณี
ต้องเข้าใจก่อนว่าโรคซึมเศร้า มันมีรายละเอียดเเละจำเเนกเป็นประเภท
ของผมเป็น โรคซึมเศร้าในคนที่ยังทำงานได้ดี
รายละเอียดตามลิงค์ครับ

https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_3621850

ควรนะ สุขภาพจิตสำคัญ

สำคัญต่อตัวเอง
และสำคัญต่อเพื่อนร่วมงานด้วย

ไม่อยากให้มองที่โรคซึมเศร้า แต่อยากให้มองผลงานกับคุณภาพงานที่ทำออกมา ถ้างานออกมามีคุณภาพ คุณจะเป็นอะไรมันก็ไม่ผิดเลย

แต่ถ้ามีภาวะแบบนี้แล้วมันกระทบงาน ถ้านายจ้างอยากจ้างต่อ ก็อาจจะต้องมีเงื่อนไขว่าทำงานแค่ส่วนไหนพอ ที่มันจะไม่กระทบ

ส่วนเงินเดือนก็อาจจะต้องน้อยกว่าคนที่ทำได้ปกติ

ขึ้นอยู่กับทำงานอะไร ถ้าทำ backoffice ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าเป็นงานบริการต้องพบปะผู้คนผมว่าเดี๋ยวมีปัญหาแน่นอน