เพื่อนผมเนี่ยแหละ ใช้ Atto3 จะกลับไปใช้น้ำมันแล้ว มันขับรถไกลบ่อย ปกติน้ำมันถังนึงถึงตลอดเพราะมันใช้รถที่วิ่งเต็มถังวิ่งได้ 800-900 โล เติมทีเดียวไม่ต้องเสียเวลาไปเติมอีก แวะเข้าห้องน้ำนิดๆ หน่อยๆ พอ ไม่ต้องไปลุ้นด้วยว่าจะมีช่องชาร์ทว่างไหม

ผมว่าจะเปลี่ยนนะครับ ตอนนี้ใช้ atto3 ใช้แล้วรู้สึกไม่มั่นใจพวก EV จีน รู้สึกบริษัทมันไม่ค่อยจริงใจ คอยจะตีหัวเข้าบ้าน อะไหล่ต่างๆก็ราคาแพงเว่อร์ เท่ารถยุโรป จะให้ไป tesla ก็เกินงบ อาจมาใช้ hybrid ญี่ปุ่น รอจนญี่ปุ่นออก EV

แล้วเรื่องประกันตอนหลังกฎยุบยิบมาก แบตเคลมได้ไม่เต็ม ต้องจ่ายเพิ่มเบั้ยอีก กลายเป็นจ่ายประกันแพงไปเลย ถ้าใช้น้อยๆ บอกเลยว่าไม่คุ้ม ขายต่อราคาก็ตก พอใช้เยอะก็จะเลยประกัน 160,000 กม.ต้องไปลุ้นไม่ให้แบตเสียอีกถ้าใช้ต่อ เกิดแจคพอตแบตเสียนี่จ่ายอีกหลายแสน ไม่เหมือน hybrid ญี่ปุ่นนับประกันแบต 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง ผมว่ายังแฟร์ๆ

ใช้ tesla model 3 HL อยู่ คงไม่คิดกลับไปน้ำมันละครับ ผมชอบฟิลลิ่งการขับรถ ev มากกว่าเยอะ ใครบอกเหมือนรถกอล์ฟ ไม่มีเสียงเครื่องผมกลับชอบนะ เปิดเพลงในรถคือเบสมาเต็มไม่มีเสียงอื่นมากวนใจ

ส่วนเรื่องการรอชาร์จ ถ้าเลือกชาร์จพวก elexa, shell reserve ไฟมันวิ่งอยู่ 100-140 ได้นาทีละ 1% แวะชาร์จ 20 นาทีเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟก็ได้คืนมา 120 โลแล้ว บวกกับ tesla วิ่งได้แน่ๅ 400km ขึ้น ผมเลยไม่รู้สึกว่าการรอชาร์จเป็นปัญหามาก

มีแน่นอนคับ รถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน ลองแล้วไม่เข้ากับไลฟ์สไตร์ก็ต้องเปลี่ยน

ไม่กลับครับ ไม่ได้เดินทางไกลบ่อย ชาร์จบ้าน 95% ไม่มีเหตุผลที่จะกลับไปใช้รถสันดาป แต่ในใจตอนนี้ก็คิดอยู่ว่าถ้าตัดสินใจใหม่ได้ จะมองรถ hybrid ดูแล้วชั่งน้ำหนักอีกที

ตอนแรกคิดว่ารถ ev มันค่อนข้างลงตัวแล้ว แต่ตอนนี้คิดว่ายังมีจุดที่สามารถพัฒนาอย่าวก้าวกระโดดได้อยู่ เกรงว่ารถที่ใช้อยู่อาจจะกลายเป็นตกรุ่นไม่รับซ่อมหรือหาอะไหล่ไม่ได้ ทำให้อายุการใช้งานหมดไปตามอายุเทคโนโลยี อนาคตไม่รู้ว่า บ.ผู้ผลิตจะ support รถรุ่นๆนึงไปนานแค่ไหน จะหวังอู่นอกได้รึเปล่าก็ไม่รู้

ทั้งหมดเป็นเพียงความกังวลที่ไม่มีหลักฐาน แต่ยังไงก็ไม่กลับไปรถสันดาปแน่นอนครับ

ผมงงคนที่บอกว่าเสียเวลาชาจ คือปกติใช้รถไฟฟ้าเดินทางไกลทุกวันเลยหรอครับ ผมใช้ neta v อยู่ ผมว่าถ้าใช้ทุกวันชาจวันละครั้งนอกบ้านวันละ 20 นาที สลอตเดียว ก้ไปต่อได้แล้วนะ เข้าห้องน้ำซื้อกาแฟแปปเดียวเอง ทำไมถึงบอกว่ามันเสียเวลาขนาดนั้น

ผมส่อง EV มานานมากๆ แต่ที่เล็งไว้คือพวกรถครอบครัว 6-7 ที่นั่งขึ้นไป รอแล้วรออีก ยังไม่มีวี่แววใน segment นี้ ที่ราคาไม่ได้โหดแบบ 2-3ล้าน

สุดท้ายก็ได้ออก hyundai stargazer แทน 6ที่นั่ง เพราะอาชีพผมก็เบิกค่าน้ำมันได้ เหมือนท่านนี่แหละครับ

มีแน่ๆครับ แต่ส่วนน้อยที่ย้อนกลับ มีแต่เปลี่ยนจากน้ำมันไปไฟฟ้า
ของผมถ้าขับในเมืองก็ใช้ไฟฟ้า แต่ถ้าไปตจว.ผมก็ขับรถน้ำมัน โชคดีซื้อรถราคาไม่แพงนัก เลยพอมีเงินซื้อรถได้ทั้งคู่

ถ้าจะมีก็คงจะเป็นแค่คนที่ใช้รถระยะทางไกลๆบ่อยๆแหละครับ


ปีก่อนๆมัน 300กม. ก็ต้องชาร์จละ มันก็จะลำบากหน่อยๆ แล้วชาร์จทีมีเกือบชั่วโมงด้วย


แต่ถ้าคนที่ซื้อหลังๆ ระยะ 4-500++ เนี่ย ผมว่าน้อยนะที่จะอยากกลับไปน้ำมัน เพราะเอาเรื่องการใช้งานอย่างเดียว ไม่มีอะไรที่สันดาปจะชนะ EV ได้เลยอ่ะ สิ่งเดียวที่เหลือคือการพักเติมพลังงานนี่แหละที่ EV ยังสู้สันดาปไม่ได้

เวลาแต่ละคนมีค่าไม่เท่ากัน บางคนเวลาแค่ 10 นาทีนี่เปลี่ยนชีวิตเลย ยิ่งอาชีพเซลส์ต่างจังหวัด ค่าน้ำมันต่างกันวันละ 4-5 ร้อย เค้าไม่เดือดร้อนกัน เพราะเอาเวลาไปทำงานได้มากกว่านั้น รถที่วิ่งไปกลับ 400 km ชาร์ทเดียวแบบใช้งานจริง น่าจะมีแต่ตัวเกือบสองล้าน

วันหยุดยาวต้นเดือน เห็นยืนด่ากันหน้าตู้สนุกดี

ณ ตอนนั้น ทำงานเป็นเซลล์ฮะ วิ่งไปตามแคมป์ก่อสร้าง พบเจอผู้ซื้อมากหน้าหลายตา แคมป์นี้เสร็จต้องไปแคมป์นี้ต่อ เพื่อตกลงราคาดีลราคา ทำเอกสารเองหมดทุกอย่าง ใบเสนอราคา po ตัดสต๊อกและสรุปยอดสั่งซื้อ ยอดคงเหลือ ยอดกำไร มันมีเวลาที่ต้องจ่ายครับ ที่บอกชาร์จแปปเดียว ผมขับรถน้ำมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เวลาเป็นสิ่งมีค่ามาก หากมัวแต่ชาร์จแล้วไม่เจอลูกค้า เจอซัพ ผมเสียหายหลักแสนเลย จริงๆมันก็ใช้รถไฟฟ้าได้นะครับ แต่ผมต้องมานั่งคำนวณเวลา วางแผนการเดินทางพอสมควร มันเหนื่อยครับ เอกสารทำงานก็เหนื่อยแย่แล้ว ต้องมาวางแผนหาที่ชาร์จไฟอีก เหนื่อย x2 ครับ

.

ไลฟ์สไตล์แต่ล่ะคนไม่เหมือนกันครับท่าน อย่างผมวิ่งงานมีไป-กลับ เช้า-เย็น 320-360 โล อาทิตย์ล่ะ 2 วัน แล้วมีจอดรับ/ส่งลูกที่โรงเรียนทุกวันเช้า/เย็น รถคันเก่าน้ำมันผมต้องเติมน้ำมันวันเว้นวัน อาทิตย์ล่ะ 4 ครั้ง ครั้งล่ะ 10 นาที ผมเสียเวลาแล้วอาทิตย์ล่ะ 40 นาที เดือนล่ะ 160 นาที ปีล่ะ 1920 นาที หรือ 32 ชม ต่อปี

ตอนนี้ EV ผมเติมนอกบ้านเฉพาะไปเที่ยว ตจว เดือนล่ะ 1 ครั้ง (บางเดือนก็ไม่มีเวลาไป) เฉลี่ย 10 ครั้ง/ปี เอาแบบเต็มถังเลย เฉลี่ยครั้งล่ะ 1 ชม ถ้าพวกหัวหิน เขาใหญ่ ระยอง สวนผึ้งนี่ แวะแค่ 10-20 นาทีพอแล้ว เท่ากับตอนนี้ผมเสียเวลาชาร์จไฟ (นอกบ้าน) แค่ 10 ชม/ปี ผมประหยัดเวลาชีวิตไป 22 ชม/ปี ได้เวลาคืนมา 1 วัน ค่าเดินทางประหยัดไปจาก 4 บาท/โล เหลือ เฉลี่ย 0.8 บาท/โล

ข้อแม้เเดียวนี้คือต้องชาร์จบ้านได้ ซึ่งผมไม่มีปัญหา

ถ้าเอาแบบยอมขับช้า 90-100 กม/ชม ได้ EV จีนที่แบต 60KW วิ่งได้นะครับ 420-440 โล แต่มันจะง่วง น่าเบื่อ

แต่ถ้าแบบขับสบายๆ 100-120 BYD Seal ตัวกลางแบต 80KW ตอนนี้ลดเหลือ 1.3 ล้าน วิ่ง 450-480 สบายๆ หรือ Model 3 ตัวล่างสุด 1.6 ล้าน ก็วิ่งเกิน 420 ได้สบายๆครับ