[RE: เรื่องของทนายของก้าวไกล จากมุมมองทนายความด้วยกัน]
tgmann พิมพ์ว่า:
ผมขอถามครับ สมมติพิธาโอนหุ้นไปให้คนอื่นเพื่อเคลียร์ตัวเองก่อน จะโดนร้องเรื่องซุกหุ้นได้หรือไม่
เนื่องจากจงใจโอนหุ้น(สื่อ?)ที่ไม่มีมูลค่าให้คนอื่น จะมองว่ามีพิรุธต้องการปกปิดอะไรหรือไม่ครับ
ถ้าโดนร้องเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ไม่มีสิทธิสมัครสส.แต่จะโดนตัดสิทธิ์10ปี +โทษอาญาด้วย
แปลว่าไม่ว่าจะทำทางไหนก็โดนเล่นได้อยู่ดี ถ้าเค้าจะเล่น
ดังนั้นเราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อการปั่นกระแสของฝั่งนั้นครับ กระแสสังคมในประเทศนี้ต้องยืนยันตามข้อเท็จจริงว่าไอทีวีไม่มีแล้ว ไม่ใช่สื่อ ดังนั้นคุณจะมาเล่นด้วยข้อหาแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม และสังคมจะไม่ยอมรับ
มีแค่ทางนี้ครับที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการติดสินที่บิดเบี้ยวได้
ตอบในมุมกฎหมายนะครับ ถ้าเป็นกรณีนี้ ภาระการพิสูจน์เรื่องการซุกหุ้นนี่ยากกว่าเยอะเลย เพราะผู้ร้องเรียนจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่รับโอนหุ้นนั้นเป็นนอมินี ต้องมีพยานหลักฐานว่ามีการสั่งการ เช่น อีเมลสั่งให้โหวตในที่ประชุมไปในทิศทางไหน หรือมีพฤติการณ์ที่อาจสั่งการผู้ที่รับโอนหุ้นได้ เช่น มีสัญญานอมินีกำหนดสิทธิเอาไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีการรับผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินมากกว่าครับ เช่นกรณีศักดิ์สยามที่โอนหุ้นให้นิติบุคคลที่ไม่น่าจะมีเงินทุนเป็นร้อยล้านมาซื้อหุ้นของเค้า
อีกอย่างการโอนหุ้นออกก่อนกับหลังโดนร้องเรียนนี่มีนัยยะทางกฎหมายและทางข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันมากครับ การโอนออกก่อนเข้ารับสมัครก็ถือว่ายังไม่เคยมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติเลย การโอนออกทีหลังจะเสียเปรียบตรงที่ต้องมาแก้ต่าง เพราะมันมีช่วงเวลานึงที่กระทบกับคุณสมบัติไปแล้ว
พูดง่าย ๆ คือความยากในการเอาผิดมันคนละเรื่องกันกับกรณีนี้เลยครับ เพราะการร้องเรียนรอบนี้ ผู้ร้องเรียนเพียงแค่พิสูจน์ว่าคุณพิธาถือหุ้นสื่อในช่วงที่ลงสมัคร มันก็เข้าองค์ประกอบแล้วครับ
ส่วนการยืนยันต่อสังคมถึงความบิดเบี้ยวนี่ผมว่าตอนนี้ในสังคมก็เห็นตรงกันหมดแล้วแหละครับว่าหลักการของเรืองไกร กกต. หรือ ศาลรธน.ที่ผ่านมาและในอนาคตมันบิดเบี้ยว คงต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ