ไหนๆก็หลายกระทู้แล้ว ขอคุยเรื่องแนวคิดที่ตัวเองเห็นบ้างแล้วกัน

จากข่าวที่ออกมา มันมีประโยคนึงการแถลงเมื่อวานที่น่าสนใจครับ

“The investigation team has remained in regular contact with the legal team, providing any updates of note, and so understand the rationale for the discontinuation of proceedings at this stage, and that this decision has not been taken lightly. (source https://www.90min.com/posts/mason-greenwood-greater-manchester-police-drop-all-charges-against-man-utd-forward)

แปลคร่าวๆคือ ทีมสืบสวนก็ทำงานร่วมกับทีมกฏหมายเรื่อยๆและใกล้ชิด และเข้าใจถึงเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการใดๆต่อ ณ จุดนี้ และการตัดสินใจครั้งนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆหรือทำไปลวกๆ

======

ส่วนตัว จาก statement ด้านบน ผมว่าทางตำรวจเองก็ไม่ได้อยากจะหยุดดำเนินการหรอก เพราะหลักฐานมันก็ชัดขนาดนั้น แต่น่าจะเป็นจากทางฝ่ายกฏหมายมากกว่า ที่มองว่ามาถึงจุดนี้ต่อให้ขึ้นศาลก็อาจจะโดนตีตกอยู่ดี (ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาจจะมีอะไรมากกว่าการถอนตัวของพยาน หรือหลักฐานใหม่ๆที่ทางโฆษกบอก) จึงเป็นการประกาศว่า โอเค เราจะหยุดเรื่องนี้ ไม่ดำเนินการด้านคดีความต่อ

ส่วนความผิดเกิดขึ้นจริงมั้ย ก็น่าจะเกิดขึ้นจริงนั่นแหล่ะ เพราะหลักฐานมันก็มีอยู่ แต่รอดเพราะเหตุผลด้านบน ฉะนั้นเคสนี้ก็ถือว่า sensitive ต่อความรู้สึกมากเหมือนกัน เพราะ wrongdoing มันถูก committed ไปแล้ว แค่มันไม่ legally convicted แค่นั้น

เราในฐานะแฟนบอลคนไกล เราก็ย่อมมีความรู้สึกในแบบเรา แต่คนในพื้นที่เอง พวกคณะทำงานเอง หรือกระทั่งหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่นตำรวจ GMP หรือองค์กรเพื่อสิทธิต่างๆ ฯลฯ พวกนี้เองก็จะมีภาพต่อตัว Greenwood ในแบบที่เราก็อาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ได้

ส่วนตัวแล้ว อยากให้น้องมันอยู่มั้ยก็อยาก แต่ความผิดที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ต่อตัวองค์กรหรืออะไรหรอก แต่มันคือการที่เราในฐานะองค์กรยึดมั่นในหลักการอะไรมากกว่า เราจะยึดเพียงหลักกฏหมาย หรือเราจะยึดในหลักธรรมาภิบาลด้วยหรือไม่ (Ethics) ซึ่งปกติแล้วเรื่องแบบนี้สำคัญมากสำหรับองค์กรต่างชาติ (ของผมนี่ผิด Ethics นี่ปลิวมาหลายคนแล้ว) ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณอยากเป็นองค์กรที่พูดเรื่อง Say no to Racism แล้วคุณปล่อยให้มีเคสพวกนี้ในทีม มันก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งอันนี้มันเป็นใหญ่กว่าสิ่งเหล่านั้นมาก เพราะมันมีทั้งทำร้ายร่างกาย ทั้ง SH ซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นเล็กๆเลยสำหรับองค์กรใหญ่แบบนั้น คือคุณจะ Walk the Talk ไม่ได้เลยน่ะครับ


ก็ต้องดูต่อไปครับ

ผิด Ethics ไม่จำเป็นจะต้องผิดกฏหมายนะครับ Ethics คือเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมครับ หลายๆองค์กรอย่างที่บอก ที่ผิด Ethics นี่ไม่ได้ผิดกฏหมายด้วยซ้ำ แต่ก็โดนเด้งอยู่ดีครับ ซึ่งกรณี Greenwood นี่ผิด Ethics แน่นอนไปแล้วครับ

เหมือนเข้ามาอ่าน คนขิงศัพท์เทคนิค กัน 55555

นั่นแหละครับ ผมถึงได้อ่านไม่รู้สึกดีใจเลย

ผมถึงได้อยากให้เด็กมันสู้คดีในศาลไปเลยดีกว่า ถูกจริง ผิดจริงก็ว่ากันต่อ

แต่อันนี้เหมือนโดนผูกขาไว้ตรงที่ตำรวจพร้อมทำคดีต่อนี่แหละ


เกิดวันนึงสองคนนี้ทะเลาะกันอีก หรือเลิกกันจะกลับมาโดนคดีต่อมั้ย

ความเห็นผม คือมันจะเรื่องใหญ่โตกว่านี้มากถ้ามันไม่ใช่ แฟนหรือผัวเมียกันอะ

พอเป็นผัวเมียหรือแฟนกัน แม่งบียอนปัญหาเพราะพอกลับมาดีกัน

คนนอกแทบจะหอนเลย

ส่วนในแง่องค์กร ให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัดสินแหละเพราะบริษัทเค้า555555

สุดท้ายผมว่าก็วนไปที่ Presumption of innocence อยู่ดีอ่ะครับ

ทุกอย่างมันคือopinionไม่ใช่fact ตอนนี้ใครพุดทางไหนมันก็คือการjudgeไปเอง

ส่วนตัวผมเชื่อในกระบวนการยุติธรรมของประเทศอังกฤษ

และผมเชื่อว่าตำรวจและทุกฝ่ายหาหลักฐานมาเอาผิดอย่างเต็มที่แล้ว

แต่สุดท้ายเมื่อพยานอ่อน หลักฐานอ่อน ก็ต้องหลุดไป

ในมุมethicsองค์กรยิ่งทำอะไรไม่ได้ครับ เพราะมัน drop charges แล้ว

ในcriminal recordก็ไม่มี จะเอาอะไรไปฟันเรื่อง ethics

นั่นแหละครับ ผมถึงได้อ่านไม่รู้สึกดีใจเลย

ผมถึงได้อยากให้เด็กมันสู้คดีในศาลไปเลยดีกว่า ถูกจริง ผิดจริงก็ว่ากันต่อ

แต่อันนี้เหมือนโดนผูกขาไว้ตรงที่ตำรวจพร้อมทำคดีต่อนี่แหละ


เกิดวันนึงสองคนนี้ทะเลาะกันอีก หรือเลิกกันจะกลับมาโดนคดีต่อมั้ย

อันนี้ผมว่าไม่เกี่ยวนะ อันนี้เป็น misconception ของคนไทยส่วนใหญ่เลยน่ะครับ ที่มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งจริงๆแล้วมันคือ domestic violence นะครับ ก็ผิดอยู่ดีครับ อันนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ครับ ในตปท.มีองค์กรช่วยเหลือพวกนี้เต็มไปหมด หรือในไทยเองก็มีทั้งมูลนิธีปวีณา หรือกลุ่ม Standup ที่สนับสนุนทั้งผญ เด็ก หรือกระทั่งผช ที่เป็นเหยื่อของ DV เช่นกันครับ

คือต่อให้กลับมาดีกัน อันนี้มันถือว่าเป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้มั้งครับ

ผิด Ethics ไม่จำเป็นจะต้องผิดกฏหมายนะครับ Ethics คือเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมครับ หลายๆองค์กรอย่างที่บอก ที่ผิด Ethics นี่ไม่ได้ผิดกฏหมายด้วยซ้ำ แต่ก็โดนเด้งอยู่ดีครับ ซึ่งกรณี Greenwood นี่ผิด Ethics แน่นอนไปแล้วครับ

มันผิดข้อไหนนะครับ ถ้าที่บอกว่าcommitted ไปแล้วก็อย่างที่ผมบอกอ่ะครับว่ามันคือการ judgeไปเอง ไม่ใช่factเพราะยังไม่ได้ตัดสิน และพิสูจน์ไม่ได้ว่าในคลิปนั้นใครทำอะไรยังไง ถ้าเป็น role playมันก็ไม่ได้ผิดethicsอยู่ดีอ่ะคับ ผมก็ไม่อยากassumeไปเองว่าจะออกมาแนวไหน

จากที่ผมทำงานมาถ้าแบบนี่พนักงานก็ฟ้องกลับได้แน่นอนอ่ะครับว่า discriminate

ถ้าดูจากเคสอื่น เช่นกิกส์ เทอรี่ ซูม่า พวกนี้ก็ผิด Ethics กันหมดเช่นกันครับ ดังนั้นอย่างที่ผมตั้งมู้ไว้ด้านล่างว่าในเชิงผู้บริหารมีแนวทางยังไงบ้างหลังจากสอบสวนภายในเองจนจบ ถ้าตัดสินยกเลิกก็จบ ถ้าตัดสินใจอยู่ต่อก็ต้องวางแผนแก้ภาพลักษณ์

ผมเข้าใจที่ท่านสื่อมานะครับ

แต่สุดท้ายผมมองว่ามันกลับไปที่จุดต้นเรื่องอยู่ดี

มูลนิธิต่างๆนาๆ ที่เข้าช่วยเหลือ จะเกินหน้าที่ทันทีถ้าเจ้าตัวไม่เอาด้วยแล้ว


ซึ่งง!! ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าความผิดมันไม่ได้เกิดขึ้น ความผิดมันเกิดขึ้นทางการกระทำแล้ว

คนเดียว ที่มีสิทธิ์ตัดสินว่าผิดหรืือถูก คือตัวผู้หญิง

เรื่องเกิดไปแล้ว ก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะยอมรับตังค์แล้วจบเรื่องดีกว่า

ทีนี้ก็เซ็น NDA ผู้หญิงก็รับตังค์ ผู้ชายก็หลุดพ้นข้อกล่าวหา แมนยูได้ดาวรุ่งทรงบอลดีมาเสริมทีม

เหลือก็แต่แฟนบอล ที่ไม่เกี่ยว ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง แต่ไม่จบ

เท่าที่ติดตามมา วงการฟุตบอลมักจะใช้เหตุผลทางฟุตบอลกับกฎหมาย มากกว่าในทางจริยธรรม

นักเตะทำร้ายร่างกายเพื่อนนักเตะ ก็ให้เล่นต่อ
นักเตะเหยียดผิว หลังถูกลงโทษแล้ว ก็ให้เล่นต่อ
นักเตะทำร้ายสัตว์เลี้ยง ก็ปล่อยให้เป็นจำเลยสังคม แล้วก็ให้เล่นต่อ
นักเตะฉาวเรื่องชู้สาว ก็ปล่อยให้เป็นจำเลยสังคม แล้วก็ให้เล่นต่อ
นักเตะทำร้ายร่างกายแฟนบอล ดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อพ้นผิดแล้ว ก็ให้กลับมาเล่นต่อ

จำไม่ได้ว่ามีคดีไหนบ้างที่นักเตะพ้นผิดทางกฎหมายแล้ว สโมสรก็ยังแบนต่อไป เพราะมองว่าเป็นคนขาดศีลธรรม
คนที่โดนคดีเยอะๆอย่างเมนดี้ ถึงตอนนี้น่าจะยังเหลือคดีที่ยังไม่สิ้นสุด

คิดเหมือนกัน

ผมเคยออกความเห็นตั้งแต่เป็นข่าวแรกๆว่ารอดก็มีรอดแบบโคตรคลีน รอดแบบไม่ค่อยคลีน
จะกลับมาสู่ทีมได้แบบชัวร์ๆไม่มีกระแสต่อต้านก็ต้องโคตรคลีน คือไปถึงศาลแล้วศาลตัดสินว่าไม่ผิด

หวยดันมาออกที่รอดแบบไม่ค่อยคลีนซะนี่ ก็เลยมีเรื่องให้คุยกันยาวต่อแบบนี้เลย

รอฏีกานี่ก็แขวนสตั๊ดดีๆนี่แหละ

ผมว่าคุณ biased ต่อหลักฐานที่ถูกปล่อย online จนสรุปว่า Greenwood committed wrongdoing จริง ตรงนี้อันตรายมาก เพราะเราไม่สามารถตัดสินได้ ขนาดศาลยังไม่รับตัดสินหลักฐานประเภทนี้เลย แล้วเราเป็นใครจะไปตัดสินว่าผิดจริง สรุปก็ง่ายๆ no evidence, no conviction จบ ส่วนกระแสสังคมจะว่ายังไงก็เป็นอีกเรื่อง ถ้าลงรูปคู่กับเมียก็จบเลย คืนดีกันแล้ว กระแสน่าจะเบาลง

ถ้าจบเรื่องแล้ว ไม้เขียว เลิกกับแฟน ถ้าผมเป็นคนตัดสินใจผมให้โอกาสนะ แต่นี่จบเรื่องแล้วดีกัน แล้วถ้าอนาคตเกิดแบบนี้ซ้ำๆ ทำยังไง ปวดหัวตายเลย