สมัยเด็กจนเริ่มทำงาน เคยเข้าใจมาตลอดว่าการไม่มีหนี้สินเป็นเรื่องที่ดี
เช่น หากว่ามีที่ดิน มีบ้าน แล้วไม่ติดจำนองธนาคารหรือนายทุนอื่น นั่นคือสิ่งที่ดีมาก

แต่พอโตขึ้นเห็นคนที่ทำธุรกิจ หรือนักลงทุนบางคนบอกว่า
การที่นำทรัพย์สินในรูปแบบสภาพคล่องต่ำ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันธนาคารมากเท่าไร
ยิ่งถือว่าเป็นคนที่ฉลาดมากเท่านั้น เพราะเป็นการใช้เงินจากคนอื่น แทนที่จะเป็นเงินตัวเอง
แล้วยิ่งนำไปค้ำประกันมาก ยิ่งกู้เงินมาก ยิ่งมีเครดิตดี

บางคนยิ่งบอกว่า ที่เราเห็นคนนั้นคนนี้ มีหนี้สินธนาคารมาก
ที่ดินติดจำนองเยอะ จะมองว่าคนนั้นหนี้สินล้นพ้นตัว
ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จไม่ได้ แต่คนพวกนี้แหละ ฉลาดที่สุด

ท่านเห็นด้วยกับแนวคิดนี้มั้ยครับ

มันมีเรื่องดอกเบี้ยอีก นอกจากทำธุรกิจให้ได้เงินแล้ว ต้องให้ได้มากกว่าดอกเบี้ยด้วย
ช่วงโควิดที่เจ๊งกันเยอะๆก็เพราะเงินกู้นี่แหล่ะ
ไอ้กู้มันก็ดี แต่การไม่มีหนี้นี่ดีสุดแล้ว ไม่ทำไรเกินตัว สบายใจดี

เจ้าของบริษัทผมกำเงิน 70% กู้ 30% ไม่ให้ขาดสภาพคล่องเวลาเกิดวิกฤต ตอนนี้สร้างโรงงานเพิ่งเสร็จ จากเงินสดไม่ได้กู้สักบาท โรงงานอย่างใหญ่อยู่แถวบางปูใหม่ครับ กำลังจะขึ้นโรงที่ 2 แถวๆ เวลโกร เงินสดเหมือนกัน

หลักการปกติไหม ถ้าสามารถทำเงินได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ ... แต่ก็นั่นแหละ

ตามนั้นครับ ได้เงินไปลงทุนก่อน ทำให้งอกงาม ในขณะที่ ประกาศขายไปด้วยก็ได้ ได้ราคาเหมาะสมเมื่อไหร่ ก้ให้ คนซื้อไป เอาออก ขนาดที่กำลังจะหลุดจำนอง เค้ายังไม่ปล่อยเสียเปล่าเลย ยังหาคนมาซื้อกันก่อนหลุดโดยที่ตัวเองยังกำไร หลายครั้งที่คนรอบตัวผมซื้อที่ ก็ซื้อมาจาก คนรวยๆ ที่เอาไปจำนองทั้งนั้น

อันนั้นคือคนที่มีลู่ทาง มีปัญญาหาเงินมาไถ่คืนได้แน่นอนถึงทำแบบนั้นได้

เป็นคนค้าขายที่มองการไกลครับ ขัดสนเมื่อไหร่เบิก od มาใช้ได้ ไม่ใช้ไม่เสียดอก

ถ้าทำสำเร็จก็รุ่งเลย ถ้าไม่สำเร็จก็จมดินเลยนะนั่น สำหรับคนเริ่มๆ หาตังใช้ชีวิตเอง

สมมุติว่าผมอยากเปิดร้านอาหาร แล้วใช้วิธีนี้ แค่คิดๆก็สยิวแล้ว อย่างถ้า ไปทำแบบนี้ปุ้ปแล้วโควิดดั๊นนมา

แทบจะเรียบร้อยเลย

แต่ถ้าจับธุรกิจถูกในสถานการณ์เดียวกัน(โควิด) ก็ถือว่าได้ทุนเพิ่ม ทำเอาคุณได้เปรียบเลยล่ะครับ

มันมีเรื่องดอกเบี้ยอีก นอกจากทำธุรกิจให้ได้เงินแล้ว ต้องให้ได้มากกว่าดอกเบี้ยด้วย
ช่วงโควิดที่เจ๊งกันเยอะๆก็เพราะเงินกู้นี่แหล่ะ
ไอ้กู้มันก็ดี แต่การไม่มีหนี้นี่ดีสุดแล้ว ไม่ทำไรเกินตัว สบายใจดี

สำหรับผมมันไม่เกี่ยวว่าฉลาดไม่ฉลาด มันเป็นหลักการอยู่แล้วเป็นช่องทางอยู่แล้ว มันไม่ได้ต้องใช้ความฉลาดซับซ้อนอะไร

คนรู้จักผม กู้ธนาคารด้วยเงินก้อนแรก วงเงิน 20 ล้าน เต็มจำนวนเงิน ใช้เงินธนาคารล้วนๆ
สร้างโรงงานจนประสบความสำเร็จ และด้วยความสำเร็จนี้ ไปสร้างโรงงานเพิ่ม ทีี่อีกจังหวัดสเกลใหญ่กว่าเดิม ด้วยวงเงิน 80 ล้าน โดยที่ไม่ต้องใช้เงินตัวเองซักบาท และ ต่อไปที่อีกจังหวัด รอบนี้ กู้ 150 ล้าน ผ่าน

ไม่ใช้เงินตัวเองซักบาทเหมือนกัน เค้าสามารถโตได้แบบก้าวกระโดด เพราะไม่ต้องรอตัวเองมีเงิน

CP ซื้อโลตัส แทบจะเงินกู้เต็มจำนวนทั้งนั้นครับ เค้าเลยยกย่องคนที่สามารถ กู้มาทำธุรกิจในเปอเซนที่สูงกว่าเงินตัวเองว่าเก่งจริง

เก่งที่ ธนาคารยอมให้เงินมาเต็มหรือเกือบเต็มจำนวนได้ เพราะคือสิ่งที่ยากมากๆ

หมอสุนิน หมอฟันที่ดังๆ เคยพูดไว้ว่า ตัวเองมีโปรเจคจะทำธุรกิจ ไปกู้ธนาคาร ให้แค่ 55 เปอเซนของที่กู้เอง ต้องเอาบ้านไปจำนอง กว่าจะได้มา จน สำเร็จงอกเงยในทุกวันนี้ ยังพูดเลยว่าพวกที่กู้ธนาคารได้เต็มจำนวน นี้มัน มีสุดยอดวิชามาร พวกนี้ไม่ต้องเหนื่อยแบบเค้า วิชามารที่ว่าผมก็พอรู้ว่าต้องทำไง มันไม่ใช่สายมึด แต่มันคือเทคนิค ที่คนกู้ ต้องเตรียมข้อมูล ขั้นสุดให้ธนาคาร เชื่อใจจนสามารถปล่อยกู้ได้ เพราะงั้น ผมจะยกย่องคนที่กู้ธนาคารได้เงินเต็มจำนวนว่าพวกนี้อะเทพจริง ลงทุนโดยที่ไม่ต้องใช้เงินตัวเองแม้แต่บาทเดียว แล้วพวกนี้ โอกาสโตทางธุระกิจ จะเร็วกว่าคนอื่นแบบก้าวกระโดด

ไม่จำเป็น สำคัญคือสภาพคล่อง

ไม่จมครับ พวกนี้ก่อนหลุดจำนองก็เอาไปปล่อยได้กำไร อยู่ดี เจอเยอะครับพวกแบบนี้

ทรัพย์สินแบบนี้ไม่ได้ขายกันง่ายๆ เลยนาาาาา

ผมว่าก่อนขายได้ก็มีตีนก่ายหน้าผากอยู่นะ55555

อันนี้แล้วแต่คนมองเลยครับ แต่ของที่บ้านผม รอดจาก ต้มยำกุ้งได้ เพราะ ไม่กู้นี่แหละครับ ใช้เงินสดหมุนตลอด พอดอกเบี้ยขึ้น ค่าเงินบาทขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับ บ.ไรผมเลย

"มีอสังหาแล้วไม่ติดจำนองคือสิ่งที่ดี" อันนี้คือถูกแล้วครับ กรณีอสังหานั้นเป็นบ้านที่คุณใช้อยู่อาศัย และคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน

แต่ถ้าคุณเป็นคนทำธุรกิจ และในช่วงที่เศรษฐกิจดี หรือมั่นใจว่าทำได้จริง การเอาไปจำนองแบบนี้เป็นทางที่ดีมากๆครับ

พวกคนปั้นธุรกิจขึ้นมาจาก 0 ก็ประมาณนี้กันส่วนใหญ่

แต่จะมีสักกี่คนที่รอด และถ้าตัวเองก็ไม่มั่นใจ อันนี้มีสิทธิ์จมได้ง่ายๆเลยนะ