เอาง่ายๆ นาบี้ ox มิลเนอร์ เป็นทีมท้อปๆทีมอื่นที่เขาหวังลุ้นแชมป์ ไม่มีใครเขาเก็บไว้หรอก
เรื่องนี้เขาบ่นกันมานาน ไม่ใช่เพิ่งมาบ่นตอนผลงานแย่
บริหารดี บริหารเก่ง ได้กำไร อันนี้ไม่เถียง แต่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยานที่จะเป็นแชมป์
ถ้าบริหารบริษัททั่วไป มีแต่ผู้ถือหุ้นไม่มีแฟนบอล คงไม่มีใครมาว่าหรอก

จริงๆผลงานจับต้องได้น่ะมีครับ แต่อาจจะลึกไปเลยไม่ค่อยเห็นกัน

อย่างการขยายสนามที่บางท่านบอกว่าไม่ได้มีผลอะไร แต่มันมีเรื่องการปรับปรุงสาธารณูปโภค ร้านอาหาร พนักงาน ฯลฯ อีกหลายอย่างเหมือนกันนะ ซึ่งมันส่งผลโดยตรงให้รายได้ต่อปีสูงขึ้น จาก 40 ล้านในปี 2010 กลายเป็น 70 ล้านในปี 2020 และคาดว่าจะเป็น 100 ล้านในปี 2023 ที่เปิด Anfield Road Stand หรือรายได้ Commercial ที่เกิดจากการเซ็นพาร์ทเนอร์ต่างๆ ขยายช่องทางจำหน่าย จัดกิจกรรม CSR ก็เพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เท่าตัว

ซึ่งมูลค่าเงินที่เพิ่มตรงนี้คือเงินที่สโมสรเอาไปจับจ่ายซื้อผู้เล่นได้โดยตรงเช่นกัน



ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปช่วงปี 2011 รายได้ของสโมสรเราน้อยกว่าแมนยู เชลซี และอาเซน่อลอีก แต่ปัจจุบันรายได้เราขยับมาไล่แมนยูซึ่งมี Global Brand Image ที่แข็งกว่ามาก ไล่ตาม Man City ที่มีงบหลังบ้านมากกว่า

ซึ่ง Revenue ในกราฟนี้นับแค่ Matchday, Broadcast, Commerial แต่ไม่ได้นับ Prize Money หรือ Player Sell



ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้ FSG อยู่ หรือเป็นติ่งปกป้องจนแตะต้องไม่ได้นะ เค้าก็มีเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลาด เรื่องที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่การบอกว่า FSG ไม่มีผลงานเลยก็ดูจะกล่าวหนักไปหน่อย

ที่มาอาจจะย้อนหลังไปหน่อย

https://twitter.com/swissramble/status/1434755844101611526

แต่พอจะทำให้เห็นภาพวิธีการบริหารได้อยู่ ซึ่งยืนยันเหมือนมู้ที่เคยตั้งไปวันก่อนว่า FSG ไม่ได้แย่ บริหารถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มันไม่ดีพอจะสู้ซิตี้ (และนิว) และการที่ตัดสินใจขายหุ้นตอนนี้ก็ดีแล้วครับ ถ้าหวังจะให้ทีมไปได้ไกลกว่านี้

1. FFP ไม่คิดค่าต่อเติมสนามและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

2. ใช้เงินลงทุนต่อเติมเริ่มตั้งแต่ 2016 รวม 3 อย่าง ( 2 สแตนด์ + 1 สนามซ้อม) อยู่ที่ราวๆ 240 (110+80+50) ล้านปอนด์เท่านั้น

3. ดูจากงบที่ออกมา ลิเวอร์พูลมีหนี้นะครับ บางสื่อบอกว่าเป็นการกู้ยืมจากธนาคาร ในงบจำได้ว่าระบุจำนวนเงินที่เป็นเฉพาะดอกเบี้ย

บางสื่อบอกว่าเป็นการกู้ยืมจาก FSG (ปลอดดอกเบี้ย)

ผมชอบนะ บริหารแบบนี้ ทีมเสี่ยงน้อย แต่ผลลัพย์ในสนามยอมรับว่าเราไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่ง แต่ก็สูสีกับแมนซิตี้ (แพ้แต้มเดียว 2 ฤดูกาล) ส่วนตัวผมไม่โกรธ FSG หรอก เพราะรู้แนวทางการบริหารงานอยู่แล้ว และพาสโมสรหลุดพ้นจากจะล้มละลายมาไกลได้ขนาดนี้ บางคนบอกว่า เป็นเพราะ JK ต่างหาก ผมมองว่าก็ใช่แต่มันก็ไม่ถูกทั้งหมด แฟนบางคนมองด้านฟุตบอลมากเกินไป ฟุตบอลสมัยนี้มันต้องควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ เกือบ 80-90 เปอร์เซ็นเป็นแบบนั้น ผมอยากให้มองต่อไปว่า ถ้าการขายสโมสรในครั้งนี้ FSG เน้นการขายเอากำไร บางเราอาจได้กลุ่มทุนที่เข้ามาหวังผลกำไรมากกว่า FSG ก็เป็นได้ และผมเชื่อว่ามีโอกาสที่จะได้เจ้าของแบบ PSG หรือ City นั้นหายาก การปรับโครงสร้างมันต้องใช้เวลา และการเริ่มโปรเจคใหม่บางทีเราอาจไม่มี JK อยู่ทำโปรเจคนั้น

เรื่องอื่นทำได้ดี

แต่เรื่องซื้อตัว ลงทุนน้อยไป ไม่ต่อยอดความสำเร็จเลย

ถ้าไม่เก่งแบบ JK นโยบายแบบนี้ใครจะไปพาทีมคว้าแชมป์ลุ้นแชมป์ได้

-กองหลัง หลังจากซื้อฟานไดซ์ ก็จะพึ่งควักตังค์ซื้อโคนาเต้เมื่อปีก่อนเอง

-กองกลาง หลังจากซื้ติอาโก้ก้ไม่ซื้อใครมา 2 ปีแล้ว ทนอยู่ได้กับตัวเจ็บแบบเกอิต้า อ็อกเหล็ก ไม่มีเงินถึงขั้นต่อสัญญามิลเนอร์ช่วยทีมไปก่อนอีก

โคตรใช่ ความคาดหวังเปลี่ยนไป

ผมทราบวิธีคิดครับ ที่จะสื่อคือเจ้าของทีมท่านไม่ได้ใช้เงินแบบที่FFPคิด คือทีมเอากำไรไปแบ่งลงกับfacilityด้วย
มันคือโมเดลเดียวกับน่อลก่อนทุกอย่างจะเสร็จ พอเสร็จแล้วจะเป็นแบบแมนยู คือสำรองไว้ในตลาดซื้อขายเลย

ไม่ใช่ไม่ชอบ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่แนวทางนี้มันไม่เหมาะกับธุรกิจฟุตบอลสมัยใหม่ครับ

ซื้อตัวแพงๆมั้ย...ซื้อนะ แต่น้อยไง

การแข่งขันมันรวดเร็ว รุนแรงกันขนาดนี้ ยังมัวแต่วางรากฐาน สร้างมูลค่าแบรนด์ มันไม่ทันกินแล้วครับ

FSG เองก็รู้ตัวเองดี ถึงประกาศออกมานี่ไงครับ ถ้ามันดี มันยั่งยืน มันมาถูกทางแล้ว จะหาคนมาร่วมหัวจมท้าย หรือจะขายสโมสรทำไมล่ะ ก็เพราะเขารู้แล้วไงว่าที่ผ่านมาแบรนด์มันแข็งแกร่งตามที่ต้องการแล้ว

แต่การแข่งขันมันมีแต่ใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มองแล้วล่ะว่าถ้าลงทุนมากกว่านี้ กำไรหดแหงๆ

ถึงบอกไงว่าธุรกิจนี้ต้องใช้ใจนำ มันอาจดูบ้ามากในฐานะนักลงทุน แต่มันได้ใจแฟนบอลที่ต้องการ "แชมป์" ไงครับ

เอาจริงก้คิดเหมือนกันว่า FSG ผิดหรอที่ไม่ได้ตั้งใจโกย แต่แค่ไม่ได้รวยบ่อน้ำมันเหมือนทีมอื่น

เกี่ยวกะ FSG ผมมองว่า ต้องนับตั้งแต่แกเข้ามาเลย มีเป้าหมายอะไรบ้าง แล้วทำสำเร็จแค่ไหน ถ้านับแค่กอบกู้จากการล้มละลาย แล้วพาทีมจากกลางตาราง ถือว่ามันทำสำเร็จแล้วแหละ แถมแชมป์ให้ด้วย

แต่ความต้องการของแฟนบอลก็มีมากขึ้น FSG ก็อาจจะทำในส่วนนี้ให้ไม่ได้ (พี่แกมาทำให้สโมสรมีมูลค่ามากขึ้น แล้วต้องการจะทำกำไรเท่านั้น) ก็คงต้องแยกกันไป แล้วให้เจ้าของใหม่ที่มีเป้าหมายเดียวกะแฟนบอลมาสานต่อให้

เลยมองว่า FSG ไม่ได้ผิดไร พี่แกแค่ทำตามแนวทางของที่ตัวเองตั้งใจ

ปล.ทำไมซิตี้ต้องโดนเทียบตลอดเลย ไหนบอกว่าซื้อความสำเร็จ ไปๆมาๆ จะเสริมแข่งกะซิตี้ซะแล้ว 555

ผมแฟนทีมอื่นผมยังมองว่าแม่งขี้เหนียวเลย ทีมมหาชนระดับลิเว่อพูลนะเฮ้ย

คนที่ต้องชมคือ jk กะสตาฟ ที่ทำทีมได้ขนาดนี้
จากงบที่ทีมบริหารแม่งให้แบบโคตรกระจอก แบบลีกแชมเปี้ยนชิพบางทีมยังเสริมเยอะกว่าเลยมั้งน่ะ

เชื่อเถอะครับ​ เพราะผลงานดีไงล่ะ มันเลยหลอกตา​ ผมไม่เคยโอเคเลยนะ​ แม้แต่ตอนผลงานดีมากๆ​ อยู่ก็ตาม​ เพราะอะไร? เพราะตอนผลงานดี​ ชิงแชมป์ทุกปี​ขนาดนี้​ แล้วใครจะแคร์อะไรกับการใช้เงินล่ะจริงไหม?

แต่ไปอ่านคอมเม้นเก่าๆ​ ตอนที่ลิเวอร์ผลงานยังเทพอยู่ของผมได้เลย​ ผมเพียงแค่คิดว่า​ อาจจะสะสมเก็บมาทุกปี​ แล้วอาจจะมีปีที่ตลาดแตกไปเลย​ แบบบ้าคลั่ง​ ชดเชยปีก่อนๆ​ อะไรแบบนี้​ แต่ปีแล้วปีเล่าก็เหมือนเดิม​ ผลมันออกแล้วครับ​ คล๊อปก็ช่วยไม่ได้แล้วเด้อ​ มันเกินไปกับทีมที่เข้าชิง​ UCL สามรอบ​ แล้วส่วนใหญ่รอบแบ่งกลุ่มเน้นชนะทุกนัดด้วยนะ​ เพื่อเงินรางวัลที่มากขึ้น​ แม้จะกระทบพรีเมียร์​ก็ต้องยอม​ บี้กับแมนซิ​ได้​ ที่ใช้เงินกันราวฟ้ากับเหว​ คนมันดูผลงาน​ มันเลยมองข้ามอย่างอื่นกันหมด​ เอาง่ายๆ​ ใช้เงินน้อยกว่าอาเซนอล​ แม่งต้องคิดแล้วนะ​ ที่อ้างอิงทีมนั้นนี้​ เจตนาเดียวของผมคือชี้ให้เห็นภาพนะครับ​ ผมชอบทั้งแมนซิ​ ทั้งนอล หักลบปีละ​ 20​ กว่าล้านมันเกินไป​ ไม่ใช่ฟูแล่ม​ พาเลซนะ​ ใช้เงินแบบนี้จริงๆ​ ไม่ต้องหวังอะไรด้วยซ้ำ​ แต่ผมขอยันอีกรอบ​ มันเป็นเพราะคล๊อปที่ไม่รู้ทำได้ยังไง

เค้าเปลี่ยนกฏ FFP ให้ช่วงโควิดแล้ว ไม่งั้นสิงห์จะทุ่มได้ไง อ้างลงทุนปรับโน้น ลงทุนหมดไปเท่าไหร่เอง ต่อสัญญานักเตะ(เค้าก็ทำทุกทีมป่ะ) ถ้าหมดในการสร้างสนามใหม่หลายร้อยล้านค่อยมาอ้างน่ะ

แล้วมาพูดเรื่องกู้ หงส์ก็กู้ได้ ถ้าอยากกู้มาลงทุน ต่อยอดสโมสร นั้นมันนโยบายบริหารทีมของเจ้าของ สรุป สโมสรหงส์ไม่จนอยู่ดีนั้นแหละ

จะมาหวังพึ่งใบบุญ jk ให้ทำทีมได้แชมป์ให้ได้นะก็ไม่ไหวนะครับ โอกาสคว้าแชมป์ลีกแบบจิ้งจอกที่ลงทุนน้อยๆ จะมีอีกหรือเปล่าใน 10 ปีข้างหน้าก็ไม่รู้

ท็อปเม้นบอกความรู้สึกไปหมดแล้ว ขอไม่พิมพ์เพิ่ม

ไม่งั้นมีแต่คำหยาบ