[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)
มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ
เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ
เกณฑ์การขอตำแหน่งทางวิชาการที่ไทยมันบ้าระห่ำแบบนั้นเพราะพวกผู้บริหารเค้าอยากยกระดับรศ.กับศ.ของไทยให้เทียบเท่ากับระดับสากลโดยไม่ได้ดูศักยภาพและค่าตอบแทนที่ไทยไงครับ
ผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย Top 50 ของโลก (จาก QS) สอน/ทำวิจัยเกี่ยวกับ data science ใน business school ผมจะถึงเวลาต้องขอ tenure (เทียบเท่ากับขอรศ.ที่ไทย) ปีหน้านี้แล้ว เกณฑ์การขอก็คือต้องมี paper ใน UTD24 list (list ของ journal ที่มีทั้งหมด 24 journal ทั้งหมดเป็นระดับ A++) อย่างน้อย 4 paper ส่วนเกณฑ์การขอ Full Prof. (เทียบเท่ากับขอศ.ที่ไทย) คือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวเองเป็นอันดับ 1 ในโลกใน specific field of research ของตัวเองครับ
ผมเคยได้ยินมาว่าที่ไทยพยายามเอาเกณฑ์พวกนี้ไปบังคับใช้กับการขอตำแหน่งทางวิชาการในประเทศ โดยไม่ได้ดูเลยว่าทรัพยากรและระบบสนับสนุนต่างๆมันเอื้อกับอาจารย์มากแค่ไหน ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นป.โท (ผมจบ MBA ที่ไทย) ที่จบเอกที่ไทยและเป็นอาจารย์ที่ไทยก็เลยเห็นข้อแตกต่างค่อนข้างมากทั้งเรื่องค่าตอบแทน ทุนวิจัย ผู้ช่วยวิจัย ฯลฯ เห็นแล้วก็ได้แต่เห็นใจอาจารย์จบใหม่ที่ไทยครับ
ก่อนผมจบเอกผมก็เคยอยากกลับไปเป็นอาจารย์ที่ไทย (ไฟแรง อยากกลับไปช่วยพัฒนาบุคลกร ช่วยพัฒนาประเทศ

) แต่พอเห็นระบบวิชาการที่ไทยแล้วรู้สึกเลยว่าชาตินี้อาจจะไม่ได้กลับไปทำงานวิชาการที่ไทยแล้ว