BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2744
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 11:35
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
ผมว่า35กำลังพอดีเลยครับผมอายุ27สอนอยู่มหาลัยนึง เหมือนกันครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Arsenal 24 Hour.
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: อย่าลืมโต๊ด บน ล่าง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 9293
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 11:37
เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ
ton2005xxx พิมพ์ว่า:
ผมว่า35กำลังพอดีเลยครับผมอายุ27สอนอยู่มหาลัยนึง เหมือนกันครับ  


27 นี่อนาคตสดใสมากอ่ะท่าน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status: Present Perfect
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Apr 2006
ตอบ: 1023
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 11:50
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
ตอนนี้ผม 30 เป็นอาจารย์มหาลัยใช้ทุนการศึกษาที่ทางมหาลัยเค้าให้ไปศึกษาต่อครับ

ยังรู้สึกตัวเองยังเด็กน้อยมากๆเวลาไปดีลกับอาจารย์คณะอื่นๆที่เค้าอาวุโสหน่อย พวกศัพท์ราชการเยอะ ระเบียบยุบยับไปหมด

ส่วนเด็กมหาลัยปัจจุบันผมมองว่าไม่ใช่สไตล์แล้ว คือโอเคหน้าตาน่ารักสมวัยแหละ แต่ตอนสอนนี่พฤติกรรมเด็กน้อยมากๆ

คิดในใจสมัยเราเรียนนี่เราง้องแง้งแบบนี้หรือเปล่านะ หรือว่าเราแก่แล้ว

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 16090
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 12:13
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
jocolenoname1234 พิมพ์ว่า:
อาจจะช้าไปนิด แต่ก็ไม่ช้าเกินไปครับ

มหาลัย บังคับ ต่อเอก แน่นอนครับ เพราะมันมีผล เวลาดูภาพรวมของมหาลัย

เก็บอาการตอนสอนด้วยนะท่าน

ท่านยังดี มาทำงานมหาลัย 35

ผมทำงานมหาลัยตั้งแต่ 25 แล้ว นศ สาวเหนือ อีก
 


กำลังมองๆ ดู แถวนั้นแหละครับ  


เหนือสุดป่าวท่าน

ถ้าใช่ก็ยินดีต้อนรับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Liverpool ยังขาด no.6
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 6311
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 12:15
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: อย่าลืมโต๊ด บน ล่าง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 9293
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 12:17
เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ
jocolenoname1234 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
jocolenoname1234 พิมพ์ว่า:
อาจจะช้าไปนิด แต่ก็ไม่ช้าเกินไปครับ

มหาลัย บังคับ ต่อเอก แน่นอนครับ เพราะมันมีผล เวลาดูภาพรวมของมหาลัย

เก็บอาการตอนสอนด้วยนะท่าน

ท่านยังดี มาทำงานมหาลัย 35

ผมทำงานมหาลัยตั้งแต่ 25 แล้ว นศ สาวเหนือ อีก
 


กำลังมองๆ ดู แถวนั้นแหละครับ  


เหนือสุดป่าวท่าน

ถ้าใช่ก็ยินดีต้อนรับ  


ไม่ๆ ครับ จ.ใกล้เคียงครับท่าน แต่นังไม่ได้นะครับ กำลังชั่งๆ ใจอยู่ 555
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: บุรุษเพศ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Jun 2010
ตอบ: 8082
ที่อยู่: ท้องทุ่งและขุนเขาที่ความฝันอันไกลโพ้น
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 12:36
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
พอดี
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
จิตวิญญาณของการเป็นบุรุษเพศ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Oct 2010
ตอบ: 520
ที่อยู่: La
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 12:41
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
ผมเป็น อ.มหาวิทยาลัย เพิ่งจบเอก อายุ 36 บางที่ที่รับ ป.โท อาจจะเป็นสาขาที่ขาดเเคลนบุคลากรเฉพาะทางจริงๆ

รีบเรียนเลบครับ ทุนตัวเองได้ก็จัดเลย ถ้าใช้ทุนมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ต้องทำงานไป 3 ปี
ตอนนี้ที่น่าห่วงคือ บางสาขาเด็กแทบจะไม่มีเรียนแล้วนะครับ ต้องวางแผนอนาคตดีๆ

ของผมพนักงานมหาวิทยาลัย แต่ได้สัญญาตลอดชีพแล้ว เดี๋ยวนี้บางมหาวิทยาลัยก็ต่อไม่ตลอดชีพแล้ว 3 ปี 5 ปี ว่ากันไป

หาทุนทำวิจัยไปเรื่อยครับ คะเเนนประเมินภาระงานเยอะ และก็เอกสารประกอบการสอน
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
artthailand
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: ทูตซ้ายเม้งก่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2953
ที่อยู่: KS
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 13:12
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 May 2010
ตอบ: 1777
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 13:36
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
 


ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Nov 2007
ตอบ: 22977
ที่อยู่: กันไป...เพราะคำว่ารัก...และเป็นคนดี
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 13:46
เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ
ไม่มีคำว่าสาย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: ทูตซ้ายเม้งก่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2953
ที่อยู่: KS
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 14:07
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
 


ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก  


ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)

มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ

เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Metalmann 109 เมื่อ Wed Mar 10, 2021 14:09, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 May 2010
ตอบ: 1777
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 14:25
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
 


ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก  


ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)

มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ

เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ
 

สู้ ๆ ครับ ถ้ามี ศ. มาเล่น ss เท่ห์ไปเลย ผมน้องท่านสิบกว่าปีเลยครับ แต่ก็พยายามเดินสายนี้ให้ไวที่สุด หวังว่าจะไปถึงระดับท่านได้บ้าง ตอนนี้ยังเป็นรองท่าน 1 ขั้นครับ ผมเป็นคนมีข้อเสียเยอะไปหน่อย ทำหลายอย่างมากเกินไป เลยออกนอกลู่นอกทางตลอด โดยเฉพาะต้องดูแลน้อง ๆ นี่แหละตัวดีเลย หลายคนด้วย 555 ผมชอบเที่ยว สังสรรค์ ปาร์ตี้ มีครบหมด ซึ่งดูแล้วคงไปไม่ถึงระดับท่านหรอก 555 ยังไงมีอะไรผมรบกวนปรึกษานะครับ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: ทูตซ้ายเม้งก่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2953
ที่อยู่: KS
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 16:15
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
 


ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก  


ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)

มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ

เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ
 

สู้ ๆ ครับ ถ้ามี ศ. มาเล่น ss เท่ห์ไปเลย ผมน้องท่านสิบกว่าปีเลยครับ แต่ก็พยายามเดินสายนี้ให้ไวที่สุด หวังว่าจะไปถึงระดับท่านได้บ้าง ตอนนี้ยังเป็นรองท่าน 1 ขั้นครับ ผมเป็นคนมีข้อเสียเยอะไปหน่อย ทำหลายอย่างมากเกินไป เลยออกนอกลู่นอกทางตลอด โดยเฉพาะต้องดูแลน้อง ๆ นี่แหละตัวดีเลย หลายคนด้วย 555 ผมชอบเที่ยว สังสรรค์ ปาร์ตี้ มีครบหมด ซึ่งดูแล้วคงไปไม่ถึงระดับท่านหรอก 555 ยังไงมีอะไรผมรบกวนปรึกษานะครับ  


ก็สู้ละครับ เอาให้มันสุดในสายงานครับ และมันก็เป็นเป้าหมายที่ผมวางเอาไว้ จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจในชีวิต นอนตายตาหลับนะครับ 5555

ด้วยความยินดีครับ ถ้าท่านต้องการจะปรึกษาอะไร สามารถหลังไมค์มาได้เลยครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการเขียนหนังสือ/ตำรา ในระดับ รศ. ครับ มีข้อแนะนำหลายอย่างเลยครับ อาจารย์รุ่นน้องหลายคนก็วนเวียนมาปรึกษาผมบ่อยๆครับ

ท่านอยู่สายไหนละครับ ถ้าเป็นสายวิทยาศาสตร์ สายวิศวะเหมือนกันก็จะแนะนำได้ตรงหน่อย แต่ถ้าเป็นสายสังคมศาสตร์ อันนี้ผมก็แนะนำได้ไม่เต็มปากนะครับเพราะมันก็ต่างกันเยอะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 May 2010
ตอบ: 1777
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Mar 10, 2021 17:47
[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ  


ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ

ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ

งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน

ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ

ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)

ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ


 


ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ  


ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ

การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)


 


รศ แล้วสินะครับ  
 


ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
 


ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก  


ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)

มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ

เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ
 

สู้ ๆ ครับ ถ้ามี ศ. มาเล่น ss เท่ห์ไปเลย ผมน้องท่านสิบกว่าปีเลยครับ แต่ก็พยายามเดินสายนี้ให้ไวที่สุด หวังว่าจะไปถึงระดับท่านได้บ้าง ตอนนี้ยังเป็นรองท่าน 1 ขั้นครับ ผมเป็นคนมีข้อเสียเยอะไปหน่อย ทำหลายอย่างมากเกินไป เลยออกนอกลู่นอกทางตลอด โดยเฉพาะต้องดูแลน้อง ๆ นี่แหละตัวดีเลย หลายคนด้วย 555 ผมชอบเที่ยว สังสรรค์ ปาร์ตี้ มีครบหมด ซึ่งดูแล้วคงไปไม่ถึงระดับท่านหรอก 555 ยังไงมีอะไรผมรบกวนปรึกษานะครับ  


ก็สู้ละครับ เอาให้มันสุดในสายงานครับ และมันก็เป็นเป้าหมายที่ผมวางเอาไว้ จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจในชีวิต นอนตายตาหลับนะครับ 5555

ด้วยความยินดีครับ ถ้าท่านต้องการจะปรึกษาอะไร สามารถหลังไมค์มาได้เลยครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการเขียนหนังสือ/ตำรา ในระดับ รศ. ครับ มีข้อแนะนำหลายอย่างเลยครับ อาจารย์รุ่นน้องหลายคนก็วนเวียนมาปรึกษาผมบ่อยๆครับ

ท่านอยู่สายไหนละครับ ถ้าเป็นสายวิทยาศาสตร์ สายวิศวะเหมือนกันก็จะแนะนำได้ตรงหน่อย แต่ถ้าเป็นสายสังคมศาสตร์ อันนี้ผมก็แนะนำได้ไม่เต็มปากนะครับเพราะมันก็ต่างกันเยอะ
 

ขอบพระคุณอย่างสูงครับอาจารย์ ผมวิทย์ครับ ยังไงจะขอปรึกษานะครับหลังไมค์
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel