[RE: เป็น อ. มหาลัยตอนอายุ 35 ถือว่าช้าไปไหมครับ]
meenama พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
Spoil
sandwhale พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
Metalmann 109 พิมพ์ว่า:
SาพณาสูS พิมพ์ว่า:
ตามหัวมู้เลยครับ เป็นตอน 35 ดีกรีโท และคงต้องโดน ม.
บังคับต่อเอกแน่ๆ ถ้าไม่นับเรื่องความก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อนๆ ว่า เป็น อ. มหาลัย ตอนอายุเท่านี้คิดว่าไงครับ
ขอตอบตามประสบการณ์ที่ทำอยู่นะครับ
ถ้าเป็นในเรื่องของความก้าวหน้าทางตำแหน่งทางวิชาการ ก็ถือว่าช้าไปครับสำหรับวุฒิ ป.โท เพราะต้องใช้เวลาอีก 5 ปีถึงจะขอ ผศ. ได้และในช่วงเวลานั้นท่านก็ต้องทำวิจัย สอน และอาจจะต้องเรียนต่อเอกเพื่อความเจริญก้าวหน้าตามสายงาน ก็จะเหนื่อยหน่อยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นความก้าวหน้าในสายงานนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง แข่งขันกับตัวเองเป็นหลักครับ
งานวิจัย ทุนวิจัย ก็น้อยและยากขึ้นๆ แต่งานวิจัยก็ต้องทำ ผลงานก็ต้องมี เงินเดือนก็ไม่เยอะ สอนก็ต้องสอน งานอื่นก็ต้องทำ สวัสดิการก็ไม่สู้จะดีเหมือนราชการ ทุกอย่างที่พูดไปคืออยากจะบอกว่า ถ้าท่านรักงานสอน งานถ่ายทอดจริง รักที่จะทำงานวิจัยจริง ท่านก็จะอยู่ได้แบบมีความสุขในการทำงานที่ท่านรัก แต่ถ้าท่านไม่ชอบสอน ไม่ชอบงานวิจัย ท่านจะรู้สึกอึดอัดและเป็นทุกข์มากกับเนื้องาน และระบบในปัจจุบัน
ในมุมมองผม การเป็นอาจารย์ มันเหมือนกับเป็นการลงทุนนะครับ ในช่วงแรกๆของการเป็นอาจารย์คุณจะแทบมองไม่เห็นกำไรเลย เงินไม่เยอะ(ยกเว้นท่านจะสอนแบบถล่มทลายให้ตายกันไปข้างนึง) ต้องรับผิดชอบทั้งงานสอน งานวิจัยก็ต้องทำ เงินทุนวิจัยก็หายาก นิสิตที่ดีดีที่จะมาช่วยทำวิจัยก็หายาก แต่ถ้าท่านอดทนจนผ่านจุดนั้นมาได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการของสาขาของท่านให้เป็นที่รู้จัก ในอนาคตท่านก็จะสบายครับ งานสอนก็สอนไม่ต้องเยอะ(เน้นวิจัยมากขึ้น) มีทีมวิจัย มีงานที่ปรึกษาตามโรงงาน มีงานบรรยาย in-house training ล้วนแล้วแต่เป็นการออกดอกออกผลจากการที่ท่านลงทุนไปตอนช่วงแรกๆ ครับ
ผมใช้เวลา set up ในช่วงแรกกว่าจะมีทีม กว่าจะเริ่มเก็บดอกเก็บผลอย่างที่พูดไป ก็ประมาณ 5 ปีครับ (จากวุฒิ ป.เอกนะครับ)
ถ้าอยากจะคุย อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ
ขอบคุณครับท่าน คือ ถ้า 35 (ควรจะ)จบเอกก็น่าจะไม่ตึงเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ สำหรับอาจารย์ ตอนนี้ส่วนใหญ่แต่ละที่คือสัญญาปีต่อปีก่อนแล้ว +3 +5 ไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ
ตอนผมจบมาก็ตอนอายุ 33 ครับ (บรรจุตอน 26 ในวุฒิ ป.โท ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อครับ) ก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป แต่อย่างที่บอกละครับว่า งานทางสายนี้จะเจริญก้าวหน้าหรืออยู่กับที่ มันขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆครับ
การต่อสัญญามันขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยครับ มีกฎไม่เหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ต้องมีการต่อสัญญาละครับ รายละเอียดตรงนี้ผมไม่แม่นนะครับ เพราะของผมได้สัญญาแบบตลอดจนถึงเกษียรอายุครับ (ตำแหน่งทางวิชาการถึงเกณท์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดนะครับ)
รศ แล้วสินะครับ
ครับใช่ครับ ที่จริงกำลังจะยื่นขอต่อไปอีกละครับ แต่กฎขอตำแหน่งวิชาการอันใหม่มันบ้าระห่ำมากไปหน่อย เลยจะรอดูท่าทีไปก่อนซักพักก่อน ตอนนี้ก็เลยไล่ตีพิมพ์ผลงานไปเรื่อยๆสะสมไว้ก่อนโดยเน้นที่ impact factor สูงๆ และก็ดู percentile ของ journal ให้สูงๆเกิน 85 ไว้ก่อนนะครับ
ขอเสียมรรยาทนิดนะครับ ขอถามอายุได้ไหม ท่านไวมาก
ไม่ไวหรอกครับ ผมอายุ 47 แล้วครับ อันที่จริงควรจะส่งขอ ศ. ได้ไวกว่านี้เยอะครับ ถ้าไม่มีเถลไถลไปเรียนโน้นเรียนนี่ต่ออีก (ผมเรียนโท MBA และก็โทจิตวิทยาอีกนะครับ เลยเสียเวลาไปอีกเยอะเลย 5555) แล้วเอาเวลามาแต่งตำราตอนขอ รศ. ป่านนี้ก็ขอ ศ. ได้นานแล้วละครับ เรื่องงานวิจัย และงานตีพิมพ์ของผมไม่มีปัญหาครับ แต่ปัจจุบันกฎใหม่ในการขอ ศ. มันหลุดโลกไปหน่อย ต้องเอางานตีพิมพ์ระดับเรียกว่าสูงมากๆ ซึ่งอยากจะบอกว่าสำหรับในประเทศไทยการตีพิมพ์ในระดับวารสาร percentile 85 (A) หรือ 95 (A+) นั้นถ้าไม่ใช่สายแพทย์ ทำได้ยากมากครับ (ผมอยู่ทางสายวิศวกรรมครับ)
มันย้อนแย้งกันเยอะครับในเรื่องกฎระเบียบกับความเป็นจริง งานวิจัยส่วนมากก็จะมาจากเด็ก โท เอก ซึ่งก็ต้องตีพิมพ์เพื่อจบการศึกษา แต่การกำหนดการตีพิมพ์ที่สูงขนาดนั้น โดยใช้งานของเด็ก โท หรือ เอก ที่ทำงานวิจัยในประเทศไทยมันก็เป็นได้ยากมากครับ แค่เรื่องเครื่องมือทางด้านวิศวกรรมเมื่อเทียบกับต่างประเทศ มันก็เทียบกันไม่ได้แล้วละครับ ไหนจะทุนวิจัยอีก โน้นนี่นั้น เยอะแยะครับ โดยปกติถ้าจะตีพิมพ์ให้เด็กโท เอก จบการศึกษา ผมจะเลือก journal ที่ไม่แรงมาก เน้นเอาที่ให้เด็กจบก่อน โดยเนื้อของงานจะไม่เอาทั้งหมดมาตีพิมพ์นะครับ
เห็นมีการท้วงกันเรื่องกฎใหม่นี้ แต่ผมไม่ได้ตามข่าวว่าไปถึงไหนกันแล้ว มีการแก้ไขหรือยัง ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยมุ่งแค่เรื่องตีพิมพ์สะสมไปเรื่อยๆก่อนนะครับ แต่เน้นที่ journal ที่มี percentile 85 ขึ้นไปครับ