ข้อ 1 ไม่มีผลครับ

ข้อ 2 ไม่รู้ครับไม่เคยรวย

เค้าอาจแค่ต้นทุนดีกว่า เรื่องงานก็ดูแลกันปกติ

บางคนนิสัย ทัศนคติ การวางตัว ดีกว่าที่คิดก็มี

1.ผมแคร์คนจ้างครับ เขาจ่ายเงินจ้างเราแล้ว ก็ต้องทำงานให้เต็มที่
2.ใส่ตามปกติ

1. ถ้าผมเป็นหัวหน้าไม่มีผลครับ แต่ต้องเตรียมใจไว้ ว่าเค้าอาจอยู่ไม่นาน เพราะเค้าอาจมาเรียนรู้งานเฉยๆ เด่วพอเป็นหมด ก็ไปแน่ๆ

2. โดยส่วนตัวผมทำตัว low profile กว่าปกติอยู่แล้ว ถ้ารวยมากๆ ก็คงทำตัวเหมือนเดิม แต่ว่าคนที่ทำงานเค้าก็คงดูออกแหละ ว่ารวยจริงหรือป่าว ดูที่ รถ, life style, ลักษณะบ้าน, โรงเรียนลูก เป็นต้น

ไม่ผลครับ ต่อให้ต่อให้เป็นลูก สส ผมก็ใช้ไปถ่ายเอกสารมาแล้ว

ไม่มั้ง ส่วนใหญ่ที่เจอ คนมีไม่อวด คนอวดคือ ไม่มี

1.ก็ใช้ตามปกตินะครับ บ้านรวยกว่าเราใช้งานสั่งงานไม่ได้เหรอ ถ้าคิดแค่ว่าเขาบ้านรวยกว่าหัวหน้าแล้วไม่กล้าสั่งงาน ก็อย่าเป็นหัวหน้าเลยครับ

2.ก็ทำตัวปกติเนี่ยแหละครับ มีอะไรก็ใช้ตามเดิม ของเดิม ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่เลย

อันนี้ผมขอแย้งนิดนึงได้ไหมครับ

สำหรับผมซึ่งผมทำงานเป็นฝ่ายบุคคลเหมือนกันครับ
ผมมองว่าการแต่งตัวมีสองอย่างคือ ถูกกับไม่ถูกกาลกาลเทศะ ต่อให้เค้าใช้ของราคาหลายแสน หลายล้าน แต่ถ้าถูกตามกฏระเบียบ หรือดูเเล้วถูกกาลเทศะ ก็ควรจะให้โอกาศเขาในการพูดคุยหรือสัมภาษณ์งานครับ

เพราะบางครั้งคนเรานั้นมีรสนิยมไม่เหมือนกัน ความมั่นใจของแต่ละคนบางครั้งอาจจะอยู่ที่การแต่งตัวที่เขาชอบและถนัดก็มีส่วนครับ

ส่วนพวกลูกท่านหลานเธอ สำหรับผมปฏิบัติเท่าเทียมพนักงานทุกคนครับ เเล้วยิ่งเราเป็นฝ่ายบุคคลด้วยแล้วจะมาลำเอียง มาเกรงใจ ให้เป็นตัวอย่างไม่ได้ครับ

รวยกับไม่รวย มันมีผลอะไรอะ

ถ้าเป็นในข้อ2. คนรอบข้างจะหมั่นไส้มั้ย มองท่านด้วยสายตาอิจฉา เม้ากัน ท่านเลือกที่จะไม่แคร์มั้ย
หรือเลือกที่จะทำตัวทำตัวLow Profile เพื่อจะได้ไม่ต้องตกเป็นจุดสนใจ ประมาณนี้ครับ

ผมว่าทุกอย่างอยู่ที่การวางตัวครับ ถ้าคุณวางตัวซะhighเหมือนของหรือรถที่คุณใช้คนเค้าก็หมั่นไส้เป็นเรื่องธรรมดา

ข้อ 1 งานก็คืองาน เค้ามีหน้าที่อะไรที่เราต้องให้เค้าทำ ก็ทำไปปกติ
ข้อ 2 ผมแต่งตัวปกติของผม ไม่ได้สนใจว่าอวดรวยหรือไม่ ในเมื่อสิ่งนั้นเป็นเรื่องปกติของผมไม่ได้เดือดร้อนหรือยืมเงินใครมาซื้อ