ออฟฟิตเก่าเคยมี หัวหน้ารู้ลูกน้องบ้านมีตัง โอ๋ชิบ กลัวออก

อีกคนภาระเยอะรู้ว่าไม่ออก เป็นตัวระบายอารมเลย

1.ขับเฟอรรารี่ก้จะให้งานตามหน้าที่ ไม่เกี่ยวกันครับ ตอนทำงานไม่ได้เอารถมาตั้งใชว์บนโต้ะทำงานก้พอ 555

2.อันนี้แล้วแต่การวางตัวของแต่ละคนครับ เพราะมันไม่เกี่ยวกับการทำงาน จะใส่หลุยยันกางเกงในก้เรื่องของเค้า ตนเป็นหัวหน้าเรื่องแค่นี้ต้องแยกได้ครับ

คืออาจจะต้องแยกให้ออกนะ ว่าแต่งตัวแบบอวดรวย กับแต่งตัวตามฐานะแบบธรรมดา คือแบบไหน เพราะผลลัพท์จะออกมาคนละแบบครับ

แบบแรก อวดรวย ตั้งใจโชว์ออฟ จะโดนหมั่นไส้ เผลอ ๆ มีงานงอก
แบบที่สองตามฐานะ คืออาจจะรวย เสื้อผ้า นาฬิกา รถ อาจจะดีกว่าทุกคนในที่ทำงาน แต่มันไม่เวอร์วัง แค่ดูภูมิฐาน แบบนี้ก็ปกติครับ ไม่น่ามีปัญหาไร

1. ถึงเป็นลูกเจ้าของบริษัทผมก็ใช้อะ เพราะมันเป็นหน้าที่เขา
2. ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆดีกว่า อวดรวยเดี๋ยวหลอกแดก

ข้อ1 บริษัทผมมไม่ได้รับเข้ามาทำงานเพราะเรื่องแต่งตัวงานคืองาน แต่งแบบไหนก็ต้องทำงานเหมือนกันหมด
แต่ผมว่าหัวหน้าที่มีอายุแล้วมันไม่ควรจะมาจุกจิกอะไรแบบนี้นะโดยเฉพาะผู้ชายขอแค่นิสัยเข้ากับทีมได้ผมว่าโอเคแล้ว
ถ้ามาแบบเก็บตัวไม่สุงสิงเข้ากับทีมไม่ได้ อันนี้ไม่เกี่ยวกับฐานะก็คงลำบากใจในการทำงานกันหมด

ข้อ2 ไม่เคยอยู่ในจุดนั้น แต่ลูกน้องที่เป็นแบบนั้นก็เข้ากับทีมดีแต่งตัวหรูแต่กินเลี้ยงกับทีมได้ทุกระดับ

ลูกน้องก็ลูกน้องอ่ะ รวยมาจากไหน ใหญ่มาจากไหน เป็นลูกน้องก็ต้องทำงานตามที่สั่งแหละ ยกเว้นจะเป็นพวกสันดานเสีย รวยแล้วไม่ทำ แบบนั้นก็โดนไล่ออกไป

ถ้ารวยอยู่แล้วอันนนี้ก็อยู่ที่รสนิยมด้วย ถ้าแต่งตัวแพงอยู่แต่แรกแล้วเข้างานละจะต้องเปลี่ยนไปแต่งตัวไม่แพงมันก็ไม่ใช่เรื่องไหมอ่ะ คือสมมติผมขับเบนซ์อยู่ดีๆพอได้งานผมต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้างั้นหรอ มันก็ไม่เกี่ยวป่ะ

1. ใช้งานตามปกติครับ

2. ผมคงไม่แสดงตัวขนาดนั้นอะครับ

ปล.ที่ไม่แสดงตัว พวกขี้อิจฉาในที่ทำงานเยอะครับ

งานก็ส่วนงาน ฐานะที่บ้านก็เรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ควรเอามาปนกัน

เคยเจอแต่แบบบ้านรวย แต่ทำตัวโคตรเซอ กางเกงยีนส์เก่าๆ ทำงานมอมๆชิลๆ นิสัยดี เรื่องงานให้ทำไรก็ทำ

ถ้าเราเป็นหัวหน้าก็ทำหน้าที่ตามเนื้องานครับ ทำดีก็ชม ทำผิดก็ตักเตือน, ไม่มีแบ่งแยกครับ
ส่วนจะเป็นลูกใคร ฐานะอะไร อันนี้คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่าผมไม่ติดอะไร คุยปกติทุกคน

ส่วนเรื่องการใช้ของหรู ดูไฮโซ ... กับตัวผม ไม่ถือครับ, ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทำงานได้ถือว่าจบ
แต่หากต้องไปคุยกับลูกค้าหรือคนข้างนอกที่ไม่ใช่ตัวเอง อาจจะแชร์ประสบการณ์ให้เขาฟังครับ, เพราะบางคนไม่ได้คิดหรือไม่ใส่ใจแบบเรา ... ไปคุยงานรับงานคนอื่น, ทำตัวเว่อร์วัง บางสถานการณ์มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรครับ ก็คุยกับเขาเป็นกรณีไป

ไม่มีผลเลยครับ ลูกน้องบ้านอย่างรวย เรียนจบขับฟอจูนเนอร์ป้ายแดงมาทำงาน ผมก็สอนงาน สั่งงานเหมือนทุกคน

ที่เจอเองก็มีหลายประเภททั้ง เบื่อง่าย ทางเลือกเยอะ ไม่ตรงใจแป๊ปเดียวออกก็มี ไม่ได้ว่าอะไร

อีกแบบก็ใช้ของส่วนตัวดี ขับมินิมาทำงาน แต่งตัวชิว สู้งาน ให้ทำอะไรก็ทำ พร้อมเรียนรู้ งานหนักพร้อม ทำโอ สี่ห้าทุ่มบางครั้ง หรือช่วงงานเยอะก็ไม่บ่น นิสัยดี
คนนี้ทำงานกับผมมา 6 ปีได้แล้ว เข้าใจคอนเซ็ปการทำงาน การดูแลลูกน้องได้ดี เผลอๆเลี้ยงลูกน้องตัวเองได้ดีกว่าผมเลี้ยงมันอีกเพราะรวย 5555 ล่าสุดยังชวนทำของกินขาย หุ้นกันอยู่เลย

สำคัญคือหัวหน้าหลายคน ดูแลลูกน้องรวยจนต่างกันเพราะความอิจษาริษยา อันนี้ไม่ดี

1. กล้าสั่ง ต่อให้ลูกเจ้านายก็ตาม ยุคโซเชียลแบบนี้ไม่ใช่ว่าวางมาด อำนาจข่มกันได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย

2. ผมจะทำตัวตามปกติ ถ้าปกติขับรถหรู ก็จะขับรถหรูต่อไป ไม่คิดที่จะต้องไปหารถใหม่ถูกๆมาเพื่อเปลี่ยนตัวเองอะไรแบบนั้น

1.ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น (แล้วแต่นิสัยส่วนตัวของแต่ล่ะคนมากกว่า)
2.ทำตัวตามปกติเหมือนเดิมที่ทำ

1. สำหรับผม ผมก็มอบหมายหน้าที่ให้ทำปกติครับ ไม่ได้มีผลอะไร เมื่อมอบหน้าที่ปกติให้ดูแลแล้ว ก็จะดูศักยภาพ และความตั้งใจของเค้า ถ้าเค้ามีใจอยากจะพัฒนาตัวเอง พัฒนาความรู้และศักนภาพมากขึ้น ผมก็จะมอบหมายหน้าที่พิเศษให้ทำเพิ่มเติมครับ แต่ถ้าเค้าไม่โอเค ก็มอบหน้าที่ปกติ และงานเร่งด่วนนิดๆหน่อยๆให้ครับ

2. สำหรับผม ถ้าผมรวยขนาดขับเบนซ์มาทำงานหรือแต่งตัวแบรนด์เนมปกติอยู่แล้ว ผมก็ต้องดูสภาพแวดล้อมขององค์กรก่อนว่าเป็นองค์กรแบบไหน ลักษณะสังคมเป็นแบบใด ถ้าเป็นองค์กรทันสมัยขนาดใหญ่ในกทม.อยู่แล้ว ผมก็จะแต่งตัว ขับรถ แบบปกติมาทำงาน แต่ถ้าเป็นองค์กรขนาดกลางๆ เล็กๆ องค์กรราชการ รัฐวิสาหากิจที่ไม่ใหญ่ ก็จะพยายามลดการแต่งตัวลง อาจจะเอาของที่ไม่แพงจนเกินไป รถที่ราคาไม่แพงขับมาทำงานครับ

1. ไม่มีผล หน.ต้องมีความยุติธรรมกับทุกคน

2. ไม่มี ทำตัวปกติ ฐานะกับงานคนละเรื่อง