แล้วเอามาทำไรครับ
สอดส่องโจรผู้ร้าย
ต้องพิจารณาต่อ ในวัดมีของมีค่า
ควรมั้ย บวชเพื่อลดละ สลัดออก
แต่แอบเก็บของมีค่าไว้  

ผมเข้าใจๆ แต่หากว่า ผมคุยกับคนที่มีความรู้ลึกซึ้งจริงๆ ผมก็น้อมรับนะ แต่เท่าๆที่อ่านเนี่ย บางคนยังบอกพระเล่นเกมส์ ผิด1ใน8 ศีลอยู่เลย ผมนี่แสนจะขำ เพราะไร พระไม่มีศีล8หร๊อคุณณณณณณ ศีล8 นั่นมันศีลเณร แค่นี้ก็บ่งบอกละชาวพุทธ ส่วนมากไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาของตัวเองเลย แค่เบสิคพื้นฐาน แล้วไฉนพวกเค้าถึงมาคุยเรื่องที่ลึกล้ำ เช่นเรื่อง จิตใจของคนกันน๊ออออ  

- พระถือศีล 227 ข้อ ศีล8 ไม่ได้อยู่ใน 227 ข้อหรือครับ แล้วบวชพระก็ต้องสมาทานศีล10ในบทสวดขออุปสมบท
- เณรถือศีล10นะครับ ไม่ใช่ศีล8
- ศีล8 คือ ศีลของแม่ชีครับ

นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
– ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับรอ้งและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล
เล่นเกมส์ก็ผิดศีลข้อนี้นนะครับ อยู่ในศีล8/ศีล10


ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉาน (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์ แม้แต่ซากศพก็ไม่ละเว้น)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาท)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่เว้นแม้แต่การแท้งเด็กในครรภ์
4. กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวเองว่า เรารู้อย่างนี้ เราเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)ยกเว้นเข้าใจตัวเองผิด
อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือแก้ไขไม่ได้เลย

สังฆาทิเสสคือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติที่เรียกว่า อาบัติสังฆาทิเสส จัดเป็นอาบัติโทษรุนแรงรองจากปาราชิก มีทั้งหมด 13 ประการดังนี้
1. ทำน้ำอสุจิเคลื่อน
2. แตะต้องสัมผัสกายสตรี
3. พูดเกี้ยวพาราสีสตรี
4. พูดจาให้สตรีบำเรอกามให้
5. ทำตัวเป็นพ่อสื่อ
6. สร้างกุฏิด้วยการขอ
7. มีเจ้าภาพสร้างกุฏิให้แต่ไม่ให้สงฆ์แสดงที่ก่อน
8. ใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
9. แกล้งสมมติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
10. ทำสงฆ์แตกแยก(สังฆเภท)
11. เข้าข้างภิกษุที่ทำสงฆ์แตกแยก
12. ภิกษุทำตนเป็นคนหัวดื้อ
13. ประจบสอพลอคฤหัสถ์

แล้วไม่ต้องสนใจศีลข้ออื่นอย่าง เช่น
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
– ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากการดื่มสุรา เมรัย เครื่องดองของทำใจให้คลั่งไคล้ต่าง ๆ
ที่นำมาซึ่งการขาดสติซึ่งเป็นเหตุนำมาให้เกิดการผิดศีลหรือทำบาป

หรือ
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
– ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับรอ้งและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล
ซึ่งเป็นการประมาทเกิดกิเลสทำให้ขาดความเพียรในการศึกษาพระธรรมเพื่อนำไปสู่ซึ่งความดีทั้งปวง

ผมเองก็เคยบวชของผมถึงขั้นมีสีกาส่งจดหมายมาให้/รวมถึงเจอญาติโยมผู้หญิงก็ไม่ได้คิดอะไรนะตอนนั้นใจมันสงบ สำรวมทั้งกาย วาจา ใจ  

อันนี้ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ แม้กระทั่งวัดป่าที่เคร่งมากๆ เช่นวัดป่าบ้านตาดของหลวงตามหาบัวหรือวัดสาขาของท่านที่โหดๆ ๆบางวัดก็มี Server เพื่อ ทำเว็บไซต์เผยแพร่ธรรมะ และ Server พวกนั้นก็ตั้งอยู่ในตัววัดเพียงแต่อาจจะอยู่แยกโซนไปในส่วนที่พระไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว แต่วัดที่ผมไปบ่อยๆก็จะมีพระที่มีความรู้ ทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นคนคอยจัดการ เรื่องของเว็บไซต์ครับ

ผมคิดว่าของพวกนี้ก็ถือเป็นของมีค่าได้แม้กระทั่ง ข้าวของปัจจัย 4 ธรรมดาที่ญาติโยมเอามาถวาย หลายอย่างก็มีราคาเหมือนกันนะครับ เช่นผมเคยถวายใบมีดโกนนี่ เป็นหลักพัน รวมๆกันก็เยอะพอตัว  

คุณครับ วัดก็มีค่าใช้จ่ายนะ บางอย่างมันไม่ใช่ของมีค่าของตัวเอง แต่เป็นของวัด อย่างตู้บริจาคเพื่อค่าน้ำค่าไฟเนี่ยมันเป็นของส่วนตัวมั้ย คุณอย่ามองแคบแค่ตัวพระสิ หรือบางวัดยังโดนยกหรือตัดเศียรพระเก่าเลย ถ้าอย่างนี้เรียกว่าของมีค่าส่วนตัวรึเปล่า นี่ยังไม่รวมวัดที่มีพิพิธภัณฑ์เก็บของเก่าอีกนะ มันเป็นมรดกของท้องถิ่น มีคนจ้องจะขโมยอยู่แล้ว

พระควรลดละเลิกมันใช่ แต่มันยังมีสิ่งที่เรียกว่าทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณจะสุดโต่งขนาดนั้นวัดก็ไม่ต้องมีหรอก เพราะมันควรสลัดออก อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน แต่พระพุทธเจ้าเลือกที่จะมีวัดและทำนุบำรุงเพราะอะไรละ เพราะอยากให้คนทั่วไปมีจุดที่จะมาฟังคำสอนที่แน่นอนและไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นเห็นถึงความเสื่อมของสถานที่

ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน เงินเป็นสิ่งจำเป็น การทำนุบำรุงศาสนายังไงก็ต้องใช้เงินอยู่ดี ถ้าคุณจะตึงถึงขนาดห้ามเลย สุดท้ายศาสนาก็มีแต่เสื่อมลง แต่กลับกัน ถ้าคุณหย่อนมันก็จะกลายเป็นฟุ่มเฟือยก็ทำให้เสื่อมอีกนั่นแหละ สุดท้ายทางสายกลางคืออะไรละ มันก็ต้องใช้บ้างเพื่อทำนุบำรุงศาสนาสืบไปไม่ใช่เหรอ  

ผมว่าคุณแค่ยกคนที่ผิดกว่า มากลบความผิดตัวเองเฉยๆ
ทุกคนมีเหตุผลในการทำผิดทั้งนั้นแหละ พระรูปนั้นอาจมองว่าเค้าหิวปวดท้อง ฉันเพื่อสุขภาพ ดีกว่านั่งเล่นเกม ก็ได้

ปล. ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ติดนิดๆกับการยกความผิดคนอื่นมากลบตัวเอง  

แค่บอกว่าเมหาะหรือไม่เหมาะ พร้อมกับเหตุผลก็พอครับ อย่าถึงขั้นด่าสาดเสียเทเสียกันเล้ยพ่อคนดีทั้งหลาย ที่พวกคุณๆด่ากันนักนี่ ดีพร้อมประเสริฐเลิศกันหรือยัง ศีล5พวกคุณนี่รักษากันพร้อมได้ถึง24ชม.ป่าว พิจารณาตัวเองก่อนแล้วค่อยพิจารณาคนอื่นเถอะ



อารมณ์พวกสั่งอาหารตามสั่งกินแล้ว ไม่อร่อยห้ามไปด่าคนทำเลย
มันคนละเรื่องเลยนะครับ

ถ้าโล้นห่มเหลืองพวกนั้น แตกนิกายออกมาเอง ไม่อ้างถึงศาสนาพุทธ ผมยังพอจะมองผ่านได้นะ
เต็มที่ก็แค่... ลัทธิไหนวะเนี่ย

อ่อ ศีล 5 ผมว่า ผมครบนะ พร้อมจะงัดกันซักข้อมั้ย พ่ออดีตเปรียญ เกรียนแตก
ทำดีตามศาสนา ไม่ได้ก็ออกมา จะอยู่ให้เป็นหลืบไร ศาสนาทำไมวะครับ



คนเรานี่แปลก ยัดเยียดให้คนอื่นต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เป็นอะไรต้องเป็นแบบนั้น แถมต้องเป็นให้ดีอีก แต่ตัวเองไม่เคยส่องกระจกดูเงา


ส่วนตัวผมไม่ซีครับ ศีลพระ227 ผมให้ค่าแค่ ปาราชิก4 รองมาก็สังฆาทิเสส13 เท่านั้นพอ นอกนั้นมันเป็นศีลเล็กน้อง หยุมหยิม เรียกได้ว่าเป็นข้อมารยาทของพระมากกว่า ซึ่งรักษาไม่ดีก็โดนชาวบ้านนินทาได้ จากข้อนี้ผมมองว่า จิตใจคนมันรักษายากครับ เหมือนเปลวไฟปลายเทียน ลมพัดมาแผ่วเบามันก็สะเทีอนแล้วฉันใดก็ฉันนั้นแหละ ถามตัวเราๆดูว่ารักษาอารมณ์ตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน พระก็คน ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านก็คงรักษาจิตใจตัวเองได้ยากเหมือนกันแหละ ไม่ต่างกับคุณ

คนเราสมัยนี้น่ะ รักษาตัวรักษาใจได้ปรกติ(ที่ทำได้ยาก) หากทำได้ ก็ไม่แปลกเท่าไร แต่หากทำตัวแปลกนี่สิ เผลอๆคนรอบข้างอาจจะมองว่าบ้า ตอนเป็นพระ ผมก็ได้เล่าเรียนมาครับ แต่ผมไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรหรอกนะ ชีวิตก็ปรกติ จิตใจร่างกายไม่ได้ต่างจากตอนเป็นโยมเลยครับ แถมต้องมาอดทนสำรวมร่่างกาย จิตใจ กับมารยาทที่ระวังเป็นพิเศษอีก

ถามคุณๆเลยว่า เห็นสาวสวยหุ่นดีเดินมา ในใจคุณคิดอะไร คุณแสดงออกยังไง คุณตีปีกพรึบๆปากสั่นอยากเข้าไปเกี้ยว หรือสงบสำรวม แล้วแต่คุณจะเลือกปฏิบัติ ซึ่งพระก็ไม่ต่างกับคุณนั่นแหละ




ถ้าสาว ๆ เดินมา แล้วตีปีกขนาดนั้นครับ
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นแล้วคนอื่นต้องเลวเหมือนที่คุณทำ

พระดี ๆ ก็มีเยอะ
พระสถุล ๆ ก็มีเยอะ

น่าสงสารคุณที่ในชีวิต เจอแต่พระสถุล ๆ นะ




ผมเข้าใจพระดีครับ ทั้งพระป่า พระบ้าน พระเมือง ไม่ต่างกัน ผมไม่ซีอยู่แล้วเรื่องส่วนตัวของพระท่าน ยังไงผมก็ไหว้ อาจจะเพระาผมมองโลกในแง่ดี แต่กลับกันพระรูปไหนที่ทำงาน ทำคุณต่อส่วนรวมเยอะๆ มีผลที่ประจักษ์ผมก็ยิ่งศรัทธา

พระทำถนน พระเป็นหมอยา พระไปสอนหนังสือ ถามเลย เป็นกิจของสงฆ์ไหม ก็ไม่เป็นครับ แต่ทำไมบางคนเลือกที่จะเคารพละครับ หรือสองมาตราฐาน

อยากคุยเรื่องพระ ถามผมได้ครับ ผมอดีตมหาเปรียญ



เกิดเป็นมนุษย์ ไม่กี่ปี ยังไม่ควรกล้าอวดตนว่าเข้าใจมนุษย์เลยครับ
อยู่มากี่ที่ เจอมากี่คน ดันทะลึ่งอวดอ้างว่าตัวเอง รู้จริง

บวชเป็นพระมากี่พรรษา มหาเปรียญมันก็เหมือนวุฒิการศึกษาในทางโลกนี่แหล่ะ
รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง จากการเรียนที่เค้าเขียนไว้ให้
แต่ไม่ได้หมายความว่า จะทำได้ ทำดี แบบที่ศึกษามา

เอาแค่ เนื้อหาที่ผ่านยุคสมัยมา ผ่านการดัด การแปลงสารมากี่รอบ
ถ้าเป็นแค่เรียนด้วยการท่องจำ แต่พิจารณาไม่ได้
คืนนนนนน วุฒิเค้าไปเถอะ
เสียของหมด



 

โคตรบ้าบอ !!!!