Q: คอลลาเจนคืออะไรคะ ? ( ขอแบบง่ายๆบ้านๆนะคะ )

A: มันก็คือโปรตีนครับ อ่าวงง งงไหม ? มันคือโปรตีนสายยาวชนิดนึงที่มีความสำคัญของร่างกายมากๆ ( สายโมเลกุลมันยาวประมาณ7แสนหมื่นล้านกิโลเมตรครับ ยาวมากๆ )

เพราะโปรตีนของร่างกายเรา 25% – 35% เป็นเจ้าคอลลาเจนตัวนี้
โดยคอลลาเจนจะปะปนอยู่ในเซล์กล้ามเนื้อ เซลล์ผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูกอ่อน ข้อต่อ กระดูก บลาๆ
______________________________

Q: แสดงว่า คอลลาเจน ก็คือโปรตีนหรอคะ ?

A: ใช่ครับ และเจ้าตัวคอลลาเจนนั้น เป็นโปรตีนที่สายยาว และเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ ดังนั้นร่างกายได้รับเข้าไปแล้ว จึงต้องการที่จะต้อง ย่อยลงมาอีกเป็นหน่วยเล็กที่สุดคือ “ กรดอะมิโน “ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คือ ร้านอะไหล่ย่อยจากรถยนต์คันใหญ่ ให้กลายเป็น ล้อ โซ่ เครื่อง เบาะ กระจก แล้วจึงนำไปใช้งานได้
______________________________

Q: อ้าวแสดงว่า ถ้าเรากินคอลลาเจนเข้าไปแล้วมันถูกย่อยเป็น กระอะมิโนหนะสิ ?

A: ใช่ครับ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมโมโลกุลขนาดของคอลลาเจนได้ครับ ดังนั้นการที่คุณกิน ปลาทู ยำแหนม หนังหมู ขาไก่ซุปเปอร์ หมูย่าง คุณเองก็ได้รับคอลลาเจนแล้ว .. .
______________________________

Q: เอ๊ะ .. ตอนแรกบอกเรารับคอลลาเจนไม่ได้ แต่บอกว่ากินหมูย่างแล้วได้คอลลาเจน ตกลงยังไง ?

A: ก็อย่างที่บอกครับ คอลลาเจน ก็คือโปรตีน ดังนั้นการคุณกินอะไรก็ได้ที่เป็นโปรตีน เมื่อกินไปแล้วถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน เมื่อร่างกายต้องการคอลลาเจน ร่างกายก็จะสร้างคอลลาเจนมาจากกระอะมิโนในร่างกายครับ
______________________________

Q: แล้วแบบทาละคะ ดิฉันเพิ่งซื้อครีมตัวนึงมาเห็นบอกว่าผสมคอลลาเจนด้วย

A: การที่นำเข้าแบบเข้าปาก ให้ร่างกายดูดซึมกรดอะมิโนว่ายากแล้ว การทาลงบนผิวหนังนั้นยากยิ่งกว่าครับ เพราะอย่างที่บอก สายโปรตีนของมันยาวและใหญ่มาก ถ้าจะให้มีการดูดซึมนี่บอกได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ครับ
______________________________

Q: แล้วข้อเสียของคอลลาเจนมีอะไรไหมคะ ?

A: ไม่มีครับ เสมือนว่าการที่กินคอลลาเจนเข้าไป ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณดื่มเวย์โปรตีน หรือ เนื้อหมู เนื้อปลาครับ แต่นอกจาก การได้รับจากแบบ “ ฉีด “ คอลลาเจนแบบฉีดนั้น มีผลค้างเคียงที่รุนแรง และ ผู้ป่วยมักเกิดการแพ้ได้สูง อย่างที่เป็นข่าวมาไม่นานว่า “รวมหมอเถื่อน ฉีดคอลลาเจนให้พริตตี้สาวแล้วดับ “ นั่นก็มาจากเหตุผลนี้ ..
______________________________

ถ้าพูดถึงในเรื่องการตลาดแล้ว ผู้ผลิตบางรายมักใส่คาเฟอีน และ น้ำาลในปริมาณที่สูง เนื่องจาก สารสองตัวนี้เมื่อคนดื่มเข้าไปแล้ว โอกาศที่จะทำให้เกิดการเสพติดนั้น สูงมาก จะเห็นได้ว่า จะมีรสชาติ กลิ่นมากมาย ทำให้เกิดความชอบและพึงพอใจ
______________________________

Q: แล้วคอลลาเจน หน้าที่หลักๆของมันคืออะไรคะ ?

A: หน้าที่หลักๆของคอลลาเจนคือ คอลลาเจนชนิดที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง เรียกว่า เคราติน

ถ้าเคราตินที่ว่านี้ลดลง ก็จะทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยตีนกาตามอายุขึ้น จึงมีการโฆษณาว่าคอลลาเจนกินแล้วจะช่วยไม่ให้เกิดริ้วรอยตามวัย
คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง เป็นโปรตีนที่มีความสำคัญอย่างมาก

เพราะคอลลาเจนไม่เพียงเป็นองค์ประกอบของผิวหนังเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ทุกๆ เซลล์ในร่างกายไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นเนื้อเยื่อ เป็นอวัยวะ และร่างกายที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ คอลลาเจนจึงมีปริมาณถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย เพราะเป็นโครงสร้างในส่วนที่ยืดหยุ่นของร่างกาย
______________________________

Q: ช่วยทำให้ขาวขึ้นด้วยหรือเปล่าคะ ?

A: ไม่ได้ช่วยทำให้ขาวขึ้นครับ อนึ่ง คอลลาเจนไม่มีผลใดๆต่อสีผิว ต่างจากกลูต้าไธโอนที่มีผลยับยั้งการสร้างเม็ดสี
ทำให้ผิวดูขาวขั้น ถ้ามีร้านใดโฆษณาว่าคอลลาเจนตัวนี้กินแล้วผิวขาวมั่นใจได้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าร้านนั้นตอแหลอย่างแน่นอน!!
______________________________

Q: แต่ดิฉันเห็นหลายๆคน มักบอกต่อกันว่า ดีจริงๆนะ ขาวขึ้น ผิวเต่งขึ้น

A: รู้จักคำนี้ใหมครับ “ Placebo Effect หรือ คือ ยาที่ไม่มีตัวยาเป็นส่วนประกอบอยู่เลย แต่มีแป้งหรือน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก จึงไม่มีผลในการรักษาที่แท้จริง

เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากทั้งในการแพทย์และในทางชีววิทยาวิวัฒนาการ มีผลการทดลองมากมายแสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้นกันของคนป่วยสามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อได้รับยาหลอก บางทีอาจดีเท่าๆ กับผู้ป่วยที่ได้รับยาจริงด้วยซ้ำไป

ผลของ Placebo effect นั้นแปลกประหลาดมาก แม้แต่ว่าแพทย์จะบอกผู้ป่วยโต้งๆ ว่ามันเป็นยาหลอก ไม่ใช่ยาจริง ผู้ป่วยก็ยังมีอาการดีขึ้นได้จาก Placebo effect

มันเป็นเรื่องของ จิตวิทยาครับ เมื่อผู้ป่วยเดินไปซื้อไป ยาดังกล่าว ผู้ป่วยจะมีความคิดในหัวอยู่แล้วว่า กินแล้วต้องขาวต้องวิ้ง ออร่า เรืองแสง แน่นอน ( เชื่อจากโฆษณา และการตลาดสุดโหดร้าย ) คือหนึ่งว่า มีจิตที่บอกว่า “กินแล้วต้องขาว” อยู่เต็มอกอยู่แล้ว เมื่อกินไป ก็จะค่อยๆรู้สึกว่ามันเปลี่ยน แต่จริงๆแล้วมันก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีส่วนเปลี่ยนเลย

หรือ เรียกง่ายๆบ้านๆว่า “ มโนไปเอง , คิดไปเอง , หลอกตัวเอง “
______________________________

มักจะโฆษณากันว่า คอลลาเจนผงจากปลาทะเลน้ำลึก หรือไม่ก็คอลลาเจนบริสุทธิ์ พวกเค้าต้องมีกิมมิค (gimmick) ให้ดู precious เป็นของล้ำค่า คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อ จากหอยมุก จากไข่ปลาคาเวียร์

เมื่อสินค้าหลายๆ ชนิดต่างผสมของคอลลาเจนกันจนเกร่อ ผู้ผลิตแต่ละรายก็พยายามหาความ "ต่าง" เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของตน เช่น

คอลลาเจน จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น
คอลลาเจน จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสติน
คอลลาเจน จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสตินเกรด A จากประเทศเกาหลี
คอลลาเจน จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสตินเกรด A ผสมทองคำนาโน
______________________________

สุดแท้แต่ผู้ผลิตแต่ละรายจะสรรค์หาถ้อยคำมาอวดอ้างสรรพคุณได้ แค่เพิ่มคำยากๆ ที่ผู้บริโภคอ่านแล้วไม่เข้าใจต่อท้ายสามารถทำให้ขายได้ราคาหลักพันต่อ 1 กระปุก
______________________________

การเปลี่ยนความเชื่อของคนเป็นเรื่องยากยิ่ง แม้จะนำข้อเท็จจริงข้างต้นมาหักล้าง แต่หากตัวผู้บริโภคเชื่ออย่างฝังหัวไปแล้วย่อมมีข้อแก้ต่าง มีเหตุผลให้ตนเองเสมอ
______________________________

เรื่องของคอลลาเจนก็เช่นกัน แม้จะมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใดๆ มายืนยัน แต่สำหรับคนที่เชื่อว่า กินคอลลาเจนแล้วดี ก็คงจะมีข้อโต้แย้งเสมอ เป็นต้นว่า "เค้าใส่มาแล้วก็น่าจะมีประโยชน์บ้าง ดีกว่าไม่ใส่" หรือ "มีงานวิจัยว่ากินแล้วรู้สึกดีขึ้น ริ้วรอยลดลง"

ข้ออ้างเหล่านี้แม้จะมาจากงานวิจัยแต่ก็มักเป็นงานวิจัยที่ทำขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนด้านดีของผลิตภัณฑ์ เช่น งานวิจัยที่สรุปว่าทาครีมที่ผสมคอลลาเจนแล้วกลุ่มตัวอย่างรู้สึกผิวนุ่มมากขึ้น
______________________________

คำว่า "รู้สึกผิวนุ่มมากขึ้น" หมายความว่าอย่างไร?
ผิวนุ่มในงานวิจัยแบบนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของกลุ่มตัวอย่างเล็กๆ ที่อาจถูกถามนำด้วยคำถามในแบบสอบถามว่า "หลังจากใช้ครีมแล้ว รู้สึกผิวนุ่มชุ่มชื้นมากขึ้นหรือไม่"

แล้วมีตัวเลือกเช่น นุ่มมาก นุ่มเล็กน้อย เท่าเดิม นุ่มน้อยลง ให้เลือก การถามนำลักษณะนี้ย่อมได้คำตอบที่เอนเอียงไปในแนวทางที่ผู้วิจัยต้องการ นอกจากนี้ "ที่บอกว่านุ่มมากขึ้น" นั้น "มากขึ้น" เมื่อเทียบกับอะไร?

ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นการทดลองเทียบระหว่างการทาครีมผสมคอลลาเจนกับการไม่ทาครีมใดๆ ซึ่งไม่แปลกที่สารให้ความชุ่มชื้นที่ใช้ในครีมทั่วไป รวมทั้งส่วนประกอบอีกนับ 10 ชนิด ที่อยู่ในเนื้อครีมจะทำให้ให้รู้สึกว่าผิวนุ่มมากขึ้น แต่งานวิจัยกลับสรุปเหมารวมว่าเป็นเพราะผลของคอลลาเจนล้วนๆ
______________________________

งานวิจัยลักษณะนี้แค่กลุ่มตัวอย่าง 6 คน จาก 10 คน ตอบแบบสอบถามว่า "นุ่มเล็กน้อย" ก็สามารถเขียนโฆษณาได้แล้วว่า "จากการวิจัยผู้ใช้มากกว่าครึ่งใช้ครีมผสมคอลลาเจนเพียงครั้งเดียว ก็รู้สึก ผิวนุ่มชุ่มชื้น กระชับเต่งตึง หน้าเด้ง มีเลือดฝาด" งานวิจัยเหล่านี้ลำเอียงตั้งแต่เริ่มต้นทำ แล้วผลการทดลองจะเชื่อถือได้อย่างไร?
______________________________

สาวๆเอย ถ้าพวกเธออยากได้คอลลาเจน ไยเธอจึงไม่แดกยำแหนมคลุก!?