'ดิอาซ' ลงสำรอง! 'เอลเลียตต์' ยิงฉลองคัมแบ็คหงส์ซิว 3-1 ลิ่วชนขมิ้น
ผ่านไปอย่างไร้ปัญหาสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่ได้ ดิโอโก้ โชต้า ทำประตูออกนำก่อนจะได้เห็น หลุยส์ ดิอาซ ลงสำรองมาช่วยทีมได้ตุงสองและปิดท้ายที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ฉลองคัมแบ็คคืนสนามด้วยการซัดประตูปิดท้าย หงส์แดง เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ไม่ยากเย็น 3-1 ผ่านเข้าไปพบ นอริช ซิตี้ ในเอฟเอ คัพรอบ 5
ลิเวอร์พูล
Starting Formation: 4-3-3
21.
คอนสแตนตินอส ซิมิคัส
70'
6.5
66.
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
7.5
8.
นาบี้ เกอิต้า
58'
6.0
17.
เคอร์ติส โจนส์
58'
6.0
14.
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
78'
7.0
18.
ทาคุมิ มินามิโนะ
69'
7.0
9.
โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่
6.0
ตัวสำรอง
25.
หลุยส์ ดิอาซ
58'
6.5
6.
ธิอาโก้ อัลคันทาร่า
78'
-
26.
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
70'
7.0
7.
เจมส์ มิลเนอร์
69'
6.0
67.
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
58'
7.0
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4
สนาม แอนฟิลด์
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565
กรรมการ แอนดี้ แมดลี่ย์
ลิเวอร์พูล
3
1
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
1-0 โชต้า 53'
2-0 มินามิโนะ 68'
3-0 เอลเลียตต์ 73'
ลิเวอร์พูล ให้ เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสาและ โคนาเต้ ออกสตาร์ทตัวจริง ส่วนแนวรุกเป็นโอกาสของ มินามิโนะ ได้ลงเช่นกันและข้างสนาม ดิอาซ นั่งรอโอกาสประเดิม
สำหรับ คาร์ดิฟฟ์ นั้นมีการโรเตชั่นหลายตำแหน่งอยู่โดยให้ แฮร์ริส กับ คอลลินส์ จับคู่กันในแดนหน้า ส่วน ดอยล์ เด็กดาวรุ่งที่ยืมาจาก ซิตี้ เป็นสำรอง
ทักทายน่ากลัว! โชต้า พลิกได้ในเขตโทษสับไกติดเซฟ
เกือบจะมีประตูให้ ลิเวอร์พูล นำตั้งแต่ต้นกับจังหวะที่ เกอิต้า จ่ายเข้ามาในเขตโทษให้ โชต้า บังบอลไว้กับตัวประกบแล้วพลิกหนีมาได้มีจังหวะสับไกเน้นแต่ติดเซฟ
คาร์ดิฟฟ์ ถามหาจุดโทษเป่าไม่แจก
เกมยังไม่ค่อยมีจังหวะจะแจ้งสักเท่าไหร่แต่หนนี้ คาร์ดิฟฟ์ พยายามถามหาจุดโทษหลัง โคนาเต้ พลาดนิดปล่อยให้ แฮร์ริส เข้ามาในเขตโทษได้แล้ว โคนาเต้ ตามมาชนล้มลงไปแต่กรรมการไม่เป่าอะไร
คาร์ดิฟฟ์ สวนกลับ วอล์คส ยิงออกเสาสอง
คาร์ดิฟฟ์ มาได้ลุ้นกับการโต้กลับที่สาดบอลข้ามไปทางซ้ายให้ วอล์คส ตามไปเก็บหน้าเขตโทษล็อกเข้าขวาแล้วยิงเองแต่บอลพุ่งออกทางเสาสอง
บอลถูกสกัดเข้าทาง เกอิต้า ยิงไกลสวนโด่งไป
ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกกลับมาได้จบบ้างหลังบอลเปิดจากขวาเข้ามาในเขตโทษมาถึง มินามิโนะ เก็บบอลได้จ่ายย้อนให้ ซิมิคัส เปิดเข้าไปใหม่ถูกโหม่งสกัดหา เกอิต้า หน้าเขตโทษยิงไกลสวนโด่งออกหลัง
หงส์มาใหม่ ทาคิ หักถึง โจนส์ ซัดโด่งอีก
จังหวะนี้ หงส์แดง มาดีหลัง มินามิโนะ ทางขวารับบอลแล้วพลิกไปเองก่อนทำชิ่งกับ โชต้า ในเขตโทษแล้วหักเข้ากลางบอลผ่านไปถึง โจนส์ จบด้วยการยิงข้ามคาน
ซิมิคัส ครอสเข้าหัว ฟีโน่ โหม่งยังไม่เข้ากรอบ
ลิเวอร์พูล มากันอีกทีด้วยบอลที่ โจนส์ ตามไปเก็บสุดมุมธงทางซ้ายแล้วจ่ายย้อนมาให้ ซิมิคัส เป็นคนครอสเข้าไปเสาแรกมี ฟีร์เมียโน่ โหม่งแต่ก็ออกหลัง
โจนส์ ได้ลองยิงไกลก็ยังหลุดออกหลัง
ขยับเข้าท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลองจบอีกเมื่อ มินามิโนะ พยายามเลี้ยงหาช่องก่อนฝากต่อ โจนส์ ตัดเข้ามาตรงกลางจบด้วยการยิงไกล 25 หลายังโด่งไป
หงส์ยังคุมเกมเหนือกว่าขาดเพียงประตูนำ
ช่วงที่เหลือก็เป็นบอลของ ลิเวอร์พูล แทบจะฝั่งเดียวแต่ก็ยังหาประตูนำไม่เจอ มีโอกาสเข้าทำดีๆบ้างอย่าง ซิมิคัส วิ่งสอดเข้าเขตโทษไปเปิดจากซ้ายแต่เพื่อนชาร์จไม่ถึงสักคน เลยจบลงที่ยังเสมอกันแบบไม่มีสกอร์
หงส์โล่งอก! เคลเลเฮอร์ ออกมาทำฟาวล์นอกกรอบโดนเหลือง
ลิเวอร์พูล เสียวสันหลังวาบเกือบจะเหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นครึ่งหลังกับจังหวะที่ เคลเลเฮอร์ ตัดสินใจออกมาตัดบอลนอกเขตโทษแล้วสไลด์เข้าใส่ แฮร์ริส แทน ยังดีกรรมการไม่ได้มองว่าเขาเป็นตัวสุดท้ายเลยแจกแค่ใบเหลือง
หงส์มาแล้ว! TAA เปิดฟรีคิกให้ โชต้า โหม่งนำ
แล้ว ลิเวอร์พูล ก็เอาประตูออกนำเข้าจนได้ด้วยฟรีคิกทางขวา อาร์โนลด์ รับหน้าที่เปิดเข้ามาในเขตโทษให้ โชต้า ขึ้นโหม่งส่งบอลกระดอนเข้าเสาไกล ลิเวอร์พูล ออกนำ 1-0
ซิมิคัส เปิดให้ ฟีโน่ โหม่งอีกแต่ก็โดนรับได้
ยังเป็น ลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกกันต่อไปและลุ้นจากลูกครอสอีกครั้งหลัง ซิมิคัส ริมเส้นซ้ายได้โยนเข้าไปให้ ฟีร์เมียโน่ โหม่งแต่ก็เบาไปโดนเซฟไม่มีปัญหา
หงส์ส่ง ดิอาซ ลงประเดิมสนาม
แล้วก็ได้เวลานักเตะใหม่ประเดิมสนามหลัง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจถอด โจนส์ ออกแล้วให้ ดิอาซ แข้งใหม่ป้ายแดงลงมาประเดิมสนาม เช่นเดียวกับการส่ง เอลเลียตต์ ลงเล่นหลังเจ็บพักไปนาน
หงส์ลุ้นอีก! เตะมุมถึง โชต้า ยิงออกเสาสอง
โอกาสของ หงส์แดง มากันอีกครั้งด้วยลูกเตะมุมทางขวาที่เปิดเข้ามาตรงแถวจุดโทษ โชต้า สลัดตัวประกบได้เลือกทิ้งตัวยิงไม่จับแต่ก็ออกเสาไกล
ดิอาซ โชว์ขยัน! แย่งบอลได้จ่ายถึง ทาคิ ยิงตุงสอง
หลังจากนั้นยังเป็นเจ้าบ้านบุกเรื่อยๆจนมีประตูเพิ่มเข้าให้ จากที่ทำชิ่งให้ ซิมิคัส สอดเข้าเขตโทษแต่ อึง ดักทางไว้กระนั้นไปมากจังหวะในเขตโทษจนโดน ดิอาซ ฉกบอลได้ก่อนจ่ายมาหน้าประตู โชต้า สะกิดแทบไม่โดนแต่ยังหลุดมาหา มินามิโนะ ยิงพาทีมนำ 2-0
คัมแบ็คยิง! ร็อบโบ้ ครอสถึง เอลเลียตต์ จับก่อนซัดเสียบเสา
ลิเวอร์พูล ยังไม่หยุดบุกและก็บวกเพิ่มไปอีกลูก กับการมาเคาะหน้าเขตโทษอยู่นานสองนานจน โชต้า เปิดแฉลบหลุดออกทางซ้ายให้ โรเบิร์ตสัน ครอสเข้าในเขตโทษอีกทีถึง เอลเลียตต์ จับแล้วยิงเสียบเสา ลิเวอร์ูล นำสบายๆ 3-0
ขอสักลูก! คาร์ดิฟฟ์โต้กลับ โคลวิลล์ ยิงตีไข่แตก
ถึงอย่างนั้น คาร์ดิฟฟ์ มาได้ประตูตีไข่แตกเข้าจนได้ ภายหลังจากโต้กลับขึ้นมา โคลวิลล์ หลบมาได้สวยก่อนฝาก เดวี่ส์ ซ้ายมือพาบอลต่อขึ้นมาจากนั้นจ่ายคืน โคลวิลล์ แล่บเข้าเขตโทษมีเวลาล่อเป้าแล้วก็ซัดไม่พลาด คาร์ดิฟฟ์ ไล่มาห่างๆ 3-1
โชต้า ลองสับไกอีกแต่โดนบล็อกไว้
ลิเวอร์พูล กลับมาเป็นฝ่ายครองบอลหาช่องบุกกันอีกครั้งและยังหาโอกาสได้เรื่อยๆ มาได้จังหวะที่ โรเบิร์ตสัน เล่นกับ โชต้า ส่งรายหลังเข้ามาในเขตโทษได้สับไกแต่ก็โดนบล็อก
จบเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเก็บชัยชนะเหนือ คาร์ดิฟฟ์ 3-1 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบไปอีกทีมและพวกเขาจะได้พบกับ นอริช เป็นคู่แข่งรายถัดไป
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
Starting Formation: 3-5-2
32.
เอลี่ คิง
69'
5.0
6.
วิลล์ วอล์คส
69'
6.0
19.
เจมส์ คอลลินส์
58'
6.0
29.
มาร์ค แฮร์ริส
58'
7.0
ตัวสำรอง
27.
รูเบน โคลวิลล์
69'
7.0
39.
ไอแซ็ค เดวี่ส์
58'
6.0
9.
จอร์แดน ฮูกิลล์
58'
5.5
22.
ทอมมี่ ดอยล์
69'
6.0
แก้ไขล่าสุดโดย redenzo เมื่อ Sun Feb 06, 2022 23:37, ทั้งหมด 6 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
คัมแบ็คได้สุดยอดเลยเจ้าหนู ทำเกมส์ไหลลื่น ยิงสวย ๆ อีก 1 ประตู 
My Locker
