เห้อ การศึกษาไทยก็แบบนี้ ไม่เกี่บวกับพาดหัวนะ แต่นโยบายนี้ไม่น่าออกมาจริงๆ เอาตรงๆดีไหม ดีนะ แต่ทำไมไม่ลองมองดูเด็กต่างจังหวัดในพื้นที่กันดารบ้างละ บ้างคนมีพรสวรรค์ บางคนมีพรแสวง บางคนมีพรจากเงิน มันก็คือเก่งแต่ต่างกันตรง ทุนทรัพย์แลพการเข้าถึงข้อมูลต่างๆไหม แทนที่จะเล็งเห็นตรงนี้แก้ปัญหาตรงนี้ แนะแนวให้เด็กมีลู่ทาง ช่องทาง แต่กลับจะกรองเด็ก

มหิดลวิทยาฯ มีมานานแล้วนิครับ
ในต่างจังหวัด ก็ รร ประจำจังหวัด ดีกว่าเห็นๆ เครื่องไม้เครื่องมือ แลบวิทย์

ไม่ว่าจะสายสามัญ สายอาชีวะ
รร จัวหวัด , อำเภอ, ตำบล
ต่างกันเป็นทอดๆ
หนักเลยคือพวกขยายโอกาส
รร ประถม สอน ม.3
บางทีลากยาว ม.6 ก็มี

ปัญหานี้แก้ยากนะ...

สำนักนี้ ค่ายนี้เค้าเน้นปั่นพาดหัวขายดราม่ามานานแล้วครับ

พอมีปัญหาลบข่าว ปิดเม้นท์

แต่ชอบเย้วๆ ว่าเป็น สนข. รุ่นใหม่ เสรี

เอาจริงๆไม่ต่างกับ ไทยรับ เดลินิน เลยครับ

กระทรวงมึงแค่เปลี่ยนระบบให้ทันสมัยขึ้นพอแล้ว ฟาย

ผมว่าถ้าสำหรับเด็กเก่งหัวกระทิ ผมว่าไม่จำเป็น ความเก่งบางทีมันไม่ได้วัดกันที่การสอบ แล้วก็ไม่ใช่แค่ตอนสอบเข้าครั้งเดียวเรียนไปอีกหลายปี

แต่อยากให้มีสำหรับเด็กอัจฉริยะไปเลย ไอคิวเกิน180 200 อะไรงี้ ผมคิดว่าบางทีเค้าอาจจะเหมาะกับวิธีการเรียนการสอนที่มันเข้มข้นกว่า เฉพาะทางกว่า หรือข้ามไปได้ไวๆเลย

ประเทศเราคนเก่งก็เยอะ ที่ประเทศเป็นยังงี้เพราะคุณภาพรวมมันต่ำมากกว่า ประมาทว่าพวกเก่งๆสนใจเรียนมีอยู่10% ทีเหลือก็แบบไม่เอาอะไรเลย

แล้วเด็กเลวๆที่คุณบอกให้ทิ้ง มันก็กลับมาสร้างปัญหาให้สังคมอีกที ผมเห็นด้วยกับการให้แยกนะ แต่การบอกให้ทิ้งเด็กเลวๆ ไปกอง มันไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้เลย มีแต่จะทำให้สภาพเด็กเรวร้ายกว่าเดิม ผมเรียนห้องคิง แต่ผมมีเพื่อนทุกห้อง ผมรู้เลยว่าเด็กพวกนี้แค่แยกห้องก็มีปมในใจเกิดคิดแล้ว หากจะผลักดันอะไรที่ต้องการผลลัพท์ต่างออกไปจากนี้ มันก็ต้องทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้

ผมมองอะไรไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วการศึกษาเราที่ผ่านมาเป็นยังไง จะสร้างยอดมนุษย์ขึ้นมา บนสภาพสังคมที่เน่าเฟะเนียะนะ เพื่ออะไร ถ้ามีแผนควบคุ่มากับการแก้ปัญหาเด็กอ่อนด้วย น่าจะดีกว่านี้ เด็กอ่อนบางคนแค่อ่อนวิชาการ บางเรื่องก็เข้าขั้นอัจฉริยะ ผมว่าเราผิดกันตั้งแต่ สร้างโรงเรียนให้เหลื่อมล้ำ แล้วยัดเข้าระบบ สุดท้ายแบ่งชั้นวรรณะ ได้ยอดมนุษย์มา ไม่ถึง 5% ตามด้วยคนที่จะเป็นปัญหาสังคมเยอะแยะ

เอาเวลาไปแก้เรื่องติวเตอร์ กับโรงเรียนรัฐที่มาตรฐานเท่ากันเถอะ ผมยังไม่เห็นใครจับเรื่องติวเตอร์ที่เ้ป็นปัญหารากเหง้าของการเหลื่อมล้ำมาเป็นประเด็นเลย หรือเพราะ เจ้าของสถาบันติวเตอร์ ที่ใหญ่ที่สุด แฝงงหนุนอยู่ในทุกชุดรัฐบาล

ส่วนตัวผมเองอยู่ห้องหัวๆของโรงเรียนรัฐที่อันดับถือว่าใช้ได้เลยในกรุงเทพ เพื่อนๆรุ่นช่วงนั้นอย่างแย่ๆก็ต้องสอบติดวิศวะ 8 เกียร์เก่าที่เหลือสายแพทย์กันเป็นเรื่องปกติ ผมคิดว่าผมเข้าใจการแบ่งห้องของเด็กเรียนเก่งดีในระดับนึง

ข้อดีของห้องเด็กเรียนเก่งไม่ใช่ว่าจะให้ครูสอนได้เร็วหรอก ด้วยระบบการสอบเข้าแบบนี้ การอยู่ในห้องเด็กเรียนเก่งมันจะมีบรรยากาศที่ดีกว่า สังคมที่ดีกว่ามากทำให้มันเกาะกันไป หลายคนในห้องนี้ไม่นับพวกเส้นหลายคนก็ไม่ได้หัวดี ไม่ได้มีพรสวรรค์มากกว่าเด็กในห้องแย่ๆหรอก

ผมมีเพื่อนสนิทที่หัวดี มีศักยภาพแต่ไม่ได้ถูกคัดมาอยู่ห้องเด็กเรียนเก่ง เจอการดูถูก เหยียดจากอาจารย์ จากผู้ปกครอง จากเพื่อนห้องอื่นๆ ในระดับนึง (แต่ก็ไม่มาก โรงเรียนผมคัดเฉพาะคิง ควีน ที่เหลือไม่น่าจะเรียงอันดับแต่คนอยู่ห้องเลขท้ายๆมักถูกมองว่าเป็นบ๊วย) ที่สำคัญผมว่ามันมาจากสภาพสังคมนี่แหละ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชายที่เสียไปเลยเยอะมากเพราะช่วงอายุด้วย

เด็กบางคนไม่ใช่ไม่เก่ง ไม่ใช่โง่ แค่การเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ มันไม่ใช่ทางของเค้า ทำไมเด็กพวกนี้ต้องถูกแบ่งแยกไปเป็นเด็กห้องบ๊วย แล้วจากประสบการณ์ผมเด็กที่ถูกคัดมาจะเป็นเด็กส่วนน้อยจริงๆไม่เกิน 30% ที่เหลืออาจจะแย่จริงๆประมาณ 30 - 40% มันจะเป็นปัญหาของประเทศในระยะยาวครับเพราะพวก 30% เก่งๆเข้ามาเรียนมหาลัยก็ไปไม่รอดกันเยอะดูจากตัวเลข retire, เด็กติดโปรตามมหาลัยชั้นนำแทบจะเรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่ง ที่เหลือรอดมาทำอะไรให้ประเทศได้ไม่เต็มที่หรอกครับ

อินเซนทีฟ การเฟเวอร์เด็กที่เรียนดีผมรับได้ แต่อยากให้อยู่ในรูปแบบเป็นรายบุคคลไป หรืออยู่นอกเหนือเวลาเรียนปกติไปครับ จะมาในรูปแบบโครงการ ทุน หรืออะไรแทนก็ได้ การเรียนการสอนทั่วไป ทรัพยากรด้านบุคลากร งบ ต้องกระจายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในโรงเรียนรัฐ

อยากให้เรียนเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นโรงเรียนเอกชนเถอะ

ที่ผมพูดมานี้ก็รู้ว่าเลอะเทอะและคงไม่มีทางเป็นไปได้ในช่วงชีวิตผมหรอก นานาจิตังครับสำหรับผมรบบห้องคิง ห้องควีนก็ได้ ระบบโรงเรียนอีลีทแบบเตรียมใหญ่ มหิดล ก็ได้ สุดท้ายประเทศเราก็ต้องมาตามพัฒนาประชากรส่วนที่เหลืออยู่ดีจะเร็วจะช้าก็ว่ากันไป

ผมกลับเห็นด้วยกับการแยกเด็กว่ะ

เด็กที่เก่ง เวลาเรียน ผมบอกตรงๆ แม่งโคตรน่าเบื่อ เวลาครูในโรงเรียนรัฐสอน

สอนแบบ ซ้ำไปซ้ำมาเรื่องเดิมๆ กุเข้าใจตั้งแต่รอบแรกแล้ว เลยแม่งไม่ตั้งใจหนีไปเตะบอลแม่งเลย

ผมมีเพื่อนแบบนี้ 3-4 คน ในโรงเรียนประจำจังหวัด

ครูแม่ง ก็เบื่อผมกับแก๊งนี้จะเป็นจะตาย แต่แม่งทำอะไรไม่ได้ไง เวลามีไปแข่งโครงการ สอบแข่งนู่นนี่นั่น ก็ไอ้พวกนี้นี่แหละ ตัวยืน

สุดท้ายพวกแก๊งนี้ก็แยกย้ายไป มหิดลวิทย์ ไปเตรียม ไปทุน กพ. กันหมด

พอไปเรียนในโรงเรียนพวกนั้น เออ ค่อยสนุกกับการเรียนหน่อย

ไอ้ที่เป็นปัญหาของกระทรวงอ่ะ คือการทำให้เด็กที่อ่อนน่ะ ดีขึ้นได้ยังไง ไม่หนีไปเลว ไปแวนซ์ ยังไง อันนั้นก็ปัญหานึง

แต่ถ้าบอกว่ากระทรวงไม่ควรส่งเสิรมเด็กเก่งให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของประเทศ

ผมว่าแนวคิดพวกคุณมีปัญหาแล้วล่ะ

เด็กที่เก่ง ควรที่จะได้รับการส่งเสริมเพื่อให้เก่งยิ่งขึ้นไป

ไม่ใช่ถูกปลูกฝังว่าต้องเท่าเทียมกันทุกอย่าง สุดท้ายเสียคนเก่งๆที่จะพัฒนาประเทศให้กับเรา ผมเห็นหลายๆคนได้ทุน กพ. มา สร้างสรรค์อะไรหลายๆอย่างให้ประเทศมากมาย

ถ้าคุณจะสนใจแต่ความเท่าเทียม มันก็เหมือนกับการล้างสมองคนอีกวิธีนั่นแหละ

แล้วก็ได้ข้าราชการห่วยๆ มา แล้วก็บ่นว่าทำไมประเทศแม่งไม่พัฒนา

เขาคงไม่ได้ให้มีหลายโรงเรียนหรอกครับ เหมือนเป็นโรงเรียนเซ็นเตอร์ใครหัวกะทิจากที่ไหนก็มาสอบเข้าแบบโรงเรียนมหิดล
ซึ่งอันนี้เขาจะต้องวางระบบร่วมมือ อุปกรณ์ งบประมาณที่อาจจะให้ทุนเรียน ที่บอกว่าเด็กเก่งแต่ไม่มีตังค์ก็อยู่ได้
เขาต้องการสร้างคน ไม่งั้นเทคโนโลยีต้องไปพึ่งต่างชาติ อยากเก่งก็ต้องจบนอก ซึ่งมันเหลือมล้ำยิ่งกว่านี้อีก

ส่วนการจะให้เด็กที่กันดารมีโอกาสนั่น ต่อยอดจากโรงเรียนที่มีอยู่ได้เลยครับ จะใส่เทคโนโลยี หลักสูตรอะไรก็ว่าไป
ถ้ารอจะให้เด็กเข้าถึงทุกคน อันนี้เป็นสเต็ปถัดไป มันก็ต้องรอไปอีก 10-20 ปี โน่นแหละครับ
สองนโยบายมันทำพร้อมกันได้ ถ้าเบรคอันนี้ พัฒนาเด็กต่างจังหวัดก่อนมันไม่ทันหรอกครับ

ก็ดีนิ

อยู่ รร ธรรมดา ก็ดีนะ ถ้าเทพก็ได้เป็น คนดัง หล่อเลย
สอบติดหมอนี่คือ มีรูป ติดหน้า โรงเรียนอ่ะ 555



ขณะที่เด็ก ตอ. มหิดล ติดหมอ คือ เฉยๆมาก เพราะ ติดกันหมด

ตอนผมเข้าค่ายโอลิมปิกชีวะ มีแต่เด็กเตรียม มหิดล สวนกุหลาบ ทั้งนั้น
ร้อยละ 99 ต่อหมอ จุฬา ศิริราช รามา (+/- หมอที่อื่นอีกเล็กน้อย) หมดอ่ะ มีผมเป็น เด็กเกรียนในค่ายอยู่คนเดียวอ่ะ

โชคดีจริงๆ ที่ตอน ม.ปลาย อยู่ห้องควีน บรรยากาศการเรียนไม่ตึงเครียดเกินไป เพื่อนๆช่วยกัน (ผมติวฟิสิกส์ ชีวะ ให้สาวๆ ในห้อง สาวๆ ติว เคมี ให้ผม อิอิ) ห้องผม สอบเข้าค่ายโอ เข้าหมอ ได้มากกว่า ห้องคิง เสียอีก ผมว่า อะไรที่ตึงไปก็ไม่ดี และ เพื่อนช่วยเพื่อนมันดีขิงๆนะ

ผมว่าที่ข่าวบอกว่าตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ มันไม่ใช่การแปลจากคำว่า Elite หรอก

แต่มันคือการที่ทุ่มงบประมานพัฒนาเด็กหัวกะทิอย่างเดียว ทีนี้ความเจริญ ความรู้ก็กระจุกไปอยู่แต่ด้านบนๆ

ในขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังไม่ถูกแก้ไข เด็กหลายคนไม่ได้เรียนหนังสือ โรงเรียนเล็กๆหลายที่ มีครูไม่กี่คน หนังสือไม่พอต่อเด็ก ไม่มีแม้กระทั่งคอมหรืออินเตอร์เน็ตให้ใช้ หรือต่อให้เอางบลงไปก็โดนกินไประหว่างทาง กว่าจะถึงตัวเด็ก

ทีนี้กลุ่มบนๆก็เก่งเอาๆ กลุ่มที่ไม่ได้ก็ยิ่งขาดโอกาส แล้วปากบอกจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ส่วนตัวผมมองว่าคนเก่งจำนวนน้อยมากนะครับ ที่อยากเข้ารับราชการ เพราะมายเซ็ตของระบบราชการไม่ตอบโจทคนกลุ่มนี้ครับ ยังไม่รวมระบบอุปถัมท์ภายในที่ต้องฝ่าฟันอีก และคนเก่งเหล่านี้เข้ามาแล้วก็มักไม่ได้นั่งหัวโต้ะหรอกนะครับ ผมไม่ได้ยกลอยๆเข้ามานะครับ ลองมองรอบๆตัวเราครับ มันเป็นแบบนั้นมานานมากแล้ว

ผมเห็นด้วยนะแต่ควรมีแค่1โรงเรียน และกิน นอน ไปเลย เอาให้เทพๆไปเลย

แต่เด็กเก่งที่คัดมาต้องทำงานให้รัฐ

ถึงจะเหลื่อมล้ำแต่มันก็สร้างคนเก่งได้ ต้องยอมรับว่า เด็กเดี๋ยวนี้มันเหลื่อมล้ำกันมากๆ

การศึกษาจากภาครัฐไม่ควรมีแบ่งอะไรทั้งนั้นอ่ะ ควรจะกระจายความเก่งให้เท่ากันทุกโรงเรียน ทุกจังหวัด เรียนที่ไหนก็ได้ การสอนเกือบๆจะเหมือนกัน อาจแตกต่างแค่วัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น แต่ในเรื่องวิชาการควรจะเกลี่ยให้เสมอกันทุกโรงเรียน
เด็กต่างจังหวัดจะมีครูเก่งเท่าๆกับโรงเรียนเตรียมอุดมได้อย่างไร นี่คือโจทย์ที่กระทรวงต้องทำ
นี่คือการขยายโอกาสให้คนทั่วประเทศเข้าถึงการศึกษาที่เท่าเทียม