ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:07
[แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค
ชเตฟเฟ่น คอเรล อดีตนักเตะวัย 47 ปี ผู้เคยลงสนามให้แก่กลัดบัคในบุนเดสลีกา 51 เกม และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมแมวมอง ได้พูดคุยเกี่ยวกับการย้ายทีมของอลาสซาน เพลอา การทำงานของทีม และเม็ดเงินหลายล้านในวงการฟุตบอลปัจจุบัน



มักซ์ เอเบริล ผู้อำนวยการกีฬาชื่นชมคุณมากเลยนะ ในเรื่องดีลของอลาสซาน เพลอา

คอเรล: ความชื่นชมนั้นสำหรับทีมสเกาท์ทั้งหมด และแน่นอนว่าพวกเรายินดีมากในเรื่องนั้น


จริงหรือเปล่าที่โบรุสเซียคอยเฝ้าสังเกตเพลอามาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 18 จนถึงตอนนี้ก็เจ็ดปีแล้ว?

คอเรล: เรารู้จักเพลอาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่มันยังไม่ถึงจังหวะเหมาะสมที่จะเซ็นเขาสักที แต่นั่นคืองานที่เราทำ ตระเตรียมเอาไว้เพื่อรอยคอยโอกาสที่เหมาะสมที่การย้ายตัวมีความเป็นไปได้ ปรัชญาของเราคือการทำความรู้จักนักเตะให้ดี และนานพอที่จะบอกว่าได้ เขาจะเหมาะกับโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัค เรื่องนี้ต้องอาศัยทีมสเกาท์ที่มีประสบการณ์มาก ซึ่งทางเราได้ก่อร่างสร้างตัวในช่วงหลายปีมานี้ ภายใต้ความดูแลของ มาริโอ วอสเซน หัวหน้าใหญ่ของแผนกแมวมอง


การได้ทำความรู้จักกับตัวนักเตะมันสำคัญแค่ไหน?

คอเรล: ผมคิดว่านั่นเป็นปัจจัยที่เป็นกุญแจตัดสินสำหรับเพลอา เขาพูดเองว่าตัวเขารู้สึกว่า พวกเรารู้จักเขาดี สามารถประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน และสไตล์ของฟุตบอลที่เขาอยากเล่นได้ นั่นเป็นเรื่องในแง่ของกีฬา แน่นอนว่าในฐานะนักเตะ คุณเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะต้องทำงานกับใคร มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการเริ่มต้น เราเดินทางไปฝรั่งเศสสองสามครั้ง แล้วเขาก็ทำการตัดสินใจสำหรับตัวเองหลังจากนั้น (โดยอาศัยสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ)


โบรุสเซียต้องลงทุนในการโปรโมทในกรณีที่การแข่งขันสูงแบบนี้มากน้อยขนาดไหน?

คอเรล: ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราได้สร้างชื่อเสียงไว้ค่อนข้างดีทีเดียว เดี๋ยวนี้คุณมีโอกาสไปเล่นบอลยุโรปกับโบรุสเซียได้แล้ว อาจจะไม่ใช่ทุกปี แต่จะเป็นทุกปีต่อจากนี้ไปนี่แหละ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราพิสูจน์แล้วว่า ที่โบรุสเซียสามารถเป็นก้าวต่อไปได้ แม้แต่สำหรับนักเตะที่มีประสบการณ์ อย่างเช่นลาร์ส ชตินเดิล, ธอร์กัน อาซาร์ และมัทเธียส กินเทอร์ พวกเขาล้วนแล้วแต่เคยเล่นในลีกสูงสุดมาก่อนจะเซ็นสัญญา แต่ก็ยังสามารถพัฒนาสู่ก้าวต่อไปได้ที่โบรุสเซีย


คุณดูนักเตะคนนึงบ่อยขนาดไหนในช่วงเวลาเจ็ดปีนั่น?

คอเรล: เป็นตัวเลขสองหลักที่ค่อนข้างสูงทีเดียวเลยล่ะ สำหรับจำนวนรายงานที่เกี่ยวกับเขา เราอยากจะมองทุกอย่างที่เกี่ยวกับนักเตะ มองเขาในหลายๆ ตำแหน่ง ในทุกสถานการณ์ เพลอาเคยผ่านการเล่นเพื่อหนีตกชั้นมาแล้ว และเพื่อถ้วยแชมป์กับนีซ การกลับมาหลังจากบาดเจ็บหนัก ในฐานะนักเตะคนนึง เขาประสบมาแล้วแทบทุกอย่างก็ว่าได้


นั่นคือในฐานะของนักเตะ แต่คุณจะรู้จักเขาในฐานะคนๆ นึงได้ยังไง ว่าเขาเป็นคนอย่างไร?

คอเรล: เราเก็บข้อมูลจากหลายๆ ทาง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้พบกันต่อหน้าเพื่อที่จะรู้จักคนที่เรากำลังจะเซ็นสัญญา แน่นอน ว่าเขาต้องเป็นคนที่เข้ากับโครงสร้างของทีมได้


ลาร์ส ชตินเดิล บอกว่าเพลอาถ่อมตนมาก เป็นอย่างนั้นรึเปล่า?

คอเรล: ใช่ ผมว่าทุกคนคงจะสังเกตเรื่องนั้นเหมือนกัน เวลาคุณมองวิธีที่เขากระทำกับความสำเร็จ เขายกย่องทีมเสมอ เขาเป็นผู้เล่นที่เล่นเป็นทีม ไม่ใช่คนทำประตูที่เห็นแก่ตัว แต่เป็นผู้เล่นที่จะทำประตูเพื่อทีม ตัวเขาเองก็ต้องการให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู และเล่นฟุตบอลในแบบเดียวกับเขา (น่าจะหมายถึง เล่นเป็นทีมโดยไม่เห็นแก่ตัว)

(ต่อ)
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 23:59, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:20
Top Comment [RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
===================================

Little Talks

ชวนคุยกันนิดหน่อย

อย่างที่หลายๆ คนในบอร์ดน่าจะพอรู้ว่านี่เป็นแฟนกลัดบัคอะเนาะ 555

อาจจะต่างออกไปจากความเคยชินบ้าง แต่บทสัมภาษณ์ก็น่าจะทำให้เห็นวิธีการทำงานของทีมกลางๆ ในแง่มุมต่างๆ ค่ะ อย่างเรื่องดีลมูลค่าห้าสิบล้านอย่าหวังไปเลยนี่ น่าจะพอเดาได้อยู่แล้ว (ฮา) เพราะดีลล่าสุดอย่างเพลอา ราคา 23 ล้านยูโรนี่ เป็นสถิติสูงสุดของสโมสรเลย

แต่อ่านแล้วก็ทึ่งเหมือนกันนะที่การสเกาท์นักเตะสักคนนึง บางทีก็ใช้เวลาเกือบสิบปี

ส่วนตัวชอบตอนที่เค้าบอกว่า เออ นักเตะที่ดี บางทีก็อาจแสดงศักยภาพไม่ได้เสมอไป มันต้องถูกจังหวะ ถูกเวลา ถูกสไตล์ ถูกทีม ถูกโค้ช อะไรงี้ เงื่อนไขต่างๆ มันก็เยอะเหมือนกัน

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพจทีมกลัดบัคไทย ไว้ด้วยแล้วกันค่ะ
https://www.facebook.com/borussia.thailand/

ส่วนอันนี้เพจจับฉ่าย แปลเรื่องฟุตบอลที่ไม่เกี่ยวกับกลัดบัค หรืออื่นๆ สารพัดก็จะลงในเพจนี้หมดค่ะ
https://www.facebook.com/thenakhalstory

โค้ง~

ปล. แปลผิดแปลถูกขออภัยด้วยค่ะ แปลจากอังกฤษสลับเยอรมัน คือขี้เกียจแปลเยอรมันล้วนเพราะศัพท์ยากเยอะ ขี้เกียจเปิดดิค เลยแปลจากอังกฤษ แต่พอเจออังกฤษทะแม่งๆ ก็ต้องพลิกไปดูต้นฉบับเยอรมัน 55555

ปลล. นั่งนึกนานมากว่า Zwischenschritt นี่มันอะไร 5555555555

ปลลล. สัมภาษณ์โคตรยาวววว แปลเหนื่อยสุดดดด คุยไรกันนักหนาาาา 55555555555

ปลลลล. ยาวแบบนี้จะมีคนอ่านสักกี่คน

===================================
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 22:22, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:13
Top Comment [RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]



บ่อยแค่ไหนที่คุณมีความคิดทำนองว่า อยากจะแนะนำนักเตะคนนั้นจัง แต่ว่า..?

คอเรล: แน่นอน เราเห็นนักเตะดีๆ ที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเราผ่านตาเยอะแยะเลย แต่สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องสามารถเชื่อมั่นในตัวนักเตะที่จะดึงตัวมา ว่าเราจะสามารถมองเห็นภาพรวมที่ดีจากเขาได้


มีผู้เล่นคนไหนมั้ยที่คุณเซ็นสัญญาแบบปัจจุบันทันด่วน?

คอเรล: มันเกิดขึ้นยากมาก เวลาลงสนามในตลาดซื้อขาย เรามักจะรู้จักเขาดีอยู่แล้ว เลยสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว อะไรแบบนั้นจะเกิดขึ้นบ่อยกว่า แต่บางครั้งมันก็จะมีสถานการณ์ที่เหลือเชื่อ แบบที่เราสามารถได้ตัวนักเตะที่เรารู้จักเขาดีมากๆ แต่ไม่แม้แต่จะคิดว่าจะมีโอกาสคิดถึง ตัวอย่างก็เช่น เคสของอันเดรส คริสเตนเซ่นไง เขาเป็นเซ็นเตอร์แบ็คระดับแนวหน้าในกลุ่มผู้เล่นที่อายุเท่ากัน ตอนที่เชลซีบอกว่าสามารถยืมตัวเขาได้นะ เราก็เลยต้องรีบลงมือ


นั่นหมายความว่า ยิ่งคุณเตรียมตัวเอาไว้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถตอบรับสถานการณ์ได้ดีขึ้นสินะ?

คอเรล: แน่นอนอยู่แล้วว่าสโมสรได้พัฒนาขึ้น สถานภาพทางการเงินของเราก็พัฒนาขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเตรียมตัวให้ดี


นั่นหมายความว่า คุณกำลังลงทุนเพื่อผลกำไรต่อไปด้วยรึเปล่า?

คอเรล: หลายๆ อย่างมันก็ดำเนินไปด้วยความจริงที่ว่า ตอนจบในระยะยาวก็คือเราต้องขายนักเตะออกไป มันเป็นวัฏจักรแบบนี้ แม้แต่ที่โบรุสเซียเอง นักเตะต้องเหมาะสมกับทีม แต่ก็ต้องมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ด้วย


ถ้าอย่างนั้น ดีลแบบเคลาดิโอ ปิซาโร่ ที่อายุ 40 แล้วก็น่าจะเป็นไปได้ยากรึเปล่า? ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะที่มีคุณภาพน่ะนะ?

คอเรล: ตอนที่เราเซ็นสัญญากับราฟฟาเอล มันก็เป็นการย้ายตัวที่ทำให้ทีมเราดีขึ้นทันที แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะไม่คาดหวังบิ๊กดีลเท่าไหร่ อย่างนึงที่เราต้องรำลึกไว้เสมอคือ เวลานักเตะที่เก่งมากๆ ย้ายจากเราไป มันจะมีช่องว่างที่เราต้องอุดอีกครั้ง บางครั้งเราไม่อาจจะชดเชยช่องว่างนั้นได้ทันที แต่เราก็จะพยายามไล่ตามมันแล้วท่องคำว่าอดทน ยิ่งผู้เล่นที่ได้ตัวมาอายุน้อยแค่ไหน ความอดทนก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้น


เพลอาย้ายมาโบรุสเซียด้วยค่าตัวเป็นสถิติ มูลค่าราว 23 ล้านยูโร นั่นจะไม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับตัวนักเตะและทีมสเกาท์เหรอ?

คอเรล: เราต้องปลดปล่อยตัวเองออกจากเรื่องเงินล้านก่อน สำหรับเราทั้งหมดเป็นเรื่องของการประเมินค่าของนักเตะในสถานการณ์ปัจจุบัน ย้อนกลับไปสักห้าปีก่อนนักเตะอย่างเพลอาอาจจะมีมูลค่าสิบล้านยูโร แต่ทุกวันนี้ แค่ดาวรุ่งอายุ 18 สักคนก็ปาเข้าไปสิบล้านแล้ว


แต่ว่าถ้าซีอีโอชเตฟาน ชิปเปอร์ส พูดขึ้นมาว่า เราอยากได้ตัวนักเตะมูลค่า 50 ล้านคนนี้ มันก็ฟังดูน่าสนใจไม่ใช่เหรอ หรือว่าไม่ใช่?

คอเรล: ที่นี่เราไม่ได้ทำงานกันแบบนั้น เรารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นไปได้เป็นไปไม่ได้ เราต้องการแผนการที่ดีในระยะยาวมากกว่า คุณก็รู้อยู่แล้ว เวลาฤดูกาลเริ่มต้นมันก็จะเป็นเรื่องกีฬาล้วนๆ ก็จริง แต่มันก็ต้องเป็นสิ่งเป็นไปได้ในแง่การเงินด้วย แน่นอนว่าเราสามารถทำเงินได้จากความสำเร็จทางกีฬา แต่มันก็มีขอบเขตเหมือนกันว่าอะไรที่ทำได้ทำไม่ได้ และนั่นก็หมายถึงว่า เราจะสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ในขอบเขตนี้


แต่คุณคาดหวังรึเปล่าว่า เพลอาจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว?

คอเรล: มันมาพร้อมกับการที่ทีมทำงานร่วมกันได้ดีตั้งแต่เริ่ม พวกเขาเข้าใจระบบเป็นอย่างดี และกลายเป็นทีมทั้งทีมอย่างที่เรามี ยกเว้นหนึ่งหรือสองอย่างที่ขาดไป

ดีเตอร์ทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมในการเสริมสร้างสิ่งต่างๆ แก่เขา เพราะเขายังขาดคุณสมบัติในเรื่องกายภาพอยู่บ้าง หลังจากเขาไม่ได้เข้าร่วมการเตรียมตัวที่นีซทั้งหมด ในเยอรมันคุณจะมีเกมสำคัญทุกสุดสัปดาห์ คุณต้องฟิต 100% เสมอ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจากแต่ละคน

สำหรับเราก็ขึ้นกับนักเตะว่า จะลุยในระดับกลางๆ (intermediate stage/เสต็ปทางผ่าน) นี้มั้ย ถึงแม้มันจะสำคัญสำหรับนักเตะหลายๆ คน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าตัวเองต้องผ่านมัน



โดยที่ในกรณีนี้ ระดับกลางๆ ที่ว่านี่ไม่ใช่การเดินแบบไร้จุดหมาย...?

คอเรล: ไม่อยู่แล้ว เราจะไม่ทำตัวเองให้เล็กลงกว่าที่เป็นอยู่หรอก แต่เราก็ไม่สามารถรับประกันกับนักเตะทุกคนได้ ว่าเราจะไปเล่นในเกมยุโรปทุกปี และถ้าผู้เล่นจะย้ายมาอยู่กับเรา รู้ใช่มั้ยว่าเขาก็ต้องตั้งเป้าหมายส่วนตัวเอาไว้ และใช้มันผลักดันตัวเขา เพื่อให้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับทีม มันเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับสถานการณ์ที่เราเป็นอยู่ที่นี่

แปลจาก: https://tinyurl.com/yczf65sd
ต้นฉบับภาษาเยอรมัน: https://tinyurl.com/y9z67jp7

เครดิตภาพ: https://twitter.com/borussia
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Tue Dec 18, 2018 08:43, ทั้งหมด 2 ครั้ง
10
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:10
Top Comment [RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]



นั่นเป็นลักษณะพื้นฐานของกองหน้ากลัดบัคเลยรึเปล่า? แต่เหมือนจะเคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน...

คอเรล: สถานการณ์ของเราแตกต่างจากแต่ก่อน ลุค เดอ ยอง ตัวอย่างนะ เขาเข้ามาในช่วงเวลาที่เราเสียผู้เล่นคนสำคัญถึงสามคน มาร์โค รอยซ์, โรมัน นอยชเตดเทอร์ และดันเต้ ในทางปฏิบัติคือเราต้องทดแทนแกนที่หายไปทั้งหมด ในเกมรุกเราต้องทดแทนการขาดหายไปของ มาร์โค รอยซ์ ผู้เล่นที่ดีที่สุดคนนึง ทั้งการทำประตู แอสซิสต์ และความเร็ว ลุค เดอ ยอง เป็นตัวเลือกหมายเลข 9 สำหรับเราตอนนั้น แต่เขาขาดความเร็ว มันเหมือนกับว่า ปีนี้เรามีจิ๊กซอว์รูปแบบเกมรุกที่เข้ากับสไตล์ของเราพอดี เพราะฉะนั้นเลยไม่ต้องคุยเรื่องตัวเลือกที่เก้าอะไรทำนองนั้น แต่เป็นการที่หาผู้เล่นที่ขาดหายไปในโครงสร้างเกมรุกมากกว่า


หลังจากจากที่นี่ไป ลุค เดอ ยองก็ทำประตูเกือบร้อยเลยนะ?

คอเรล: ใช่ นั่นแสดงให้เห็นไงว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดี แต่มันต้องถูกจังหวะ สไตล์การเล่นเข้ากันได้ และก็เรื่องของโค้ชด้วย การย้ายตัวนั้นมันถึงจะเป็นการย้ายตัวที่ดีได้ มันมีผู้เล่นดีๆ เยอะมากเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วก็คือ มันจะต้องมีผู้เล่นที่เข้ากับโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัค


นิคลาส ฟืลครุก (Niclas Füllkrug) เป็นหนึ่งในนั้นมั้ย?

คอเรล: สำหรับทีมแมวมองของเรา เขาเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมสำหรับทีมเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเพลอา เขาเป็นเป้าหมายของเรามาตลอด


ในฐานะหัวหน้าทีมสเกาท์ คุณพอใจมากมั้ยที่คุณทำอะไรได้แบบ...โป๊ะเชะอย่างนี้?

คอเรล: ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จในการเสริมผู้เล่นทีดีในช่วงหลายปีมานี้ ภายใต้เงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แน่นอนว่าผมมีความสุขมาก ทั้งสำหรับแผนก และสำหรับสโมสร เพราะที่ผ่านมามันมีการลงทุน เราได้ก่อตั้งส่วนของแมวมองขึ้นมากับมักซ์ (เอเบริล) ตามไอเดียของเรา อย่างแรกเลยคือเราต้องตอบแทนความเชื่อมั่นของสโมสร และมันก็ทำให้ผมมีความสุขเวลาที่สิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยดี


งานนี้ดูเหมือนจะต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ถ้าคุณเคยเฝ้ามองเพลอามาแล้วเจ็ดปีล่ะก็ ตอนนี้กำลังมองนักเตะคนไหนมาแล้วสักห้าปีอยู่รึเปล่า?

คอเรล: ตอนนี้เราแฮปปี้ได้ แต่ในอนาคตการซื้อขายจะยากขึ้นอีก ผู้เล่นที่น่าสนใจสำหรับเรา สมมตินะ จากทีมในบุนเดสลีกา การย้ายตรงๆ จากไฟร์บวร์ก หรือไมนซ์ ไปดอร์ทมุนด์ จะกลายเป็นการย้ายเพื่อเงินก้อนใหญ่ สำหรับผู้เล่นสักคนที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว และจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับเรา จะยิ่งกลายเป็นเรื่องยากที่จะสามารถเซ็นสัญญาเขามาได้ เพราะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมันมากขึ้นเรื่อยๆ


แล้วนักเตะจากฝรั่งเศสไม่เหมาะกับโบรุสเซียเหรอ ทำไมล่ะ?

คอเรล: เราจะไม่พูดแบบนั้นหรอก มิคาเอล กุยซองส์ (Michaël Cuisance) ที่ย้ายเข้ามาก็เป็นดาวรุ่งฝรั่งเศสที่มีพรสวรรค์สูง นักเตะอย่างเขาแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเศสมีคนอายุน้อยที่มีศักยภาพสูงมาก คุณน่าจะเห็นได้จากทีมชาติฝรั่งเศส


เพลอาตอนนี้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติแล้ว ถ้าให้พูดล่ะก็ ในตลาดซื้อขายตอนนี้ นอกจากสัญญาห้าปีแบบไม่มีค่าฉีกสัญญาที่มีอยู่แล้ว คุณกำลังมองหาตัวแทนแล้วรึเปล่า?

คอเรล: เราคิดว่าอลาสซานจะอยู่กับเรานานกว่านั้นหน่อยนะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา แต่ในเกือบทุกสโมสร ยกเว้นบาเยิร์น มิวนิค นักเตะจะพัฒนาตัวเอง และเราเองในฐานะสโมสรก็พัฒนาไปพร้อมกับนักเตะ แต่หลังจากนั้นพอถึงจุดที่นักเตะกลายเป็นนักเตะที่ดีมากจนน่าจะได้เล่นในแชมป์เปี้ยนลีกทุกปี เขาก็จะก้าวสู่เป้าหมายต่อไป


ความเห็นของโค้ชกับปรัชญาของสโมสร อันไหนมีความสำคัญมากกว่าในการซื้อขายนักเตะ?

คอเรล: คุณไม่สามารถแยกมันออกจากกันได้หรอก เรามีสไตล์การเล่นของเราในฐานะสโมสร ปรัชญาของเราเกิดขึ้นมาพร้อมกับธรรมเนียมที่แน่นอน มันมีความเชื่อมั่นแรงกล้าว่าเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยแนวทางนี้ และเราก็พิสูจน์แล้วในหลายปีมานี้ แต่ขณะเดียวกันมันมีก็มีความแตก่างที่โค้ชแต่ละคนนำเข้ามา แต่ปรัชญาการเล่นของเราชัดเจนอยู่แล้ว และมันก็ทำให้ง่ายขึ้นในการที่จะมองหาผู้เล่นที่ใช่


ตอนที่คุณเริ่มมองเพลอา แนวทางการเล่น 4-3-3 ยังไม่ได้โผล่มาเลยนี่ คุณต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วยรึเปล่า หรือว่ามันไม่เกี่ยวกันขนาดนั้น?

คอเรล: 4-3-3 เป็นสิ่งที่เฮ็คกิ้งพูดถึงไว้น่ะ ผลจากสิ่งที่เขาเชื่อ ดูเหมือนว่ามันจะเหมาะสมกับผู้เล่นละทีมของเราอย่างสมบูรณ์แบบ แต่แล้วก็มาถึงประเด็นให้ถกกัน ว่าอะไรบ้างที่จะตามมาสำหรับตำแหน่งหมายเลข 9 ของเรา (น่าจะหมายถึงตำแหน่งอื่นๆ ในการที่จะให้ศูนย์หน้าทำประตูได้) หรือมีอะไรอื่นที่เขาสามารถเล่นได้มั้ย? เพลอาเองก็เล่นปีกกับนีซเมื่อปีที่แล้ว การประสานงานกับราฟฟาเอล กับชตินเดิล ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่ เพลอาคือตำแหน่งหมายเลขเก้า (หน้าเป้า) สำหรับเรา


งั้น แนวทางการเล่นก็เลยเป็นนโยบายสำหรับทุกตำแหน่งเลยหรือ ภาพรวมแบบไหนที่คุณคิดว่าเป็นไปได้ล่ะ?

คอเรล: ให้พูดเลยก็คือ เราไม่สามารถซื้อผู้เล่นคุณภาพสูงในทุกตำแหน่งได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเราก็เลยต้องชดเชยสิ่งที่ขาดไปด้วยสิ่งอื่น

(ต่อ)
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 22:10, ทั้งหมด 1 ครั้ง
10
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:10
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]



นั่นเป็นลักษณะพื้นฐานของกองหน้ากลัดบัคเลยรึเปล่า? แต่เหมือนจะเคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน...

คอเรล: สถานการณ์ของเราแตกต่างจากแต่ก่อน ลุค เดอ ยอง ตัวอย่างนะ เขาเข้ามาในช่วงเวลาที่เราเสียผู้เล่นคนสำคัญถึงสามคน มาร์โค รอยซ์, โรมัน นอยชเตดเทอร์ และดันเต้ ในทางปฏิบัติคือเราต้องทดแทนแกนที่หายไปทั้งหมด ในเกมรุกเราต้องทดแทนการขาดหายไปของ มาร์โค รอยซ์ ผู้เล่นที่ดีที่สุดคนนึง ทั้งการทำประตู แอสซิสต์ และความเร็ว ลุค เดอ ยอง เป็นตัวเลือกหมายเลข 9 สำหรับเราตอนนั้น แต่เขาขาดความเร็ว มันเหมือนกับว่า ปีนี้เรามีจิ๊กซอว์รูปแบบเกมรุกที่เข้ากับสไตล์ของเราพอดี เพราะฉะนั้นเลยไม่ต้องคุยเรื่องตัวเลือกที่เก้าอะไรทำนองนั้น แต่เป็นการที่หาผู้เล่นที่ขาดหายไปในโครงสร้างเกมรุกมากกว่า


หลังจากจากที่นี่ไป ลุค เดอ ยองก็ทำประตูเกือบร้อยเลยนะ?

คอเรล: ใช่ นั่นแสดงให้เห็นไงว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดี แต่มันต้องถูกจังหวะ สไตล์การเล่นเข้ากันได้ และก็เรื่องของโค้ชด้วย การย้ายตัวนั้นมันถึงจะเป็นการย้ายตัวที่ดีได้ มันมีผู้เล่นดีๆ เยอะมากเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วก็คือ มันจะต้องมีผู้เล่นที่เข้ากับโบรุสเซียมึนเช่นกลัดบัค


นิคลาส ฟืลครุก (Niclas Füllkrug) เป็นหนึ่งในนั้นมั้ย?

คอเรล: สำหรับทีมแมวมองของเรา เขาเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมสำหรับทีมเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นเพลอา เขาเป็นเป้าหมายของเรามาตลอด


ในฐานะหัวหน้าทีมสเกาท์ คุณพอใจมากมั้ยที่คุณทำอะไรได้แบบ...โป๊ะเชะอย่างนี้?

คอเรล: ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จในการเสริมผู้เล่นทีดีในช่วงหลายปีมานี้ ภายใต้เงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แน่นอนว่าผมมีความสุขมาก ทั้งสำหรับแผนก และสำหรับสโมสร เพราะที่ผ่านมามันมีการลงทุน เราได้ก่อตั้งส่วนของแมวมองขึ้นมากับมักซ์ (เอเบริล) ตามไอเดียของเรา อย่างแรกเลยคือเราต้องตอบแทนความเชื่อมั่นของสโมสร และมันก็ทำให้ผมมีความสุขเวลาที่สิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยดี


งานนี้ดูเหมือนจะต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ถ้าคุณเคยเฝ้ามองเพลอามาแล้วเจ็ดปีล่ะก็ ตอนนี้กำลังมองนักเตะคนไหนมาแล้วสักห้าปีอยู่รึเปล่า?

คอเรล: ตอนนี้เราแฮปปี้ได้ แต่ในอนาคตการซื้อขายจะยากขึ้นอีก ผู้เล่นที่น่าสนใจสำหรับเรา สมมตินะ จากทีมในบุนเดสลีกา การย้ายตรงๆ จากไฟร์บวร์ก หรือไมนซ์ ไปดอร์ทมุนด์ จะกลายเป็นการย้ายเพื่อเงินก้อนใหญ่ สำหรับผู้เล่นสักคนที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว และจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับเรา จะยิ่งกลายเป็นเรื่องยากที่จะสามารถเซ็นสัญญาเขามาได้ เพราะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมันมากขึ้นเรื่อยๆ


แล้วนักเตะจากฝรั่งเศสไม่เหมาะกับโบรุสเซียเหรอ ทำไมล่ะ?

คอเรล: เราจะไม่พูดแบบนั้นหรอก มิคาเอล กุยซองส์ (Michaël Cuisance) ที่ย้ายเข้ามาก็เป็นดาวรุ่งฝรั่งเศสที่มีพรสวรรค์สูง นักเตะอย่างเขาแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเศสมีคนอายุน้อยที่มีศักยภาพสูงมาก คุณน่าจะเห็นได้จากทีมชาติฝรั่งเศส


เพลอาตอนนี้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติแล้ว ถ้าให้พูดล่ะก็ ในตลาดซื้อขายตอนนี้ นอกจากสัญญาห้าปีแบบไม่มีค่าฉีกสัญญาที่มีอยู่แล้ว คุณกำลังมองหาตัวแทนแล้วรึเปล่า?

คอเรล: เราคิดว่าอลาสซานจะอยู่กับเรานานกว่านั้นหน่อยนะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา แต่ในเกือบทุกสโมสร ยกเว้นบาเยิร์น มิวนิค นักเตะจะพัฒนาตัวเอง และเราเองในฐานะสโมสรก็พัฒนาไปพร้อมกับนักเตะ แต่หลังจากนั้นพอถึงจุดที่นักเตะกลายเป็นนักเตะที่ดีมากจนน่าจะได้เล่นในแชมป์เปี้ยนลีกทุกปี เขาก็จะก้าวสู่เป้าหมายต่อไป


ความเห็นของโค้ชกับปรัชญาของสโมสร อันไหนมีความสำคัญมากกว่าในการซื้อขายนักเตะ?

คอเรล: คุณไม่สามารถแยกมันออกจากกันได้หรอก เรามีสไตล์การเล่นของเราในฐานะสโมสร ปรัชญาของเราเกิดขึ้นมาพร้อมกับธรรมเนียมที่แน่นอน มันมีความเชื่อมั่นแรงกล้าว่าเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยแนวทางนี้ และเราก็พิสูจน์แล้วในหลายปีมานี้ แต่ขณะเดียวกันมันมีก็มีความแตก่างที่โค้ชแต่ละคนนำเข้ามา แต่ปรัชญาการเล่นของเราชัดเจนอยู่แล้ว และมันก็ทำให้ง่ายขึ้นในการที่จะมองหาผู้เล่นที่ใช่


ตอนที่คุณเริ่มมองเพลอา แนวทางการเล่น 4-3-3 ยังไม่ได้โผล่มาเลยนี่ คุณต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วยรึเปล่า หรือว่ามันไม่เกี่ยวกันขนาดนั้น?

คอเรล: 4-3-3 เป็นสิ่งที่เฮ็คกิ้งพูดถึงไว้น่ะ ผลจากสิ่งที่เขาเชื่อ ดูเหมือนว่ามันจะเหมาะสมกับผู้เล่นละทีมของเราอย่างสมบูรณ์แบบ แต่แล้วก็มาถึงประเด็นให้ถกกัน ว่าอะไรบ้างที่จะตามมาสำหรับตำแหน่งหมายเลข 9 ของเรา (น่าจะหมายถึงตำแหน่งอื่นๆ ในการที่จะให้ศูนย์หน้าทำประตูได้) หรือมีอะไรอื่นที่เขาสามารถเล่นได้มั้ย? เพลอาเองก็เล่นปีกกับนีซเมื่อปีที่แล้ว การประสานงานกับราฟฟาเอล กับชตินเดิล ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามแต่ เพลอาคือตำแหน่งหมายเลขเก้า (หน้าเป้า) สำหรับเรา


งั้น แนวทางการเล่นก็เลยเป็นนโยบายสำหรับทุกตำแหน่งเลยหรือ ภาพรวมแบบไหนที่คุณคิดว่าเป็นไปได้ล่ะ?

คอเรล: ให้พูดเลยก็คือ เราไม่สามารถซื้อผู้เล่นคุณภาพสูงในทุกตำแหน่งได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเราก็เลยต้องชดเชยสิ่งที่ขาดไปด้วยสิ่งอื่น

(ต่อ)
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 22:10, ทั้งหมด 1 ครั้ง
10
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:13
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]



บ่อยแค่ไหนที่คุณมีความคิดทำนองว่า อยากจะแนะนำนักเตะคนนั้นจัง แต่ว่า..?

คอเรล: แน่นอน เราเห็นนักเตะดีๆ ที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเราผ่านตาเยอะแยะเลย แต่สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องสามารถเชื่อมั่นในตัวนักเตะที่จะดึงตัวมา ว่าเราจะสามารถมองเห็นภาพรวมที่ดีจากเขาได้


มีผู้เล่นคนไหนมั้ยที่คุณเซ็นสัญญาแบบปัจจุบันทันด่วน?

คอเรล: มันเกิดขึ้นยากมาก เวลาลงสนามในตลาดซื้อขาย เรามักจะรู้จักเขาดีอยู่แล้ว เลยสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว อะไรแบบนั้นจะเกิดขึ้นบ่อยกว่า แต่บางครั้งมันก็จะมีสถานการณ์ที่เหลือเชื่อ แบบที่เราสามารถได้ตัวนักเตะที่เรารู้จักเขาดีมากๆ แต่ไม่แม้แต่จะคิดว่าจะมีโอกาสคิดถึง ตัวอย่างก็เช่น เคสของอันเดรส คริสเตนเซ่นไง เขาเป็นเซ็นเตอร์แบ็คระดับแนวหน้าในกลุ่มผู้เล่นที่อายุเท่ากัน ตอนที่เชลซีบอกว่าสามารถยืมตัวเขาได้นะ เราก็เลยต้องรีบลงมือ


นั่นหมายความว่า ยิ่งคุณเตรียมตัวเอาไว้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถตอบรับสถานการณ์ได้ดีขึ้นสินะ?

คอเรล: แน่นอนอยู่แล้วว่าสโมสรได้พัฒนาขึ้น สถานภาพทางการเงินของเราก็พัฒนาขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเตรียมตัวให้ดี


นั่นหมายความว่า คุณกำลังลงทุนเพื่อผลกำไรต่อไปด้วยรึเปล่า?

คอเรล: หลายๆ อย่างมันก็ดำเนินไปด้วยความจริงที่ว่า ตอนจบในระยะยาวก็คือเราต้องขายนักเตะออกไป มันเป็นวัฏจักรแบบนี้ แม้แต่ที่โบรุสเซียเอง นักเตะต้องเหมาะสมกับทีม แต่ก็ต้องมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ด้วย


ถ้าอย่างนั้น ดีลแบบเคลาดิโอ ปิซาโร่ ที่อายุ 40 แล้วก็น่าจะเป็นไปได้ยากรึเปล่า? ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะที่มีคุณภาพน่ะนะ?

คอเรล: ตอนที่เราเซ็นสัญญากับราฟฟาเอล มันก็เป็นการย้ายตัวที่ทำให้ทีมเราดีขึ้นทันที แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะไม่คาดหวังบิ๊กดีลเท่าไหร่ อย่างนึงที่เราต้องรำลึกไว้เสมอคือ เวลานักเตะที่เก่งมากๆ ย้ายจากเราไป มันจะมีช่องว่างที่เราต้องอุดอีกครั้ง บางครั้งเราไม่อาจจะชดเชยช่องว่างนั้นได้ทันที แต่เราก็จะพยายามไล่ตามมันแล้วท่องคำว่าอดทน ยิ่งผู้เล่นที่ได้ตัวมาอายุน้อยแค่ไหน ความอดทนก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้น


เพลอาย้ายมาโบรุสเซียด้วยค่าตัวเป็นสถิติ มูลค่าราว 23 ล้านยูโร นั่นจะไม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับตัวนักเตะและทีมสเกาท์เหรอ?

คอเรล: เราต้องปลดปล่อยตัวเองออกจากเรื่องเงินล้านก่อน สำหรับเราทั้งหมดเป็นเรื่องของการประเมินค่าของนักเตะในสถานการณ์ปัจจุบัน ย้อนกลับไปสักห้าปีก่อนนักเตะอย่างเพลอาอาจจะมีมูลค่าสิบล้านยูโร แต่ทุกวันนี้ แค่ดาวรุ่งอายุ 18 สักคนก็ปาเข้าไปสิบล้านแล้ว


แต่ว่าถ้าซีอีโอชเตฟาน ชิปเปอร์ส พูดขึ้นมาว่า เราอยากได้ตัวนักเตะมูลค่า 50 ล้านคนนี้ มันก็ฟังดูน่าสนใจไม่ใช่เหรอ หรือว่าไม่ใช่?

คอเรล: ที่นี่เราไม่ได้ทำงานกันแบบนั้น เรารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นไปได้เป็นไปไม่ได้ เราต้องการแผนการที่ดีในระยะยาวมากกว่า คุณก็รู้อยู่แล้ว เวลาฤดูกาลเริ่มต้นมันก็จะเป็นเรื่องกีฬาล้วนๆ ก็จริง แต่มันก็ต้องเป็นสิ่งเป็นไปได้ในแง่การเงินด้วย แน่นอนว่าเราสามารถทำเงินได้จากความสำเร็จทางกีฬา แต่มันก็มีขอบเขตเหมือนกันว่าอะไรที่ทำได้ทำไม่ได้ และนั่นก็หมายถึงว่า เราจะสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ในขอบเขตนี้


แต่คุณคาดหวังรึเปล่าว่า เพลอาจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว?

คอเรล: มันมาพร้อมกับการที่ทีมทำงานร่วมกันได้ดีตั้งแต่เริ่ม พวกเขาเข้าใจระบบเป็นอย่างดี และกลายเป็นทีมทั้งทีมอย่างที่เรามี ยกเว้นหนึ่งหรือสองอย่างที่ขาดไป

ดีเตอร์ทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมในการเสริมสร้างสิ่งต่างๆ แก่เขา เพราะเขายังขาดคุณสมบัติในเรื่องกายภาพอยู่บ้าง หลังจากเขาไม่ได้เข้าร่วมการเตรียมตัวที่นีซทั้งหมด ในเยอรมันคุณจะมีเกมสำคัญทุกสุดสัปดาห์ คุณต้องฟิต 100% เสมอ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการจากแต่ละคน

สำหรับเราก็ขึ้นกับนักเตะว่า จะลุยในระดับกลางๆ (intermediate stage/เสต็ปทางผ่าน) นี้มั้ย ถึงแม้มันจะสำคัญสำหรับนักเตะหลายๆ คน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าตัวเองต้องผ่านมัน



โดยที่ในกรณีนี้ ระดับกลางๆ ที่ว่านี่ไม่ใช่การเดินแบบไร้จุดหมาย...?

คอเรล: ไม่อยู่แล้ว เราจะไม่ทำตัวเองให้เล็กลงกว่าที่เป็นอยู่หรอก แต่เราก็ไม่สามารถรับประกันกับนักเตะทุกคนได้ ว่าเราจะไปเล่นในเกมยุโรปทุกปี และถ้าผู้เล่นจะย้ายมาอยู่กับเรา รู้ใช่มั้ยว่าเขาก็ต้องตั้งเป้าหมายส่วนตัวเอาไว้ และใช้มันผลักดันตัวเขา เพื่อให้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับทีม มันเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับสถานการณ์ที่เราเป็นอยู่ที่นี่

แปลจาก: https://tinyurl.com/yczf65sd
ต้นฉบับภาษาเยอรมัน: https://tinyurl.com/y9z67jp7

เครดิตภาพ: https://twitter.com/borussia
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Tue Dec 18, 2018 08:43, ทั้งหมด 2 ครั้ง
10
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 22:20
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
===================================

Little Talks

ชวนคุยกันนิดหน่อย

อย่างที่หลายๆ คนในบอร์ดน่าจะพอรู้ว่านี่เป็นแฟนกลัดบัคอะเนาะ 555

อาจจะต่างออกไปจากความเคยชินบ้าง แต่บทสัมภาษณ์ก็น่าจะทำให้เห็นวิธีการทำงานของทีมกลางๆ ในแง่มุมต่างๆ ค่ะ อย่างเรื่องดีลมูลค่าห้าสิบล้านอย่าหวังไปเลยนี่ น่าจะพอเดาได้อยู่แล้ว (ฮา) เพราะดีลล่าสุดอย่างเพลอา ราคา 23 ล้านยูโรนี่ เป็นสถิติสูงสุดของสโมสรเลย

แต่อ่านแล้วก็ทึ่งเหมือนกันนะที่การสเกาท์นักเตะสักคนนึง บางทีก็ใช้เวลาเกือบสิบปี

ส่วนตัวชอบตอนที่เค้าบอกว่า เออ นักเตะที่ดี บางทีก็อาจแสดงศักยภาพไม่ได้เสมอไป มันต้องถูกจังหวะ ถูกเวลา ถูกสไตล์ ถูกทีม ถูกโค้ช อะไรงี้ เงื่อนไขต่างๆ มันก็เยอะเหมือนกัน

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพจทีมกลัดบัคไทย ไว้ด้วยแล้วกันค่ะ
https://www.facebook.com/borussia.thailand/

ส่วนอันนี้เพจจับฉ่าย แปลเรื่องฟุตบอลที่ไม่เกี่ยวกับกลัดบัค หรืออื่นๆ สารพัดก็จะลงในเพจนี้หมดค่ะ
https://www.facebook.com/thenakhalstory

โค้ง~

ปล. แปลผิดแปลถูกขออภัยด้วยค่ะ แปลจากอังกฤษสลับเยอรมัน คือขี้เกียจแปลเยอรมันล้วนเพราะศัพท์ยากเยอะ ขี้เกียจเปิดดิค เลยแปลจากอังกฤษ แต่พอเจออังกฤษทะแม่งๆ ก็ต้องพลิกไปดูต้นฉบับเยอรมัน 55555

ปลล. นั่งนึกนานมากว่า Zwischenschritt นี่มันอะไร 5555555555

ปลลล. สัมภาษณ์โคตรยาวววว แปลเหนื่อยสุดดดด คุยไรกันนักหนาาาา 55555555555

ปลลลล. ยาวแบบนี้จะมีคนอ่านสักกี่คน

===================================
แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 22:22, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8636
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 23:02
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
7ปีนานมาก ตอนบาร์ซ่าตามสเตเก้น3-4ปีก็คิดว่านานมากแล้วนะ

แผนงานแปรผันตามขนาดของสโมสรจริงๆ เจอเด็กดังไปก็ต้องข้ามไปเพราะค่าตัวดาวรุ่งสมัยนี้แพงขึ้นเยอะเลย
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 23:10
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
Spoil
lazia23 พิมพ์ว่า:
7ปีนานมาก ตอนบาร์ซ่าตามสเตเก้น3-4ปีก็คิดว่านานมากแล้วนะ

แผนงานแปรผันตามขนาดของสโมสรจริงๆ เจอเด็กดังไปก็ต้องข้ามไปเพราะค่าตัวดาวรุ่งสมัยนี้แพงขึ้นเยอะเลย  
 


ถ้าบาร์ซ่าตามมาร์คมา 3-4 ปีนี่คือตอนเดบิวท์ให้กลัดบัคปะ จะว่าไปนี่ก็ทันดูตอนนัดเดบิวท์ด้วย 555

จริงๆ มันมีโอกาสอีกแบบนึงคือดาวรุ่งคุยกับ director กับโค้ช แล้วสนใจแผนงาน อย่างเคส Michael Cuisance นี่ย้ายมาถูกมาก ถ้าจำไม่ผิดคือไม่ถึงล้านยูโร แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยลงกับชุดใหญ่ด้วย (จากปากคำของแฟนนองซี่ที่คุยกันคือ เคยเล่นในชุดสำรอง)

ส่วนพวกเคสแต๊บจากทีมระดับลีกล่างๆ แต่มีแววเก่งนี่หายากจริงๆ อันนี้นอกจากรอยซ์ อันล่าสุดที่น่าจะเข้าข่ายคือ Florian Neuhaus ค่ะ แต๊บมาจาก 1860 Munich ตอนร่วงจากลีกา 2 ไปลีกา 3 ฟรีๆ แต่ตอนนี้เป็น Top Assists บุนเดส

สองคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทีมตามสตอล์ก เอ๊ย สเกาท์มากี่ปี

แต่เห็นด้วยว่าเงินเฟ้อโหดมาก หลายๆ ทีมต้องพยายามปรับตัวให้ทัน ส่วนตัวว่าบุนเดสทำการตลาดอินเตอร์ช้าไปมากเลย ตลาดโดนพรีเมียร์ครองไปเกือบหมดแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มทำแล้วก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้ช้าไปกว่านี้

แก้ไขล่าสุดโดย Nakhal เมื่อ Mon Dec 17, 2018 23:11, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: 2 สุดยอดมิดฟิลด์แห่งยุค
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Oct 2008
ตอบ: 17229
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 23:53
[แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค
เนี่ยแหละครับมืออาชีพ​ทำงานกัน ขอบคุณบทความดีๆครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Dec 17, 2018 23:57
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
Q-plint พิมพ์ว่า:
เนี่ยแหละครับมืออาชีพ​ทำงานกัน ขอบคุณบทความดีๆครับ  


ด้วยความยินดีค่ะ

บอกตรงๆ นะ ดีใจจังที่มีคนอ่านจบ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: อบอุ่นจากรักที่ไม่เคยได้สัมผัส
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Nov 2013
ตอบ: 5101
ที่อยู่: /61
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 02:03
[แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค
ลิ้วพูลเคยตามโอริกี้ตั้งแต่อายุ 11 แต่ก็ไม่ได้ทำให้แกทำตามที่หลายๆคนคาดหวังไว้
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: Deportivo La Coruna Til I Die!
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 4286
ที่อยู่: Canada
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 02:45
[RE][แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ แปลเก่งมาก ชอบมาก ๆ

พูดถึงเรื่องเงินเฟ้อ ทีมของผมเอง แต่ก่อนก็มั่นใจในความเป็นเจ้าบุญทุ่มของตัวเอง ซื้อ ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว จนตอนหลังผลงานเริ่มตก หนี้พอก ไม่ได้ไป ชปล. ฟองสบู่แตก จึงต้องหันมาพัฒนาระบบเยาวชนอย่างจริง ๆ จัง ๆ และ สร้าง ศูนย์ฝึก อเบกอนโด (อารมณ์ ลา มาเซีย หละครับ แต่คุณภาพไม่เท่า) ขึ้นมา พร้อมกับ ทีมเยาวชนทุก ๆ ระดับ ตั้งแต่ เด็ก ๆ เลย เด็กสุดคิดว่า 9 - 10 ขวบ จึงเป็นที่มาของ เบบี้ เดปอร์ ยุคหลังของ ซูเปอร์ เดปอร์ อะครับ ไม่แน่ใจว่า จขกท เคยได้ยินมั้ย

ส่วนเรื่องแมวมอง ระบบของทีมยังไม่แข็งมากเท่าไหร่ ตอนประธานเก่า เน้นคอนเนคชั่นกับ เอเยนต์ หลัง ๆ เริ่มดีขึ้น แต่ก็ไปเน้นที่ราคาไม่แพง ไม่ได้เน้นการสร้างทีม หรือ มี พื้นฐาน อะไรเป็นหลักเหมือน กลัดบัค ที่ จขกท เขียนมาเท่าไหร่

สู้ ๆ นะครับ รออ่านบทความอื่น ๆ อยู่ครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Oct 2008
ตอบ: 5378
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 03:14
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
โคเรล อดีตกองหลังยุคกาก รุ่นเดียวกับ เอเบิล 555 พอมาทำงานเบื้องหลังละเทพเลย เท่าที่อ่านสัมภาษณ์นี่มือโปรมาก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมสำรอง
Status: เรื้อนเพราะรัก ไม่รักไม่เรื้อน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 34043
ที่อยู่: 乃木坂46
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 04:36
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
ยาวมหากาฬของจริง

เห็นมีการพูดถึงปรัชญาการเล่นของสโมสรด้วย ปรัญชาที่ว่าของกลัดบัคนี่เป็นแบบไหนหรอครับ

ปล.ห้องบ่นสารพัดนึก
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 08:42
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
Spoil
46คือรัก พิมพ์ว่า:
ยาวมหากาฬของจริง

เห็นมีการพูดถึงปรัชญาการเล่นของสโมสรด้วย ปรัญชาที่ว่าของกลัดบัคนี่เป็นแบบไหนหรอครับ

ปล.ห้องบ่นสารพัดนึก  
 


น่าจะปรัชญาเลี้ยงต้อย เอ้ย พลังหนุ่มนะ

จริงๆ สไตล์การเล่นกลัดบัคที่ขึ้นชื่อคือเคาน์เตอร์แอทแทคสวนกลับเร็ว แต่หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้เล่นแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังหาดูได้จากนัดเจอบาเยิร์นทุกครั้งไป 555
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 08:44
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
tHecH@mp พิมพ์ว่า:
โคเรล อดีตกองหลังยุคกาก รุ่นเดียวกับ เอเบิล 555 พอมาทำงานเบื้องหลังละเทพเลย เท่าที่อ่านสัมภาษณ์นี่มือโปรมาก  


รู้อายุเลยนะคะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Once a Foal, always a Foal ❤
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Jul 2014
ตอบ: 9873
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 18, 2018 08:53
[RE: [แปลบทสัมภาษณ์] คุยกับ Steffen Korell หัวหน้าทีมแมวมองกลัดบัค]
Spoil
Super Depor พิมพ์ว่า:
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ แปลเก่งมาก ชอบมาก ๆ

พูดถึงเรื่องเงินเฟ้อ ทีมของผมเอง แต่ก่อนก็มั่นใจในความเป็นเจ้าบุญทุ่มของตัวเอง ซื้อ ๆ ๆ ๆ อย่างเดียว จนตอนหลังผลงานเริ่มตก หนี้พอก ไม่ได้ไป ชปล. ฟองสบู่แตก จึงต้องหันมาพัฒนาระบบเยาวชนอย่างจริง ๆ จัง ๆ และ สร้าง ศูนย์ฝึก อเบกอนโด (อารมณ์ ลา มาเซีย หละครับ แต่คุณภาพไม่เท่า) ขึ้นมา พร้อมกับ ทีมเยาวชนทุก ๆ ระดับ ตั้งแต่ เด็ก ๆ เลย เด็กสุดคิดว่า 9 - 10 ขวบ จึงเป็นที่มาของ เบบี้ เดปอร์ ยุคหลังของ ซูเปอร์ เดปอร์ อะครับ ไม่แน่ใจว่า จขกท เคยได้ยินมั้ย

ส่วนเรื่องแมวมอง ระบบของทีมยังไม่แข็งมากเท่าไหร่ ตอนประธานเก่า เน้นคอนเนคชั่นกับ เอเยนต์ หลัง ๆ เริ่มดีขึ้น แต่ก็ไปเน้นที่ราคาไม่แพง ไม่ได้เน้นการสร้างทีม หรือ มี พื้นฐาน อะไรเป็นหลักเหมือน กลัดบัค ที่ จขกท เขียนมาเท่าไหร่

สู้ ๆ นะครับ รออ่านบทความอื่น ๆ อยู่ครับ  
 


ทีมเยอรมัน น่าจะมีข้อได้เปรียบนิดนึงตรงหลังจากช่วงตกต่ำมา (หลังประมาณ 2004) นโยบายพัฒนาฟุตบอลของสมาคมค่อนข้างวากรากฐานไว้ดี คือสโมสรทุกระดับไปจนถึงระดับท้องถิ่น จะมี facility ที่ดีประมาณนึง

แล้วก็ระบบการเทรนเด็กๆ ในอคาเดมี่ ช่วงอายุต่ำกว่า 17 แทบจะไม่มีเรื่องแทคติคเลย ออกจะเน้นเรื่องทีมเวิร์ค ทักษะทั่วไป แต่หลักๆ คือเค้าเน้นให้เด็กๆ สนุกกับฟุตบอลมากกว่า เรื่องเรียนยังเป็นหลัก

แน่นอนว่าใครที่ทักษะเกินวัยก็อาจจะได้เลื่อนไปเล่นระดับที่สูงกว่าเร็วกว่าชาวบ้าน แต่ในเยอรมัน เด็กๆ จะไปย้ายทีมกันจนกว่าจะอายุ 16 ขึ้นไป (ยกเว้นกรณีพ่อแม่ย้ายงาน แต่มันก็มีลูกเล่นประเภท ทีมไปเสนองานให้พ่อแม่ พ่อแม่จะได้ย้ายที่ทำงาน ย้ายที่อยู่ เด็กจะได้ย้ายตามมาอยู่กับสโมสรด้วย ว่ากันว่ามันผิดกฎอะไรงี้เนาะ แต่ก็เห็นว่าทำกันทุกทีมยันลีกล่างเลย 55555)

สังเกตง่ายๆ เลยคือ ทีมชาติเยอรมันชุด ตั้งแต่ U-17 ลงไป ผลงานด๊อกด๋อยมาก เรื่องแทคติคอะไรงี้ก็จะมาเริ่มกันแถวๆ U-19 มากกว่า 555

แต่โอเค พอ facility มันไม่แย่ จุดสำคัญเลยอยู่ที่แทคติคของโค้ช กับสเกาท์ ด้วยแหละ คือก็ต้องชมเลย ทีมสเกาท์กลัดบัคผลงานดีมากจริง ตั้งแต่ไปฉกตัวรอยซ์มาจากลีกล่างละ ส่วนพวกตัวจากลีกสวิส น่าจะได้คอนเนคชั่นจากสมัยฟาร์ฟพอสมควร 555
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel